ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง~
เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกคนที่กำลังหลับใหลในห้วงนิทรารมณ์แสนหวานให้ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาดิจิทัลบนผนังซึ่งบ่งบอกเวลาตีสามสิบห้านาที
“น่ารำคาญจริงๆ” คนบนเตียงถอนหายใจเบาๆ แต่กระนั้นกลับเอื้อมมือเปิดไฟตรงหัวเตียงเพียงสลัวแล้วพยุงตัวลุกขึ้นเดินลงมายังพื้นที่ชั้นล่างของห้องคอนโดแบบดูเพล็กซ์
“มาทำบ้าอะไรเวลานี้”
จังหวะประตูเปิดออก เธอรีบโพล่งถามอย่างหัวเสีย แต่กลับถูกอีกฝ่ายจู่โจมด้วยการรวบรั้งเอวบางเข้าแนบชิดร่างกายแข็งแกร่งโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“ฮอตช์! นี่คุณไปอาบเหล้ามาหรือไง เหม็นชะมัด” กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากตัวเขาทำเอาสีหน้าของเธอบิดเบี้ยวจนต้องสลัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม
“เวย์” ริมฝีปากหยักพึมพำออกมาแทบไม่ได้ยินก่อนจะคลายวงแขนแล้วใช้สองมือกอบกุมใบหน้าจิ้มลิ้ม ในตอนนั้นเองที่เธอรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างจากสีหน้าที่แสดงออกถึงความทรมานของเขา
“ฮอตช์ คุณเป็นอะไรนะ”
“ยา ยานรกนั่น” ลมหายใจร้อนผ่าวเริ่มติดขัดจนต้องสูดเอาอากาศเข้าปอดอีกครั้ง
“คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะเวย์” ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากล่างของเธอ สายตาบ่งบอกความต้องการชัดเจน
หัสวีร์ไม่รอฟังคำตอบใดๆ แล้วถือวิสาสะประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ!”
มือข้างหนึ่งยึดหลังคอเธอไว้เพื่อความสะดวกในการสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากชุ่มฉ่ำ เขาดื่มด่ำกับรสชาติแสนหวานแทบลืมหายใจก่อนจะผละออกแล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหู
“ผมยอมไม่แวะกินระหว่างทางก็เพื่อคุณ...”
“ดีใจจังเลยค่ะ ที่คุณคิดถึงฉันเป็นคนแรก” น้ำเสียงติดประชดประชันด้วยความหมั่นไส้
“แล้วคุณจะรู้ว่าความคิดถึงของผมมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน”
ไม่พูดเปล่ายังอุ้มร่างเล็กจนตัวลอยแล้ววางลงบนโต๊ะตัวใหญ่กลางห้องก่อนจะกดจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง
"อื้ม~"
เขาดูดดึงกลีบปากให้เผยออ้าแล้วเข้าไปซอกซอนอย่างหิวกระหาย ขณะเดียวกันมือก็ลูบไล้ไปตามอณูเนื้อบนผิวเนียนนุ่มส่งผลให้ความวาบหวามแล่นปราดไปทั่วสรรพางค์กายของเธอ
ชายหนุ่มช่ำชองในเรื่องนี้เป็นอย่างดี ว่าจุดไหนที่เขาควรแตะเพื่อกระตุ้นความต้องการของเธอให้คล้อยตามและกว่าที่หญิงสาวจะทันขัดขืน เธอก็ถูกเพลิงราคะเล่นงานเสียแล้วจึงปล่อยให้แรงปรารถนาพัดพาเข้าสู่ห้วงสวาทอันร้อนฉ่าอย่างง่ายดาย
ร่างสูงเริ่มจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของตัวเองอย่างเร่งรีบจนเผยให้เห็นแกนกายซึ่งตื่นตัวเต็มที่กำลังผงาด
นัยน์ตาคมกริบจ้องมองชุดนอนสีดำลายลูกไม้บนเรือนร่างของเธอก็ถึงกับหายใจสะดุด กระทั่งมือเล็กจับมั่นความเป็นชายของเขาแล้วรูดรั้งเบาๆ ไว้ในอุ้งมือส่งผลให้ความต้องการเพิ่มมากขึ้นชวนปั่นป่วนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ
เขาได้ทีแทรกกายเข้าไประหว่างขาเรียวทั้งสองข้างแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดกรายผ่านชั้นในตัวจิ๋วสร้างความวาบหวิวในช่องท้องของเธอจนเนินอกอวบอัดกระเพื่อมไหวล่อตาล่อใจ
ต่างฝ่ายต่างทรมานกันและกันยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบเถื่อนภายในใจ
"ซี๊ด! "
"อ้าส์"
ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วแหวกเข้าไปชอนไชกลีบกุหลาบสีหวานแล้วหยอกล้อกับเกสรแห่งความสุขจนเธอครวญครางไม่ขาดปาก ความวูบวาบแล่นปราดไปทั่วแผ่นหลังและท้องน้อยจนตัวงอ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูนวดในช่องทางรักเฉอะแฉะแล้วสอดนิ้วชี้นำร่องก่อนจะตามด้วยนิ้วกลางรู้สึกได้ถึงภายในตอดรัดรุนแรงจนเขายกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
เวนิสดันมือเขาออกจากการเล่นซุกซนแล้วเป็นฝ่ายจับแกนกายถูไถเบาๆ โดยมีเขาร่วมมือทำหน้าที่ดันพรวดเข้ามาจนสุดทางคับแคบ
เขาชอบที่เธอเป็นแบบนี้...
ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นสูดปากด้วยความเสียวซ่านก่อนจะเริ่มออกแรงกระแทกเป็นจังหวะหนักหน่วงทำเอาอีกฝ่ายปวดจุกหน้าท้อง
สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องส่วนที่แท่งเนื้อขนาดใหญ่ผลุบเข้าผลุบออกยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้ฮึกเหิมกว่าเดิมพลางจับเรียวขาเกี่ยวไว้รอบร่างกายกำยำ
ปึก ปึก!
ชายหนุ่มผ่อนแรงขยับสะโพกช้าๆ ทว่าเน้นๆ ตามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จุดเชื่อมต่อระหว่างกันอันแนบชิดส่งผลให้การสอดใส่ลึกกว่าเดิมจนคนตัวเล็กบิดกายเร่าราวกับทุกทรมานและสุขสมในเวลาเดียวกัน
หญิงสาวค่อยๆ เอนกายราบลงบนโต๊ะโดยมีชายหนุ่มโน้มตัวตามแล้วเลิกชุดนอนขึ้นก่อนจะใช้ปากหยอกล้อหน้าอกอิ่ม ลิ้นหนาตวัดเลียระรัวตรงยอดอกสีชมพูหวานสลับไปมาจนเธอเผลอจิกไหล่กว้างพร้อมครางเป็นการระบาย
มือของเขาข้างหนึ่งจึงรวบข้อมือเล็กแล้วกดมันไว้เหนือศีรษะ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยปุ่มกระสันเบื้องล่างเร้าอารมณ์ สองเสียงประสานดังระงมไปทั่วทั้งห้อง
"อ้ะ อ้าส์!"
ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบจนต้องหนีบเกร็งท่อนล่าง เม็ดเหงื่อผุดพรายเคลือบผิว ขณะเดียวกันจังหวะการเต้นของหัวใจก็เริ่มถี่ระรัวจนหัวสมองขาวโพลน
เขายกขาข้างหนึ่งของเธอพาดบ่าแล้วกระหน่ำกระแทกรุนแรงชวนให้เสียดเสียวท้องน้อยยากจะบรรยาย ขณะมืออีกข้างเลื่อนบีบเฟ้นหน้าอกอย่างเมามัน
“อื้อ ฮอตช์”
ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดขึ้นพลางกัดริมฝีปาก ช่างเป็นภาพเย้ายวนและกระตุ้นความกำหนัดของเขาในเวลาเดียวกัน
บัดนี้หญิงสาวเป็นฝ่ายส่ายร่อน บดคลึงเข้าหาความแข็งขืนอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่นานร่างกายของเธอก็เกร็งสะท้านพร้อมปลดปล่อยหยาดน้ำหวานอุ่นร้อนออกมา
ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นจึงรีบพลิกตัวเธอให้ยืนหันหลังหมิ่นเหม่แล้วกดศีรษะราบลงบนโต๊ะยิ่งทำให้สะโพกกลมกลึงแอ่นโด่งล่อตาล่อใจ
มือข้างหนึ่งรูดรั้งแกนกายสองสามครั้งโดยมืออีกข้างลูบไล้ตามแผ่นหลังที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อก่อนจะส่งท่อนเอ็นเข้าไปทีเดียวมิดด้ามแล้วกระหน่ำกระแทกนับครั้งไม่ถ้วน
"คุณชอบมั้ยเวย์"
หัสวีร์กระซิบถามน้ำเสียงกระเส่าขณะโน้มตัวขบงับติ่งหูแล้วใช้นิ้วสอดเข้าไปบีบบี้ยอดปทุมชูชัน ทั้งๆ ที่ช่วงล่างยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี
ความจุกแน่นและความเสียวซ่านที่ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับพูดไม่ออกจนเขาต้องปริปากถามอีกครั้ง
"ตอบผมหน่อยสิ ว่าชอบหรือเปล่า..."
เวนิสได้แต่ครางออกมาไม่ขาดปากแล้วใช้มือล็อกหลังคอเขาให้โน้มเข้าใกล้ก่อนจะดูดดึงลิ้นกันอย่างดูดดื่มจนก่อเกิดเสียงเล็ดลอดแทบลืมหายใจ
ไฟรักคุกรุ่น ความร้อนรุ่มแผ่ซ่านกำลังเผาไหม้คนทั้งสองให้วอดวายอยู่ในห้วงสวาทที่ถูกสร้างขึ้น
Oh!
จุดเชื่อมระหว่างกันยังคงตอดรัดจนเขาครางกระหึ่มในลำคอต่อเนื่อง อารมณ์กระสันเริ่มพุ่งถึงขีดสุด
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น น้ำกามที่อัดอั้นก็ถูกปลดปล่อยราวเขื่อนแตกจนปริล้นออกมาเปรอะเปื้อน คนทั้งสองหอบหายใจถี่ราวกับผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก
แต่อาจด้วยฤทธิ์ยา ทำให้แกนกายของเขาชี้โด่ ความต้องการวิ่งพล่านขึ้นอีก ทั้งๆ ที่เพิ่งคายพิษออกมาได้เพียงไม่กี่วินาที
หัสวีร์ไม่รอช้าเริ่มโน้มตัวลงไปหาร่างเล็กอีกครั้งแล้วใช้ปลายจมูกโด่งซุกไซ้บริเวณหลังคอของเธอพลางสูดกลิ่นหอมหวานจนฉ่ำปอด
“ผมยังต้องการมันอีก”
สิ้นคำพูดนั้น เขารีบสอดลิ้นสากเข้าไปในหูของคนที่นอนฟุบหน้าหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนโต๊ะจนเธอสะดุ้งด้วยความสยิว
"ฮอตช์ พอก่อนได้มั้ย" ความปวดหนึบและเจ็บแสบตรงจุดนั้นกำลังเล่นงานเธอ
"คุณน่าจะรู้นะเวย์ ว่าคนอย่างผมไม่รู้จักคำว่าพอ" แล้วบทสวาทอันร้อนฉ่าก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และอีกครั้ง...
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มพลางกะพริบตาปริบมองเพดานครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกเวลาบ่ายโมงห้านาทีครั้นพอสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน เธอตั้งท่าจะพลิกตัวหาคนข้างกาย ทว่าจังหวะที่ขยับตัวความเจ็บแปลบตรงส่วนนั้นพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนต้องเคลื่อนไหวช้าๆหญิงสาวเริ่มไล่สายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว เรือนผมอันเดอร์คัตสีควันบุหรี่ปรกลงมาบดบังเปลือกตา เธอเห็นแบบนั้นจึงใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้พ้นทางหวังชื่นชมทุกสัดส่วนบนใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นราวกับประติมากรรมชั้นยอดไม่บ่อยครั้งนักที่หัสวีร์จะมาค้างอ้างแรมกับเธอที่นี่เพราะการเจอกันแต่ละครั้ง นั่นหมายถึง ต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเสมอ นอกจากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างเมื่อคืนชายหนุ่มชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจซึ่งไม่แปลกที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหา พวกหล่อนขอแค่ได้ปรนนิบัติเขาบนเตียงเพียงสักครั้งก็ยังดีถึงแม้หัสวีร์จะชื่นชอบการเที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่องานเลยสักครั้ง ทว่าในทางกลับกันคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดันเป็นเธอเธอที่มักจะมีความสำคัญจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ
หญิงสาวส่งเสียงครางหวานพลางจิกเล็บลงบนมัดกล้ามแข็งแกร่งเป็นการระบาย แค่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาอีกฝ่ายอยากจะอัดกระแทกเธอให้สุดทางเสียเดี๋ยวนี้ชายหนุ่มวนเวียนอยู่กับทรวงอกเต่งตึงแล้วลากปลายลิ้นละเลียดซุกซนจนพึงพอใจก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกฝ่าเท้าน้อยๆ ขึ้นพรมจูบตั้งแต่ปลายนิ้วโป้ง ข้อเท้า น่องเรียวไล่ไปจนถึงต้นขาด้านในหัสวีร์เหลือบสายตามองปฏิกิริยาของเธอด้วยความสิเน่หา สองเต้ากลมกลึงกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหอบหายใจถี่กระชั้นพร้อมเผยอริมฝีปากร้องครางออกมายิ่งกระตุ้นเลือดลมของเขาให้สูบฉีดอัดแน่นจนปวดหนึบ"อ่าส์"ชายหนุ่มเลื่อนสายตามาหยุดที่กลีบดอกไม้แสนสวยแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดกรายเบาๆ จนคนตัวเล็กสะดุ้ง หลังจากนั้นจึงแหวกออกจนเห็นโพรงอ่อนนุ่มสีหวานน่าลิ้มลองหัสวีร์ไม่รอช้ารุกล้ำอาณาเขตด้วยการกดนิ้วลงที่ร่องสวาทซึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวานเปียกชุ่มแล้วขยับเสียดสีสร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมากไม่เพียงแค่นั้น เขายังทรมานเธอโดยการใช้เรียวลิ้นตวัดเลียหยอกล้อ ดูดดึง ไล่ลิ้มชิมน้ำหวานที่ไหลรินอย่างกระหายจนหญิงสาวอดรนทนไม่ไหวสอดนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเรือนผมของเขาพร้อมแอ่นสะโพกรับการกระทำนั
ตึก ตึก ตึก!รองเท้าส้นสูงกว่าสี่นิ้วกระทบพื้นเงาวับเป็นจังหวะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวในชุดราตรีสีโอลด์โรสดูโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาในลิฟต์กระจกใสแล้วกดหมายเลขชั้นที่ต้องการทุกอย่างรอบตัวค่อยๆ ปรากฏภาพเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลยามราตรี แสงไฟจากอาคารส่องประกายระยิบระยับบดบังดวงดาราจนหมดสิ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเข้างานที่ถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งอลังการ เสียงไพเราะเสนาะหูของเซลโลและเปียโนผสานกันอย่างลงตัวสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกหญิงสาวกวาดสายตามองความงดงามเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกปีติยินดีก่อนจะเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดโอ่อ่าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราเวนิสได้รับการ์ดเชิญมางานมงคลสมรสของลูกค้าประจำที่คอยอุดหนุนดอกไม้ตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ จวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งดอกไม้ทั้งหมดภายในงานก็ส่งตรงมาจากไร่ของเธอเช่นเดียวกันหญิงสาวรีบเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวพร้อมให้ของขวัญแล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินมาหยุดยืนบริเวณโซนเครื่องดื่ม เนื่องจากเธอไม่ได้รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวเวนิสรับแก้วไวน
เช้าวันต่อมา…ปึง เคร้ง!ร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการทำไข่ดาวหน้าเตากระแทกตะหลิวลงอย่างแรงพลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ไข่ดาวสำหรับอาหารเช้าที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเละเทะไม่เหลือชิ้นดี“อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะคะ”เวนิสเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พลางจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย“ผมคงไม่เหมาะกับการทำอาหารละมั้ง”“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนเราใช่ว่าจะเก่งทุกเรื่องนี่นา”ประโยคเหล่านั้นทำเอาคนฟังหัวใจกระตุก หลายครั้งหลายคราคำพูดของเธอมักจะทำให้เขาฉุกคิดบางอย่างได้เสมอ เพราะแบบนั้นความไม่ได้ดังใจก่อนหน้าจึงค่อยๆ เบาบางลง“ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มแก้แฮงค์อยู่นะ ถ้าคุณต้องการ”เวนิสพยักหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะปริปากถามไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เมื่อคืนฉันคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่มั้ย”"แล้วอะไรล่ะ ที่ว่าแปลก""อะไรก็ได้ที่ปกติฉันจะไม่ทำ" เธอยอมรับโดยสัตย์จริงว่าจดจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพตัดไปตั้งแต่ช่วงไหนคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาทำเพียงยืนนิ่งเหมือนกำลังชั่งใจก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับด้วยสีหน้าเคลือบแคลง“คุณปิดบังอะไรผมอยู่หรือเป
สัปดาห์ต่อมา…"สุขสันต์วันเกิดนะคะ คุณครินต์"“ขอบคุณที่มานะ” ใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มจางๆ ขณะยื่นมือรับกล่องของขวัญมาจากหญิงสาว“คุณครินต์อุตส่าห์ชวนทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ”เวนิสกลับมาจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดเมื่อวานและช่วงบ่ายของวันนี้เธอก็ออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายปลายทางคือบีชคลับลอยน้ำกลางทะเลพัทยาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของคิรินอันที่จริงเธอสามารถฝากของขวัญมาให้ก็ได้ แต่ที่เลือกมาด้วยตัวเองเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง และบางอย่างที่ว่านั่นก็คือเพื่อนสนิทของเขาหัสวีร์ยอมจ่ายเงินหกหลักเพื่อให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้...และคนอย่างเธอก็ซื้อได้ด้วยเงินด้วยสิ“ไอ้ฮอตช์มันหายหัวไปไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย”คิรินพร่ำบ่นพลางกดโทรศัพท์มือถือขยุกขยิก สีหน้าบ่งบอกว่าเอือมระอาเต็มทนก่อนจะพูดกับเธออีกสองสามประโยคแล้วขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานบีชคลับลอยน้ำแห่งนี้เป็นเรือสามชั้นซึ่งมีพื้นที่มากกว่าสองพันตารางเมตรพร้อมด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้เอนหลังทันสมัยและต้นปาล์มล้อมรอบเวทีบริเวณสระว่ายน้ำมีดีเจชื่อดังระดับโลกสองคนคอยมอบความสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับบาร์ค็อกเทลด้านข้
ลมหายใจของหญิงสาวถึงกับสะดุด เมื่อถูกอีกฝ่ายจับเข่าทั้งสองข้างแยกออกแล้วดันสะโพกกลมกลึงขึ้นสูงก่อนจะฝากฝังแกนกายขนาดใหญ่เข้าสู่ร่างกายเต็มแรง"อ้ะ!"เขาแช่ไว้ทั้งอย่างนั้นพร้อมใช้ปลายนิ้วเขี่ยหยอกล้อยอดอกที่โผล่ขึ้นมาพ้นรอยแยกของเสื้อชั้นในจนแข็งเป็นไตพลางใช้ฟันคมขบงับติ่งหูแล้วพ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหวกระทั่งยอดอกแข็งชันถูกกดลึกเข้าไปในช่องปากแล้วใช้ลิ้นสากตวัดเลียดูดดึงเต็มแรง ปลุกอารมณ์ซาบซ่านของทั้งสองจนลมหายใจถี่กระชั้น"อื้อ" คนถูกกระทำกระสับกระส่ายด้วยความปั่นป่วนที่กำลังแทรกซึมไปทั่วอณูร่างกายชายหนุ่มเริ่มลูบไล้เรือนร่างของเธอแล้วหยุดที่ทรวงอกอวบอัด สองมือขย้ำหน้าอกขาวนวลสลับเคล้าคลึงเนื้อหนั่นด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันช่วงล่างก็ค่อยๆ ขยับทำหน้าที่อย่างชำนิชำนาญ"อ้าส์" ร่างเล็กสะท้านวาบ ระบายความเสียวซ่านจากการกระทำของเขาโดยการจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ปึก ปึก ปึก!สะโพกสอบขยับเป็นจังหวะถี่ยิบ ส่วนที่เชื่อมโยงกันถูกบีบรัดอย่างรุนแรงจนต้องกัดฟันแน่นระงับไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยเร็วเกินไปการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างดุดันและหนักหน่วงจนเธอเผลอยกสะโพกขึ้น
“ไงมึง ทำไมมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่ตรงนี้ล่ะ” หัสวีร์ร้องทักเจ้าของวันเกิดที่ปลีกตัวออกมาสักพักแล้วด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“แล้วมึงล่ะ ไปโดนตัวไหนมา อารมณ์ดีเชียว” คิรินที่แอบมานั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ของดาดฟ้าสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้“เอาเรื่องของมึงก่อนดีกว่า”“ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมานั่งรับลมเฉยๆ ”“โกหกได้ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” มองแวบเดียวก็รับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทมีท่าทางที่แปลกไป“งั้นมึงดูนี่” ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกหมาดแล้วเลื่อนหาอะไรบางอย่างก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่ยืนกอดอกพิงราวเหล็ก“รู้ใช่มั้ยว่ามันคืออะไร”“ก็ภาพอัลตราซาวด์ไง” เขาตอบแทบไม่ต้องคิดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้จนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว"ผู้หญิงที่กูเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อสองเดือนก่อนส่งมา"“แสดงว่าที่มึงมานั่งคิดมากแบบนี้เพราะมีความเป็นไปได้ใช่มั้ย”คิรินพยักหน้าช้าๆ ขณะทอดสายตามองไปยังจุดใดจุดหนึ่งในความมืดมิด“แต่ในความเป็นไปได้ ก็ย่อมมีความเป็นไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล“ในทางกลับกัน ถ้ามันเกิดใช่ขึ้นมาล่ะ กูนึกสภาพไม่ออกเลย”“…”
ปึง!"ออกไปนะ"ร่างสูงที่เดินตามหลังเข้ามาติดๆ กระแทกปิดประตูห้องอย่างแรงก่อนจะกระชากเรียวแขนเล็กให้หยุดเผชิญหน้าพลางพูดลอดไรฟัน“เดี๋ยวนี้กล้าอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ”“อี๋อ๋ออะไรของคุณ” สวนกลับเสียงห้วน สายตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้และเพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาล“คิดว่าผมไม่เห็นตอนที่คุณยืนยิ้มร่า (น) อยู่กับไอ้หน้าหวานคนนั้นสินะ"ครั้นได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเธอรู้สึกขุ่นเคืองพร้อมที่จะเชือดเฉือนอย่างเผ็ดร้อน“ประสาท”“ว่าไงนะ” เส้นเลือดตรงขมับของเขาปูดโปนขณะกัดฟันกรอดฟังสิ่งที่เธอกำลังพูด“ทีตัวเองยังยืนอี๋อ๋อกับยัยนมซิลิโคนนั่นได้เลย”“ในเมื่อคุณทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้"“แค่เพียงเพราะคุณทำได้ ไม่ได้แปลว่าคุณควรทำนะ เวนิส!” เขาบีบแขนของเธอแรงขึ้นพลางเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์"ทำตัวเป็นเด็กหวงของไปได้" กลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ"สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมน่ะเหรอจะมาหวงของเล่นอย่างคุณ""แล้วที่เป็นหมาบ้าอยู่นี่คืออะไร ยอมรับความจริงเสียทีเถอะ ว่าคุณน่ะหึงฉัน"“ไม่มีทาง”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะยืนอี๋อ๋อกับใครก็ได้สิ”“แสดงว่าอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่น”“
หัวใจของเขากระตุกวูบจนผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวขณะเดียวกันในสมองก็ขาวโพลนเหมือนมีม่านหมอกเข้าปกคลุมทำเอายืนตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้ง“เวย์ คุณอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นสิ ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ” พยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคออย่างยากลำบากขณะจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา“ไม่มีใครเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะฮอตช์” น้ำเสียงสั่นเครือของเธอยิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวความรู้สึกหลากหลายแผ่กระจายตีกันอลหม่านอยู่ในสมองของหัสวีร์จนไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรกับเรื่องราวที่น่าตกใจเช่นนี้"ไม่จริง..." พึมพำออกมาเสียงเบาหวิวพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดแรงหญิงสาวเห็นประกายความเจ็บปวดปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นแวบหนึ่งก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด แต่กระนั้นก็ไม่อยากปกปิดเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นนี้อีกต่อไปแล้ว“วันที่ฉันปวดท้องจนต้องเข้าโรงพยาบาล วันนั้น…”ลำคอตีบตันเพราะก้อนสะอื้นที่แล่นปราดขึ้นมาทันทีที่เปิดปากสารภาพจนต้องหยุดชะงักขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสจนพร่าเลือนเวนิสสูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดเพื่อสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถก่อนจะปริปากพูดออกมาอีกครั้ง“วันนั้นฉันได้สูญเสียลูกของเร
ปึง!"ออกไปนะ"ร่างสูงที่เดินตามหลังเข้ามาติดๆ กระแทกปิดประตูห้องอย่างแรงก่อนจะกระชากเรียวแขนเล็กให้หยุดเผชิญหน้าพลางพูดลอดไรฟัน“เดี๋ยวนี้กล้าอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ”“อี๋อ๋ออะไรของคุณ” สวนกลับเสียงห้วน สายตาแข็งกร้าวอย่างไม่ยอมแพ้และเพราะแบบนั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายตะคอกออกมาด้วยความเดือดดาล“คิดว่าผมไม่เห็นตอนที่คุณยืนยิ้มร่า (น) อยู่กับไอ้หน้าหวานคนนั้นสินะ"ครั้นได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเธอรู้สึกขุ่นเคืองพร้อมที่จะเชือดเฉือนอย่างเผ็ดร้อน“ประสาท”“ว่าไงนะ” เส้นเลือดตรงขมับของเขาปูดโปนขณะกัดฟันกรอดฟังสิ่งที่เธอกำลังพูด“ทีตัวเองยังยืนอี๋อ๋อกับยัยนมซิลิโคนนั่นได้เลย”“ในเมื่อคุณทำได้ แล้วทำไมฉันจะทำบ้างไม่ได้"“แค่เพียงเพราะคุณทำได้ ไม่ได้แปลว่าคุณควรทำนะ เวนิส!” เขาบีบแขนของเธอแรงขึ้นพลางเดาะลิ้นไม่สบอารมณ์"ทำตัวเป็นเด็กหวงของไปได้" กลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ"สำคัญตัวเองผิดไปหรือเปล่า ผมน่ะเหรอจะมาหวงของเล่นอย่างคุณ""แล้วที่เป็นหมาบ้าอยู่นี่คืออะไร ยอมรับความจริงเสียทีเถอะ ว่าคุณน่ะหึงฉัน"“ไม่มีทาง”“ถ้าอย่างนั้นฉันจะยืนอี๋อ๋อกับใครก็ได้สิ”“แสดงว่าอยากมีผัวใหม่จนตัวสั่น”“
“ไงมึง ทำไมมานั่งเป็นหมาหงอยอยู่ตรงนี้ล่ะ” หัสวีร์ร้องทักเจ้าของวันเกิดที่ปลีกตัวออกมาสักพักแล้วด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ“แล้วมึงล่ะ ไปโดนตัวไหนมา อารมณ์ดีเชียว” คิรินที่แอบมานั่งเหม่อลอยอยู่บนพื้นที่เล็กๆ ของดาดฟ้าสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้“เอาเรื่องของมึงก่อนดีกว่า”“ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมานั่งรับลมเฉยๆ ”“โกหกได้ไม่เอาไหนเลยจริงๆ” มองแวบเดียวก็รับรู้ได้ว่าเพื่อนสนิทมีท่าทางที่แปลกไป“งั้นมึงดูนี่” ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่เปียกหมาดแล้วเลื่อนหาอะไรบางอย่างก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่ยืนกอดอกพิงราวเหล็ก“รู้ใช่มั้ยว่ามันคืออะไร”“ก็ภาพอัลตราซาวด์ไง” เขาตอบแทบไม่ต้องคิดซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้จนเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว"ผู้หญิงที่กูเคยมีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อสองเดือนก่อนส่งมา"“แสดงว่าที่มึงมานั่งคิดมากแบบนี้เพราะมีความเป็นไปได้ใช่มั้ย”คิรินพยักหน้าช้าๆ ขณะทอดสายตามองไปยังจุดใดจุดหนึ่งในความมืดมิด“แต่ในความเป็นไปได้ ก็ย่อมมีความเป็นไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน" พยายามพูดเพื่อให้อีกฝ่ายคลายกังวล“ในทางกลับกัน ถ้ามันเกิดใช่ขึ้นมาล่ะ กูนึกสภาพไม่ออกเลย”“…”
ลมหายใจของหญิงสาวถึงกับสะดุด เมื่อถูกอีกฝ่ายจับเข่าทั้งสองข้างแยกออกแล้วดันสะโพกกลมกลึงขึ้นสูงก่อนจะฝากฝังแกนกายขนาดใหญ่เข้าสู่ร่างกายเต็มแรง"อ้ะ!"เขาแช่ไว้ทั้งอย่างนั้นพร้อมใช้ปลายนิ้วเขี่ยหยอกล้อยอดอกที่โผล่ขึ้นมาพ้นรอยแยกของเสื้อชั้นในจนแข็งเป็นไตพลางใช้ฟันคมขบงับติ่งหูแล้วพ่นลมหายใจร้อนผ่าวคล้ายจะยั่วให้เธอทานทนต่อไปไม่ไหวกระทั่งยอดอกแข็งชันถูกกดลึกเข้าไปในช่องปากแล้วใช้ลิ้นสากตวัดเลียดูดดึงเต็มแรง ปลุกอารมณ์ซาบซ่านของทั้งสองจนลมหายใจถี่กระชั้น"อื้อ" คนถูกกระทำกระสับกระส่ายด้วยความปั่นป่วนที่กำลังแทรกซึมไปทั่วอณูร่างกายชายหนุ่มเริ่มลูบไล้เรือนร่างของเธอแล้วหยุดที่ทรวงอกอวบอัด สองมือขย้ำหน้าอกขาวนวลสลับเคล้าคลึงเนื้อหนั่นด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันช่วงล่างก็ค่อยๆ ขยับทำหน้าที่อย่างชำนิชำนาญ"อ้าส์" ร่างเล็กสะท้านวาบ ระบายความเสียวซ่านจากการกระทำของเขาโดยการจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ปึก ปึก ปึก!สะโพกสอบขยับเป็นจังหวะถี่ยิบ ส่วนที่เชื่อมโยงกันถูกบีบรัดอย่างรุนแรงจนต้องกัดฟันแน่นระงับไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยเร็วเกินไปการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างดุดันและหนักหน่วงจนเธอเผลอยกสะโพกขึ้น
สัปดาห์ต่อมา…"สุขสันต์วันเกิดนะคะ คุณครินต์"“ขอบคุณที่มานะ” ใบหน้าคมเข้มเปื้อนรอยยิ้มจางๆ ขณะยื่นมือรับกล่องของขวัญมาจากหญิงสาว“คุณครินต์อุตส่าห์ชวนทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะคะ”เวนิสกลับมาจากบ้านเกิดที่ต่างจังหวัดเมื่อวานและช่วงบ่ายของวันนี้เธอก็ออกเดินทางอีกครั้ง จุดหมายปลายทางคือบีชคลับลอยน้ำกลางทะเลพัทยาซึ่งเป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของคิรินอันที่จริงเธอสามารถฝากของขวัญมาให้ก็ได้ แต่ที่เลือกมาด้วยตัวเองเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง และบางอย่างที่ว่านั่นก็คือเพื่อนสนิทของเขาหัสวีร์ยอมจ่ายเงินหกหลักเพื่อให้เธอมายืนอยู่ตรงนี้...และคนอย่างเธอก็ซื้อได้ด้วยเงินด้วยสิ“ไอ้ฮอตช์มันหายหัวไปไหนอีกแล้วล่ะเนี่ย”คิรินพร่ำบ่นพลางกดโทรศัพท์มือถือขยุกขยิก สีหน้าบ่งบอกว่าเอือมระอาเต็มทนก่อนจะพูดกับเธออีกสองสามประโยคแล้วขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยของงานบีชคลับลอยน้ำแห่งนี้เป็นเรือสามชั้นซึ่งมีพื้นที่มากกว่าสองพันตารางเมตรพร้อมด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีเก้าอี้เอนหลังทันสมัยและต้นปาล์มล้อมรอบเวทีบริเวณสระว่ายน้ำมีดีเจชื่อดังระดับโลกสองคนคอยมอบความสนุกสนาน อีกทั้งยังสามารถเพลิดเพลินกับบาร์ค็อกเทลด้านข้
เช้าวันต่อมา…ปึง เคร้ง!ร่างสูงที่กำลังง่วนอยู่กับการทำไข่ดาวหน้าเตากระแทกตะหลิวลงอย่างแรงพลางพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ไข่ดาวสำหรับอาหารเช้าที่อุตส่าห์ตั้งใจทำเละเทะไม่เหลือชิ้นดี“อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะคะ”เวนิสเดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พลางจ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย“ผมคงไม่เหมาะกับการทำอาหารละมั้ง”“ไม่เห็นเป็นไรเลย คนเราใช่ว่าจะเก่งทุกเรื่องนี่นา”ประโยคเหล่านั้นทำเอาคนฟังหัวใจกระตุก หลายครั้งหลายคราคำพูดของเธอมักจะทำให้เขาฉุกคิดบางอย่างได้เสมอ เพราะแบบนั้นความไม่ได้ดังใจก่อนหน้าจึงค่อยๆ เบาบางลง“ในตู้เย็นมีเครื่องดื่มแก้แฮงค์อยู่นะ ถ้าคุณต้องการ”เวนิสพยักหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก่อนจะปริปากถามไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เมื่อคืนฉันคงไม่ได้ทำอะไรแปลกๆ ใช่มั้ย”"แล้วอะไรล่ะ ที่ว่าแปลก""อะไรก็ได้ที่ปกติฉันจะไม่ทำ" เธอยอมรับโดยสัตย์จริงว่าจดจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าภาพตัดไปตั้งแต่ช่วงไหนคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาทำเพียงยืนนิ่งเหมือนกำลังชั่งใจก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับด้วยสีหน้าเคลือบแคลง“คุณปิดบังอะไรผมอยู่หรือเป
ตึก ตึก ตึก!รองเท้าส้นสูงกว่าสี่นิ้วกระทบพื้นเงาวับเป็นจังหวะดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา หญิงสาวในชุดราตรีสีโอลด์โรสดูโดดเด่นสะดุดตาเดินเข้ามาในลิฟต์กระจกใสแล้วกดหมายเลขชั้นที่ต้องการทุกอย่างรอบตัวค่อยๆ ปรากฏภาพเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหลยามราตรี แสงไฟจากอาคารส่องประกายระยิบระยับบดบังดวงดาราจนหมดสิ้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที ประตูลิฟต์ก็เปิดออกเผยให้เห็นทางเข้างานที่ถูกประดับประดาด้วยมวลดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งอลังการ เสียงไพเราะเสนาะหูของเซลโลและเปียโนผสานกันอย่างลงตัวสร้างบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกหญิงสาวกวาดสายตามองความงดงามเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกปีติยินดีก่อนจะเดินตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงขนาดโอ่อ่าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราเวนิสได้รับการ์ดเชิญมางานมงคลสมรสของลูกค้าประจำที่คอยอุดหนุนดอกไม้ตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆ จวบจนทุกวันนี้ อีกทั้งดอกไม้ทั้งหมดภายในงานก็ส่งตรงมาจากไร่ของเธอเช่นเดียวกันหญิงสาวรีบเข้าไปทักทายคู่บ่าวสาวพร้อมให้ของขวัญแล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะเดินมาหยุดยืนบริเวณโซนเครื่องดื่ม เนื่องจากเธอไม่ได้รู้จักใครในนี้เป็นการส่วนตัวเวนิสรับแก้วไวน
หญิงสาวส่งเสียงครางหวานพลางจิกเล็บลงบนมัดกล้ามแข็งแกร่งเป็นการระบาย แค่เพียงเท่านั้นก็ทำเอาอีกฝ่ายอยากจะอัดกระแทกเธอให้สุดทางเสียเดี๋ยวนี้ชายหนุ่มวนเวียนอยู่กับทรวงอกเต่งตึงแล้วลากปลายลิ้นละเลียดซุกซนจนพึงพอใจก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าพร้อมกับยกฝ่าเท้าน้อยๆ ขึ้นพรมจูบตั้งแต่ปลายนิ้วโป้ง ข้อเท้า น่องเรียวไล่ไปจนถึงต้นขาด้านในหัสวีร์เหลือบสายตามองปฏิกิริยาของเธอด้วยความสิเน่หา สองเต้ากลมกลึงกระเพื่อมไหวตามจังหวะการหอบหายใจถี่กระชั้นพร้อมเผยอริมฝีปากร้องครางออกมายิ่งกระตุ้นเลือดลมของเขาให้สูบฉีดอัดแน่นจนปวดหนึบ"อ่าส์"ชายหนุ่มเลื่อนสายตามาหยุดที่กลีบดอกไม้แสนสวยแล้วใช้ปลายนิ้วกรีดกรายเบาๆ จนคนตัวเล็กสะดุ้ง หลังจากนั้นจึงแหวกออกจนเห็นโพรงอ่อนนุ่มสีหวานน่าลิ้มลองหัสวีร์ไม่รอช้ารุกล้ำอาณาเขตด้วยการกดนิ้วลงที่ร่องสวาทซึ่งเต็มไปด้วยหยาดน้ำหวานเปียกชุ่มแล้วขยับเสียดสีสร้างความรัญจวนใจให้เธอเป็นอย่างมากไม่เพียงแค่นั้น เขายังทรมานเธอโดยการใช้เรียวลิ้นตวัดเลียหยอกล้อ ดูดดึง ไล่ลิ้มชิมน้ำหวานที่ไหลรินอย่างกระหายจนหญิงสาวอดรนทนไม่ไหวสอดนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเรือนผมของเขาพร้อมแอ่นสะโพกรับการกระทำนั
หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มพลางกะพริบตาปริบมองเพดานครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกเวลาบ่ายโมงห้านาทีครั้นพอสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน เธอตั้งท่าจะพลิกตัวหาคนข้างกาย ทว่าจังหวะที่ขยับตัวความเจ็บแปลบตรงส่วนนั้นพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนต้องเคลื่อนไหวช้าๆหญิงสาวเริ่มไล่สายตามองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงหลับใหลไม่รู้เรื่องราว เรือนผมอันเดอร์คัตสีควันบุหรี่ปรกลงมาบดบังเปลือกตา เธอเห็นแบบนั้นจึงใช้ปลายนิ้วเกลี่ยให้พ้นทางหวังชื่นชมทุกสัดส่วนบนใบหน้าที่ถูกสร้างขึ้นราวกับประติมากรรมชั้นยอดไม่บ่อยครั้งนักที่หัสวีร์จะมาค้างอ้างแรมกับเธอที่นี่เพราะการเจอกันแต่ละครั้ง นั่นหมายถึง ต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเสมอ นอกจากเกิดเหตุสุดวิสัยอย่างเมื่อคืนชายหนุ่มชอบสังสรรค์เป็นชีวิตจิตใจซึ่งไม่แปลกที่มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้าหา พวกหล่อนขอแค่ได้ปรนนิบัติเขาบนเตียงเพียงสักครั้งก็ยังดีถึงแม้หัสวีร์จะชื่นชอบการเที่ยวกลางคืน แต่ก็ไม่เคยส่งผลกระทบต่องานเลยสักครั้ง ทว่าในทางกลับกันคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ดันเป็นเธอเธอที่มักจะมีความสำคัญจัดอยู่ในลำดับท้ายๆ