เอกนรีไม่ได้กลับไปบ้านในค่ำคืนนี้ เธอมีคอนโดส่วนตัว...ราคาแพงสำหรับห้องขนาด 55 ตรม. และอยู่บนชั้นที่สิบของอาคารริมแม่น้ำ...มีโรงแรมถัดไป มีห้างสรรพสินค้าเล็กๆ และถนนที่เรียกว่าเป็นถนนกลางเมืองแต่เลาะไปตามแม่น้ำ...
เธอกลับบ้านไม่ไหวในวันที่สติแตก...
ช็อก...
เสียใจ...
ผิดหวัง
ทุกอย่างที่เป็นลบถาโถมเข้ามา...
หลังจากแยกกับอาทรแล้ว เมื่อครู่...
คำบอกชัดเจน...
เขาจะแต่งงานกับครูอนุบาล...
เป็นไปได้อย่างไรกัน...ไม่เคยรู้อะไรมาก่อนเลย...
จู่โจมเข้ามาจนทำให้ค่ำคืนนี้เหมือนนรกมาเยือน
เธอไม่ได้กรีดร้อง
ไม่ได้ตีอกชกหัว
ไม่ได้ร่ำไห้
ไม่ได้ด่าทอ
ไมได้ทำอะไรแม้แต่อย่างเดียว นอกจากเก็บการ์ดนั่นใส่กระเป๋า เอ่ยแสดงความยินดี และบอกว่าสิ่งที่เขาให้นั้นเป็นของหวาน มื้ออาหารจบ และเธอจ่ายค่าอาหารเพื่อเป็นการบอกว่าเธอแสดงความยินดีด้วย
จำได้ว่าเมื่อเธอลุกมา...อาทรพยายามจะมาจับตัวเธอเพื่อ “ปรับความเข้าใจ”
เพื่อ “อธิบายว่าทำไม”
แต่เธอชัดเจน...
เธอถูก ทิ้ง!!!
เธอขีดเส้นใต้คำว่าถูกทิ้งด้วยเส้นสีแดงๆ สามเส้นด้วยกัน
เธอให้เขาปล่อยมือจากตัวเธอ...
มือเขาจะแตะตัวเธอไม่ได้อีกต่อไป
และเธอก็จากมา เขาตามโทร.อีกหลายหน แต่เธอไม่รับ ขับรถที่จอดไว้ที่สนามบิน...มาร้านอาหารและมาที่คอนโด...
สิ่งที่ทำหลังจากปิดประตูเข้ามาในห้อง..คือเดินผ่านไปเปิดประตูหลัง เดินออกไปที่ระเบียง..มองไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา...มืดแล้ว มีแสงไฟจากตัวอาคารฝั่งเดียวกัน อาคารฝั่งตรงกันข้าม จากเรือที่ล่องแม่น้ำทั้งไปทางปากแม่น้ำและไปทางกรุงเทพฯ ปริมณฑล...
ไฟสว่างแต่ไฟในใจมันมืดสนิท
น้ำเป็นสีเข้ม มืด...
กระโดดน้ำเลยดีไหม
ไม่ได้สิ ยังมีพื้นปูนด้านล่าง...ลานกว้างของร้านอาหารของโรงแรมอยู่ตรงนั้น...หากอยากกระโดดน้ำต้องลงไปที่ริมแม่น้ำเอง มีท่าเรือข้ามฟากใกล้กันนั้นเพื่อข้ามจากฝั่งนี้ไปทางฝั่งที่เคยเป็นจังหวัดธนบุรีมาก่อน
ตัดเรื่องกระโดดน้ำออกไป
กระโดดตึกล่ะ
สิบชั้น...ชั้นละสามเมตรโดยประมาณ สามสิบเมตร...
ไม่รอดแน่ๆ ...หากลงไป...แบบดิ่งพสุธา จะเอาหัวโหม่งพื้นหรือเอาแขนขาแผ่นหลังลง คงจะได้ผล หากไม่ตายทันทีคงจะเจ็บปวดทรมาน...และสภาพคงไม่สวย กระดูกคงผิดรูป หัวสมองอาจจะแตกออกเหมือนลูกมะพร้าว มันสนองและเลือดไหลนอง
ไม่กระโดดน้ำ ไม่กระโดดตึก.
กลับเข้ามาด้านใน...เสียงอะไร
อ้อ...เสียงตัวเองกรีดร้อง...สนั่นนัก...เสียงนี้จะดังไปไหนก็ไม่รู้ แต่คงจะอยู่ในห้องนี้นี่แหละ...
มีของมีคมอะไรบ้าง
ปืนไม่มีแน่นอน เพราะไม่ชอบ...
ผู้หญิงกับปืนควรจะอยู่ห่างเข้าไว้ เธอไม่ใช่สาวนักกีฬา แม้แต่ปืนยิงในเกม ก็ยังไม่ใส่ใจ
มีดหรือ...เพราะทำครัวเองบ้าง มีมีดคมๆ เยอะ
มีมีดพก มีมีดกันคิ้ว มีดโกนขนหน้าแข้ง...
แต่เจ็บ...ไม่เอา
เชือกล่ะ...แต่จะหาอะไรเป็นที่แขวน...ห้องไม่มีขื่อคานใดๆ
จะผูกกับขอบประตู...ขอบหน้าต่าง ก็ไม่งาม
ตัวพัดลมแขวนแบบโชว์ ก็บอบบางเกินรับน้ำหนักตัวสัก 60 กก ใช่...เอกนรีหนัก 60 กก บนความสูง168 แต่คิดว่าสายแขวนพัดลมรับไม่ไหวแน่ๆ
เข้าไปในห้องน้ำ...
เออ...นอนแช่น้ำเอาหัวลงใต้น้ำกลั้นหายใจล่ะ
สุดท้ายเธอก็บอกตัวเองว่า
...แค่นี้ถึงตายเหรอ นังเอกนรี...
ไม่ได้...ๆๆๆ ต้องหาทางออกให้กับเรื่องนี้...แต่ทางไหนเล่า
สุดท้ายที่คิดออกสวยงาม เปิดหน้าส่วนตัวที่มีเขียนข้อความลงไปว่า
21.13 นาทีพบกับแถลงข่าวด่วนจากเอกนรีนะคะ
เพียงลงไปไม่ถึงห้านาที ข้อความก็เด้งขึ้นมาเกือบ100ข้อความใต้คำประกาศนั้น ไม่รวมทั้งข้อความ SMS inboxจากหน้าฟีด และที่อื่นๆ ที่เธอลงข่าวและเรื่องราวตัวเอง...
เอกนรีนั่งมองข้อความพวกนั้น ก่อนจะลุกขึ้น...อาบน้ำ...โดยอาบไปทั้งชุดที่ใส่วันนี้ ใส่พบกับอาทรด้วย
ตอนยืนใต้เรนชาวเวอร์ให้สายน้ำพุ่งกระทบตัว เธอไม่ได้ปรับน้ำให้อุ่น แต่เปิดน้ำปกติ
เย็น...ยะเยือกในแวบแรกที่สายน้ำรดตั้งแต่หัวลงมาถึงปลายเท้า ยกสองแขนกอดอก
นั่นแหละน้ำตาถึงทะลักทะลายออกมาเต็มหน้า
เธอร้องไห้เธอเสียใจเธอรู้สึกตัวเองต่ำต้อยดาหวัน...ครูอนุบาลผู้หญิงอายุแค่ 20 ไม่ถึง21เด็กน้อย...อาทรให้เธอดูรูป...ผู้หญิงหน้าจืดๆเด็ก...เธอย้ำคำนั้น...ห่างไกลจากเธอมากแต่เขาก็จะหมั้น แล้วเตรียมแต่งงานเธอไม่ได้ถามด้วยว่าไปรู้จักมักคุ้นกันจากที่ไหน อย่างไร คบหากันตอนไหนแน่ละว่าเป็นการคบซ้อนอาทรทรยศเธอเขาทำได้อย่างไรกันเธอกรีดร้อง น้ำตาไปกับสายน้ำ...สักสิบนาทีตรงนี้หนาวจนไปถึงหัวใจ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังหลายหนดังแล้วหยุดไป ดังใหม่...เธอเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัว เหลือเพียงแต่ตัวเปล่าเปลือย สระผม ฟอกสบู่...พร้อมกับพึมพำกับสายน้ำ“ขอล้างทุกอย่างให้สิ้น...ไปกับน้ำ...”สบถคำเดียวให้กับอาทรSon of the bitchรุนแรงที่สุดละ...ออกมาเช็ดตัวแห้ง เลือกชุด...สีขาว แบบเก๋ แต่งหน้าด้วยโทนของธีมนางฟ้า...หยดน้ำตาเทียมใส่ดวงตาซ้ายขวา แต่งดวงตาให้ดูอ่อนโยน...บอกแล้วนางฟ้าแม่พระเธอจะเป็นทุกอย่างสำหรับแถลงข่าวสั้นๆ ผ่านโลกโซเซียลให้กระหึ่ม...เธอพร้อมโดยไม่รู้ว่าคนที่รู้จักเธอทั้งระดับใกล้ชิดสนิทสนมจนถึงขั้นห่างออกไปพากันโกลาหลเพียงใดคนแรก...วิลลี่ ลุงของเธอ เขาผลุดลุกผลุดนั่ง โทร.ไม่ต
กล้องพร้อม ทุกอย่างพร้อม...ตัวเธอก็พร้อมกับคำแถลงผ่านหน้าจอ...แสงไฟจัดไว้พร้อมอยู่แล้ว...ในห้องนี้เซททุกอย่างไว้พร้อมเสมอ เพราะเธอไลฟ์สดผ่านหน้ากล้องบ่อยมากก่อนลงนั่งหน้ากล้อง เธอสำรวจตัวเองถี่ถ้วนหน้ากระจกเงาสวย ดูดี...และไม่มีวี่แววโศกเศร้า เสียใจพร้อมสำหรับแถลงการฉบับนางฟ้า“สวัสดีค่ะ ค่ำนี้มีเรื่องด่วนอยากจะมาพูดคุยกับเพื่อนๆ นะคะ เมื่อตอนหัวค่ำนี้เอง ดิฉันยอมเสียสละผู้ชายที่ดิฉันรักให้กับคุณครูดาหวัน คุณครูที่ไร้เดียงสา เพื่อเธอจะได้มีโอกาสทองของชีวิต...โอกาสที่เธอไม่เคยมี’รอยยิ้มของเอกนรีดูจริงใจ...ยิ้มทั้งปากและดวงตา“แน่ล่ะค่ะ ว่าจะต้องมีการเสียใจบ้าง จะบอกว่าไม่มีเลยก็เป็นไปไม่ได้ ดิฉันไม่โกหก แต่เรื่องนี้ มีความหมายมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งสำหรับโอกาสที่มาถึง ดิฉันไม่อยากให้เธอพลาดโอกาสนี้ แค่นี้นะคะ ขอบคุณเพื่อนทุกคนค่ะ”ทิ้งภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สุดยิ้มที่เอกนรีฝึกหน้ากระจกจนเป็นรอยยิ้มที่เธอรู้ว่าจะได้ผลอย่างไรกล้องปิด...ไฟดับ...เธอคว้าแก้วเครื่องดื่มที่เตรียมไว้...น้ำอัดลมที่เธอแตะต้องน้อยมาก แต่วันนี้อยู่ในเหยือกมีหูใบใหญ่...พร้อมน้ำแข็งจากเครื่องทำน้ำแข็งเกล็ดละ
“ไป!” วิลลี่ตวาดก้อง “ยังมีหน้าจะบอกรัก บอกว่าเสียใจ มาขอโทษอะไรกัน ถ้ายังช้า เดี๋ยวจะเอาเลือดหัวออก”กิตติมาหันมามองเขา สัหน้าแววตาของหล่อนดูนิ่ง..แต่เขารู้ว่าเขาโดนหล่อนตำหนิด้วยคำพูด “การแก้ตัวไม่มีประโยชน์ค่ะ พี่อาทร รีบไป”เขาจากมา...ทิ้งความรับผิดชอบชั่วดีเอาไว้...ที่จริงดาหวันห้ามเขาเอาไว้ก่อนหน้าจะบอกความจริง...ค่อยๆ บอกนะคะ หวันกลัวจะเป็นเรื่อง...เขาได้ยินคำประกาศนั่นแล้ว เจ็บแสบ เผ็ดร้อน...เธอไม่ได้ตำหนิที่เขานอกใจตรงๆ แต่เธอพาดพิงถึงดาหวัน...ถ้อยคำเหยียดเย้ยกึ่งจะบุลลี่ในความเป็นครู ในการที่ไม่มีโอกาสได้มีผู้ชายดีๆเธอเสียสละเธอเป็นแม่พระ...กับถ้อยแถลงนั้นแต่อาทรแน่ใจเป็นแม่พระที่หัวใจและจิตวิญญาณล่มสลายเขากลับมาที่ห้องพัก ที่ดาหวันรอเขาอยู่ หล่อนเข้ามากอดเขาโอบกอดสองแขนไปรอบตัวหล่อน หากเขาเพิ่งบอก ขอโทษเอกนรีไป ตอนนี้เขาต้องขอโทษดาหวัน“หวัน พี่เสียใจ...” อีกคำกับผู้หญิงอีกคน...มีแต่คำว่าเสียใจ“ทำให้หวันโดนบุลลี่”“หวันเข้าใจเธอนะคะ...เธอนิ่งมาก...สวยงามมากที่ประกาศยกพี่อาทรให้กับหวัน ให้โอกาสหวัน”“ทั้งที่หวันโดนบุลลี่”“หวันไม่ได้เล่นบทนางเอกนะคะ เพีย
เพราะมยุรียอมเสียมารยาทคว้าเครื่องจากมือเขากดปุ่มเปิดเสียงจึงได้ยินชัด“แม่คุณ...ถอย หลังจากไปแย่งเขามาแล้วนี่นะ...ลาออกจากงานให้ผัวเลี้ยงหรือไงจ๊ะ”“พี่ยุ...”“โทร.มาบอกเดชทำไม...เธอก็เคยรู้ว่าเขารักเธอ ชอบเธอ”“ยุ...” เดชชนะพยายามจะห้าม แต่มยุรีถือโทรศัพท์ไว้เอง “แย่งแฟนเพื่อนฉัน แล้วยังทำร้ายเดชอีก ไปไป๊ ไม่ต้องโทร.มาอวดอะไรอีกนะ”“หวันไม่ได้อวด แต่หวันกำลังเครียด”“แล้วไง...จะให้เดชปลอบเธอหรือ ยัยบ้า ไป...ไป”มยุรีกดปุ่มปิด ยัดเยียดเครื่องคืนให้กับเดชชนะ“ไม่ต้องปลอบนะ นี่เค้าหักอกนายนะ เดช”“หักอก?” ก่อนจะส่ายหัว “ยุ...เราไม่ได้รักหวัน...เราอาจจะเคยพอใจ แต่มันไม่ใช่ความรัก ดาหวันเด็ก คิดแบบเด็กโลกยังสวย”แต่มยุรีมีคำจำกัดความชัดเจนกว่านั้น“ดาหวันอาจจะดูไร้เดียงสาสำหรับนายนะ เดช แต่สำหรับเรามองออกว่ายัยนั่นแรดเงียบ”เดชชนะพูดไม่ออก“ถ้าไม่แรด คงไม่เอาผู้ชายของคนอื่นทั้งที่รู้ว่าเขามีคนรัก”“ยุ แรงไปไหม หวันก็คนคุ้นเคยของพวกเรา”มยุรีส่ายหน้าไปมา “จะว่าฉันเข้าบ้างเพื่อนใช่ไหม”“ก็เป็นไปได้นะ”“เดช มองอย่างที่เป็นจริง นายรักยัยหวัน”เขาทำท่าจะปฏิเสธ แต่มยุรียกมือห้าม“นายรัก และม
แต่เสียงที่ได้ยินกลับเป็นเดชชนะ“ยุไปหน้าเวที...” เขาบอก“หน้าเวที...”“เรากำลังแสดงที่งานวัด...”“ว้าว...งานวัด...แล้วทำไมไม่ออกไปหน้าเวทีด้วย”“มีน้กร้องตัวจริงแล้ว”“ต้าร์ แทมโป้?”“ใช่ ผมเป็นคนข้างหลัง” เขานิ่งไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “ผมเห็นที่ไลฟ์สด”“ฉันออกแถลงการณ์”“ยังกะเรื่องการเมืองจริงจัง เรียกซะ”“ฉันพูดจริงตามนั้น”“ก็ไหนว่าเจอคนรัก...คนรักกัน...ทำไม...” แล้วเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “ขอโทษนะครับ...ผมเสียใจด้วย”เอกนรีไม่ได้เอ่ยอะไร”“ผมว่าเดี๋ยวจะออกไปหน้าเวที หากอยากดูการแสดงสด เพราะผมมีเพลงจะให้คุณ”“เพลงให้ฉัน?”“ใช่ครับ เพลงของพ่อ...สำหรับความรักที่มันเศร้าหมอง”“ฉันไม่ได้เศร้านะ เอ...หรือเศร้า ไลฟ์สด...ของคุณหรือ”“ผมจะสลับกับต้าร์ขึ้นร้องเพลงอยู่แล้ว ยุเข้ามาแล้ว...”เธอจึงได้ยินเสียงมยุรี “นรี เป็นไงบ้าง”“สบายดี อยู่กับหมอมา...”“เขาล่ะ...”“ตะกี้เขามานะ แต่เชิญกลับไปแล้ว...”“เธอยกเขาให้ได้จริงหรือ นรี”“ยุ...ถ้าเธอรู้จักฉัน เธอไม่ควรจะถามแบบนี้นะ”“เพราะรู้ไง...ถึงรู้ว่านั่นไม่น่าจะใช่เธอ”“แล้วฉันจะทำอะไรได้ดีกว่าที่ทำไปแล้ว” เอกนรีเอ่ยถาม “ให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน
“คนดีที่ผู้ชายไม่รัก” เอกนรีย้ำกับเพื่อนสาว เมื่อเพื่อนบอกว่าเธอเป็นคนดี คำพูดปลอบใจ คนที่ตกในห้วงทุกข์ เอกนรีเข้าใจ...เธอมองหน้าเพื่อนแล้วเอ่ยจริงจัง “ไม่ต้องบอกว่าฉันดีหรือไม่ดี เลวหรือไม่เลว...เอาความจริง...ฉันถูกผู้ชายปฏิเสธด้วยการ์ดหมั้น...งานหมั้นแล้วคงจะตามมาด้วยงานแต่งทุกอย่างเป็นแผนของเขาอยู่แล้ว ไม่ได้แค่เพิ่งเริ่มวันนี้ พวกเขามีกันและกันมานานแล้ว”กิตติมาถอนใจ “รู้มากเกิ๊น”“แล้วไง”คำถามแปร่งๆ สะท้านอยู่บ้างเหมือนกัน“รู้มาก รู้ทีหลัง ไม่เคยระแคะระคาย พวกเขาเอากันมาเท่าไหร่”“เอา?”“อ้าว...ไม่ใช่คำนี้จะให้ใช้คำไหน หลับนอนด้วยกัน มีเพศสัมพันธ์กัน ก็เอากันแหละ ง่ายๆ กระชับ ได้ใจความดี”“เพราะเธอไม่ยอมเอากับเขา” กิตติมาเอ่ยตรงๆ อีกนั่นแหละ “เธอมันเป็นไดโนเสาร์สำหรับเรื่องแบบนี้ เราเคยคุยกันจำได้ไหม ปี2022 เราผ่านอะไรกันมาถึงการมองเรื่องความสัมพันธ์แบบนั้น มันเป็นปกติวิสัยของความเป็นมนุษย์”“ฉันรู้” เสียงเอกนรีทอดต่ำ “ก็เกือบจะเอามาหลายหน”“แต่ไม่ได้เอา”“เพราะฉันบ้า...โลกสวย...สีชมพู อยากให้เป็นเรื่องที่ผ่านพิธีการ ให้พร้อมจริง เอาจริงไหม” เอกนรีเปลี่ยนเรื่อง
“เราบอกกับเพื่อนเธอว่าเราจะร้องเพลงให้เค้า”“ทำทำไม” หล่อนกอดอกมองหน้าเขา“ปลอบใจ...”“อุ๊ย....ปลอบใจ”มยุรีชี้หน้าเขาหัวเราะ “คิดอะไรกับเพื่อนฉัน”“เปล่านะ นอกจากจะเห็นใจ”“แน่ใจนะ”“ตอนนี้แค่เห็นใจ เจอแบบนั้น...สติไม่แตกแล้วเหรอ”“นายก็เห็น...เพื่อนฉันยังสวย...ยังแสนดีเป็นนางฟ้า”“ทั้งที่ข้างในแตกสลาย เป็นแม่มด เป็นแม่พระเพลิงน่ะหรือ”“ก็ยังดีกว่าทำร้ายตัวเอง...หรือไปทำร้ายพี่อาทรกับยัยดาหวันไม่ใช่หรือ”“เราว่าเพื่อนเธอกำลังเบิร์นเอ้าท์ และอาการจะแย่ลงหากไม่มีการดูแล เยียวยา”“ซึมเศร้า”เขาพยักหน้ารับ “และจะลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเอง วูบเดียว”มยุรีทำท่ากริ่งเกรงขึ้นมาบ้างทันที“แต่หมอมาเพื่อนฉันอยู่ด้วย หมอมาเป็นจิตแพทย์”“จิตแพทย์เด็กไม่ใช่หรือ”“ก็ยังมีวิชาติดตัว ปลอบทัน...อยู่กันทั้งคืน...”“เราบอกเค้าแล้วว่าเราจะร้องเพลงให้เค้าฟัง”“ร้องเพลงอะไร”“เพลงที่พ่อเพิ่งแต่งปลอบใยคนอกหัก รักคุด...เราบอกเค้าไปว่าเราจะร้องเพลงสดๆ หน้าเวที ยุไปช่วยจัดการไลฟ์สดให้เราด้วยนะ”มยุรีมองหน้าญาติหนุ่มก่อนจะหัวเราะออกมา“หัวเราะอะไร”“คิดอะไรกันแน่กับเพื่อนฉัน”“เฮ้ย...อย่าคิดไกล แค่เพื่อนใหม่.
“ลูกครึ่งเกาหลีหรือ”“แต่ยุบอกว่าไม่ใช่ เขาไม่ใช่ เป็นอีกคน” เอกนรีตอบเน้นๆ “อีกคน...สำคัญ...ความลับเอาไว้ปิดปากยัยนางฟ้านรกได้เลย”“อะไร ยังไง” กิตติมายังไม่เข้าใจ“อีกคนชื่อต้าร์ แทมโป้ หรือตฤณ คูนแคน เขาเป็นลูกชายยัยป้าฉันไง...ลูกชายที่ยัยป้าทิ้ง”กิตติมาทำตาโต“มีเรื่องแบบนี้ด้วย”“ทั้งเน่า ทั้งคาว...เอาไว้กระแทกหน้ายัยนางฟ้านรก”“เออแน่ะ ยังมีแก่ใจไปฟาดฟันกับเค้าอีกนะ”“ไม่ว่าจะยังไง สถานการณ์แบบไหน ฉันพร้อมรบกับยัยป้านั่นเสมอ แยกได้เป็นคนละเรื่อง...ดูก่อน เขาจะปลอบฉันยังไง เพลงไหน...”เบื้องหน้าในจอคือหนุ่มรูปงาม เสียงกรี๊ดของสาวๆ บอกว่ามีแฟนคลับของตัวเองแน่นอน“สวัสดีอีกครั้ง สาวๆ...ทุกคน...คืนนี้อากาศเย็น...ไหนๆ ขอเสียงคนอกหัก รักคุด โดนเท มากองกันตรงหน้านี้หน่อยคร้าบ”เอกนรีเม้มปากเล็กน้อย...จี๊ดที่ใจอกหัก รักคุด...โดนเทเธอด้วยแน่นอนเสียงกรี๊ด เสียงเรียกเขา เสียงกรี๊ดๆ วี้ดๆ“โอ...นับไม่ถ้วนเลยครับ มา...ให้พี่เดช...ดามหัวใจ...เขาไม่รัก...เราตายไหมครับ”เสียงถาม ลอยหน้าลอยตา......ไม่ตายค่า......ไม่ตาย...เสียงตอบลั่นๆเธอรู้เขากำลัง “คุย” กับเธอโดยตรงมิใช่กับแฟนคลั
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล
“เรื่องลูกของเรา...ลูกเธอกับดำรง ลูกฉันกับเอ๋”เอื้อยฟ้าไหวตัวอย่างแรง เรื่องนี้ชวนปวดหัวมาพอสมควร “ความจริง...ฉันพบเจอมันแล้ว เอื้อยฟ้า...” เสียงถอนใจหนักๆ ตามมา“ก็ดี...เราจะได้ไปถูกทาง”“ฉันจะทำเพลงต่อให้ต้าร์”“แต่เขาทำไม่ได้”“แล้วไง“ฉันจะไปเอาตัวเดชมา...”“มันคงมาหรอก” เขากระแทกเสียงใส่ “มันอยากได้เธอเป็นแม่ มันแล่นมาแต่แรกแล้ว ขอบอกหน่อยนะ เผื่อจะได้หูตาสว่าง...มันไม่เอาเธอ”เจ็บแปลบ“เพราะเธอทิ้งมันมา”“แล้วใครทำให้ฉันต้องทิ้งมา “ หล่อนเกรี้ยวกราดใส่ “เพราะใคร...ฉันเลือกคุณจนทิ้งลูก...” หล่อนเจ็บช้ำ “เห็นแก่ความรัก แล้วไง...กี่ปี...ที่ฉันทิ้งมา...วันนี้ ก็นะ...ฉันก็อยากเอาเขามาปั่น สายเลือดมีนะ...”ประตูเปิดเข้ามา ตามเคยกับการไร้มารยาทของเอกนรี หญิงสาวคนสวยก้าวเข้ามาทันได้ยินคำพูดของเอื้อยฟ้า หล่อนรีบยกมือห้าม“ขอนะ เอกนรี...อย่าเสือกกับเรื่องนี้” คำแรงตามเคยเสือกเอกนรีหัวเราะเบาๆ“เรื่องของแม่ลูก เธอไม่เกี่ยว”หญิงสาวนั่งลง “ทำไมจะไม่เกี่ยว ฉันกับเขาจะแต่งงานกัน”เอื้อยฟ้าเบิกตากว้าง “อย่าหวัง”“หือ...ว่าไงนะ คุณป้า”“อย่าหวัง ว่าฉันจะยอม”“ไม่ยอม ในฐานะอะไรล่ะ คุ
“ไม่ต้องขอ...ลุย”“เดี๋ยวๆ ไม่ดีเลย ลุยอะไร...ต้องแบบนี้สิ...” เขาก้มหน้าลงมา...มือข้างหนึ่งแตะแผ่นหลัง หญิงสาวแหงนหน้ารับจูบนั้น...ไม่ใช่จูบสะท้านโลก แต่เป็นจูบสะท้านใจได้อย่างมาก“แน่ใจหรือ นรี”วิลลี่เอ่ยถามเมื่อเธอกลับมาบอกกล่าวกับเขาว่าเธอกับ เดชชนะจะแต่งงานกัน“หนูรับชีวิตแบบนั้นได้จริงหรือ”“ทำไมจะไม่ได้คะ”“ลุงไม่อยากจะเชื่อเลย”“เป็นความจริงค่ะ”“แต่ลุงก็โอเคนะ”“ลุงยอมรับเขา...” เอกนรีแสดงท่าประหลาดใจนัก“อยากรู้ไหมว่าทำไม”“ค่ะ”“เพราะลุงคิดว่าเดชชนะน่าเป็นลูกของลุงกับอัจฉรา”เอกนรีหัวเราะขำๆ“ทำไมหนูหัวเราะเยาะ”“น่าจะใช่ค่ะ”“หมายความว่าไง”“น่าจะเป็นนายต้าร์มากกว่านะ”“ทำไม” เขายังกังขา“ตรงๆ นะ เพราะนิสัยหรือสันดานของนายต้าร์เหมือนลุง’แม้อยากโกรธหลานสาว แต่วิลลี่ก็โกรธไม่ลง และยังคิดว่าเพราะเอกนรีจะอ้างเช่นนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสายเลือด หากยอมรับว่าชอบกับเดชชนะ“หนูกลัวเรื่องสายเลือดหรือ ลูกพี่กับลูกน้อง...ใช่ไหม”“เปล่าค่ะ...หนูไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก...แม้อาจจะมีข้อห้ามทางวิทยาศาสตร์ แต่เราก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง เลือดยังไม่ได้ชิดมากมาย แต่เพราะเขาไม่ใช่ค่ะ...ข้อเดีย
เดชชนะกลายเป็นนักร้องสุดฮิทสุดฮอทเพราะความสามารถผสมหน้าตาอันหล่อเหลา อีกทั้งเพลงของเขาก็โดนใจคนทุกวัย และเขาเป็นเหมือนหนุ่มน่าเห็นใจ FC สาวๆ จึงมีเข้ามาหาเขามากมาย สิ่งนี้บาดตาและลงไปบาดใจต้าร์มากมาย เป็นรอยแผลและแฝงด้วยแรงอาฆาตมาดร้าย เขามองเห็นทางจะทำลายชื่อเสียงของเดชชนะ โดยอาศัยการร่วมมือจากใครบางคนเมญานี“เป็น FC เดชหน่อยสิ”หล่อนมองหน้าเขา ประคองไว้ในสองมือ“ไม่หวงเหรอ”“อย่าล่าแต้มไหมล่ะ”“ก็น่าสนใจ”เพราะหล่อนชอบสะสมแต้มอยู่แล้ว และอยากลอง เดชชนะดูบ้าง แต่การเข้าถึงเขายากมาก“จะหาทางไหนดีนะ นอกจากตัวเขาจะเข้าถึงยาก ยังมีตรงนั้นอีก”“นังเอกนรีหรือ” ต้าร์ถาม“หมั่นไส้มัน”“กลัวมันทำไม” ต้าร์ยุส่ง“มันดูแล...”“เราจะช่วย”“โจมตีตรงนั้นก่อน”จึงมีข่าวร้ายออกมามากมายเหลือเกินในช่วงสามวันนี้...โจมตีถึงเอกนรี ถึงความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้น...และการเข้ามาทำงานให้กับวงคูนแคน เพราะจะมาคว้าตัวโอป้าไปเอง พวกFC เริ่มฮือฮาแกมหวงแหน...แต่เมญานีเจาะไม่ถึงตัวเดชชนะ มยุรีป้องกันเต็มที่ และตัวเดชชนะก็ไม่เคยเปิดช่องให้หล่อนเลย เมญานีเลยรามือถอยไปเอง หล่อนบอกตัวเองอย่างผยองว่าผู้หญิงอย่าง