เซลีนเริ่มรู้สึกถึงความต่ำต้อย จึงถอยเข้าไปในอ้อมกอดของเซบาสเตียน เซบาสเตียนพูดขึ้น “คุณปู่ครับ เซลีนกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะครับ คุณปู่ช่วยหยุดทำแบบนั้นได้ไหม หากคุณปู่ยังคงตะเบ็งเสียงออกมาแบบนี้ต่อไป คุณปู่จะทำให้หลานทวดที่อยู่ในท้องของเซลีนตกใจก็เป็นได้นะครับ”เฮนรี่พูดไม่ออก“ผมพาเธอมาพบคุณปู่ที่นี่เพื่อให้คุณปู่ได้รู้จักและได้เตรียมตัว ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานด้วยในชีวิตนี้คือเธอ เซลีน ลินน์!“หลังจากที่แม่ของผมเสียชีวิตไปแล้ว ผมจะพาเธอไปที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลฟอร์ดเพื่อพบคุณปู่อย่างเป็นทางการ จากนี้ไปเราก็ไม่ต้องคุยเรื่องแต่งงานกันอีกต่อไปแล้ว”คำพูดของเซบาสเตียนไม่มีพื้นที่ให้กับการโต้แย้งมันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าเท่านั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายเซบาสเตียนโอบกอดเซลีนและเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบจากท่านผู้อาวุโสฟอร์ดเซลีนถามอย่างประหม่า “นายน้อยเซบาสเตียน ฉัน… ฉันหยาบคายมากเกินไปรึเปล่าคะ?”“ไม่เลย” เซบาสเตียนตอบอย่างเรียบเฉย“นายน้อยคะ… ”“เรียกฉันว่าเซบาสเตียน”“นายน้อย… เซบาสเตียน… ฉัน-ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ”“ฉันเป็นผู้ชายของเธอแล้วนะ!”ขณะที่เธอหลบอยู่ภายในอ้อมกอดของเ
ซาบริน่ามองอย่างไม่เชื่อสายตาและพูดไม่ออกรอยยิ้มที่สดใสและไร้เดียงสาซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่เธอมีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหายไป เธอกลับมามีสีหน้าเย็นชาและเหินห่างอีกครั้งสายตานั้นในสายตาของไนเจลนั้นช่างน่าสงสารอย่างยิ่งแต่เขาก็ยังชอบที่ได้เห็นท่าทางที่น่าสงสารและความมุ่งมั่นที่แน่วแน่นี้ ดูแล้วน่าจะสนุกกว่า“ฉันก็สงสัยว่าทำไมเธอถึงดูมีความสุขมาก เหมือนกับดอกไม้ที่เบ่งบาน ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันกำลังปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เธออวดดีเร็วเกินไป กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เป็นตัวจริงของเขา เพียงเพราะเขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีในเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้นน่ะเหรอ?”“เธอนี่มันบ้าดีเดือดเสียจริง ๆ!”“ฉันดูไม่ออกจริง ๆ เธอดูเย็นชาและขมขื่นอยู่เสมอ ราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ฉันเดานะเมื่อเธอจะทำอะไรสักอย่าง เธอจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอใช่ไหม?”“ด้านหน้าเธอคือลูกพี่ลูกน้องของฉัน และมีมาร์คัส ชอว์อยู่ด้านหลัง”“แล้วเธอก็มีฉัน”“ไม่ว่าคนไหนก็ตามในเราสามคน ก็คงเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซ้าท์ ซิตี้ สินะ”“สายตาของเธอนี่เฉียบแหลมจริง ๆ!”ซาบริน่
คุณผู้หญิงอาวุโสฟอร์ดก็ปลอบเกรซเช่นกัน “ลูกสะใภ้ ตอนนี้ฌอนอยู่ต่างประเทศ เมื่อเขาจัดการธุรกิจของเขาเสร็จแล้ว เขาก็จะกลับมาแต่งงานกับเธอ หลังจากแต่งงานกันแล้ว เธอจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราจริง ๆ เธอ… เธอเรียกฉันว่าแม่ได้ไหม?”เกรซมองดูคุณผู้หญิงอาวุโสฟอร์ดทั้งน้ำตา “แม่… ”“อา เป็นลูกสะใภ้ที่ดี ดูแลตัวเองดี ๆ นะ เธอจะดีขึ้น... เธอจะหายดีอย่างแน่นอน” หญิงชราดึงเกรซเข้ามากอดเมื่อฟังจากภายนอก ซาบริน่ามองเข้าไป รู้สึกเศร้าโศกขณะดูฉากนั้นชีวิตของป้าเกรซช่างยากเย็นเหลือเกิน เธอถูกหลอกตั้งแต่ยังเด็ก และลงเอยกับฌอน ฟอร์ด ขณะที่พวกเขาอยู่ต่างประเทศ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่า ฌอน ฟอร์ด มีภรรยาและลูกสามคนอยู่แล้ว เมื่อถึงวันที่เธอรู้ เกรซก็ตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนแล้ว และจะคลอดในอีกครึ่งเดือนข้างหน้าหลังจากที่เธอคลอดลูก ฌอนก็ปฏิบัติต่อทั้งสองคนเป็นอย่างดีทว่าช่วงเวลาดี ๆ นั้นก็ยังคงอยู่ไปจนกระทั่งเด็กอายุห้าขวบเท่านั้น ตอนนั้นเองที่ภรรยาคนเดิมของ ฌอนมาหา และต้องการพาตัวเด็กไปและผลักไสเกรซเธอจะทำแบบนั้นลงไปได้อย่างไร?ผลจากความบาดหมางของพวกเขาคือเกรซพาลูกชายของเธอไปต่างประเทศ ทว่าครอบครัวฟอ
ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา “รู้ไหมว่าฉันรอยู่?”ซาบริน่าพูดไม่ออกเธอไม่มีความคิดนั้นอยู่เลยเธอแค่ประหม่าไม่รู้ว่าเขาจะจัดการกับเธออย่างไร ไม่มีประโยชน์ที่จะวิ่งหนี เธอได้เห็นด้วยตัวเองแล้วเมื่อสองสามวันก่อนว่าชายคนนี้จัดการกับศัตรูของเขาอย่างไร ไม่ว่าเธอจะหนีไปไหน เธอรู้ดีว่าอีกไม่นาน เซบาสเตียนจะต้องตามหาเธอเจอเว้นเสียแต่ว่าเธอจะมีแผนการอย่างรอบคอบถ้าเธอไม่สามารถวิ่งหนีไปได้ เธอก็อาจจะต้องเผชิญหน้ากับเขาเช่นกันอย่างน้อยที่สุด ป้าเกรซก็ยังต้องการเธอเธอเพียงต้องการตั้งสติก่อนจะพูดนั่นคือสิ่งที่ซาบริน่าคิดเมื่อเห็นเธอพูดไม่ออก เซบาสเตียนก็มองมาที่เธอ ดวงตาของเขามีประกายของความมุ่งร้าย “เธอแกล้งทำเป็นว่าจริงใจ แล้วก็ทำตัวให้น่าสงสาร ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากฉันก่อนที่เธอจะจัดการกับเซลีนใช่ไหม? ทักษะการแสดงของเธอนั้นสุดยอดจริง ๆ แม้แต่เซลีนก็เทียบเธอไม่ติดฝุ่น ความอิจฉาริษยาที่เซลีนมีต่อเธอนั้นอยู่ในระดับแค่ผิวเผิน เป็นแค่ความเพ้อฝันของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ในทางกลับกัน เธอมีแผนการและกลอุบายที่ซับซ้อนกว่ามากนั้นอีก!”ซาบริน่าหัวเราะออกมาอย่างว่างเปล่าและ
"แค่นั้น”“ถ้าคุณคิดว่าความอวดดีของฉันที่คุณเห็นนั้นมาจากการที่คุณปฏิบัติดีกับฉันในช่วงสองวันที่ผ่านมาเป็นสาเหตุทำมห้ฉันผลักเซลีนจนล้ม ฉันจะไม่ทำผิดพลาดอีก”หลังจากที่เธอพูดจบ ซาบริน่าก็ผลักเซบาสเตียนออกไปก่อนจะเข้าไปในห้องของเธอ เธอเริ่มเก็บข้าวของโดยไม่ชักช้าเธอมีกระเป๋าเดินทางน้อยมาก สิ่งของของเธอโดยพื้นฐานแล้วประกอบด้วยรองเท้าที่เธอมีอยู่แล้วเท่านั้น เธอเก็บเสื้อผ้าสองสามชิ้นรวมทั้งผลิตภัณฑ์อาบน้ำง่าย ๆ พวกมันทั้งหมดถูกยัดใส่ถุงที่มีรอยฉีกขาดเมื่อสะพายกระเป๋าแล้ว ซาบริน่าไม่ได้ละสายตาไปจากเซบาสเตียนและไม่ได้กล่าวคำอำลาก่อนจะหายไปในยามค่ำคืนเซบาสเตียนถูกทิ้งให้ยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองลงไปยังเงาด้านล่างที่ค่อย ๆ หายไปเธอเดินจากไปอย่างไม่ลังเลใจเลยทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าทั้งสองคนค่อนข้างคล้ายกันพวกเขาทั้งคู่สามารถอ่อนโยนได้มาก แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดความสัมพันธ์ทั้งหมด พวกเขาจะตัดได้อย่างรวดเร็วและเย็นชาซาบริน่าไปพักที่โมเต็ลราคาถูกในคืนนี้ คนที่เธอต้องขอบคุณสำหรับความสามารถในการนอนในโรงแรมนี้ได้ก็คือไนเจล คนที่แม้จะทำร้ายเธอด้วยคำพูดของเขาอยู่เสมอ แต่ก็เต็มใจที่จะช่ว
“เธอไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเหรอ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ซาบริน่ามีอารมณ์ฉุนเฉียว“ซาบริน่า ฉันคิดว่าแกเก่งกว่านี้มากนะ แกเคยบอกฉันว่านายน้อยเซบาสเตียนรักและห่วงใยแกมากแค่ไหน และแกสามารถแย่งคู่หมั้นของฉันไปได้ แต่กลับกลายเป็นว่าแกก็เป็นแค่คนงานที่นี่ ถ้าจำไม่ผิด เมื่อยี่สิบวันก่อนแกก็ทำงานที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”ยี่สิบวันที่ผ่านมา นั่นคือตอนที่เธอถูกเซลีนลักพาตัวไปซาบริน่ามองดูหญิงผู้หยิ่งผยองตรงหน้าเธออย่างสงบ ระงับความปรารถนาที่จะคว้าคอของเธอและบีบคอเธอให้ตายเธอรังเกียจครอบครัวลินน์เสียจริงเธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมแม่ของเธอถึงทิ้งเธอไว้กับครอบครัวลินน์เมื่อเธออายุได้สิบสองปี พ่อแม่ของเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับพวกเขา? ซาบริน่ารู้ว่าครอบครัวของเธอเคยยากจน แต่ถึงแม้เธอจะยากจนอย่างกับขอทาน แต่ซาบริน่าก็ไม่เคยหันไปพึ่งพาคนอื่นเลยตลอดแปดปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยได้รับความรักเลยแม้แต่น้อยสิ่งเดียวที่เธอได้รับคือการดูถูกและการทำทานเท่านั้น เธอถูกส่งตัวเข้าเรือนจำและเธอเองก็ตั้งท้องทั้งหมดนี้ทำให้เธอเกลียดชังตระกูลลินน์ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดพวกเขามากแค่ไหน ซาบริน่าก็ไม่สามารถทำอะไรก
เธอต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นซาบริน่าคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วว่าเพื่อป้องกันตัวเองและลูกในท้องของเธอ ใครหน้าไหนที่กล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายและหวังว่าจะทำร้ายเธอและลูกน้อย คนนั้นมันจะต้องเจออิฐก้อนนี้ทุบจนตายเมื่อเห็นว่าเซลีนวิ่งหนีไป เธอก็รู้ทันทีว่ามันไปผลมากซาบริน่าโยนอิฐทิ้งไปถ้าเจอเหตุการณ์นี้และแสดงท่าทีพร้อมกับก้อนอิฐในมืออีก คงจะไม่ได้ผลอีกแล้วล่ะ อย่างไรก็ตาม เธอยังมีสิ่งอื่น ๆ ในกระเป๋าที่ไว้ใช้เพื่อป้องกันตัวเองเมื่อเห็นเซลีนวิ่งออกไปไกลแล้ว ซาบริน่าก็มุ่งหน้าไปทำงานที่ไซต์งานหลังจากทำงานมาทั้งวัน ซาบริน่าพบว่าเธอไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น เธอกลับพบว่าการทำงานที่นี่ผ่อนคลายกว่าในสำนักงานมาก เพราะเธอต้องกังวลและกลัวว่าจะถูกไล่ออกอยู่ตลอดเวลาการทำงานที่ไซต์ก่อสร้างนั้นสกปรกกว่าและต้องใช้แรงงานมากกว่า แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้หัวใจของเธอเหนื่อยล้านอกจากนี้ ในโรงอาหารมีอาหารหลากหลาย ดังนั้นเธอจึงรับประทานอาหารดี ๆ เพื่อตัวเองได้หลังจากเลิกงาน ซาบริน่าไปรอรถที่ป้ายรถประจำทาง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชนบท เธอจึงต้องรอรถประจำทางถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนหน้านี้เธอต้องการไปเยี่ยมป้าเกร
“ยังไง?”มีประกายของความสนุกสนานในดวงตาของเจด “ฉันคิดว่าครั้งนี้จะเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของเรา เด็กที่อยู่ในท้องของเซลีนทำให้เราพลิกสถานการณ์ได้ แม้กระทั่งทำให้นังซาบริน่าต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสได้ด้วยน้ำมือเซบาสเตียน”“อย่างไรก็ตาม หากเราต้องการใช้เซบาสเตียนเพื่อกำจัดมัน เราต้องเติมน้ำมันลงไปในเปลวเพลิง”“จำ… จำเป็นต้องกำจัดซาบริน่าจริง ๆ เหรอ?” ลินคอล์นรู้สึกหนาวเย็นภายในใจและอดไม่ได้ที่จะถามออกมาเจดจ้องมองไปที่ลินคอล์นด้วยความโกรธ “คุณยังใจอ่อนกับมันและไม่อยากกำจัดมันอีกเหรอ? มันปฏิบัติต่อคุณยังไง? มันต้องการจะฆ่าคุณ มันต้องการจะฆ่าทั้งครอบครัวของเรา มันร้ายพอ ๆ กับแม่ของมันนั้นเแหละ! พวกมันก็น่ารังเกียจและไร้ยางอายเหมือนกัน! คุณลืมไปเหรอว่าแม่ของมันวางกับดักและหลอกคุณไว้ยังไงบ้าง?”“ทำไมถึงไม่จำอะไรบ้างเลย!”“นังจิ้งจอกตัวนั้น มันช่างน่ารังเกียจและชั่วร้ายพอ ๆ กับแม่ของมัน!”“ถ้าไม่ใช่เพราะแผนของเราเมื่อวานนี้ ที่ทำให้เซบาสเตียนเห็นด้านชั่วร้ายของมัน มันก็คงจะขโมยเขาไปจากเซลีนได้ในที่สุด”“สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือการทำลายล้างตระกูลลินน์”“ลินคอล์น คุณเคยคิดถึงเร
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ