อวี้เล่อพลันคุกเข่าลง และรีบกล่าวว่า “คุณชาย กล่าวหาแล้ว บ่าวจงรักภักดีต่อคุณชาย จะถูกคุณหนูใหญ่ซื้อตัวได้อย่างไร!”“หากคุณชายไม่เชื่อ ไปถามพวกบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ดูก็ได้ขอรับ หลังคุณหนูใหญ่ถูกขวางเอาไว้ ก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีก”ในใจของหรงซื่อเจ๋อ มีความผิดหวังที่ยากจะบรรยายอย่างหนึ่ง “เป็นไปได้อย่างไร?”นางใส่ใจตนที่สุดมิใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ตนทำหน้าเย็นชาใส่นางเยอะแค่ไหน นางก็ยังเป็นห่วงตนเช่นเดิมมิใช่หรือ? หรือว่านางไม่สนใจไยดีน้องชายอย่างตนผู้นี้แล้ว?ไม่คิดเลยว่าเขาจะกระวนกระวายใจเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว! นี่นางใช้ลูกไม้ถอยเพื่อจะได้เข้าใกล้ก็เท่านั้น!”“นางคิดว่าใช้ท่าทีเสแสร้งเช่นนี้แล้วข้าจะสนใจ จากนั้นก็กลับไปรักใคร่ปรองดองกับนางอีกอย่างนั้นหรือ? น่าขันจริง ๆ!”อวี้เล่อเองก็กล่าวว่า “บ่าวเองก็คิดเหมือนกับคุณชาย คุณหนูใหญ่ไม่สนใจคุณชายแล้ว พูดแบบนี้ออกไปผู้ใดจะเชื่อ?”หรงซื่อเจ๋อเย้ยหยันเบา ๆ “คอยดูเถอะ อีกไม่กี่วัน นางจะต้องมาขอเอาใจใส่ข้า!”...เรือนอี่เหมยอวี้หมัวมัวกระซิบรายงานต
ทว่าหรงจือจือกลับไม่ประหลาดใจกับการกระทำของนางหวังเลยแม้แต่น้อย แอบคิดเอาไว้ในใจอยู่แล้ว บางทีครั้งหน้าตนอาจต้องหลบให้เร็วกว่านี้หน่อย แบบนี้ไหล่ก็คงไม่ถูกปาจนบาดเจ็บ แตกต่างจากนางหวังที่เต้นเร่า ๆ ด้วยความโกรธอารมณ์ของหรงจือจือเรียบเฉย “ฮูหยินหรง น้องรองไม่อยากเจอข้า และพวกท่านก็บอกว่าข้าอัปมงคลยิ่งมิใช่หรือ? คิดดูแล้วหากข้าไปยืนอยู่หน้าประตูเรือนไม่ยอมไป ถึงทำให้เตะถ่วงการรักษาอาการบาดเจ็บของน้องรอง”น่าขันจริง ๆ เขาไม่ยอมพบนาง ทว่ายังโทษว่าตนไม่ยอมไปเฝ้าอยู่นอกเรือนเหมือนสุนัขอย่างก่อนหน้านี้ต่อนางโง่ดักดานมาหลายปี ทว่าไม่คิดจะโง่ไปตลอดชีวิตนางหวังถูกคำพูดของหรงจือจือทำให้สำลักไป “เจ้า...”หรงจือจือกล่าวต่ออย่างเรียบเฉย “ชาติกำเนิดของฮูหยินหรงอยู่ในสกุลมีชื่อเสียง อย่างไรอย่าเอะอะก็ตบตีคน ทุบตีคนเลยจะดีกว่า หากแพร่ออกไป คนนอกยังคิดว่าฮูหยินหรงเป็นหญิงใจหยาบ คิดแล้วก็ไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเจียวเจียวเช่นกัน”สีหน้าของนางหวังแดงซีดสลับกัน “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าด่าคนเป็นแม่อย่างข้าว่าเป็นหญิงใจหยาบ?”สิ่งนี้คือสิ่งที่ทำให้หรงจือจือรำคาญใจที่สุด แม้สองแม่ลูกพูดเอาไว้ว่า
หรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ “ข้าแค่สั่งสอนให้นางเคารพพี่สาวคนโต เข้าใจว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดเท่านั้น”“คิดแล้วหากทำให้ท่านพ่อรู้เข้าว่า นางอ้าปากทีก็มีแต่คำพูดอย่างหอคณิกาเช่นนี้ จุดจบของนางไม่ได้ดูดีไปกว่าน้องรองแน่!”ครั้นนางหวังได้ยินเช่นนั้น ก็เดือดดาลจนอยากจะอาเจียนเป็นเลือด ไหนเลยจะไม่รู้ว่า ที่หรงจือจือกล่าวเช่นนี้เป็นการขู่ จะโวยวายจนไปเข้าหูมหาราชครูหรงไม่ได้นางเองก็ลอบโทษหรงเจียวเจียวพูดจาซี้ซั้ว แม้พวกนางจะมีเหตุผล ทว่าถูกหรงเจียวเจียวกล่าวเช่นนี้ออกมา ก็ไม่มีเหตุผลแล้ว!ต่อให้หรงจือจือจะเกลียดมารดาอย่างตนแค่ไหน ก็คงไม่มีทางโพล่งบอกให้อีกฝ่ายไปหาเลี้ยงชีพที่หอคณิกาเช่นนี้แน่!นางรีบส่งสายตาให้สาวใช้จ้าวทีหนึ่ง “เจ้ายังไม่ไปตามหมอประจำจวนมาอีก เจ้ายังบื้ออยู่ทำอะไร?”สาวใช้จ้าว “เจ้าค่ะ!”นางหวังมองไปรอบ ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะกล่าวทั้งหน้าคล้ำดำเขียวว่า “เรื่องในวันนี้ บอกไปแค่ว่าคุณหนูสามหกล้มเอง พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่?”หากทำให้ท่านพี่รู้ว่าหรงเจียงเจียวพูดอะไร บุตรสาวต้องโดนลงแส้จนจับไข้ และต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นเดียวกับบุตรชายเป็นแน่พวกบ่าวรับใช้ “เจ้าค่ะ!”หรงเจียว
เมื่อหรงจือจือได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มองนางหวังทีหนึ่งก่อน นางหวังเป็นบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวท่านตา ได้รับความโปรดปรานเลี้ยงดูดั่งไข่ในหินด้วยความหยิ่งผยองและมักใช้อำนาจบาตรใหญ่มาตลอด หนำซ้ำยังโง่ดักดาน จุดนี้เป็นจุดที่ท่านย่าไม่ชอบ ทว่าหรงเจียวเจียวเองก็ถูกนางหวังอบรมสั่งสอนจนเป็นเช่นนี้ ช่างพาออกหน้าออกตาไม่ได้เลยจริง ๆนางจ้องหรงเจียวเจียว “เช่นนั้นเจ้ากับท่านเสนาบดี ก็เข้าพิธีสามหนังสือหกพิธีแล้วหรือ?”หรงเจียวเจียว “นี่...”หรงจือจือกล่าวขึ้นอีกว่า “ในเมื่อเจ้ามั่นใจเรื่องแต่งงานขนาดนี้ ไม่สู้นำใบเทียบดวงชะตาของท่านเสนาบดีออกมาให้ข้าดูสิ?”หรงเจียวเจียวมีใบเทียบดวงชะตาอะไรเสียที่ไหน นางตอบกลับอย่างเดือดดาลว่า “หรงจือจือ ท่านจงใจใช่หรือไม่? ท่านรู้อยู่แล้วว่าเพียงพูดคุยเรื่องแต่งงาน ไม่ได้หมายความว่าจะตกลงแล้ว”หรงจือจือตอกกลับชืด ๆ “อ๋อ ที่แท้ก็ยังไม่ได้ตกลงกันนี่เอง”ไหนเลยหรงเจียวเจียวจะฟังคำถากถางที่อยู่ในคำพูดนี้ไม่ออก เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนตนเอง เรื่องยังไม่ได้ตกลงแน่นอน ตนพูดเช่นนี้ไร้ยางอายอยู่เล็กน้อยทว่านางกลับกล่าวพร้อมเลิกคิ้ว “เรื่องน
ทางท่านพ่อต้องยิ่งเข้าใจได้โดยง่ายอยู่แล้ว คิดว่าท่านพ่อเองก็รู้ว่าเจียวเจียวโง่ดักดาน ไม่คู่ควรกับอัครมหาเสนาบดีเฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าสตรีที่ผ่านการหย่าเช่นตนอยู่หน่อยในสายตาของคนทั้งใต้หล้า สตรีที่หย่าและถูกเขียนหนังสือปลดภรรยา ไม่ต่างอะไรกับหญิงสำส่อนที่ไม่มีใครเอา นับตั้งแต่ที่นางกลับจวนในวันนั้นก็ถูกพวกชาวบ้านก่นด่า หากตระหนักถึงจุดนี้ได้ ท่านพ่อจะมองตนด้วยความชื่นชมได้อย่างไรอีก?เห็นคุณหนูไม่ตอบ เจาซีเองก็ไม่ฝืนถาม ได้แต่เอ่ยว่า “คุณหนู คุณหนูคิดว่าที่ท่านเสนาบดีทำดีกับจวนเรา เพราะคุณหนูรองจริง ๆ หรือ?”หรงจือจือ “คงไม่ใช่อยู่แล้ว”นางยิ่งเชื่อว่าเฉินเยี่ยนซูทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของตน ส่วนจะแต่งงานหรือไม่นั้น เกรงว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อน ทว่าคนสกุลหรงเริ่มดีใจแทนหรงเจียวเจียวกันไปแล้วเจาซีบ่นพึมพำกระซิบกระซาบ “หากท่านเสนาบดีชอบคุณหนูรองได้จริง ๆ บ่าวจะทุ่มเงินซื้อยารักษาดวงตาให้ท่านเสนาบดีเลย”กระทั่งนางยินดีทุ่มเงินเก็บส่วนตัวทั้งหมดที่ตนสะสมมาหลายปีเพื่อการนี้เชียว!หรงจือจือมองนางพร้อมความขำขันทีหนึ่ง “อย่าเอาแต่พูดไร้สาระทั้งวันสิ”หากเฉินเยี่ยนซูจะแต่งงานกับหรงเ
ไม่ว่าเขาจะมาทำไม ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางหวังเมินเฉยได้นางรีบลุกขึ้นเดินออกไป พร้อมกับพูดทิ้งท้ายกับหรงเจียวเจียวว่า “เจ้ารักษาแผลดี ๆ ไป ทำใจกว้าง ๆ หน่อย ยังเป็นเช่นนั้น หรงจือจือได้ใจไม่ได้กี่วันหรอก”พูดจบก็เดินออกไปหรงเจียวเจียวครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับสาวใช้ข้างกายตนว่า “ฝานซิง เจ้าออกไปดูหน่อย ดูว่าคนในวังมาทำไม จะแต่งตั้งข้าเป็นท่านหญิงใช่หรือไม่”ไม่แน่ว่าท้ายที่สุดท่านเสนาบดีจะคิดได้แล้วว่า การที่พี่หญิงเป็นท่านหญิง คอยกดหัวตน ไม่ดีกับตนจริง ๆ จะทำให้ตนไม่มีหน้ามีตาฉะนั้นจึงขอพระราชทานแต่งตั้งให้ตนเป็นท่านหญิง หากเขาตามีแววเช่นนี้จริง ๆ ตนก็จะให้อภัยเรื่องที่ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่รอบคอบ แต่งตั้งตำแหน่งให้หรงจือจือ!ฝานซิงรีบตอบกลับ “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าเพิ่งร้อนใจไปนะเจ้าคะ เป็นของของคุณหนู อย่างไรก็หนีไม่พ้น! ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้เป็นท่านหญิงหรือไม่ วันข้างหน้าคุณหนูก็จะแต่งงานกับท่านเสนาบดีแล้ว ไม่แน่ว่าฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้คุณหนูเป็นฮูหยินแห่งแคว้นขั้นหนึ่ง ขอให้คุณหนูได้เป็นเช่นมารดาบุญธรรม”หรงเจียวเจียวเขินอายจนหน้าแดงไปหมดฝานซิงรีบออกไปในตอนนี้ มหาราช
นางเองก็เริ่มครุ่นคิดเช่นกัน นางกำนัลเฉินหมายความว่าอย่างไร? ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตนไม่ได้ตอบตกลงที่จะอยู่กับชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนและจีอู๋เหิง นางเซี่ยก็ไม่น่าจะไปขอให้ไทเฮาล้างแค้นตนสิถึงจะถูกฉะนั้นวันนี้มาจากไหนกัน?นางกำนัลเฉินกล่าวต่อ “ตอนนี้ฐานะของท่านหญิงสูงศักดิ์ ไม่ใช่คุณหนูที่ยังครองโสดธรรมดา ๆ แล้ว การกระทำของท่าน ล้วนต้องให้ความสำคัญกับหน้าตาของตำแหน่งท่านหญิง จะทำให้ต้าฉีของเราขายขี้หน้าไม่ได้”หรงจือจือ “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ!”นางหวังได้ยินหรงจือจือถูกอบรมสั่งสอน ก็สบายใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง นังคนชั้นต่ำผู้นี้ ปกติตอนที่ตนด่านาง มักจะชอบโต้เถียง วันนี้ในที่สุดก็นับว่ามีคนที่พูดแทนแล้ว นางคงเถียงไม่ออกแล้วสิ?นางกำนัลเฉิน “ในเมื่อท่านหญิงรู้แล้ว ก็ห้ามให้ผู้ใดก็ได้มาเต้นเร่า ๆ อยู่ตรงหน้าท่านเป็นอันขาด”“บางคนไม่รู้จักเคารพท่าน ควรตบตีก็ตบตี ควรด่าก็ด่า แม้จะเป็นคนในครอบครัว ก็ห้ามปล่อยไปตามอำเภอใจเด็ดขาด!”นางหวัง “?”เหตุใดประโยคนี้ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ อยู่หน่อย ๆ นะ?หรงจือจือตอบสนองอะไรบางอย่างกลับมา นางฉีกยิ้มพลางกล่าว “นางกำนัลเฉินพูดถูกเจ้าค่ะ”นางกำนัลเฉิน
ครั้นนางกำนัลเฉินได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มอ่อน ๆ พลางมองไปที่นางหวัง “ไม่ทราบว่าฮูหยินเป็นฮูหยินตราตั้งขั้นสูงขั้นไหนหรือเจ้าคะ?”นางหวังอึ้งไปครู่หนึ่ง รู้สึกขวยเขินอยู่เล็กน้อย “เพราะท่านพี่เขากตัญญูกตเวที ก่อนหน้านี้เคยมีโอกาสขอพระราชทานแต่งตั้งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงคราหนึ่ง แต่ว่าท่านพี่ให้ท่านแม่สามีไป”“แต่คิดว่ารอท่านพี่กลับราชสำนักแล้ว มีโอกาสต้องขอพระราชทานแต่งตั้งให้ข้าแน่...”ที่นางกล่าวเช่นนี้ ย่อมเพื่อกู้หน้าตัวเองกลับมาอยู่แล้วทว่านางกำนัลเฉินกลับจี้จุดสำคัญออกมา “พูดเช่นนี้ ฮูหยินไม่มีตำแหน่งฮูหยินตราตั้งขั้นสูงแล้ว?”นางหวังกัดฟัน ก่อนจะตอบกลับอย่างอิหลักอิเหลื่อ “ตอนนี้ไม่มีจริง ๆ”นางกำนัลเฉินสีหน้าราบเรียบ กล่าวว่า “ในเมื่อฮูหยินมิได้มีฐานะอะไร แล้วมีคุณสมบัติอะไรมาตบปากท่านหญิงของเราจนบวมหรือ?”นางหวัง “ข้า...ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง ตบตีนางไม่ได้หรือ?”สีหน้าของนางกำนัลเฉินเคร่งขรึม “ฮูหยินเจ้าคะ ที่เรียกว่าภักดีกตัญญูมีมารยาท เหตุใดความภักดีถึงมาก่อนความกตัญญูกันเล่า? ย่อมเป็นเพราะภักดีต่อฝ่าบาทรักชาติ สำคัญกว่าความกตัญญูอย่างไรล่ะ”“ฝ่าบาทเป็นผู้แต่งตั้งตำ
ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา
เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า
“ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท
เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่
เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค
เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช
เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ
หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ
“แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง