ปลายสายเงียบไปวิหนึ่ง แล้วเสียงของเจี่ยงหรูก็ดังลอดมา"โอเค พรุ่งนี้ตำรวจอาจเรียกเธอไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ อย่าลืมเปิดโทรศัพท์ไว้ละ""ได้ค่ะ งั้นก็รบกวนพี่หรูด้วยนะคะ"เจี่ยงหรูถอนหายใจและพูดอย่างจริงจังว่า "อี่หนิง เธอยังเด็กอยู่ ตัดสินใจอะไรไม่ค่อยมองการไกลเหมือนฉัน แต่บางครั้งการเว้นช่องให้คนอื่นบ้าง ก็เป็นการเว้นช่องให้ตัวเองเหมือนกัน""พี่หรู ฉันรู้ค่ะ แต่เราก็จะใจอ่อนกับทุกคนไม่ได้ วันนี้ถ้าประธานเสิ่นไม่อยู่ด้วย ฉันก็คงเสียโฉมไปแล้ว"อีกอย่างเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานของเธอด้วย หากเธอถูกไล่ออกจากเฉิงหยวนเพราะเรื่องนี้ ต่อไปบริษัทผลิตยาที่ไหนจะรับเธอเข้าทำงาน?ไม่ใช่เธอไม่ยอมปล่อยเจิ้งโหยวโหย่ว แต่อีกฝ่ายต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยเธอเมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมเธอไม่ได้ เจี่ยงหรูก็วางสายไปไม่ได้พูดอะไรอีกจี้อี่หนิงวางโทรศัพท์ลง แล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องที่เสิ่นซื่อใช้เสื้อสูทปังกรดซัลฟิวริกเข้มข้นให้เธอเมื่อเช้าเมื่อรวมกับครั้งนี้แล้ว เธอทำให้ชุดสูทของเสิ่นซื่อเสียหายสองชุดไปแล้ว งั้นเธอควร... ซื้อชุดสูทสองชุดไปชดเชยให้เขาไหมนะ?จี้อี่หนิงไม่ช
"คุณเจิ้ง เหตุการณ์อุปกรณ์ระเบิดในห้องปฏิบัติการที่เฉิงหยวนในวันนี้ เราต้องการให้คุณให้ความร่วมมือในการสืบสวน เชิญไปกับเราหน่อยครับ"เจิ้งโหยวโหย่วตื่นตระหนก ร่างกายของเธอสั่นอย่างควบคุมไม่ได้"หมายความว่าไง... เรื่องเครื่องมือระเบิดเกี่ยวอะไรกับฉัน? ทำไมฉันต้องให้ความร่วมในการสืบสวนด้วย?""ส่วนเรื่องรายละเอียด เดี๋ยวถึงสถานีตำรวจแล้วคุณเจิ้งก็จะได้รู้ครับ""ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน อยากถามอะไรก็ถามที่นี่เลยสิ!"เมื่อเห็นท่าทีตื่นตระหนกของเธอ ตำรวจทั้งสองก็สบตากัน และหนึ่งในนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า "คุณเจิ้ง หากคุณไม่ยอมไปกับเราแต่โดยดี เราก็ต้องใช้มาตรการบังคับ"เมื่อเห็นตำรวจสีหน้าจริงจัง เจิ้งโหยวโหย่วก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยในขณะที่เธอลังเล หลิ่วอี๋หนิงซึ่งอยู่ตรงข้ามพูดขึ้นมาว่า "โหยวโหย่ว แค่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเอง ไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ฉันจะไปกับเธอด้วย"เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของหลิ่วอี๋หนิง เจิ้งโหยวโหย่วได้แต่พยักหน้า "งั้นก็ได้"เมื่อพวกเขามาถึงสถานีตำรวจ เจิ้งโหยวโหย่วก็ถูกพาไปสอบปากคำ ตำรวจก็ให้หลิ่วอี๋หนิงรออยู่ข้างนอกเธอจะรออยู่
สายตาของเธอหยุดชะงัก แววตาเย้ยหยัน"คุณนี่ก็พยายามนะ กำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นอยู่แท้ๆ คุณก็ยังหาเวลามาหาฉันที่สถานีตำรวจได้อีก"เสิ่นเยี่ยนจือนิ่งไป เขาขมวดคิ้วถามว่า "หมายความว่าไง?"จี้อี่หนิงสีหน้าเฉยเมย "คราวหน้าถ้าคุณจะแกล้งทำเป็นรักฉัน ก็ช่วยเช็ดรอยลิปสติกบนปกเสื้อออกก่อนแล้วค่อยมาแสดง ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องตลก"พูดจบจี้อี่หนิงก็โบกแท็กซี่ออกไปโดยไม่สนว่าสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือจะเป็นยังไงเสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้าลงมองปกเสื้อ พอเห็นรอบริมฝีปากที่ติดอยู่แล้วก็หน้าถอดสีเขาจะโทรไปอธิบายให้จี้อี่หนิงฟัง แต่โทรไปกี่สายก็ไม่รับ สุดท้ายก็กลายเป็นติดสายอยู่ตลอด แสดงว่าเธอบล็อกเขาไปแล้วเมื่อคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเพิ่งผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วตอนนี้ก็กลับสู่จุดเยือกแข็งอีกครั้ง ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือก็เย็นเยือกเขาขึ้นรถแล้วขับยังหมู่บ้านที่จี้อี่หนิงอาศัยอยู่อย่างรวดเร็วไป เมื่อเขาไปถึงได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีคนโทรมาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร มือที่จับพวงมาลัยอยู่เส้นเลือดปูดโปน สุดท้ายเขาก็กลับรถจี้อี่หนิงเพิ่งกลับถึงบ้าน ไลน์เด้งขึ้นมาหลายข้อความ นักสืบเอกชนที่เธ
"ครับ"หลังจากเดินออกจากห้องทำงาน เมื่อคิดถึงท่าทีที่เสิ่นซื่อมีต่อจี้อี่หนิงแล้วซุนสิงก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้วันนี้พอเขาเห็นเสื้อตัวนี้ปุ๊บ เขาก็ให้เขาไปตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ของจี้อี่หนิงแล้วโทรไปถามเธอเองเลย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจที่จี้อี่หนิงต้องการจะตัดสัมพันธ์กับเขาแต่จี้อี่หนิงก็เป็นหลานสะใภ้ในนามของเขา หวังว่าเขาคงจะคิดมากไปเองนะหลังทานมื้อเช้าเสร็จ จี้อี่หนิงก้ตรงไปที่เฉิงหยวนเมื่อคืนนี้หลังจากไปให้ปากคำเสร็จ เจี่ยงหรูก็ส่งข้อความหาเธอบอกเธอว่าวันนี้เธอไปทำงานได้ตามปกติ เรื่องของเจิ้งโหยวโหย่วเดี๋ยวทางบริษัทจะจัดการในภายหลังไม่คิดว่าพอมาถึงหน้าทางเข้าเฉิงหยวนก็โดนผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งมาขวางไว้ใบหน้าของอีกฝ่ายดำคล้ำ ดวงตาของเขาแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิงสีหน้าวิงวอน"คุณจี้ปล่อยลูกสาวผมไปเถอะนะ ภรรยาของผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล แล้วผมก็ยังหางานทำไม่ได้ ถ้าลูกสาวของผมยังถูกขังอยู่แบบนี้ บ้านเราแย่แน่"จี้อี่หนิงถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวแล้วขมวดคิ้วผู้ชายคนนี้หน้าคล้ายเจิ้งโหยวโหย่วมาก ดูท่าเขาน่าจะเป็นพ่อของเธอจริงๆแต่ตอนนี้เจิ้งโหยวโหย
คนเราเวลาเผชิญกับอันตราย คนปกติมักจะรีบหลีกเลี่ยงอย่างเร็วที่สุด แต่เสิ่นซื่อกลับพุ่งเข้าไปปกป้องจี้อี่หนิงเมื่อได้ยินแบบนั้น จี้อี่หนิงก็อึ้งไปก่อนจะขมวดคิ้ว"เธอคิดมากไปแล้วล่ะ เขาเป็นอาเล็กของฉัน""อะไรนะ?"จู่ๆ เซี่ยงอวี่ก็เสียงดังขึ้นอย่างแรง ทุกคนในแผนกวิจัยและพัฒนาก็หันมองมาที่เธอ เธอหน้าแดงทันที แล้วก็รีบก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วเธอลดเสียงลง "จริงเหรอ? เธอสองคนก็ไม่ได้แซ่เดียวกันสักหน่อย? เธอโกหกฉันใช่ไหมเนี่ย?""ฉันจะโกหกเธอทำไม รายละเอียดฉันไม่สะดวกจะบอก แต่ระหว่างฉันกับเขามันเป็นไปไม่ได้ และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะชอบฉันด้วย"แม้ว่าในใจจะยังมีข้อสงสัยอยู่ แต่เมื่อเห็นจี้อี่หนิงพูดจาจริงจังแบบนั้น เซี่ยงอวี่ก็ได้แต่พยักหน้า"งั้นเหรอ""เอาล่ะ หยุดเม้าส์แล้วไปทำงานได้แล้ว"จี้อี่หนิงเปิดคอมพิจี้อี่หนิงวเตอร์เข้าสู่ระบบ CNKI และเริ่มอ่านงานวิจัยเวลาช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนใกล้เที่ยง จู่ๆ เวินจิ้งหงก็โทรมาหาจี้อี่หนิง"น้าเวิน มีอะไรเหรอคะ? เกิดอะไรขึ้นกับพ่อหนูหรือเปล่า?"น้ำเสียงอ่อนโยนของเวินจิ้งหงดังลอดสายมา "เปล่าหรอก อาการของเขาค่อนข้างคงที่ วันนี้ตอนเ
หากเภสัชกรรมเหว่ยหงไม่ล้มละลาย เสิ่นเยี่ยนจือคงไม่กล้าพาเมียน้อยของเขาออกมาโชว์ตัวไม่สนใจใครแบบนี้เมื่อนึกถึงตรงนี้ เวินจิ้งหงก็มองจี้อี่หนิงด้วยความรู้สึกผิด "ฉันกับพ่อเธอต้องขอโทษเธอด้วยนะ เธอต้องเจ็บปวดใจขนาดนี้แต่ก็ต้องทนเก็บไว้ในใจ ช่วงที่ผ่านมาเธอคงลำบากมากเลยใช่ไหม?"จี้อี่หนิงส่ายหน้า เธอไม่เศร้ามากเหมือนตอนที่เพิ่งรู้ว่าเสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแล้ว"หนูไม่เป็นไรค่ะ ตอนแรกหนูก้แค่พนันว่าว่าเขาจะหักหลังความรักของเราหรือเปล่า ตอนนี้หนูก็แค่แพ้พนันเท่านั้นเอง"เธอไม่เสียใจกับสิ่งที่เธอเลือกตอนนั้น เพราะคนที่เธอเลือกคือเสิ่นเยี่ยนจือคนที่รักเธอ ไม่ใช่ผู้ชายจอมกะล่อนปลิ้นปลอ้นคนนี้"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวต่อไปคงได้เจอคนที่ดีกว่า"จี้อี่หนิงยิ้ม ต่อไปจะได้เจอใครไหมมันก็ไม่สำคัญกับเธอหรอก ตอนนี้เธอแค่อยากจะหย่าและได้แบ่งทรัพย์สินที่เธอสมควรได้รับ"น้าเวิน อย่าเพิ่งบอกพ่อเรื่องที่เขามีชู้นะคะ พ่อไม่ค่อยแข็งแรง หนูกลัวว่าพ่อจะรับไม่ไหว"เวินจิ้งหงพยักน้า "น้ารู้ ไม่ต้องห่วงนะ"หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเสร็จแล้ว ตอนที่จี้อี่หนิงและเวินจิ้งหงกำลังจ่ายเงิน จากในห้องรับรองของเสิ่นเยี่ยนจื
จี้อี่หนิงขมวดคิ้วและมองเขาด้วยท่าทางไม่พอใจ "ฉันจะไปกินข้าวกับใครไม่จำเป็นต้องรายงานให้คุณทราบมั้ง?"สายตาของเสิ่นเยี่ยนจือมืดมน เขาลดเสียงลง"อี่หนิง ผมไม่ได้อยากจะสอดแนมคุณหรอกนะ ผมแค่อยากมีส่วนร่วมในชีวิตของคุณ""ตกลงว่าคุณอยากมีส่วนร่วมในชีวิตของฉันหรือคุณร้อนตัวที่พาฉินจืออี้กินร่วมโต๊ะอาหารวันนี้กันแน่?"นัยน์ตาของเสิ่นเยี่ยนจือหดตัวลงกะทันหัน เขาตรึงเครียดขึ้นมา จี้อี่หนิงเห็นแล้วจริงด้วย"วันนี้ไปเจอลูกค้ามา เขาเป็นลูกค้าที่เธอรับผิดชอบอยู่ก่อนที่จะออกจากงาน เธอรู้สถานการณ์ดีจึงพาเธอไปด้วย ที่ผมไม่ได้บอกคุณเพราะกลัวคุณจะเข้าใจผิด"จี้อี่หนิงยิ้มเล็กน้อย "ความสัมพันธ์ของพวกคุณยังมีอะไรให้เข้าใจผิดอีก?""อี่หนิง ผมรับรองได้เลยว่าตอนนี้ผมไม่มีอะไรเกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว และคนเดียวที่ผมรักก็คือคุณ"เธออยากถามว่าเขาไปเจอลูกค้าคนไหนถึงต้องให้ฉินจืออี้แต่งตัวสวยขนาดนั้น แถมยังต้องควงแขนเขาเข้าไปด้วยกันอีกใครก็ตามที่เห็นฉากนั้นต่างก็ต้องคิดว่าฉินจืออี้เป็นคู่ขาของเขา ไม่ใช่เลขาของเขาไหม?แต่แล้วเธอก็ไม่ได้ถามออกไป เพราะมันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว"เสิ่นเยี่ยนจือ การโกหกหนึ่งค
"เรื่องมันซับซ้อนมาก เอาเป็นว่าเธอไม่ต้องยุ่งหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง"หลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็มองดูจำนวนความคิดเห็นที่ด่าเธอซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสีหน้าของเธอก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆอีกด้านหนึ่งพอเสิ่นเยี่ยนจือกลับถึงวิลล่าก็ได้รับสายจากหยางอวี่เช่นกัน"ประธานเสิ่น ไม่รู้ว่าใครโพสต์วิดีโอที่พ่อของเจิ้งโหยวโหย่วคุกเข่าให้คุณนาย ตอนนี้ชาวเน็ตกำลังรุมด่าเธอ คุณจะจัดการลบวิดีโอไหมครับ?"ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือเคร่งขรึม และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่ต้อง ปล่อยให้วิดีโออยู่แบบนั้นแหละ รอเธอมาหาฉันก่อนแล้วค่อยจัดการ"ช่วงนี้เขาตามใจจี้อี่หนิงมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะเย็นชาใส่เขาพอดีเลยจะได้อาศัยเรื่องในครั้งนี้ทำให้เธอรู้สถานะของตัวเองทางด้านเสิ่นซื่อก็รู้ข่าวที่จี้อี่หนิงโดนชาวเน็ตรุมด่าแล้วเหมือนกัน เขาติดต่อจี้อี่หนิงทันทีถามเธอว่าต้องการให้เขาช่วยลบวิดีโอนั้นไหมเมื่อฟังเสียงเย็นชาของเขาที่ลอดมาจากปลายสายโทรศัพท์ จี้อี่หนิงก็หลับตาลง รู้สึกเจ็บปวดใจนับตั้งแต่วิดีโอถูกแชร์ออกไปนี่ก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ขนาดเสิ่นซื่อยังรู้ข่าวแล้วเลย
"ต่อให้แกแฉออกไปตอนนี้ฉันก็ไม่มีเงิน อีกอย่างถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป แกก็ต้องติดคุกเหมือนกัน!"เสียงถกเถียงของทั้งสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดจี้อี่หนิงก็รู้แล้วว่าคนที่ลักพาตัวตนเองคือพ่อของเจิ้งโหยวโหย่ว เจิ้งกั๋วอันแต่ตัวเธอเคยเขาแค่ครั้งเดียวเอง เขารู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่ไหน? อีกทั้งยังแอบซุ่มอยู่ในบ้านเธออีก...เธอสามารถมั่นใจได้ว่า นี่ไม่ใช่วิธีที่แรงงานเกษตรคิดออกมาได้แน่ ๆ ต้องมีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังแน่นอนและคนคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นหลิ่วอี๋หนิงผ่านไปสักพัก เสียงถกเถียงข้างนอกก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงสตาร์ทรถยนต์ และไม่นานบริเวณโดยรอบก็เหลือแต่ความเงียบจี้อี่หนิงหายใจช้า ๆ โดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าหอบหายใจเสียงดังทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่ากระเป๋าเดินทางขยับ จากนั้นก็เป็นเสียงล้อลากกับพื้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลากตัวเธอไปที่ไหนก็ไม่รู้ ในใจจี้อี่หนิงก็ตื่นตระหนกทันที ครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าจะหนียังไงดีเธอค่อย ๆ รูดซิปบนหัวออก แต่ข้างนอกมืดสนิท มีแค่แสงสว่างเพียงเล็กน้อยคอยส่องทางจากไฟฉายกระบอกหนึ่งในมือของคนข้างหน้าที่ลากกระเป๋าเดินทางจี้อี่หนิงมองไม่ส
มีคนแอบซุ่มรอทั้งในห้องนอนและหน้าประตู เห็นทีอีกฝ่ายคงวางแผนมาแล้วเธอลุกขึ้นมาวิ่งไปตรงไปยังห้องครัว แต่เพิ่งเริ่มวิ่งได้สองก้าวก็ถุกคนคว้าแขนเอาไว้ แล้วกระแทกเธอเข้ากับกำแพงอย่างแรง"แกเป็นใคร? ทำไมต้อง...อื้อ..."อีกฝ่ายใช้มือข้างหนึ่งกดจี้อี่หนิงไว้ มืออีกข้างก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งอุดจมูกของจี้อี่หนิง ไม่ให้โอกาสจี้อี่หนิงได้พูดเลยสักนิดกลิ่นฉุนเตะจมูก ภาพตรงหน้าของจี้อี่หนิงก็ค่อย ๆ มัวลงช้า ๆผ่านไปไม่นาน ผู้ชายสวมผ้าปิดปากสองคนก็ลากกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งเดินออกไปจากบ้านของจี้อี่หนิงเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว คนส่วนมาก็เลิกงานกลับบ้านกันหมด ในหมู่บ้านจึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตสองคนนี้ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงประตูหลังของหมู่บ้าน มีรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งจอดอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งสองคนเอากระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ขับรถมุ่งตรงออกไปยังนอกเมืองทันทีชิงหงกรุ๊ปห้องทำงานประธานซุนสิงถือเอกสารชุดหนึ่งรีบเดินเข้าไปอย่างรีบเร่ง "ประธานเสิ่นครับ เมื่อกี้บริษัทคู่ค้าส่งเอกสารชุดนี้กลับมา บอกว่าข้อมูลการทดลองเหมือนจะมีปัญหา แต่
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือก็ปรากฏเป็นรอยฝ่ามือขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองจี้อี่หนิงก็กลายเปลี่ยนเป็นความเย็นชาอย่างสุดขั้ว“นี่คุณกล้าตบผมเหรอ?!”จี้อี่หนิงเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาโกรธเคืองของเขา แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ทำไมฉันจะตบคุณไม่ได้? คนที่นอกใจคือคุณต่างหาก แต่คุณบังอาจวิ่งแจ้นไปใส่ร้ายฉันต่อหน้าพ่อของฉัน คุณไม่สมควรโดนตบรึไง?"ทันทีที่พูดจบ เสิ่นเยี่ยนจือก็บีบคางเธอและกดเธอไว้กับกำแพงทันที รังสีความโหดฉายออกมาในแววตา"อี่หนิง คุณไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมก่อนเอง ถ้าคุณเชื่อฟังผมดี ๆ ผมก็ไม่มาหาพ่อตาหรอก"จี้อี่หนิงแค่นหัวเราะออกมา "ถ้าคุณกล้ามาหาพ่อของฉันอีก ฉันก็จะแฉเรื่องที่คุณนอกใจออกมาให้หมด""ถ้าคุณไม่กลัวว่าพ่อจะได้รับแรงกระตุ้นแล้วอาการแย่ลง คุณจะไปบอกตอนนี้เลยก็ได้"น้ำเสียงไม่แยแสของเสิ่นเยี่ยนจือทำให้ความโกรธของจี้อี่หนิงสุมขึ้นในอก มือที่วางข้างลำตัวก็กำแน่นโดยไม่รู้ตัว"เสิ่นเยี่ยนจือ ทำไมคุณกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ขนาดนี้?!"เสิ่นเยี่ยนจือก้มหน้ามองเธอ เมื่อเห็นความเกลียดชังและความโกรธในแววตาของเธอ ม่านตาของเขาก็หดตัวลงแล้วบีบคางเธอแน่นกว่าเดิ
ฝีเท้าของจี้อี่หนิงหยุดชะงักไป ขมวดคิ้วมองเสิ่นเยี่ยนจือที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาโกรธเคือง"คุณไปพูดอะไรกับพ่อฉัน?!"เสิ่นเยี่ยนจือยังไม่ทันปริปาก จี้เหว่ยหงก็พูดด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอยังกล้าคาดคั้นเยี่ยนจืออีก?! เธอกับอาเล็กของเขาแอบกิ๊กกันเธอไม่รู้สึกผิดกับเขาเลยรึไง?"จี้อี่หนิงโมโหจนหน้าซีด แม้แต่ปลายนิ้วยังสั่นระริกเธอไม่คิดเลยว่าเสิ่นเยี่ยนจือจะหน้าไม่อายขนาดนี้ แว้งกัดต่อหน้าจี้เหว่ยหงก่อนซะงั้นสิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็ถึง จี้เหว่ยหงกลับเชื่อจริง ๆ"พ่อคะ ในสายตาพ่อหนุเป็นคนแบบนั้นเหรอ? พ่อไม่ถามหนูเลยด้วยซ้ำ แค่คำพูดของเสิ่นเยี่ยนจือฝ่ายเดียวก็คิดว่าหนุหักหลังเขาแล้ว?!"จี้อี่หนิงสูดหายใจลึก ตัดสินใจจะไม่ปิดบังเรื่องที่เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจแอีกต่อไปแล้ว"พ่อรู้ไหมว่าเขาแอบ...""อี่หนิง เมื่อกี้พ่อเกือบจะเป็นลมเพราะเรื่องของเธอ หมอบอกว่าห้ามให้เขาถูกกระตุ้นแล้ว เธอต้องทำให้พ่อโมโหจนอกแตกตายก่อนถึงจะพอใจใช่ไหม?"เสียงของเสิ่นเยี่ยนจือดังมากจนกลบเสียงของจี้อี่หนิงไปหมดมือที่วางข้างลำตัวของจี้อี่หนิงกำแน่น ในใจเกลียดเสิ่นเยี่ยนจืออย่างสุดขีด"ในเมื่อคุณรู้ว่าพ่อของฉัน
เสิ่นซื่อเงยหน้ามองเขา เอ่ยปากด้วยสีหน้าเย็นชา "รู้แล้ว"เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเฉยเมย ซุนสิงก็รู้สึกว่าการที่ตัวเองตั้งใจบอกเขาเรื่องนี้โดยเฉพาะมันไม่จำเป็นเลยพร้อมทั้งเตือนเสิ่นซื่อว่ามีประชุมตอนสิบโมง ซุนสิงก็หมุนตัวออกไปช่วงเที่ยง จี้อี่หนิงถือบัตรอาหารไปที่โรงอาหารเพิ่งเดินเข้าไปก็ต้องอึ้งกับความหรูหราของโรงอาหารชิงหง นี่ไม่ใช่โรงอาหารแล้ว ไม่ต่างอะไรกับร้านอาหารติดดาวเลยสักนิดเมื่อกวาดตามองไปแล้วอาหารทุกช่องล้วนประณีตเป็นอย่างมาก แค่มองก็รู้สึกหิวแล้วอีกทั้งราคาอาหารยังถูกมากเทียบเท่ากับโรงอาหารในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารมีสามชั้นถ้วน มีอาหารครอบคลุมทุกชนิดทั้งอาหารตะวันตก อาหารจีน อีกทั้งยังมีอาหารประจำชาติเฉพาะกลุ่มประเทศอื่น ๆ อีกจี้อี่หนิงยืนต่อแถวอยู่ที่ช่องอาหารไทย สั่งข้าวผัดสับปะรดหนึ่งจานและต้มยำกุ้งหนึ่งถ้วยแล้วหาที่นั่งมุมหนึ่งนั่งลงเมื่อชิมน้ำซุปไปหนึ่งคำ ความเซอร์ไพรส์ก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ นี่มันอร่อยเหมือนที่เธอเคยกินที่ร้านอาหารห้าดาวเลยก่อนหน้านี้บนโซเชียลมีคนพูดกันว่าเรื่องโรงอาหารของชิงหงเทียบเท่าระดับห้าดาว ตอนนั้นจี้อี่หนิงยังคิดว่ากล่าวเกินจร
กลับถึงบ้าน จี้อี่หนิงก็ติดต่อซุนสิง สองซุนสิงให้เธอไปตามหาเขาที่ห้องทำงานประธานเช้าวันถัดไป ถึงเวลานั้นจะพาเธอไปแสกนลายนิ้วมือและทำบัตรผ่านประตูหลังจากวางสาย จี้อี่หนิงก็รู้สึกกังวลขึ้นอย่างบอกไม่ถูกเดิมทีเสิ่นเยี่ยนจือก็สงสัยว่าเสิ่นซื่อกำลังวางแผนคิดไม่ซื่อกับเธอ ตอนนี้ตนต้องไปทำงานที่ชิงหง หากเขารู้ ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นอะไรขึ้นบ้างแต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเดินหนึ่งก้าวมองหนึ่งก้าวแล้ว รอให้เขารู้จริงๆก่อน ถึงวันนั้นค่อยว่ากันเช้าวันถัดมา จี้อี่หนิงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถไปชิงหงจอดรถใต้ตึกชิงหงแล้ว จี้อี่หนิงจึงไปบอกหน้าเคาน์เตอร์ว่ามาหาซุนสิง ทางเคาน์เตอร์ยืนยันตัวตนเธอได้แล้วจึงนำทางเธอไปหน้าลิฟต์"คุณจี้ ห้องทำงานท่านประานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ"จี้อี่หนิงพยักหน้า “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”หลังจากเข้าลิฟต์ จี้อี่หนิงจึงกดปุ่มชั้นลิฟต์ ประตูลิฟต์ปิดลงก่อนค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นข้างบนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาชิงหง ก่อนหน้านี้เคยได้มาว่าลิฟต์ของชิงหงวิวสวยมาก ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเป็นเรื่องจริงคล้อยหลังลิฟต์มุ่งขึ้นด้านบน ภาพทิวทัศน์ของเมืองทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ดูแล
เจิ้งกั๋วอันในตอนนี้กำลังอยู่ที่โถงทางเดินโรงพยาบาลมองใบเสร็จด้วยความกังวล ตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง “ภายในไม่กี่วันนี่ล่ะ”วันนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่แดงเดียว ไม่พอเจิ้งโหยวโหย่วยังอยู่สถานีตำรวจ ทำได้เพียงต้องทำตามที่หลิ่วอี๋หนิงบอกเท่านั้นถึงจะมีโอกาสหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้“งั้นฉันจะรอข่างดีจากอาเจิ้งก็แล้วกัน”วางสายเสร็จ มุมปากหลิ่วอี๋หนิงหยักยิ้มหยันขอเพียงเจิ้งกั๋วอันลักพาตัวจี้อี่หนิงไป ถึงเวลานั้นเธอค่อยให้พวกมันทั้งสองตายด้วยกัน หลังจากนั้นตนก็สบายใจไร้กังวลแล้วในห้องปฏิบัติการ จี้อี่หนิงกำลังเตรียมทำการทดลองก่อนหน้านี้ต่อ ก็ได้ข่าวจากเจี่ยงหรู ให้เธอไปห้องทำงานเมื่อถึงห้องทำงาน เจี่ยงหรูยกยิ้มพลางให้เธอนั่งลง"อี่หนิง ลงพื้นที่ปฏิบัติการเมืองหรงกับประธานเสิ่นครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้าง?"จี้อี่หนิงเม้มปาก “ก็พอได้ค่ะ พี่หรูมีเรียกฉันมามีเรื่องอะไรเหรอคะ?”“คือว่า ทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เธอกำลังพัฒนามาก ประกอบกับโครงการนี้ได้รับการลงทุนจากประธานเสิ่น เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยวิ่งไปมาติดตามความคืบหน้าของโครงการ ทางสำนักงานใหญ่จึงตั้งใจส่งเธอไปทำงาน
พอเห็นจี้อี่หนิงตัวสั่นเบาๆ สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววพอใจจี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ก่อนตอบเสียงเย็นชา "ฉันจะไปเข้างานแล้ว ตอนนี้คุณคงไปได้แล้วใช่ไหม?"เมื่อเห็นท่าทีหัวรั้นไม่สนฟังคำใครของเธอแล้ว สายตาเสิ่นเยี่ยนจือพลันฉายแววคร่ำเคร่งแต่เมื่อนึกขึ้นได้เขาก็ไม่อยากบังคับรีบเร่งอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองต้องตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน"ผมจะไปส่งคุณ""ไม่ต้องค่ะ"พูดจบ เธอจึงผลักเสิ่นเยี่ยนจือออกประตู ก่อนปิดแล้วจากไปทันทีหลังจากมาถึงบริษัท ก็พบว่าเพื่อร่วมงานในบริษัทต่างแอบมองเธอ สีหน้าจี้อี่หนิงราบเรียบไร้อารมณ์ คาดว่ามุกคนคงเห็นภาพนั้นในอินเทอร์เน็ตหมดแล้วสางของไว้บนโต๊ะทำงานเสร็จ ขณะจี้อี่หนิงกำลังเตรียมตัวไปห้องปฏิบัติการ เซี่ยงอวี่ที่อยู่ข้างๆปรี่เข้ามาฉับพลัน พูดเสียงเบา “อี่หนิง เรื่องภาพในอินเทอร์เน็ตนั้น......เป็นความจริงเหรอ? ประธานเสิ่นชอบเธอจริงๆเหรอ?”ชั่วเวลานั้นผู้คนรอบๆพลันหูผึ่งขึ้นมายังไงซะเรื่องก่อนหน้านี้ที่จี้อี่หนิงทำอุปกรณ์การทดลองระเบิด แล้วเสิ่นซื่อเสี่ยงอันตรายไปช่วยตนนั้นทุกคนก็รู้ดีประกอบกับภาพเมื่อคืนที่ดูมีบรร
“ฉันควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเตือน”คล้อยหลังเสิ่นซื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องทำงานก็ตกสู่ความเงียบงันลุงหลานทั้งสองจดจ้องกันไปมาด้วยท่าทีเย็นยะเยือก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยซุนสิงที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์ท่าไม่ดี จึงรีบเร่งเดินเข้าไป “ประธานเสิ่นเล็ก พอรู้เรื่องรูปภาพในอินเทอร์เน็ตวันนี้แล้ว ประธานเสิ่นก็กำลังจัดการ ไม่อย่างนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ”เสิ่นเยี่ยนจือหันมองซุนสิง เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เลขาซุน คุณอยู่กับอาเล็กมากี่ปีแล้ว หวังว่าคุณจะมีเวลาโน้มน้าวเขา ให้เขาอย่า......”"เสิ่นเยี่ยนจือ!"เสิ่นซื่อตะโกนลั่นตัดบทเขา ความโกรธเกรี้ยวสุดขีดปะทุขึ้นในดวงตา "หากยังพูดจาไร้สาระอีกแค่ประโยคเดียว ก็อย่าคิดว่าจะได้นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของเสิ่นซื่อกรุ๊ปอย่างมั่นคงอีกเลย"เสิ่นเยี่ยนจือกำหมัดข้างตัวแน่น ความหงุดหงิดอัดแน่นเต็มทรวงถึงขีดสุด แต่ก็ไม่กล้าฉีกหน้าเสิ่นซื่อจริงๆ เพราะเขารู้ดีว่าความสามารถนี้ที่เสิ่นซื่อมีอยู่ สามารถดึงเขาลงจากตำแหน่งได้จริงๆเขามองไปทางเสิ่นซื่อ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำชัดเจน "หวังว่าอาเล็กจะทำตัวให้ดีก็แล้วกัน!"พูดจบ เขาก็หันกายเดินออกไ