หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มพลางกะพริบตาปริบมองเพดานครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกเวลาบ่ายโมงห้านาที
ครั้นพอสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน เธอตั้งท่าจะพลิกตัวหาคนข้างกาย ทว่าจังหวะที่ขยับตัวความเจ็บแปลบตรงส่วนนั้นพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนต้องเคลื่อนไหวช้าๆ
หญิงสาวเริ่มไล่สายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว เรือนผมอันเดอร์คัตสีควันบุหรี่ปรกลงมาบดบังเปลือกตา เธอเห็นแบบนั้นจึงใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้พ้นทางหวังชื่นชมทุกสัดส่วนบนใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นราวกับประติมากรรมชั้นยอด
ไม่บ่อยครั้งนักที่หัสวีร์จะมาค้างอ้างแรมกับเธอที่นี่เพราะการเจอกันแต่ละครั้ง นั่นหมายถึง ต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเสมอ นอกจากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างเมื่อคืน
ชายหนุ่มชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจซึ่งไม่แปลกที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหา พวกหล่อนขอแค่ได้ปรนนิบัติเขาบนเตียงเพียงสักครั้งก็ยังดี
ถึงแม้หัสวีร์จะชื่นชอบการเที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่องานเลยสักครั้ง ทว่าในทางกลับกันคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดันเป็นเธอ
เธอที่มักจะมีความสำคัญจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ เสมอ...
จู่ๆ เวนิสก็เริ่มนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน…
@Bloom flower
กรุ๊ง กริ๊ง ~
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ต้องขออภัยด้วยนะคะ ตอนนี้ร้านปิดแล้วค่ะ” เสียงหวานรื่นหูเปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาวร่างเล็กหลังเคาน์เตอร์ซึ่งกำลังยืนคัดแยกดอกไม้ในส่วนที่ใช้งานไม่ได้ออกจากกัน
ชุดยาวกรอมเข่าสีขาวดูสะอาดตาบนเรือนร่างของเธอดูเข้ากันกับผ้ากันเปื้อนสีเหลืองมัสตาร์ดเพิ่มความสดใสน่ามอง อีกทั้งรอยยิ้มมีเสน่ห์บนใบหน้าจิ้มลิ้มขับให้ดูโดดเด่นสะดุดตา
"ไม่ทันสินะ"
ร่างสูงที่เพิ่งเข้ามาหยุดชะงักพร้อมพึมพำเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวกลับได้ยินชัดเจนซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาอยู่ข้างนอก
"รอให้ฝนซาก่อนแล้วค่อยไปจะดีกว่านะคะ"
"..."
"เชิญนั่งรอตรงนั้นได้เลยค่ะ" หญิงสาวผายมือไปยังมุมรับรองแขก หลังจากนั้นเธอจึงหายเข้าไปในพื้นที่ด้านหลังแล้วกลับออกมาพร้อมชาไหมข้าวโพดอุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งร้าน
"ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ถึงยังไงผมก็ยังไม่ใช่ลูกค้าของคุณ" นัยน์ตาอ่านยากคู่นั้นจ้องมองคนที่กำลังวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
"แต่จุดประสงค์แรกของคุณคือการมาซื้อดอกไม้ไม่ใช่เหรอคะ" ริมฝีปากยังคงเปื้อนรอยยิ้มไม่จางหายขณะย้อนถาม
"คงงั้น" ว่าแล้วยกชาขึ้นจิบเล็กน้อยก่อนจะวางลงที่เดิมพลางพูดขึ้นอีกครั้ง
"ผมไม่เคยสังเกตเลย ว่าตรงนี้ถูกเปิดเป็นร้านดอกไม้"
"เพราะมองหาจึงมองเห็นค่ะ"
"หืม?"
"ก่อนหน้านี้คุณกำลังมองหาร้านดอกไม้อยู่ไม่ใช่เหรอคะ"
ชายหนุ่มครางตอบในลำคอด้วยความประหลาดใจและดูเหมือนว่าเขาจะเจอผู้หญิงช่างพูดช่างเจรจาเข้าให้แล้ว
"คนเราถ้าไม่ได้สนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษก็มักจะมองข้ามหรืออาจไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำใช่มั้ยล่ะคะ"
"ก็คงจริงอย่างที่คุณว่า ผมไม่เคยสนใจร้านดอกไม้ ไม่คิดที่จะเข้าไปเหยียบด้วยซ้ำ"
และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งสอง...
หลังจากผ่านการศึกษาดูใจได้สักระยะก็ตัดสินใจคบหาและย้ายไปอยู่ด้วยกันที่เพนต์เฮาส์ของชายหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งระยะเวลาล่วงเลยไปมากเท่าใด พวกเขาต่างทำร้ายจิตใจกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมันกลายเป็นรอยแผลใหญ่ที่ยากจะเยียวยา
ในตอนนั้นเองที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มเป็นเหมือนประกายไฟป่าซึ่งเต็มไปด้วยเชื้อเพลิงและพร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างให้พังราบได้ตลอดเวลา หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายตัดสินใจเปิดปากขอยุติความสัมพันธ์นั้นลง
เวนิสพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้แตกต่างจากเดิม เธอแค่อยากเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเอง
แต่ฝ่ายที่ไม่ยอมเลิกรากลับกลายเป็นเขา...
หลังจากนั้นราวหนึ่งเดือน หัสวีร์ยื่นสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอพร้อมข้อเสนอที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายย่อมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
อาคารพาณิชย์สามชั้นในย่านทำเลทองซึ่งเป็นสถานที่เปิดร้านดอกไม้ที่เธอเช่าอยู่จะไม่ถูกขายให้นักลงทุนชาวต่างชาติ ถึงแม้ฝ่ายนั้นจะเสนอราคาสูงลิบลิ่วก็ตามและเรื่องที่ว่าเขาเป็นเจ้าของอาคารหลังนั้น หญิงสาวมารับรู้หลังจากคบหากันเข้าปีที่สองแล้ว
หัสวีร์ไม่ได้มาในรูปแบบการง้อขอคืนดีอย่างที่คนรักทั่วไปทำกัน แต่กลับยื่นข้อเสนอตามที่ตัวเองต้องการโดยให้เธอมาอยู่ในสถานะผู้หญิงของเขาที่ไม่ใช่สถานะคนรักอีกต่อไป
ขอเพียงแค่การกลับมาในครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน รวมถึงห้ามไปมีความสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นโดยเด็ดขาด และเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง สิ่งที่เธอจะได้รับคืออาคารพาณิชย์หลังนั้น
ข้อตกลงนี้ระบุไว้ในสัญญาโดยมีระยะเวลาหนึ่งปีและตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่เดือน พันธะทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง
เวนิสถูกดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อคนข้างกายเริ่มขยับตัว เธอจึงรีบปิดเปลือกตาลงแสร้งทำเป็นหลับ
"อรุณเบิกฟ้าแล้วแม่นกน้อย" โน้มไปจุมพิตที่หน้าผากของคนตัวเล็กพลางสวมกอดหลวมๆ
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตามองการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะดันร่างเขาออกเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ร่างเล็กพยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงหัวเตียงโดยมีผ้าห่มผืนหนาปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าไว้หมิ่นเหม่พลางพูดขึ้น
"อรุณเบิกฟ้าอะไรของคุณ ที่มันบ่ายโมงกว่าๆ แล้ว" เลื่อนลิ้นชักหยิบแผงยามาแกะออกหนึ่งเม็ดก่อนจะส่งเข้าปากโดยไม่ลืมดื่มน้ำตามลงไป
"คุณไม่ได้ฉีดยาคุมหรอกเหรอเวย์"
"อือ เปลี่ยนมากินสักพักแล้ว" ก่อนหน้านี้เคยทดลองใช้วิธีคุมกำเนิดทั้งแบบฝัง ฉีด แล้วก็กิน แต่ดูเหมือนว่าการกินจะตอบโจทย์เธอมากที่สุด
"กินตรงเวลาใช่มั้ย"
"ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ฉันไม่ปล่อยท้องเพื่อจับคนอย่างคุณแน่นอน"
ครั้นได้ยินประโยคนั้นก็ทำเอาชายหนุ่มตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ
"คนอย่างผมมันทำไม"
"ไม่เหมาะกับการเป็นพ่อของใครหรอก"
"ปากเก่งจริงๆ " สิ้นคำพูดนั้นก็จู่โจมร่างเล็กโดยการรวบไว้ในวงแขนแกร่ง
"หยุดนะฮอตช์"
"ผมเริ่มอยากฟังเสียงครางจากปากเก่งๆ ของคุณซะแล้วสิ" แววตาของเขามีประกายเจ้าเล่ห์
"ไม่! ฉันเหนื่อยและเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว"
หัสวีร์ชะงักไปเล็กน้อยและยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เขามีอะไรกับเธอรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาจริงๆ แต่จะให้พอแค่นั้นย่อมไม่ใช่เขา
"ครั้งนี้ ผมจะทำเบาๆ "
"ฮอตช์!"
"เวย์ คุณห้ามผมให้เลิกอยากเอาคุณไม่ได้หรอก"
ร่างสูงรีบลุกขึ้นช้อนคนตัวเล็กไว้บนแขนราวกับสิ่งของไร้น้ำหนักแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องอาบน้ำในสภาพเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
"ฮอตช์ คุณเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ"
หัสวีร์แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้ววางหญิงสาวให้นั่งลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก่อนจะเอื้อมมือกดเปิดระบบทำน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งต้องรออีกสักพัก
"เราอย่ามาเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย"
ชายหนุ่มรวบรั้งเอวบางเข้าประชิดตัวจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นผ่านผิวเนื้อของกันและกัน นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นไล่มองไปยังทีละจุดบนใบหน้าจิ้มลิ้มแล้วมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มพลางกลืนน้ำลายลงคอ
เขาไม่รอช้าแนบริมฝีปากได้รูปลงบนเรียวปากอีกฝ่ายแล้วมอบสัมผัสสุดแสนจะอ่อนโยน นุ่มนวลและเนิ่นนานส่งผลให้หัวใจของเธอพองโตราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
ลมหายใจของทั้งสองสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความมัวเมาก่อนจะถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง
หัสวีร์ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยทั่วริมฝีปากชุ่มฉ่ำแล้วถูปลายจมูกโด่งเป็นสันลงบนจมูกของเธอก่อนจะจูบปรางแก้มสีระเรื่อทั้งสองข้างอีกฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมสีแดงไวน์ที่ข้างแก้มทัดไว้หลังหูแล้วแตะใบหน้าเธอด้วยปลายนิ้ว ไล้มาถึงคาง ขณะจ้องมองกันและกันอย่างมีความหมาย
เวนิสค่อยๆ หลับตาพลางเอียงแก้มโดยที่อีกฝ่ายเริ่มไซ้จมูกเข้าหาลำคอระหงแล้วเลื่อนลงมายังลาดไหล่เปลือยเปล่า ความหอมหวานยิ่งกระตุ้นความต้องการให้วิ่งพล่านไปทั้งตัว
"อื้ม"
เขาพรมจูบทั่วเนินอกจนลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวขาวผุดผาดแล้วเริ่มใช้ปลายลิ้นหยอกล้อยอดถันสลับกันทั้งสองข้างเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ของเธอ
"อ้า!"
หญิงสาวส่งเสียงครางหวานพลางจิกเล็บลงบนมัดกล้ามแข็งแกร่งเป็นการระบาย แค่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาอีกฝ่ายอยากจะอัดกระแทกเธอให้สุดทางเสียเดี๋ยวนี้ชายหนุ่มวนเวียนอยู่กับทรวงอกเต่งตึงแล้วลากปลายลิ้นละเลียดซุกซนจนพึงพอใจก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกฝ่าเท้าน้อยๆ ขึ้นพรมจูบตั้งแต่ปลายนิ้วโป้ง ข้อเท้า น่องเรียวไล่ไปจนถึงต้นขาด้านในหัสวีร์เหลือบสายตามองปฏิกิริยาของเธอด้วยความสิเน่หา สองเต้ากลมกลึงกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหอบหายใจถี่กระชั้นพร้อมเผยอริมฝีปากร้องครางออกมายิ่งกระตุ้นเลือดลมของเขาให้สูบฉีดอัดแน่นจนปวดหนึบ"อ่าส์"ชายหนุ่มเลื่อนสายตามาหยุดที่กลีบดอกไม้แสนสวยแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดกรายเบาๆ จนคนตัวเล็กสะดุ้ง หลังจากนั้นจึงแหวกออกจนเห็นโพรงอ่อนนุ่มสีหวานน่าลิ้มลองหัสวีร์ไม่รอช้ารุกล้ำอาณาเขตด้วยการกดนิ้วลงที่ร่องสวาทซึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวานเปียกชุ่มแล้วขยับเสียดสีสร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมากไม่เพียงแค่นั้น เขายังทรมานเธอโดยการใช้เรียวลิ้นตวัดเลียหยอกล้อ ดูดดึง ไล่ลิ้มชิมน้ำหวานที่ไหลรินอย่างกระหายจนหญิงสาวอดรนทนไม่ไหวสอดนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเรือนผมของเขาพร้อมแอ่นสะโพกรับการกระทำนั
ตึก ตึก ตึก!รองเท้าส้นสูงกว่าสี่นิ้วกระทบพื้นเงาวับเป็นจังหวะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวในชุดราตรีสีโอลด์โรสดูโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาในลิฟต์กระจกใสแล้วกดหมายเลขชั้นที่ต้องการทุกอย่างรอบตัวค่อยๆ ปรากฏภาพเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลยามราตรี แสงไฟจากอาคารส่องประกายระยิบระยับบดบังดวงดาราจนหมดสิ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเข้างานที่ถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งอลังการ เสียงไพเราะเสนาะหูของเซลโลและเปียโนผสานกันอย่างลงตัวสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกหญิงสาวกวาดสายตามองความงดงามเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกปีติยินดีก่อนจะเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดโอ่อ่าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราเวนิสได้รับการ์ดเชิญมางานมงคลสมรสของลูกค้าประจำที่คอยอุดหนุนดอกไม้ตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ จวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งดอกไม้ทั้งหมดภายในงานก็ส่งตรงมาจากไร่ของเธอเช่นเดียวกันหญิงสาวรีบเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวพร้อมให้ของขวัญแล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินมาหยุดยืนบริเวณโซนเครื่องดื่ม เนื่องจากเธอไม่ได้รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวเวนิสรับแก้วไวน
เช้าวันต่อมา…ปึง เคร้ง!ร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการทำไข่ดาวหน้าเตากระแทกตะหลิวลงอย่างแรงพลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ไข่ดาวสำหรับอาหารเช้าที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเละเทะไม่เหลือชิ้นดี“อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะคะ”เวนิสเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พลางจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย“ผมคงไม่เหมาะกับการทำอาหารละมั้ง”“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนเราใช่ว่าจะเก่งทุกเรื่องนี่นา”ประโยคเหล่านั้นทำเอาคนฟังหัวใจกระตุก หลายครั้งหลายคราคำพูดของเธอมักจะทำให้เขาฉุกคิดบางอย่างได้เสมอ เพราะแบบนั้นความไม่ได้ดังใจก่อนหน้าจึงค่อยๆ เบาบางลง“ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มแก้แฮงค์อยู่นะ ถ้าคุณต้องการ”เวนิสพยักหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะปริปากถามไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เมื่อคืนฉันคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่มั้ย”"แล้วอะไรล่ะ ที่ว่าแปลก""อะไรก็ได้ที่ปกติฉันจะไม่ทำ" เธอยอมรับโดยสัตย์จริงว่าจดจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพตัดไปตั้งแต่ช่วงไหนคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาทำเพียงยืนนิ่งเหมือนกำลังชั่งใจก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับด้วยสีหน้าเคลือบแคลง“คุณปิดบังอะไรผมอยู่หรือเป
สัปดาห์ต่อมา…"สุขสันต์วันเกิดนะคะ คุณครินต์"“ขอบคุณที่มานะ” ใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มจางๆ ขณะยื่นมือรับกล่องของขวัญมาจากหญิงสาว“คุณครินต์อุตส่าห์ชวนทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ”เวนิสกลับมาจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดเมื่อวานและช่วงบ่ายของวันนี้เธอก็ออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายปลายทางคือบีชคลับลอยน้ำกลางทะเลพัทยาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของคิรินอันที่จริงเธอสามารถฝากของขวัญมาให้ก็ได้ แต่ที่เลือกมาด้วยตัวเองเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง และบางอย่างที่ว่านั่นก็คือเพื่อนสนิทของเขาหัสวีร์ยอมจ่ายเงินหกหลักเพื่อให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้...และคนอย่างเธอก็ซื้อได้ด้วยเงินด้วยสิ“ไอ้ฮอตช์มันหายหัวไปไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย”คิรินพร่ำบ่นพลางกดโทรศัพท์มือถือขยุกขยิก สีหน้าบ่งบอกว่าเอือมระอาเต็มทนก่อนจะพูดกับเธออีกสองสามประโยคแล้วขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานบีชคลับลอยน้ำแห่งนี้เป็นเรือสามชั้นซึ่งมีพื้นที่มากกว่าสองพันตารางเมตรพร้อมด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้เอนหลังทันสมัยและต้นปาล์มล้อมรอบเวทีบริเวณสระว่ายน้ำมีดีเจชื่อดังระดับโลกสองคนคอยมอบความสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับบาร์ค็อกเทลด้านข้
ลมหายใจของหญิงสาวถึงกับสะดุด เมื่อถูกอีกฝ่ายจับเข่าทั้งสองข้างแยกออกแล้วดันสะโพกกลมกลึงขึ้นสูงก่อนจะฝากฝังแกนกายขนาดใหญ่เข้าสู่ร่างกายเต็มแรง"อ้ะ!"เขาแช่ไว้ทั้งอย่างนั้นพร้อมใช้ปลายนิ้วเขี่ยหยอกล้อยอดอกที่โผล่ขึ้นมาพ้นรอยแยกของเสื้อชั้นในจนแข็งเป็นไตพลางใช้ฟันคมขบงับติ่งหูแล้วพ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหวกระทั่งยอดอกแข็งชันถูกกดลึกเข้าไปในช่องปากแล้วใช้ลิ้นสากตวัดเลียดูดดึงเต็มแรง ปลุกอารมณ์ซาบซ่านของทั้งสองจนลมหายใจถี่กระชั้น"อื้อ" คนถูกกระทำกระสับกระส่ายด้วยความปั่นป่วนที่กำลังแทรกซึมไปทั่วอณูร่างกายชายหนุ่มเริ่มลูบไล้เรือนร่างของเธอแล้วหยุดที่ทรวงอกอวบอัด สองมือขย้ำหน้าอกขาวนวลสลับเคล้าคลึงเนื้อหนั่นด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันช่วงล่างก็ค่อยๆ ขยับทำหน้าที่อย่างชำนิชำนาญ"อ้าส์" ร่างเล็กสะท้านวาบ ระบายความเสียวซ่านจากการกระทำของเขาโดยการจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ปึก ปึก ปึก!สะโพกสอบขยับเป็นจังหวะถี่ยิบ ส่วนที่เชื่อมโยงกันถูกบีบรัดอย่างรุนแรงจนต้องกัดฟันแน่นระงับไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยเร็วเกินไปการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างดุดันและหนักหน่วงจนเธอเผลอยกสะโพกขึ้น
“ไงมึง ทำไมมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่ตรงนี้ล่ะ” หัสวีร์ร้องทักเจ้าของวันเกิดที่ปลีกตัวออกมาสักพักแล้วด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“แล้วมึงล่ะ ไปโดนตัวไหนมา อารมณ์ดีเชียว” คิรินที่แอบมานั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ของดาดฟ้าสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้“เอาเรื่องของมึงก่อนดีกว่า”“ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมานั่งรับลมเฉยๆ ”“โกหกได้ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” มองแวบเดียวก็รับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทมีท่าทางที่แปลกไป“งั้นมึงดูนี่” ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกหมาดแล้วเลื่อนหาอะไรบางอย่างก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่ยืนกอดอกพิงราวเหล็ก“รู้ใช่มั้ยว่ามันคืออะไร”“ก็ภาพอัลตราซาวด์ไง” เขาตอบแทบไม่ต้องคิดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้จนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว"ผู้หญิงที่กูเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อสองเดือนก่อนส่งมา"“แสดงว่าที่มึงมานั่งคิดมากแบบนี้เพราะมีความเป็นไปได้ใช่มั้ย”คิรินพยักหน้าช้าๆ ขณะทอดสายตามองไปยังจุดใดจุดหนึ่งในความมืดมิด“แต่ในความเป็นไปได้ ก็ย่อมมีความเป็นไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล“ในทางกลับกัน ถ้ามันเกิดใช่ขึ้นมาล่ะ กูนึกสภาพไม่ออกเลย”“…”
ปึง!"ออกไปนะ"ร่างสูงที่เดินตามหลังเข้ามาติดๆ กระแทกปิดประตูห้องอย่างแรงก่อนจะกระชากเรียวแขนเล็กให้หยุดเผชิญหน้าพลางพูดลอดไรฟัน“เดี๋ยวนี้กล้าอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ”“อี๋อ๋ออะไรของคุณ” สวนกลับเสียงห้วน สายตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้และเพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาล“คิดว่าผมไม่เห็นตอนที่คุณยืนยิ้มร่า (น) อยู่กับไอ้หน้าหวานคนนั้นสินะ"ครั้นได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเธอรู้สึกขุ่นเคืองพร้อมที่จะเชือดเฉือนอย่างเผ็ดร้อน“ประสาท”“ว่าไงนะ” เส้นเลือดตรงขมับของเขาปูดโปนขณะกัดฟันกรอดฟังสิ่งที่เธอกำลังพูด“ทีตัวเองยังยืนอี๋อ๋อกับยัยนมซิลิโคนนั่นได้เลย”“ในเมื่อคุณทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้"“แค่เพียงเพราะคุณทำได้ ไม่ได้แปลว่าคุณควรทำนะ เวนิส!” เขาบีบแขนของเธอแรงขึ้นพลางเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์"ทำตัวเป็นเด็กหวงของไปได้" กลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ"สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมน่ะเหรอจะมาหวงของเล่นอย่างคุณ""แล้วที่เป็นหมาบ้าอยู่นี่คืออะไร ยอมรับความจริงเสียทีเถอะ ว่าคุณน่ะหึงฉัน"“ไม่มีทาง”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะยืนอี๋อ๋อกับใครก็ได้สิ”“แสดงว่าอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่น”“
หัวใจของเขากระตุกวูบจนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวขณะเดียวกันในสมองก็ขาวโพลนเหมือนมีม่านหมอกเข้าปกคลุมทำเอายืนตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้ง“เวย์ คุณอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิ ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ” พยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบากขณะจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา“ไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะฮอตช์” น้ำเสียงสั่นเครือของเธอยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวความรู้สึกหลากหลายแผ่กระจายตีกันอลหม่านอยู่ในสมองของหัสวีร์จนไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรกับเรื่องราวที่น่าตกใจเช่นนี้"ไม่จริง..." พึมพำออกมาเสียงเบาหวิวพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรงหญิงสาวเห็นประกายความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่งก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด แต่กระนั้นก็ไม่อยากปกปิดเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นนี้อีกต่อไปแล้ว“วันที่ฉันปวดท้องจนต้องเข้าโรงพยาบาล วันนั้น…”ลำคอตีบตันเพราะก้อนสะอื้นที่แล่นปราดขึ้นมาทันทีที่เปิดปากสารภาพจนต้องหยุดชะงักขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสจนพร่าเลือนเวนิสสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดเพื่อสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถก่อนจะปริปากพูดออกมาอีกครั้ง“วันนั้นฉันได้สูญเสียลูกของเร
หัวใจของเขากระตุกวูบจนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวขณะเดียวกันในสมองก็ขาวโพลนเหมือนมีม่านหมอกเข้าปกคลุมทำเอายืนตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้ง“เวย์ คุณอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิ ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ” พยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบากขณะจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา“ไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะฮอตช์” น้ำเสียงสั่นเครือของเธอยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวความรู้สึกหลากหลายแผ่กระจายตีกันอลหม่านอยู่ในสมองของหัสวีร์จนไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรกับเรื่องราวที่น่าตกใจเช่นนี้"ไม่จริง..." พึมพำออกมาเสียงเบาหวิวพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรงหญิงสาวเห็นประกายความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่งก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด แต่กระนั้นก็ไม่อยากปกปิดเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นนี้อีกต่อไปแล้ว“วันที่ฉันปวดท้องจนต้องเข้าโรงพยาบาล วันนั้น…”ลำคอตีบตันเพราะก้อนสะอื้นที่แล่นปราดขึ้นมาทันทีที่เปิดปากสารภาพจนต้องหยุดชะงักขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสจนพร่าเลือนเวนิสสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดเพื่อสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถก่อนจะปริปากพูดออกมาอีกครั้ง“วันนั้นฉันได้สูญเสียลูกของเร
ปึง!"ออกไปนะ"ร่างสูงที่เดินตามหลังเข้ามาติดๆ กระแทกปิดประตูห้องอย่างแรงก่อนจะกระชากเรียวแขนเล็กให้หยุดเผชิญหน้าพลางพูดลอดไรฟัน“เดี๋ยวนี้กล้าอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ”“อี๋อ๋ออะไรของคุณ” สวนกลับเสียงห้วน สายตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้และเพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาล“คิดว่าผมไม่เห็นตอนที่คุณยืนยิ้มร่า (น) อยู่กับไอ้หน้าหวานคนนั้นสินะ"ครั้นได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเธอรู้สึกขุ่นเคืองพร้อมที่จะเชือดเฉือนอย่างเผ็ดร้อน“ประสาท”“ว่าไงนะ” เส้นเลือดตรงขมับของเขาปูดโปนขณะกัดฟันกรอดฟังสิ่งที่เธอกำลังพูด“ทีตัวเองยังยืนอี๋อ๋อกับยัยนมซิลิโคนนั่นได้เลย”“ในเมื่อคุณทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้"“แค่เพียงเพราะคุณทำได้ ไม่ได้แปลว่าคุณควรทำนะ เวนิส!” เขาบีบแขนของเธอแรงขึ้นพลางเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์"ทำตัวเป็นเด็กหวงของไปได้" กลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ"สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมน่ะเหรอจะมาหวงของเล่นอย่างคุณ""แล้วที่เป็นหมาบ้าอยู่นี่คืออะไร ยอมรับความจริงเสียทีเถอะ ว่าคุณน่ะหึงฉัน"“ไม่มีทาง”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะยืนอี๋อ๋อกับใครก็ได้สิ”“แสดงว่าอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่น”“
“ไงมึง ทำไมมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่ตรงนี้ล่ะ” หัสวีร์ร้องทักเจ้าของวันเกิดที่ปลีกตัวออกมาสักพักแล้วด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“แล้วมึงล่ะ ไปโดนตัวไหนมา อารมณ์ดีเชียว” คิรินที่แอบมานั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ของดาดฟ้าสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้“เอาเรื่องของมึงก่อนดีกว่า”“ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมานั่งรับลมเฉยๆ ”“โกหกได้ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” มองแวบเดียวก็รับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทมีท่าทางที่แปลกไป“งั้นมึงดูนี่” ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกหมาดแล้วเลื่อนหาอะไรบางอย่างก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่ยืนกอดอกพิงราวเหล็ก“รู้ใช่มั้ยว่ามันคืออะไร”“ก็ภาพอัลตราซาวด์ไง” เขาตอบแทบไม่ต้องคิดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้จนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว"ผู้หญิงที่กูเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อสองเดือนก่อนส่งมา"“แสดงว่าที่มึงมานั่งคิดมากแบบนี้เพราะมีความเป็นไปได้ใช่มั้ย”คิรินพยักหน้าช้าๆ ขณะทอดสายตามองไปยังจุดใดจุดหนึ่งในความมืดมิด“แต่ในความเป็นไปได้ ก็ย่อมมีความเป็นไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล“ในทางกลับกัน ถ้ามันเกิดใช่ขึ้นมาล่ะ กูนึกสภาพไม่ออกเลย”“…”
ลมหายใจของหญิงสาวถึงกับสะดุด เมื่อถูกอีกฝ่ายจับเข่าทั้งสองข้างแยกออกแล้วดันสะโพกกลมกลึงขึ้นสูงก่อนจะฝากฝังแกนกายขนาดใหญ่เข้าสู่ร่างกายเต็มแรง"อ้ะ!"เขาแช่ไว้ทั้งอย่างนั้นพร้อมใช้ปลายนิ้วเขี่ยหยอกล้อยอดอกที่โผล่ขึ้นมาพ้นรอยแยกของเสื้อชั้นในจนแข็งเป็นไตพลางใช้ฟันคมขบงับติ่งหูแล้วพ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหวกระทั่งยอดอกแข็งชันถูกกดลึกเข้าไปในช่องปากแล้วใช้ลิ้นสากตวัดเลียดูดดึงเต็มแรง ปลุกอารมณ์ซาบซ่านของทั้งสองจนลมหายใจถี่กระชั้น"อื้อ" คนถูกกระทำกระสับกระส่ายด้วยความปั่นป่วนที่กำลังแทรกซึมไปทั่วอณูร่างกายชายหนุ่มเริ่มลูบไล้เรือนร่างของเธอแล้วหยุดที่ทรวงอกอวบอัด สองมือขย้ำหน้าอกขาวนวลสลับเคล้าคลึงเนื้อหนั่นด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันช่วงล่างก็ค่อยๆ ขยับทำหน้าที่อย่างชำนิชำนาญ"อ้าส์" ร่างเล็กสะท้านวาบ ระบายความเสียวซ่านจากการกระทำของเขาโดยการจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ปึก ปึก ปึก!สะโพกสอบขยับเป็นจังหวะถี่ยิบ ส่วนที่เชื่อมโยงกันถูกบีบรัดอย่างรุนแรงจนต้องกัดฟันแน่นระงับไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยเร็วเกินไปการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างดุดันและหนักหน่วงจนเธอเผลอยกสะโพกขึ้น
สัปดาห์ต่อมา…"สุขสันต์วันเกิดนะคะ คุณครินต์"“ขอบคุณที่มานะ” ใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มจางๆ ขณะยื่นมือรับกล่องของขวัญมาจากหญิงสาว“คุณครินต์อุตส่าห์ชวนทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ”เวนิสกลับมาจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดเมื่อวานและช่วงบ่ายของวันนี้เธอก็ออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายปลายทางคือบีชคลับลอยน้ำกลางทะเลพัทยาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของคิรินอันที่จริงเธอสามารถฝากของขวัญมาให้ก็ได้ แต่ที่เลือกมาด้วยตัวเองเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง และบางอย่างที่ว่านั่นก็คือเพื่อนสนิทของเขาหัสวีร์ยอมจ่ายเงินหกหลักเพื่อให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้...และคนอย่างเธอก็ซื้อได้ด้วยเงินด้วยสิ“ไอ้ฮอตช์มันหายหัวไปไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย”คิรินพร่ำบ่นพลางกดโทรศัพท์มือถือขยุกขยิก สีหน้าบ่งบอกว่าเอือมระอาเต็มทนก่อนจะพูดกับเธออีกสองสามประโยคแล้วขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานบีชคลับลอยน้ำแห่งนี้เป็นเรือสามชั้นซึ่งมีพื้นที่มากกว่าสองพันตารางเมตรพร้อมด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้เอนหลังทันสมัยและต้นปาล์มล้อมรอบเวทีบริเวณสระว่ายน้ำมีดีเจชื่อดังระดับโลกสองคนคอยมอบความสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับบาร์ค็อกเทลด้านข้
เช้าวันต่อมา…ปึง เคร้ง!ร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการทำไข่ดาวหน้าเตากระแทกตะหลิวลงอย่างแรงพลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ไข่ดาวสำหรับอาหารเช้าที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเละเทะไม่เหลือชิ้นดี“อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะคะ”เวนิสเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พลางจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย“ผมคงไม่เหมาะกับการทำอาหารละมั้ง”“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนเราใช่ว่าจะเก่งทุกเรื่องนี่นา”ประโยคเหล่านั้นทำเอาคนฟังหัวใจกระตุก หลายครั้งหลายคราคำพูดของเธอมักจะทำให้เขาฉุกคิดบางอย่างได้เสมอ เพราะแบบนั้นความไม่ได้ดังใจก่อนหน้าจึงค่อยๆ เบาบางลง“ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มแก้แฮงค์อยู่นะ ถ้าคุณต้องการ”เวนิสพยักหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะปริปากถามไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เมื่อคืนฉันคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่มั้ย”"แล้วอะไรล่ะ ที่ว่าแปลก""อะไรก็ได้ที่ปกติฉันจะไม่ทำ" เธอยอมรับโดยสัตย์จริงว่าจดจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพตัดไปตั้งแต่ช่วงไหนคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาทำเพียงยืนนิ่งเหมือนกำลังชั่งใจก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับด้วยสีหน้าเคลือบแคลง“คุณปิดบังอะไรผมอยู่หรือเป
ตึก ตึก ตึก!รองเท้าส้นสูงกว่าสี่นิ้วกระทบพื้นเงาวับเป็นจังหวะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวในชุดราตรีสีโอลด์โรสดูโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาในลิฟต์กระจกใสแล้วกดหมายเลขชั้นที่ต้องการทุกอย่างรอบตัวค่อยๆ ปรากฏภาพเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลยามราตรี แสงไฟจากอาคารส่องประกายระยิบระยับบดบังดวงดาราจนหมดสิ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเข้างานที่ถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งอลังการ เสียงไพเราะเสนาะหูของเซลโลและเปียโนผสานกันอย่างลงตัวสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกหญิงสาวกวาดสายตามองความงดงามเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกปีติยินดีก่อนจะเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดโอ่อ่าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราเวนิสได้รับการ์ดเชิญมางานมงคลสมรสของลูกค้าประจำที่คอยอุดหนุนดอกไม้ตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ จวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งดอกไม้ทั้งหมดภายในงานก็ส่งตรงมาจากไร่ของเธอเช่นเดียวกันหญิงสาวรีบเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวพร้อมให้ของขวัญแล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินมาหยุดยืนบริเวณโซนเครื่องดื่ม เนื่องจากเธอไม่ได้รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวเวนิสรับแก้วไวน
หญิงสาวส่งเสียงครางหวานพลางจิกเล็บลงบนมัดกล้ามแข็งแกร่งเป็นการระบาย แค่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาอีกฝ่ายอยากจะอัดกระแทกเธอให้สุดทางเสียเดี๋ยวนี้ชายหนุ่มวนเวียนอยู่กับทรวงอกเต่งตึงแล้วลากปลายลิ้นละเลียดซุกซนจนพึงพอใจก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกฝ่าเท้าน้อยๆ ขึ้นพรมจูบตั้งแต่ปลายนิ้วโป้ง ข้อเท้า น่องเรียวไล่ไปจนถึงต้นขาด้านในหัสวีร์เหลือบสายตามองปฏิกิริยาของเธอด้วยความสิเน่หา สองเต้ากลมกลึงกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหอบหายใจถี่กระชั้นพร้อมเผยอริมฝีปากร้องครางออกมายิ่งกระตุ้นเลือดลมของเขาให้สูบฉีดอัดแน่นจนปวดหนึบ"อ่าส์"ชายหนุ่มเลื่อนสายตามาหยุดที่กลีบดอกไม้แสนสวยแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดกรายเบาๆ จนคนตัวเล็กสะดุ้ง หลังจากนั้นจึงแหวกออกจนเห็นโพรงอ่อนนุ่มสีหวานน่าลิ้มลองหัสวีร์ไม่รอช้ารุกล้ำอาณาเขตด้วยการกดนิ้วลงที่ร่องสวาทซึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวานเปียกชุ่มแล้วขยับเสียดสีสร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมากไม่เพียงแค่นั้น เขายังทรมานเธอโดยการใช้เรียวลิ้นตวัดเลียหยอกล้อ ดูดดึง ไล่ลิ้มชิมน้ำหวานที่ไหลรินอย่างกระหายจนหญิงสาวอดรนทนไม่ไหวสอดนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเรือนผมของเขาพร้อมแอ่นสะโพกรับการกระทำนั
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มพลางกะพริบตาปริบมองเพดานครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกเวลาบ่ายโมงห้านาทีครั้นพอสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน เธอตั้งท่าจะพลิกตัวหาคนข้างกาย ทว่าจังหวะที่ขยับตัวความเจ็บแปลบตรงส่วนนั้นพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนต้องเคลื่อนไหวช้าๆหญิงสาวเริ่มไล่สายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว เรือนผมอันเดอร์คัตสีควันบุหรี่ปรกลงมาบดบังเปลือกตา เธอเห็นแบบนั้นจึงใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้พ้นทางหวังชื่นชมทุกสัดส่วนบนใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นราวกับประติมากรรมชั้นยอดไม่บ่อยครั้งนักที่หัสวีร์จะมาค้างอ้างแรมกับเธอที่นี่เพราะการเจอกันแต่ละครั้ง นั่นหมายถึง ต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเสมอ นอกจากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างเมื่อคืนชายหนุ่มชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจซึ่งไม่แปลกที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหา พวกหล่อนขอแค่ได้ปรนนิบัติเขาบนเตียงเพียงสักครั้งก็ยังดีถึงแม้หัสวีร์จะชื่นชอบการเที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่องานเลยสักครั้ง ทว่าในทางกลับกันคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดันเป็นเธอเธอที่มักจะมีความสำคัญจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ