Share

บทที่ 968

Author: จูน
หลังจากเข้าวังแล้ว จึงได้พาสามแฝดไปที่ตำหนักบูรพาก่อน

หลังจากมาถึง มู่หรูกงกงและเจ้ากรมพิธีการได้นำคนไปรอที่นั่นแล้ว และหูโม่โม่ที่อยู่ข้างกายไทเฮาก็อยู่ที่นั้นด้วย

เสื้อผ้าของสามแฝดได้เตรียมพร้อมที่จะให้พวกเขาเปลี่ยนแล้ว

เปาจื่อเป็นหลานชายของจักรพรรดิ ดังนั้นหลังจากครบเดือนแล้ว เขาสวมเสื้อคลุมสีม่วงแดงปักลายมังกรทะยานสี่เล็บ สวมหมวกกลมสีเหลืองขอบแดง

ทังหยวนและเสี่ยวลั่วหมี่ หลานชายทั้งสองของจักรพรรดิก็สวมชุดคลุมสีแดงอมม่วงเช่นกัน และปักเพียงลายนกอินทรีทะยานและสัตว์ในตำนาน หูทั้งสองข้างภายใต้หัวกลมนั้นช่างดูน่ารักมาก

เมื่อมองไปที่พวกเขา อวี่เหวินห่าวรู้สึกเต็มไปด้วยความสุข จะมีทารกที่น่ามองเช่นนี้ได้อย่างไร?

หยวนชิงหลิงชอบมาก หลังจากหอมแต่ละคนแล้ว เปาจื่อก็ยิ้มออกมา ทังหยวนนั้นนิ่งมาก และเสี่ยวลั่วหมี่ที่ดูเหม่อลอย

หลังจากแต่งตัวแล้ว เขาก็ไปที่พระตำหนักเซินหมิง

ไท่ซ่างหวง ไทเฮา จักรพรรดิหมิงหยวน และฮองเฮาล้วนอยู่ที่นั่น และเหล่าสนมทั้งหมดก็ร่วมเสด็จมาเช่นกัน

ไทเฮาทรงรออย่างกระวนกระวายพระทัยเล็กน้อย และเมื่อได้ยินว่ามาถึงแล้ว นางแทบนั่งไม่ติดที่ และลุกขึ้นในทันที อวี่เหวินห่าวแ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 969

    แต่ไท่ซ่างหวงที่ได้ยินและพูดติดตลกว่า "หลานเจ้าบอกว่าเจ้าพูดไปเรื่อย!"จักรพรรดิหมิงหยวนยิ้มและตรัสว่า "ไม่เป็นไร ๆ สามัคคีกันจริง ๆ เลย"อวี่เหวินห่าวยิ้มแยู่ด้านข้างเขาและพูดว่า "เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แฝดสามมีความเชื่อมโยงกันทางจิตวิญญาณ หากพระองค์ลองสังเกตุเคลื่อนไหว และท่าทางของพวกเขาอย่างละเอียด ท่าทางของพวกเขาจะสอดคล้องกัน"ทุกคนรีบเข้าดู และแน่นอนว่าการแสดงออกของทั้งสามคล้ายกัน คนหนึ่งทำปากจู๋ อีกสองคนก็เช่นกัน คนหนึ่งหาว และอีกสองคนก็หาวด้วยเช่นกัน การเคลื่อนไหวสอดประสานกันอย่างน่าประหลาดใจหูเฟยเข้ามาดูและพูดอย่างมีความสุขว่า "ฝ่าบาท พวกเขาน่ารักมากเพคะ หม่อมฉันก็อยากมีสักคนเหมือนกัน"หูเฟยยังเด็กและมีชีวิตชีวา นางนิสัยร้อนแรง และมักจะพูดตรง ๆ อยู่เสมอ คนอื่นคงจะรู้สึกอายเมื่อพูดแบบนี้ แต่กลับนางพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนอย่างดีใจ มันทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันเป็นความหวังที่สวยงามจักรพรรดิหมิงหยวนเงยหน้าขึ้นมองนาง ดวงตาของเขาอ่อนโยนเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าเขาเองก็ยินดีเช่นกันเสียนเฟยกลั้นหายใจและนั่งอยู่ข้างใน ความครึกครื้นดูเหมือนจะไม่เกี่ยวอะไรกับนาง

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 970

    ไม่ใช่ว่าเสียนเฟยเสียสติไปแล้ว นางรู้ตัวว่าแม้ว่านางจะหมดสติไปในตอนนี้ ก็จะไม่มีใครสนใจนางฝ่าบาทรังเกียจนาง แม้แต่ท่านป้าก็ไม่ช่วยนางอีกต่อไปและที่น่าแค้นใจก็คือ แม้แต่ลูกห้าก็ไม่เคยขอร้องให้นางเลยแม้แต่น้อยหลังจากวางแผนมาครึ่งชีวิต นางก็กำลังจะได้มันมา อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เสียนเฟยจะไปยอมได้อย่างไร?นางลุกขึ้นอย่างช้า ๆ และพูดอย่างเย็นชา "ข้าเผลอหลุดปากไป กลับไปแล้วจะไปหาไทเฮาเพื่อขออภัยโทษ แต่วันนี้เป็นวันมงคลครบเดือนของหลานชาย และข้าก็เตรียมของขวัญไว้ให้หลาน ยังไม่ได้ให้ของขวัญ ข้าคุกเข่าอยู่ที่นี่ไม่ได้"หลังจากพูดจบนางก็กัดฟันและเดินออกไปหูโม่โม่รู้นิสัยใจคอของนาง ดังนั้นนางจึงไม่กล้าหยุดนาง นางทำได้เพียงส่ายหน้าและพูดว่า "พระนางไม่จำเป็นเลยมิใช่หรือ? ไทเฮาและฝ่าบาทต่างก็ทรงกริ้วในตอนนี้ ทำไมไม่คุกเข่าลงมา เพื่อที่ว่าไทเฮาจะได้หาทางยกโทษให้พระนางได้บ้าง"เสียนเฟยไม่ฟังนาง และเดินออกไปทันทีแต่แม้ว่านางจะออกไป นางก็ไม่สามารถเข้าไปในพระตำหนักเฉียนคุนได้พระตำหนักเฉียนคุนเป็นสถานที่ที่ไท่ซ่างหวงประทับอยู่ หากไม่ได้รับอนุญาตจากไท่ซ่างหวง ใครจะกล้าปล่อยให้นางเข้าไป? นางรออ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 971

    แต่เพื่อความรอบคอบนางข้าหลวงสี่ จึงให้คนสับเปลี่ยนกันไปกินข้าวตามลำดับ นางจะไปก่อน ให้แม่นมทั้งสามคนอยู่ในห้องกับบรรดาฮูหยินเพื่อดูแลเด็ก ๆ หลังจากที่นาง อาซื่อ และหมานเอ๋อร์ทานเสร็จแล้ว พวกเขาก็จะมาสับเปลี่ยนแทนกันนางข้าหลวงสี่กำชับพวกนาง ย้ำหนักหนาว่าอย่าปล่อยให้เด็ก ๆ คลาดสายตาเด็ดขาดอย่างไรก็ตาม ข้างนอกนั้นมีคนของกู้ซีและซูยี่เฝ้าอยู่ แม้ว่าจะอุ้มเด็ก ๆ ออกไป ก็ไม่สามารถออกจากลานบ้านไปได้ด้วยวิธีนี้ พวกเขาก็สามารถสลับกันไปกินบะหมี่น้ำได้ อวี่เหวินห่าวก็ช่วยนำโต๊ะทำพิธีไปที่ศาลเจ้า ก็ถือเป็นอันเสร็จพิธีเรียบร้อยทางด้านนั้น หยวนชิงหลิงก็ออกมาหลังจากตรวจดูอาการฮูหยินเฒ่าและสั่งยา แม้ว่าอาการของฮูหยินเฒ่าจะสาหัส แต่โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างคงที่ และไม่มีสัญญาณของการกำเริบครั้งที่สอง รออีกสักสองสามวันค่อยให้นางทำกายภาพบำบัดด้วยเหตุนี้ หลังจากทำการคารวะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมจึงอุ้มเด็ก ๆ และออกจากจวนจิ้งโฮ่วคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในรถม้า เด็ก ๆ หลังจากงอแงกันแล้ว ทุกคนก็ผล็อยหลับไป ใบหน้าของพวกเขาเปื้อนสีแดงและสีเหลือง จนแทบมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขา แต่ช่างน่าสนใจมากจริง ๆขณะที

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 972

    “อ๋องอัน?” หยวนชิงหลิงตื่นตระหนก แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของอวี่เหวินห่าว นางจึงสงบลง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านรู้ได้อย่างไร?”อวี่เหวินห่าวดึงนางนั่งลงและพูดว่า "วันนั้นจิ้งโฮ่วมาหาข้า และขอให้ข้าหาตำแหน่งขุนนางให้เขา แต่ข้าไม่เห็นด้วย หลังจากที่เขาลงจากรถม้า ข้าให้คนสะกดตามเขาไป พบว่าเขาได้ไปพบกับเจ้าสี่ แล้วเข้าไปในจวนของเจ้าสี่ด้วย แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไร แต่เพื่อความรอบคอบ ข้าจึงให้คนจับตาดูเขาไว้ เมื่อวานซืนนี้จวนจิ้งโฮ่วได้พาเด็กกลับมาแล้วซ่อนไว้ในจวน ข้าเดาว่าเมื่อถึงเวลานั้น เขาคงจะแอบสับเปลี่ยนเด็ก ดังนั้นข้าจึงปล่อยตามน้ำไป เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับขุนพลหลัวแล้ว ถ้าเป็นเจ้าสี่ลักพาตัวลูกไปจริง ข้าจะจัดการเขาเอง”หยวนชิงหลิงโกรธจัด “ท่านใช้เสี่ยวลั่วหมี่เป็นเหยื่อล่อจริง ๆ งั้นหรือ? แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นมาล่ะ?”อวี่เหวินห่าวรู้ว่านางจะต้องโกรธ ดังนั้นเขาจึงเตรียมคำพูดของเขาแต่เนิ่น ๆ เอาไว้แล้ว "หากเจ้าสี่มีความคิดที่จะทำร้ายลูกของเรา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกัน ถ้าเขาล้มเหลวครั้งนี้ ครั้งหน้าเขาจะทำอีก ทางเดียวที่จะแก้ไขได้คือ ทำให้เรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่อ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 973

    อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วเสี่ยวลั่วหมี่ก็ไม่เคยห่างนางเลยสักครั้ง ตอนนี้กลับถูกจิ้งโฮ่วลักพาตัวไป นางเองไม่รู้ว่าทำไมนางถึงกลัวได้มากมายขนาดนี้เขาขี้ตกใจ ขนาดตัวเองผายลมออกมาเอง ก็ยังทำให้ตัวเองตกใจจนร้องไห้ออกมาได้อวี่เหวินห่าวเห็นมือเท้านางเย็นแบบนี้ เขารู้ว่านางหวาดกลัวมาก ดังนั้นเขาจึงกอดนางและรับรองให้นางมั่นใจว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไรหยวนชิงหลิงพยายามสงบสติอารมณ์และพูดว่า "หากมีข่าวอะไร ท่านต้องบอกข้าทันทีนะ อย่าปิดบังข้า"“แน่นอน ถ้ามีข่าว ย่อมต้องเป็นข่าวดีแน่นอน เชื่อข้าสิ” อวี่เหวินห่าวจูบหน้าผากนาง เห็นหน้าซีดเผือดของนาง เขารู้สึกทุกข์ใจยิ่งนัก “เจ้าพักผ่อนเถอะ วันนี้งดรับแขก ให้นางข้าหลวงสี่บอกข้างนอกว่าเจ้าปวดหัว"หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างลังเลใจ “เข้าใจแล้ว”อวี่เหวินห่าวประคองหน้านางไว้ เขาเองก็นึกถึงความกังวลและความกดดันของนางได้อยู่ แม้ว่าเขาจะเตรียมการทุกอย่างแล้ว แต่เขากลับไม่อาจสงบใจได้เลย อกสั่นขวัญแขวนอยู่ตลอดเวลาเขาไม่กล้าแสดงท่าทางแบบนั้นออกมาต่อหน้านาง ไม่อย่างนั้นอาจทำให้นางตกใจตายได้จริง ๆเขาพูดอย่างยากลำบาก "หยวน ข้าขอโทษ เจ้าอยู่กับข้ามานาน แต่ข้

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 974

    รอยยิ้มนี้ราวกับแสงอาทิตย์อันอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ส่องเข้าไปถึงในหัวใจของจิ้งโฮ่วทันทีจิ้งโฮ่วสะเทือนใจและหันหน้าหนีทันที เขารู้สึกละอายใจจนไม่กล้ามองไปที่หลานที่เพิ่งครบเดือนได้ตรง ๆในใจของเขารู้สึกซับซ้อนเหลือเกินนี่คือหลานชายของเขา เขากำลังทำเรื่องบางอย่างที่พวกสวะเขาทำกันความรู้สึกละอายใจยังคงเพิ่มพูนขึ้นอยู่ในใจของเขาอย่างไรก็ตาม เขายังพยายามปลอบใจตัวเองซ้ำ ๆ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขายลูกสาว เพื่อแลกตำแหน่งเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่เคยยอมรับมาก่อน แต่เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาขายศักดิ์ศรีไปได้อย่างไร เขาเคยละอายใจบ้างไหม?เขายังยินดีที่จะไปนอนกับผู้หญิงอย่างกู้จือ แล้วจะนับว่าเป็นอะไรได้?เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยได้ยินเสียงของเกือกม้า หลังจากส่งตัวเสี่ยวลั่วหมี่แล้ว เขาจะรีบออกจากเมืองหลวงทันทีเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าเขาฟังคำแนะนำของลูกสาวและออกจากเมืองหลวงไป เขาจะไม่ลงเอยด้วยสถานการณ์ที่น่าสังเวชเช่นนี้เสี่ยวลั่วหมี่ตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาขยับเล็กน้อย ศีรษะเล็ก ๆ ของเขาหันไปด้านข้าง ถูผ้าเช็ดหน้าห่อต

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 975

    เขากำลังทำอะไรอยู่? เขาทำร้ายตัวเองและลูกสาวของเขา ตอนนี้แม้แต่หลานชายคนนี้ที่เพิ่งจะครบเดือนก็ยังจะเอาไปให้คนอื่นฆ่าอีก?เขานึกถึงแม่ของเขาที่มองเขาด้วยความเศร้าโศกและเกลียดชัง คำพูดที่เปล่งออกมาตามไรฟันของนาง ให้เขามีชีวิตให้สมกับเป็นคนหน่อยตอนนี้เขามันเป็นไอสารเลวเทียบกับสุนัขหรือสุกรไม่ได้ด้วยซ้ำแต่ชีวิตของเขายังอยู่ในมือของอ๋องอัน เขาจะทำอย่างไร?จิ้งโฮ่วต่อสู้กับจิตใจตัวเองอยู่นาน เขามองลงไปที่เสี่ยวลั่วหมี่และถอนหายใจออกมาอย่างหนัก "บอกข้าหน่อย ว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับตา พ่อของเจ้าจะช่วยตาหรือไม่?"เขายิ้มเหมือนร้องไห้ "ไม่หรอก พวกเขาดูถูกตา แม้แต่แม่ของเจ้า ข้าจึงได้ขายเจ้า เจ้าเป็นหลานชายอ๋องอัน เขาจะไม่ทำร้ายเจ้า"เสี่ยวลั่วหมี่มองเขาตาโตและหยุดร้องไห้ ราวกับว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่มากจิ้งโฮ่วรู้สึกลังเลใจ เขาจึงขอให้คนขับรถม้าหยุดรถก่อน ให้เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คนขับรถม้าจึงหยุดรถจอดที่ข้างถนนหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงแผ่วเบาจากภายในม่าน "ไม่ไปซีซานแล้ว กลับไปกันเถอะ ไปที่จวนอ๋องฉู่"คนขับรถม้าเปิดม่านมองไปที่จิ้งโฮ่วและยิ้มเล็กน้อย "ท่านโฮ่ว ควรไปที่

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 976

    จวนอ๋องฉู่วันนี้ครึกครื้นมีชีวิตชีวาจริง ๆแม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกับรัชทายาท แต่ในวันนี้ย่อมต้องมากันที่นี่คู่สามีภรรยาอ๋องอันและอ๋องซุนที่มาพร้อมกัน ของขวัญจากจวนอ๋องซุนได้ถูกส่งมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ขณะที่อ๋องอันเข้ามา ได้ถือกล่องผ้ามายืนอยู่ตรงหน้าอวี่เหวินห่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "น้องห้า เจ้านี่ถือว่าได้โชคมงคลสี่อย่างจริง ๆ?"อวี่เหวินห่าวไม่ได้พูดอะไร อ๋องซุนก็ถามข้าง ๆ เขาว่า "โชคมงคลสี่อย่าง อย่างไรกัน?"อ๋องอันพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่รอง แฝดสามคือโชคสามอย่าง น้องห้าได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาทถือเป็นโชคอีกอย่าง ถือเป็นโชคมงคลสี่อย่างไม่ใช่หรือ?"อ๋องซุนร้องอ๋อและเอ่ยอย่างขำขันว่า "จริงอยู่ แต่มีเรื่องดี ๆ ไม่มากไปหรอก และควรมีโชคมากกว่านี้ถึงจะดี"อ๋องอันหัวเราะเสียงดัง "ดูที่พี่รองพูดสิ หากว่ากันแล้วนั้น เขาได้ครองราชย์ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมาก พี่รองไม่ควรทำร้ายน้องห้า เขาจะไปกล้ามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าคนนอกได้ยินคงไม่เข้าใจผิดกันหรอกหรือ?”อ๋องซุนรู้สึกงุนงง "ข้าพูดตอนไหนว่าเขาได้ครองราชย์ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีมาก? เสด็จพ่อยังอยู่ พูดแบบนี้ได้หรือ? น้องสี่ เจ้าทำร้ายน

Latest chapter

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1015

    ซูยี่อยู่ในห้องของสุนัขป่าเช่นกัน เมื่อเห็นอวี่เหวินห่าวและหยวนชิงหลิงเข้ามา เขาพูดอย่างกังวล "องค์รัชทายาท พระชายา นายน้อยสุนัขป่าไม่กินอะไรเลย หาหมอหลวงดีไหมพ่ะย่ะค่ะ?"อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "เขารักษาอาการป่วยของสุนัขป่าไม่ได้ จะพาเขาไปทำไม?"เขาดูสุนัขป่าน้อยสามตัวนอนอยู่บนเตียงเล็ก ร่างเล็ก ๆ ของพวกมันเบียดเสียดกัน ดูเซื่องซึม บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันไม่ได้กินอะไรจึงดูอ่อนแอและซูบผอมเป็นพิเศษ อวี่เหวินห่าวพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ผอมลงมากขนาดนี้เลยรึ? สุนัขป่าคงหิวมากแน่ ๆ""สุนัขป่าที่โตเต็มวัย เวลาหิวนั้นกินอาหารหนึ่งมื้อสามารถอยู่ได้นานถึงครึ่งเดือน ตอนนี้พวกมันยังเด็กและต้องกินเนื้อ" ซูยี่เลี้ยงสุนัขป่า และได้ศึกษาการเลี้ยงมามากมายอวี่เหวินห่าวหยิบหนึ่งในนั้นขึ้นมา เห็นสุนัขป่าหิมะตัวน้อยนอนนิ่งอยู่ในมือของเขาเหมือนก้อนสำลีเบาหวิวไม่มีน้ำหนัก "ตัวนี้ของใครกัน?""ของเสี่ยวลั่วหมี่" หยวนชิงหลิงกล่าว "ตัวเล็กที่สุดคือของเสี่ยวลั่วหมี่ ท่านดูสิแยกออกได้เลยเห็นไหม ของ เปาจื่อปากจะแหลมมาก ของทังหยวนก็หน้ากลมกว่า มันแปลกที่จะบอกว่าสุนัขป่าพวกนี้ ทั้งลักษณะนิสัยหรือรูปร่างหน้าตา พว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1014

    อวี่เหวินห่าวไม่ได้อธิบายอะไรแทนจิ้งถิง เขาแค่พูดว่า "เขาจะอยู่ในจวนสักพัก ดังนั้นเจ้าควรเปิดตาของเจ้าดูสิว่าเขาจริงใจหรือเสเเสร้ง เจ้าฉลาดมากขนาดนี้ ย่อมต้องดูออกอยู่แล้ว”หยวนชิงหลิงได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนว่าเขาใส่ใจมิตรภาพนี้จริง ๆหยวนชิงหลิงลองคิดดูแล้ว หลังจากใช้เวลาร่วมกับจวิ้นจู่มาสองสามวัน จวิ้นจู่ก็เป็นคนตรงไปตรงมาและเปิดเผย ดังนั้นนางคงไม่หาสามีที่มีจิตใจล้ำลึกซับซ้อนหรอกนางจึงขอโทษเขา "ข้าคิดมากไป ในอนาคตข้าจะไม่พูดอะไรแบบนี้อีก"อวี่เหวินห่าวเอื้อมมือไปเชยคางนาง และมองหน้านาง "เหล่าหยวน ข้าเองก็เห็นว่านิสัยของเจ้าช่างเถรตรงจริง ๆ แม้ว่าบางครั้งเจ้าจะดุร้าย เผด็จการ และไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเจ้าทำอะไรผิด เจ้าจะต้องขอโทษอย่างแน่นอน เกรงว่าแม้จะเป็นคนรับใช้ก็ยังกล่าวคำขอโทษได้ เจ้านี่นิสัยดี ใช้ได้จริง ๆ"“ข้าเป็นคนไร้เหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ท่านจะชมข้าก็ชมสิ ทำไมต้องดุกันก่อน”อวี่เหวินห่าวหัวเราะ "รางวัลและบทลงโทษต้องแยกให้ออกจากกันอย่างชัดเจน หากเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าควรได้รับคำชมเชย หากเจ้าทำอะไรผิด ก็ต้องบอกกล่าวตักเตือ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1013

    เขากลับมาที่จวนอย่างไม่สบอารมณ์ หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาขมวดคิ้ว นางรู้ว่าเป็นเพราะเรื่องลงนามพันธมิตรอีกเป็นแน่ ดังนั้นนางจึงปลอบเขาอวี่เหวินห่าวพูดด้วยความโกรธ "เสด็จพ่อจงใจทำให้ข้าลำบาก จูกั๋วกงเห็นด้วยหรือไม่นั้นเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้นเลยรึอย่างไร?"หยวนชิงหลิงหัวเราะ "ท่านอยู่ในเกมและกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป จึงไม่เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องการให้ท่านเอาแรงสนับสนุนจากจูกั๋วกงมาให้ได้ ไม่ใช่แค่แรงสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น แต่มันจะเป็นแรงสนับสนุนงานในอนาคตทั้งหมดของท่าน เพราะตอนนี้เขาเป็นคนที่สามารถปราบปรามตี้เว่ยหมิงอย่างออกหน้าได้ นั้นก็คือตัวเขาที่เป็นพ่อตา”อวี่เหวินห่าวตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เจ้าหมายความว่า เสด็จพ่อก็มองตี้เว่ยหมิงออกด้วยหรือ?"หยวนชิงหลิงยืนพิงเขา "เสด็จพ่อย่อมต้องรู้มากกว่าท่านอยู่แล้ว เหมือนที่ท่านเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าพระองค์ลำเอียงเข้าข้างพี่ใหญ่เสมอ จริง ๆ แล้วพระองค์ทรงรู้อยู่แก่ใจ พระองค์แค่ให้โอกาสพี่ใหญ่เสมอ แต่เมื่อเจอโอกาสที่เหมาะสม ก็ควรจัดการไม่ใช่หรอกหรือ? ความคิดของพระองค์ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นจงทำตามที่พระองค์ต้องการเถอะ จัดก

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1012

    พระชายาจี้พูดจบก็กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้เก้าอี้ที่นางนั่งนั้นใหญ่มาก แต่นางผอมมากเนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน เก้าอี้นั้นยังมีพื้นที่เหลืออีกมาก ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นนั่งบนเก้าอี้กว้างตัวใหญ่ประจัญหน้ากับพวกขุนนางกว่าสิบคนที่อยู่ตรงนั้นแม่ทัพซุยไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป ความโกรธบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวคนที่เหลือก็เงียบและก้มหน้าเช่นกันพระชายาจี้รออยู่สักพัก ก่อนที่จะกล่าวอย่างใจเย็นว่า "องค์รัชทายาทคือผู้กำหนดชะตา ถ้าเจ้าปฏิบัติตามให้ดี เจ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่งคั่งและมั่งคั่งในภายภาคหน้า วันนี้ข้าพูดได้เพียงเท่านี้ ทุกคนไปเถอะ รักษาตัวด้วย"หลังจากพูดจบ นางก็ยืนขึ้น และเดินออกไปโดยเอามือไพล่หลัง แผ่นหลังบาง ๆ ของนางตั้งตรงดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าสามารถแบกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่งแรงสนับสนุนของอวี่เหวินห่าวสูงขึ้นเรื่อย ๆอย่างไรก็ตาม มีคน ๆ ​​หนึ่งที่มีความคิดเห็นเป็นปฏิปักษ์อยู่เสมอ ถึงกับตำหนิเขาตรง ๆ ต่อหน้าท้องพระโรงทำให้บรรยากาศของวันนั้นแย่เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จักรพรรดิหมิงหยวนก็ยังกริ้วจนหน้าดำจูกั๋วกงคนนี้คือ จูหรูเพ่ย เป็นพ่อตาของตี้เว่ยหมิงเมื่อก่อน

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1011

    มีแม่ทัพแซ่ซุยอยู่ที่นี่ ซึ่งเคยอยู่กับตี้เว่ยหมิงมาก่อน และตี้เว่ยหมิงได้ติดต่อเขาแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่พระชายาจี้พูด เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า "ข้อเสนอขององค์รัชทายาทที่จะจัดตั้งพันธมิตรกับต้าโจว ไม่ต่างอะไรไปกว่าการกระทำของคนขี้ขลาด คิดว่าด้วยการสนับสนุนของต้าโจว เป่ยถังของเราจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างสงบสุขรึ และเช่นกันด้วยวิธีนี้ เป่ยถังของเราจะต้องมองสีหน้าท่าทีของต้าโจวในทุก ๆ เรื่องงั้นหรือ? นี่คิดว่ามันคงไม่เหมาะกระมั่ง”พระชายาจี้มองเขา น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อย “แม่ทัพซุย แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทเสนอเป็นพันธมิตร มิใช่การยอมจำนน ทำไมเจ้าต้องสังเกตสีหน้าท่าทางต้าโจวทุกอย่างด้วย?”แม่ทัพซุยพูดอย่างแข็งกร้าว "พระชายาคงไม่เข้าใจสินะ? เมื่อพันธมิตรถูกจัดตั้งขึ้น ก็จะมีข้อจำกัดซึ่งกันและกัน ข้อจำกัดทางทหารไม่ใช่เรื่องที่ดี"พระชายาจี้ถึงกับขำ แววตาของนางดูเย็นชาขึ้นมา "จริงหรือ? แล้วทำไมข้าถึงได้ยินว่าสนธิสัญญานี้หมายถึงการไม่รุกรานกัน? หรือว่าแม่ทัพซุยมีความคิดที่จะรุกรานแคว้นอื่น"แม่ทัพซุยตกตะลึง "นี่...ข้าย่อมไม่มีอยู่แล้ว"“ในเมื่อไม่มี เจ

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1010

    หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวลั่วหมี่ยังมีไข้อยู่นางยิ้มและพูดว่า "เสด็จย่า พวกเขาอาจจะงอแง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงเหนื่อยได้เพคะ"ไทเฮาทรงมีสีพระพักตร์นิ่งเฉย และตรัสอย่างไม่พอใจว่า “เกรงว่าคนแก่อย่างข้าจะอ่อนล้า หรือไม่วางใจให้ข้าดูแลพวกเขากัน? กลัวว่าพวกเขาอยู่กับข้าแล้วจะดูแลไม่ดี ไม่มีนมให้กินอย่างนั้นรึ” หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ดูพระองค์พูดสิเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเลวร้ายได้อย่างไร? พระองค์ออกจะรักเหมือนเป็นหัวแก้วหัวแหวน... "“บุ้ย ๆ ๆ หัวแก้วหัวแหวนอะไรกัน ไม่ใช่ลูกสาวสักหน่อย แต่เป็นทองคำต่างหาก ทองคำของข้า” ไทเฮาทรงตรัสแปลก ๆ ขณะอุ้มเสี่ยวลั่วหมี่ไว้นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หยวนชิงหลิงและพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่าพูดไร้สาระ แค่อยู่ในวังสักสองสามวัน ไว้หายดีแล้วค่อยให้เจ้ามารับไป หากยังกังวลใจ ให้ไปหาไท่ซ่างหวงให้รับรองให้เจ้าเถอะ”หยวนชิงหลิงได้ยินว่านางถึงกับยกไท่ซ่างหวงออกมาแบบนี้ นางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร นางจึงจำใจต้องส่งลูกที่เพิ่งครบเดือนให้ห่างอกนางเท่านั้นอย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงเรื่องการจัดตั้งโรงเรียนแพทย์ ทุกวันนี้นางก็แทบไม่มีเวลา

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1009

    ในเมื่อเสด็จพ่อเห็นด้วย จะให้เขามาหารือกับเหล่าขุนนางเพื่อเรียกแรงสนับสนุน แล้วทำไมเขาต้องไปหาเสียงเห็นชอบด้วยจักรพรรดิหมิงหยวนมองเขาอย่างแฝงความนัย เขายังเด็กเกินไปจริง ๆ "ไปซะ"อวี่เหวินห่าวออกไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่า มันยังเป็นความเคลื่อนไหวอันเฉียบแหลมของเสด็จพ่อ ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของพระองค์ออกมา และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่าขุนนางอย่างเงียบ ๆ หากพระองค์แสดงจุดยืนออกมา หลายคนจะเอียนเอียงคล้อยตามพระองค์ทันที ถ้าพระองค์ไม่พูดอะไร พระองค์ก็จะรู้ความคิดทุกคนจริง ๆ ว่าใครอยู่ข้างตี้เว่ยหมิงอย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาจากไป จักรพรรดิหมิงหยวนก็คิดว่าเรื่องนี้มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักประวัติศาสตร์ในอนาคตเขียนส่งเดชให้เขาเป็นแพะรับบาป การแสร้งทำเป็นบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่น่าทำได้น่าจะเป็นการดีกว่าเขากำลังกินหมานโถ่วและกังวลใจเกี่ยวกับเสี่ยวลั่วหมี่วันนี้เสี่ยวลั่วหมี่มีไข้ อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวลั่วหมี่ แต่เด็กทั้งสามคนมีอาการไอเล็กน้อยเพียงแต่ร่างกายของเสี่ยวลั่วหมี่นั้นไม่ค่อยแข็งแรง เขาจึงมี

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1008

    หลังจากเลิกว่าราชกิจแล้ว อวี่เหวินห่าวก็ไม่ย่อมไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงไปหอตำราหลวงหาจักรพรรดิหมิงหยวนจักรพรรดิหมิงหยวนมักจะกินอาหารเช้าหลังจากเลิกว่าราชกิจในยามเช้า มีโจ๊กและหมานโถ่วอยู่ในห้องทำงานของจักรพรรดิ หลังจากกินโจ๊กชามหนึ่ง ก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า"เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่าเจ้ากับแม่ทัพเฉินแห่งต้าโจว? ถึงเป็นเหตุผลให้เจ้าวิ่งเต้นขนาดนี้?”อวี่เหวินห่าวไม่ได้กินอาหารเช้าเช่นกัน และตอนนี้เขาหิวมาก เมื่อเห็นว่าเขาหยุดกินโจ๊กแล้ว เขาคิดว่าเขาไม่เอาหมานโถ่วแล้ว จึงเอื้อมมือไปหยิบหมานโถ่ว “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อม..."จักรพรรดิหมิงหยวนหยิบตะเกียบขึ้นมาและชี้ไปที่เขา "วางลงซะ!"อวี่เหวินห่าวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อเห็นสายตาพ่อตัวเองเป็นประกายเช่นนั้น เขาแอบบ่นว่าขี้งกและวางหมานโถ่วกลับที่เดิมจักรพรรดิหมิงหยวนหยิบหมานโถ่วขึ้นมาเช็ด จากนั้นค่อย ๆ ปอกลอกเปลือกนอกออกและกินมัน โดยทิ้งอวี่เหวินห่าวที่อยู่ข้าง ๆอวี่เหวินห่าวพูดอย่างเศร้าใจ "กระหม่อมก็หิวเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ตื่นมา แม่นมบอกว่าเสี่ยวลั่วหมี่ตัวร้อนเล็กน้อย กระหม่อมจึงรีบไปดูก่อน ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารเช้า"เมื่อได้ยินว

  • ใต้หล้าสยบรัก   บทที่ 1007

    เขาพูดเสียงดังในท้องพระโรง "เป่ยโม่และเสียนเป่ยเป็นดั่งหมาป่าทะเยอทะยาน พวกเขาจับตามองเป่ยถังมานานแล้ว แต่เป็นเพราะทหารม้าที่แข็งแกร่งของเป่ยถั งและเหล่ายอดนักรบจึงขับไล่พวกเขากลับไปได้เป็นการชั่วคราว แต่ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่กลับมารุกรานอีกตอนนี้ต้าโจวได้พัฒนาอาวุธและรถออกศึกได้ หากทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกัน ต้าโจวสามารถช่วยเป่ยถังปรับปรุงอาวุธและยุทโทปกรณ์ ซึ่งสามารถเสริมสร้างการป้องกันทางทหารของเป่ยถังได้ และร่วมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่เป็นประโยชน์ระยะยาวสำหรับเป่ยถัง รัชทายาททรงมีพระวินิจฉัยที่ลึกซึ้ง นั่นเป็นผลดีต่อราษฏร และเขายังคิดถึงระยะยาวสำหรับเป่ยถัง ส่วนแม่ทัพตี้เว่ยหมิงที่เจตนาพูดจาให้คนอื่นตกใจนั้นก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย ว่าไปแล้วเป่ยถังไม่ได้ไปรุกรานโม่เป่ยกับเสียนเป่ย หากพวกเขาไปรุกรานต้าโจว มีหรือจะปล่อยเป่ยถังไว้? หรือถึงตอนนั้นต้องยกแคว้นให้เพื่อสงบศึกกัน? "ในตอนนั้นเป่ยถังพ่ายแพ้ให้กับเป่ยโม่ ถูกทหารสามหมื่นนายล้อมไว้ ในท้ายที่สุด แม่ทัพตี้เว่ยหมิงถูกส่งไปเจรจาสงบศึก ยกเมืองที่เป่ยโม่ต้องการถึงจะยอมถอยทัพนี่เป็นความอัปยศอดสูของเป่ยถังเสมอ และม

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status