ขณะที่เสิ่นเยี่ยนจือมาถึง จี้อี่หนิงเพิ่งตื่นไม่นานเนื่องจากอาการกระทบกระเทือนที่สมองเล็กน้อย ทันทีที่เธอลืมตาคลื่นไส้และอยากอาเจียนจึงต้องนอนตาหลับเมื่อรู้สึกถึงมีคนมานั่งข้างเตียง เธอนึกว่าเป็นสือเวยที่ไปเอายามา"เวยเวย ฉันรู้สึกแย่มาก อยากจะอ้วก…"เมื่อเห็นเธอขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือซีดมากและหน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เสิ่นเยี่ยนจือรู้สึกเจ็บปวดใจ จึงรีบหยิบทิชชู่ที่อยู่ข้างๆ มาซับเหงื่อที่หน้าผากให้เธอเมื่อเสิ่นเยี่ยนจือเข้ามาใกล้ เธอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา จึงรีบลืมตาขึ้นอย่างแรงเมื่อเห็นว่าเป็นเสิ่นเยี่ยนจือจริงๆ จี้อี่หนิงหันหน้าไปอีกทางและพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจว่า "อย่ามาแตะต้องฉัน"การต่อต้านในสายตาของเธอชัดเจนมาก มือของเสิ่นเยี่ยนจือแข็งอยู่กลางอากาศ จึงค่อยๆ ละมือกลับมาและนั่งลง"ได้ ผมจะไม่แตะต้องคุณ ถ้าไม่สบายตรงไหนให้บอกผม"ตอนนี้จี้อี่หนิงรู้สึกแย่มาก จึงไม่อยากไล่เขาไป จึงหลับตาลงแล้วไม่สนใจเขาสือเวยกลับมาพร้อมยา พอเห็นเสิ่นเยี่ยนจือก็เลิกคิ้วก่อน จากนั้นมุมปากก็ยกขึ้นแสยะยิ้ม"ประธานเสิ่นมาเยี่ยมอี่หนิง ไม่กลัวว่าชู้รักของคุณข้างนอกจะหึง
"อาเล็กครับ ขอบคุณที่อาเล็กมาเยี่ยมอี่หนิง แต่ปกติอายุ่งมาก ต่อไปไม่ต้องมาแล้ว"เสิ่นเยี่ยนจือพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสุภาพ มองเสิ่นซื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู แทบจะเขียนคำว่าอยู่ให้ห่างจากจี้อี่หนิงไว้บนหน้าเขาเลยเสิ่นซื่อมองเขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ ไม่มีความโกรธที่ถูกยั่วโมโหเลยแม้แต่น้อยเสิ่นเยี่ยนจือกัดฟันกรอด ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ ท่าทีของเสิ่นซื่อทำให้เขารู้สึกเหมือนการชกหมอนเสิ่นซื่อไม่ได้ตอบเขา แต่หันไปพูดกับสือเวยว่า "คุณสือ พอดีผมมีประชุมอีก ขอตัวก่อนนะ"สือเวยพยักหน้า "ได้ค่ะ อาเล็กคะ ฉันจะไปส่งอาค่ะ""ไม่ต้องหรอก"เมื่อเห็นเสิ่นซื่อหันหลังเดินออกไป เสิ่นเยี่ยนจือก็เดินตามเขาไปเขาขวางเสิ่นซื่อที่หน้าลิฟต์ เสิ่นเยี่ยนจือจ้องมองเสิ่นซื่อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเตือน "อาเล็กครับ หวังว่าอาจะเข้าใจว่าอี่หนิงเป็นภรรยาของผม เป็นหลานสะใภ้ของอา ไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ข้างนอก หวังว่าอาจะไม่มีความคิดบางอย่างที่ไม่เหมาะสม"เสิ่นซื่อมองเขาด้วยความเย็นชา ในแววตาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย"ถ้าฉันเป็นแก สิ่งที่แกควรกังวลตอนนี้คืออาการป่วยของภรรยาของแก ไม่ใช่เรื่องอื่นๆ
"ประธานเสิ่น ถ้าคุณไม่ได้รักอี่หนิงแล้ว อย่างน้อยก็นึกถึงความรู้สึกแปดปีที่ผ่านมาบ้าง ได้โปรดปล่อยเธอไปเถอะ""อย่าไปพัวพันกับเมียน้อยข้างนอกโดยไม่หย่า จนทำลายความรู้สึกที่เหลืออยู่น้อยนิดระหว่างพวกคุณให้หมดสิ้น"พูดจบแล้ว สือเวยก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจว่า หน้าของเสิ่นเยี่ยนจือจะดูแย่ขนาดไหนมือของเสิ่นเยี่ยนจือที่จับโทรศัพท์นั้นบีบแน่นจนซีด ก้นดวงตาลึกซึ้งเย็นยะเยือก ราวกับหมึกดำที่มืดมนโทรศัพท์ยังคงดังอยู่ เขาขมวดคิ้วเดินไปที่บันไดแล้วรับสาย"มีเรื่องอะไร?"เสียงจริงจังของฉินจืออี้ดังลอดมาจากโทรศัพท์ "ประธานเสิ่นคะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณค่ะ""ตอนนี้ฉันไม่ว่าง"ขณะที่กำลังจะวางสาย แต่เสียงจากอีกฝั่งไม่รู้พูดอะไรออกมา ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อทันทีผ่านไปหลายนาที เขาถึงได้ตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอ"เมื่อสือเวยกลับมาที่ห้องผู้ป่วย เห็นจี้อี่หนิงตื่นแล้ว จึงรีบเดินไปที่ข้างเตียง"อี่หนิง ฉันให้น้าที่บ้านของฉันต้มโจ๊กส่งมาให้ อีกเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้ว คุณพักผ่อนอีกสักหน่อยนะ""ได้"ผ่านไม่นานนัก เสิ่นเยี่ยนจือก็ผลักประตูเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยพอเห็นสีหน้า
"ฉันจะไม่หย่ากับเธอ ถึงแม้หย่าแล้วฉันก็ไม่มีทางแต่งงานกับเธอ เธอแค่คลอดลูกออกมาก็พอ ส่วนเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องของเธอที่จะมายุ่ง!"พอพูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็หยิบผลการตรวจร่างกายแล้วเดินออกไปทันทีหลังจากประตูถูกปิดดังปัง ฉินจืออี้ก็เช็ดน้ำตาที่มุมตาออก มมุปากพลางยิ้มออกมาเล็กน้อยตลอดทั้งคืน เสิ่นเยี่ยนจือไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกเลยจี้อี่หนิงรู้สึกอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกผิดหวังหลังพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลไม่กี่วัน ร่างกายของจี้อี่หนิงก็ฟื้นฟูประมาณเจ็ดถึงแปดสิบเปอร์เซ็น นอกจากรู้สึกเวียนหัวเป็นครั้งคราวแล้ว แทบจะไม่มีปัญหาแล้ว หมอบอกว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในช่วงบ่าย"อี่หนิง บ่ายนี้ฉันมีธุระ ฉันจะให้คนขับรถของฉันมาส่งเธอกลับบ้านก็แล้วกัน""ไม่ต้องหรอก ของไม่เยอะ ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้"ในช่วงที่เธอพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้ หลังจากที่โผล่มาครั้งแรกเสิ่นเยี่ยนจือไม่ได้มาเยี่ยมเธออีกเลย มีแต่สือเวยที่คอยดูแลเธอตลอด ซึ่งทำให้สือเวยเสียเวลาหลายเรื่อง เธอรู้สึกผิดมากแล้ว"ฉันจะให้คนขับรถมาสักรอบดีกว่า อย่างไรก็ตามบ่ายนี้เขาก็ไม่มีอะไรทำ เวลาค่อ
จี้อี่หนิงรู้สึกเหมือนกำลังได้ฟังเรื่องตลกจริงๆ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่า สามีกอดเมียน้อยและสั่งให้เมียหลวงขอโทษเมียน้อย"คุณคิดว่าเธอสมควรได้รับมันไหม?"ฉินจืออี้น้ำตาคลอเบ้า จับแขนเสื้อของเสิ่นเยี่ยนจือและสะอึกสะอื้นว่า "ประธานเสิ่นคะ อย่าทำให้คุณจี้ลำบากเลย...เดิมทีเรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าทำให้คุณจี้หายโกรธได้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันก็ยอมค่ะ..."เสิ่นเยี่ยนจือก้มลงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา "หุบปากซะ!"เมื่อรับรู้ถึงความโกรธของเสิ่นเยี่ยนจือ ฉินจืออี้ก็ตัวสั่นเล็กน้อย หลบหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรอีกมองดูทั้งสองกอดกันอยู่ จี้อี่หนิงรู้สึกแค่ความเย้ยหยันนี่คือสิ่งที่เสิ่นเยี่ยนจือพูดกับเธอก่อนหน้านี้ว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้นเหรอ?เขาคิดว่า...เธอเป็นคนโง่หรือเปล่า?ไม่อยากมองดูต่อไป จี้อี่หนิงจึงยัดของใส่กระเป๋าและหันหลังเตรียมจะจากไป"หยุดเดี๋ยวนี้!"เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง ทันใดนั้น ข้อมือของเธอก็ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้จี้อี่หนิงยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเสิ่นเยี่ยนจือลากออกไปแรงของเขามากเกินไป ทำให้จี้อี่หนิงที่โซซัดโซเซเกือบจะล้มลงเมื่อเริ่มได้สติ เธอก็พยายามสะบั
เพราะว่า ก่อนที่จะรู้ว่าจี้อี่หนิงไม่สามารถท้องได้ ต่อให้ฉินจืออี้จะตั้งท้องได้ ก็ไม่กล้าวิ่งไปหาเรื่องจี้อี่หนิงเขาเพิ่งไม่เปิดเผยการแสดงที่เงอะงะของเธอต่อหน้าจี้อี่หนิง ซึ่งเป็นเพราะเขาให้เกียรติในฐานะที่เธอท้องกับลูกของเขาแต่ที่เขาไม่เปิดเผยไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ฉินจืออี้มือไม้สั่น กัดริมฝีปากล่างและมองเขาอย่างร้องไห้"ประธานเสิ่นคะ ฉันไม่ได้ความหมายแบบนั้น..."ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือปรากฏความหงุดหงิด "หวังว่าเธอจะไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริงๆ "ฉินจืออี้กัดริมฝีปากล่าง พร้อมน้ำเสียงที่แสดงความผิดหวัง "เมื่อครู่คุณกำลัง...หลอกใช้ฉันเพื่อลองใจคุณจี้ใช่ไหม?"ทั้งๆ ที่เสิ่นเยี่ยนจือรู้ดีว่าเธอคิดคดต่อจี้อี่หนิง แต่กลับก็ไม่เปิดเผย เดิมทีเธอนึกว่าเขาคงมีความรู้สึกต่อเธอ แต่จริงๆ แล้วเธอแค่หลงตัวเองเสิ่นเยี่ยนจือบีบคางเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูก"ทางที่ดีเธอควรจะรู้จักเจียมตัวอยู่ในที่ของตัวเอง ฉันชอบผู้หญิงที่ฉลาด แต่การอวดฉลาดก็คือคนโง่"วินาทีนั้นฉินจืออี้ช็อกทันที เสิ่นเยี่ยนจือปล่อยมือเธอแล้วหันหลังเดินออกไปทันทีขณะที่มองดูแผ่นหลังของเขา น้ำตาของฉินจืออี้ก็ไหลออ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเจิ้งกั๋วอันก็เต็มไปด้วยความโลภ "ทั้งชีวิตใช้ไม่หมดเลยเหรอ? อย่างนั้นก็ต้องหลายล้านสิ?"ในแววตาของหลิ่วอี๋หนิงมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม บ้านนอกจริงๆ แค่หลายล้านก็เป็นขีดจำกัดที่เขาจินตนาการได้แล้ว"ถ้าเรื่องนี้สำเร็จล่ะก็ อย่าว่าแต่หลายล้านเลย หลายสิบล้านก็ยังมี""จริงเหรอ?"ด้วยความตื่นเต้น แก้มทั้งสองข้างของเจิ้งกั๋วอันแดงขึ้น ราวกับเขาเห็นเงินหลายสิบล้านกำลังโบกมือเรียกเขาอยู่"แน่นอนค่ะ อาเจิ้ง อาเข้ามาใกล้ๆ หน่อย ฉันจะได้อธิบายให้ฟังละเอียดๆ "เสียงของหลิ่วอี๋หนิงเบาลงมาก เจิ้งกั๋วอันฟังพร้อมพยักหน้าไม่หยุด แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นสุดท้าย เขามองไปที่หลิ่วอี๋หนิงและเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า "คุณหลิ่ว ผมจะฟังคุณทั้งหมด ขอแค่ได้เงิน คุณจะให้ผมทำอะไรก็ได้"หลังจากที่เจิ้งกั๋วอันออกไป หลิ่วอี๋หนิงก็หัวเราะเยาะออกมาอีกไม่นาน คนที่เธอรังเกียจจะหายไปจากโลกนี้ทั้งหมดแล้วเมื่อจี้อี่หนิงกลับมาถึงบ้านไม่นาน เสิ่นเยี่ยนจือก็มาหาที่บ้านจากกล้องวงจรปิดเห็นว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ จี้อี่หนิงทำทีว่าไม่เห็นแล้วเดินเข้าห้องนอนไปทันทีเดิมทีนึกว่า
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็หม่นลง บรรยากาศรอบตัวเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็วเงียบไปหลายนาทีก่อนเสิ่นเยี่ยนจือจะเอ่ยปาก "ไปบริษัท"ในช่วงหลายวันต่อมา เสิ่นเยี่ยนจือก็ไม่ได้มารบกวนเธออีก จี้อี่หนิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นหลังจากที่สือเวยทำงานเสร็จ เธอก็มาหาจี้อี่หนิงทันที ชวนเธอไปโรงพยาบาลด้วยกัน"ไปโรงพยาบาลทำไม? ยังไม่ถึงเวลาตรวจซ้ำนี่"เห็นสีหน้างุนงงของเธอ สือเวยก็อดกลอกตาไม่ได้"เธอลืมไปแล้วเหรอว่าใครทำให้เธอตกบันได?""จำได้สิ แล้วไงล่ะ?""ถ้าจำได้ก็ไปกับฉันสิ เราจะไปเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลกับค่าเสียหายทางจิตใจ"ทั้งสองรีบไปที่โรงพยาบาล พอดีกับที่หลิ่วอี๋หนิงกำลังกินข้าวเที่ยง พ่อแม่ของตระกูลหลิ่วก็อยู่ข้างๆ ด้วยเมื่อเห็นจี้อี่หนิง หลิวเฉิงจื้อก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่น"อี่หนิง เธอมาเยี่ยมอี๋หนิงเหรอ?"สือเวยหัวเราะเยาะ เดินไปนั่งที่โซฟาทันที เลิกคิ้วมองหลิวเฉิงจื้อ"คุณหลิ่ว ลูกสาวของคุณตกบันไดเองก็แล้วไป แต่ยังทำให้อี่หนิงตกลงไปด้วย เธอได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย ตอนนี้ยังมีอาการปวดหัวเป็นครั้งคราว ตระกูลหลิ่วของคุณ ควรจะชดเชยค่าเสียเวลาทำง
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ