นั่นเป็นเหตุผลที่คิงส์ตันไม่สวมถุงมือมาตลอดทั้งปี แม้ว่าในฤดูหนาวจะหนาวที่สุด เขาก็ยังคงไม่ยอมใส่อยู่ดี ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครเตรียมที่อุ่นมือเล็ก ๆ ไว้ให้เขาได้อุ่นมือเช่นนี้น้ำใจของหญิงสาวตัวน้อยคนนี้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นเป็นอย่างมากเขาถึงกับเริ่มสงสัยว่าผู้หญิงแบบนี้ท้องในเรือนจำได้อย่างไร?เธอมีบาดแผลทางจิตใจที่ซ่อนไว้อยู่รึเปล่า?คิงส์ตันสาบานกับตัวเองว่าเขาจะสืบหาอย่างรวดเร็วว่าใครเป็นใคร และช่วยเธอยุติความสัมพันธ์ที่โชคร้ายนี้!เขาเปิดประตูรถอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดกับเซบาสเตียนและซาบริน่าว่า “นายน้อย นายหญิง เชิญขึ้นรถครับ”ซาบริน่าหน้าแดงและยิ้มขณะที่เธอพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”ภายในรถ เธอมองดูเซบาสเตียนเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน เนื่องจากความมีไหวพริบ ซาบริน่าจึงไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงบ้านแล้ว เธอก็ถามไปว่า “คุณหิวไหมคะ?”เซบาสเตียนมองเธออย่างลังเล “เธอทำอาหารเป็นเหรอ?”“ค่ะ ก็ถ้าขั้นตอนมันไม่ซับซ้อนเกินไป ฉันทำได้ค่ะ คุณฟอร์ด ถ้าคุณหิว ฉันทำอาหารให้คุณทานได้นะคะ” ซาบริน่าดูกระตือรือร้นมากเซบาสเตียนประหลาดใจในช่วงเวลาสั
ซาบริน่าตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเหินห่าง “เมื่อไหร่ กี่โมง?”“สี่โมงเย็น!”“ก็ได้ ฉันจะไปที่นั่นตามที่บอก” ซาบริน่าพูด “อย่ารบกวนป้าเกรซ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ใจดีด้วยแน่!”เซลีนหัวเราะอย่างดุร้าย “ฮ่า ฮ่า! ซาบริน่า ดูเหมือนแกจะคิดว่าเกรซเป็นแม่ของแกแล้วจริง ๆ สินะ อย่าลืมว่าแกเป็นแค่ตัวปลอม ส่วนฉันน่ะตัวจริง เกรซเป็นแม่ของคู่หมั้นฉัน ฉันจะทำร้ายเธอได้ยังไงกัน แกอย่ากังวลอะไรไม่เข้าเรื่องเลย?”“ก็ดี ที่เธอยังจำได้ว่าเกรซเป็นแม่สามีเธอ ฉันจะไปถึงตอนสี่โมงเย็น” ซาบริน่าวางสายหลังจากพูดแบบนั้นเมื่อเธอทำความสะอาดสำนักงานจนเรียบร้อย ขณะที่เธอกำลังมองหาที่นั่งเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน โทรศัพท์ของซาบริน่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอคิดว่าเป็นเซลีนที่โทรเข้ามาอีก เธอก็เริ่มหงุดหงิด อย่างไรก็ตาม เมื่อดูหมายเลขโทรศัพท์แล้ว เธอก็พบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก เธอสงบสติอารมณ์ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา “สวัสดีค่ะ นั่นใครคะ?”“นายหญิง” เสียงของคิงส์ตันมาจากอีกด้านหนึ่งซาบริน่าหน้าแดงและน้ำเสียงก็สดใสขึ้นเช่นกัน “คิงส์ตันคะ คุณก็รู้ว่าฉันแค่แกล้งทำไปแบบนั้น คุณไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่านายหญิงหรอก
ห้าจานซาบริน่ามองดูอาหาร ขณะยิ้มพร้อมส่ายศรีษะบ้าไปแล้ว เป็นมื้อที่ฟุ่มเฟือยเสียจริง... เธอจะทานทุกอย่างให้หมดได้อย่างไรกัน? อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความสุขเมื่อรับอาหารแล้ว ซาบริน่ายิ้มขณะที่เธอเดินกลับไปที่โรงอาหารของพนักงานเพื่อทานอาหาร ก่อนเข้าไป เธอสะดุดเข้ากับไนเจลและเซย์นเพื่อนของเขา“โย่! ซาบริน่าสองวันที่ผ่านมาคุณมีเสี่ยเลี้ยงแล้วรึไง?” ไนเจลขวางทางเธอไว้ขณะที่เขาถามอย่างไม่ใส่ใจซาบริน่าเงยหน้าขึ้นมอง และยิ้มให้กับไนเจลรอยยิ้มของเธอเปล่งประกายด้วยความสดใสไนเจลตกตะลึงอีกครั้งเป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นรอยยิ้มนั้นของซาบริน่า ครั้งแรกเมื่อสามวันก่อน ขณะที่เธอรับประทานอาหารมื้อนั้นที่ไซต์ก่อสร้างของบริษัท“ไนเจล สองวันที่ผ่านมาฉันไม่เจอคุณเลย คุณยุ่งเหรอคะ?” ซาบริน่ามองไปที่ไนเจล รอยยิ้มที่ยิ้มแย้มของเธอทำให้คิ้วของเธอโก่งโค้งขึ้นไนเจลพยักหน้าอย่างอ่อนโยน“อืม ไม่ว่าคุณจะยุ่งแค่ไหน อย่าลืมว่าอีกไม่กี่วันฉันก็จะได้เงินเดือนแล้ว ฉันเคยบอกว่าหากฉันได้เงินเดือนแล้ว ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณ และคืนเงินให้คุณด้วย ดังนั้นอย่าลืมแล้วกันนะคะ”ไนเจลยั
ด้านหลังของซาบริน่ามีสายตาของเซบาสเตียนจับจ้องมาที่เธอ เมื่อเธอตบเซลีนไปเมื่อครู่นี้ คิงส์ตันก็รู้สึกเหงื่อตกแทนเธอ ผู้หญิงคนนั้นจะโชคร้ายขนาดไหนกัน?คิงส์ตันรู้สึกพอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซาบริน่าตบเซลีน แต่เขาก็รู้เช่นกันว่าในขณะนั้นซาบริน่าอาจจะต้องเจอกับ...ใบหน้าของซาบริน่าเชิดขึ้น น้ำตาไหลขณะที่เธอระบายความในใจออกมาให้เซลีนได้ฟัง “เซลีน ฟังนะ! ฉันยังคงเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเซบาสเตียน! ป้าเกรซชอบฉันมากและเต็มใจที่ยอมรับว่าฉันเป็นลูกสะใภ้เพียงคนเดียวของเธอเท่านั้น! เธอ... สำหรับป้าเกรซแล้ว เธอไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับป้าเกรซเลย! คอยดูตั้งแต่นี้ต่อไปเถอะ หากป้าเกรซจากไปแล้ว ฉันจะเอาเธอไปฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว!“ฉันจะทำอย่างที่พูดแน่!”ซาบริน่าโกรธเซลีนมากเธอเกลียดครอบครัวลินน์มาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา เธอคงไม่ต้องใช้ชีวิตสองปีที่ผ่านมาในเรือนจำ และเธอก็ไม่ต้องมอบร่างกายของเธอให้ชายที่กำลังจะตายและลงเอยด้วยการตั้งท้องแบบนี้ทั้งชีวิตของเธอ อนาคตของเธอ ล้วนถูกคนในตระกูลลินน์ทำลายไม่เพียงเท่านั้น เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิต เธอยังไม่สามารถกลับบ้านเกิดเพื่อไปเยี่ยมเธอได้ด้วย
เซลีนล้มลงไปในอ้อมแขนของเซบาสเตียน เธอร้องไห้เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “นายน้อย… ฮือ ฮือ… ”ซาบริน่าพูดไม่ออกสายตาของเซบาสเตียนเย็นชาและอาฆาตเมื่อเขามองไปที่ซาบริน่าด้านหลังเซบาสเตียนมีนายท่านผู้อาวุโสและคุณหญิงผู้อาวุโสของตระกูลฟอร์ดยืนอยู่ และข้างหลังพวกเขามีอีกหลายคน ซาบริน่าไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ เป็นใคร แต่มีคนหนึ่งที่ซาบรินาจำได้นั่นคือไนเจล“คุณ… คุณฟอร์ด” ซาบริน่าพยายามหาคำพูดของเธอ “คือ… คือเธอ เซ… เซลีนเป็นคนที่ขอให้ฉันมาที่นี่ ฉันคิดว่า… ฉันคิดว่าเธอต้องการจะทำอะไรกับป้าเกรซ… ”“ฉันเป็นคนขอให้เธอมาพบฉันที่นี่” เสียงของเซบาสเตียนสงบ แต่เห็นได้ชัดว่ามีความเย็นชาแฝงอยู่เหตุผลที่เซลีนมาปรากฏตัวที่หน้าโรงพยาบาลจริง ๆ ก็เพราะว่าเซบาสเตียนชวนเธอมาเมื่อวันก่อนนายท่านผู้อาวุโสฟอร์ดได้ขอร้องอย่างเป็นทางการให้เขาเลือกหญิงสาวจากตระกูลที่มีชื่อเสียงสองสามตระกูลเพื่อเป็นเจ้าสาว แต่เซบาสเตียนไม่เห็นด้วยแต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเรื่องนี้จะรอช้าต่อไปไม่ได้อีกแล้วท้ายที่สุดคือเซลีนตั้งครรภ์แล้วเช้าวันนั้น เฮนรี่โทรหาเซบาสเตียนเป็นการส่วนตัว “เซบาสเตียน ฉันได้คิดเกี่ยวกับคำพูดของแกตั
ซาบริน่าพูดไม่ออกเธอไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้กับเซบาสเตียนอย่างไร เธอตระหนักได้ว่าสถานการณ์นี้ถูกจัดฉากขึ้น ซึ่งเป็นกับดักของตระกูลลินน์ และเธอเองก็กระโดดใส่กับดักนี้อย่างจังเธอไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะอธิบายไป เซบาสเตียนก็คงไม่เชื่อเธอซาบริน่านิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเซลีนหรือครอบครัวลินน์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่เเคร์หรอกนะว่าฉันจะต้องฆ่าใครด้วยมือของฉันเอง ฉันจะทำให้แน่ใจเลยล่ะว่าเธอได้ตายอย่างเจ็บปวดที่สุด” น้ำเสียงของเซบาสเตียนแข็งกร้าวและไม่แสดงอารมณ์ขณะพูดกับซาบริน่า หลังจากนั้นเขาก็จากไปพร้อมกับเซลีนความคิดของซาบริน่าสับสนไปหมดเธอรู้ว่าคำเหล่านั้นไม่ได้พูดขึ้นมาเฉย ๆเธอเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่าเขาจัดการกับศัตรูของเขาอย่างไร เขาเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุด แต่เขาก็อาจจะโหดร้ายเหมือนกับการตกนรกเลยแหละเขาจะทำในสิ่งที่เขาพูด และหัวใจของเขาไม่เคยอ่อนข้อลงเลยซาบริน่ามองไปที่เซบาสเตียน เขาโอบกอดเซลีนขณะเดินไปหาเฮนรี่ ศีรษะของเธอแนบไปกับไหล่ของเขา เซลีนหันกลับมามองที่ซาบริน่าด้วยท่าทางแห่งชัยชนะอย่างแท้จริงรอยยิ้มนั้นหลอกลวงอย
เซลีนเริ่มรู้สึกถึงความต่ำต้อย จึงถอยเข้าไปในอ้อมกอดของเซบาสเตียน เซบาสเตียนพูดขึ้น “คุณปู่ครับ เซลีนกำลังท้องกำลังไส้อยู่นะครับ คุณปู่ช่วยหยุดทำแบบนั้นได้ไหม หากคุณปู่ยังคงตะเบ็งเสียงออกมาแบบนี้ต่อไป คุณปู่จะทำให้หลานทวดที่อยู่ในท้องของเซลีนตกใจก็เป็นได้นะครับ”เฮนรี่พูดไม่ออก“ผมพาเธอมาพบคุณปู่ที่นี่เพื่อให้คุณปู่ได้รู้จักและได้เตรียมตัว ผู้หญิงที่ผมอยากแต่งงานด้วยในชีวิตนี้คือเธอ เซลีน ลินน์!“หลังจากที่แม่ของผมเสียชีวิตไปแล้ว ผมจะพาเธอไปที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลฟอร์ดเพื่อพบคุณปู่อย่างเป็นทางการ จากนี้ไปเราก็ไม่ต้องคุยเรื่องแต่งงานกันอีกต่อไปแล้ว”คำพูดของเซบาสเตียนไม่มีพื้นที่ให้กับการโต้แย้งมันเป็นเพียงประโยคบอกเล่าเท่านั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายเซบาสเตียนโอบกอดเซลีนและเดินจากไปโดยไม่รอคำตอบจากท่านผู้อาวุโสฟอร์ดเซลีนถามอย่างประหม่า “นายน้อยเซบาสเตียน ฉัน… ฉันหยาบคายมากเกินไปรึเปล่าคะ?”“ไม่เลย” เซบาสเตียนตอบอย่างเรียบเฉย“นายน้อยคะ… ”“เรียกฉันว่าเซบาสเตียน”“นายน้อย… เซบาสเตียน… ฉัน-ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ”“ฉันเป็นผู้ชายของเธอแล้วนะ!”ขณะที่เธอหลบอยู่ภายในอ้อมกอดของเ
ซาบริน่ามองอย่างไม่เชื่อสายตาและพูดไม่ออกรอยยิ้มที่สดใสและไร้เดียงสาซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่เธอมีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหายไป เธอกลับมามีสีหน้าเย็นชาและเหินห่างอีกครั้งสายตานั้นในสายตาของไนเจลนั้นช่างน่าสงสารอย่างยิ่งแต่เขาก็ยังชอบที่ได้เห็นท่าทางที่น่าสงสารและความมุ่งมั่นที่แน่วแน่นี้ ดูแล้วน่าจะสนุกกว่า“ฉันก็สงสัยว่าทำไมเธอถึงดูมีความสุขมาก เหมือนกับดอกไม้ที่เบ่งบาน ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันกำลังปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เธออวดดีเร็วเกินไป กล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เป็นตัวจริงของเขา เพียงเพราะเขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีในเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้นน่ะเหรอ?”“เธอนี่มันบ้าดีเดือดเสียจริง ๆ!”“ฉันดูไม่ออกจริง ๆ เธอดูเย็นชาและขมขื่นอยู่เสมอ ราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ฉันเดานะเมื่อเธอจะทำอะไรสักอย่าง เธอจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอใช่ไหม?”“ด้านหน้าเธอคือลูกพี่ลูกน้องของฉัน และมีมาร์คัส ชอว์อยู่ด้านหลัง”“แล้วเธอก็มีฉัน”“ไม่ว่าคนไหนก็ตามในเราสามคน ก็คงเพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเซ้าท์ ซิตี้ สินะ”“สายตาของเธอนี่เฉียบแหลมจริง ๆ!”ซาบริน่
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ