ซาบริน่าจำผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้ว่าเธอคือมินดี้ แต่เธอก็จำมาร์คัสได้ในทันที“ขอโทษค่ะ” เธอกล่าวอย่างสุภาพ ขณะที่ทั้งสองกำลังขวางทางเธอไปที่เคาน์เตอร์ เธอเบียงตัวหลบพวกเขาและเดินไปที่เคาน์เตอร์“ขอโทษนะ ฉันได้รับโทรศัพท์สองสายจากนายท่านตงและฉัน...ฉันมาเพื่อคืนกล้อง...หมายถึงเงินเท่ากับราคากล้องตัวนั้นน่ะค่ะ”“ฉันขอทราบชื่อของคุณได้ไหมคะ?” หญิงสาวตรงแคชเชียร์เอ่ยถาม"ซาบริน่าค่ะ ฉันเช่ากล้องดิจิทัลมูลค่า 1,500 ดอลลาร์จากคุณเมื่อสี่วันก่อน และวันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อคืน...เงินค่าเช่าน่ะค่ะ" ซาบริน่าพูดซ้ำ“ซาบริน่า!” ผู้หญิงคนนั้นดูดีใจที่ได้พบเธอและตอบกลับ “กรุณารอสักครู่ เจ้านายของเราควานหาคุณไปทั่วเลยนะคะ”…ท้องของเธอหวิวเพราะรู้ว่าเธอมาสายไปสามวัน และกังวลว่าเจ้านายจะหาว่าเธอทำผิดเงื่อนไข'มันคงจะไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันมีเงิน 3,000 ดอลลาร์อยู่กับฉันแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะจ่ายให้พวกเขา’เมื่อนึกถึงเงิน 3,000 ดอลลาร์ที่เธอถือไว้อีกครั้ง เธอก็รู้สึกซาบซึ้งใจต่อไนเจล เงินกองเล็ก ๆ ที่เขามอบให้เธอเมื่อวันก่อนกลับกลายเป็นเงินที่มากกว่า 3,000 ดอลลาร์ที่ทำให้เธอประหลาดใจเธอยืนเงียบ
ถ้ากล้องไม่หาย เธอก็ไม่ต้องการเงินที่ยืมมาจากไนเจลอีกต่อไป“งั้น...ฉันไม่ต้องจ่ายใช่ไหมคะ?” ซาบริน่าถามอย่างร่าเริง“ไม่มีแม้แต่ค่าเช่าเลย” นายท่านตงบอก“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณมากค่ะ ถ้า…ถ้าแบบนั้น ฉันจะไปได้แล้วใช่ไหมคะ?” ซาบริน่ายืนยันอีกครั้งด้วยความโล่งใจ“ได้แน่นอน คุณสก๊อตต์”ซาบริน่าถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและเดินออกจากลิสซิ่ง เซ็นเตอร์ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าปัญหาทั้งหมดได้ทิ้งไว้อยู่ข้างหลังเธอแล้ว“คุณสก๊อตต์ ผมขอเวลาของคุณสักครู่ได้ไหมครับ” มาร์คัสเรียกจากด้านหลังเธอ เขาตระหนักขึ้นได้ทันทีว่าซาบริน่าขอยืมเงิน 2,000 ดอลลาร์จากเขาตอนกลับมาจากงานปาร์ตี้ เพื่อชดเชยกล้องที่หาย และ 2,000 ดอลลาร์เทียบไม่ได้กับที่มาร์คัสใช้ไปสำหรับอาหารมื้อเดียว“คุณต้องการอะไรคะ คุณชอว์?” ซาบริน่าถาม“คุณยังต้องการเงินอยู่ไหมครับ?” มาร์คัสเอ่ยถามเหมือนกำลังพยายามเริ่มต้นหาหนทางแก้ตัว“อย่างที่คุณเห็นนะคะ ฉัน...ไม่ต้องการแล้วค่ะ” ซาบริน่ายิ้มอย่างอ่อนโยน“ผมเคยคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้ามาหลอกลวงเพื่อหาเงินเท่านั้น ดังนั้นเมื่อวันก่อนคุณโทรหาผม ผม...”“ไม่เป็นไรค่ะ คุณชอว์ คือ...เราไม
จากมุมมองของเซบาสเตียน เธอแค่เล่นตัวต่อมาร์คัส และความคิดนั้นทำให้เขาหน้าบึ้งอย่างไม่มีคำจะพูด“นายท่านชอว์…” คิงส์ตันอุทาน “นายท่านชอว์มาจากครอบครัวที่มีการเล่นดูเข้มงวดมาก นายท่านอาวุโสแห่งตระกูลชอว์จะไม่มีวันยอมให้เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวใด ๆ เลย”“นอกจากนี้ นายท่านชอว์เองก็มีวินัยมากเช่นกัน ทำไมถึง…” คิงส์ตันมองดูเซบาสเตียนและหยุดตัวเองไม่ให้พูดต่อทันที เขาตั้งใจจะบอกว่าซาบริน่ามีไหวพริบเกินกว่าจะผูกมัดตัวเองกับนายท่านเซบาสเตียนสำเร็จได้เท่านั้น แต่ยังสามารถจัดการกับนายท่านไนเจลและชนชั้นสูงที่มีวินัยในตนเองเช่นนายท่านชอว์ได้เธอห่างไกลจากคำว่าผู้หญิงธรรมดาไปไกลโข อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะสงบปากสงบคำของตนเมื่อเห็นใบหน้าอันดุร้ายของเซบาสเตียนในขณะเดียวกัน ทั้งซาบริน่าและมาร์คัสไม่รู้ว่าเซบาสเตียนเห็นทุกรายละเอียดของปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาจากที่จอดรถที่จอดอยู่ไม่ไกล“คุณชอว์ ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ!” เธอขอร้อง สงบสติอารมณ์และมีระยะห่างตลอดเวลาขณะที่เธอมองที่มาร์คัสมาร์คัสดึงเธอกลับมาอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “คุณสก๊อตต์ครับ ผม...ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว คุณช่วยยกโทษให้ผมได้ไหม? ผมแ
ลูกชายของเธอมาเยี่ยมตอนเที่ยงและได้นำอาหารแสนอร่อยทุกประเภทที่บำรุงร่างกายมาให้เธอเป็นอาหารกลางวัน ซึ่งเธอรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อมาถึงจุดนี้ เธอไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าอาหารปรุงเองแบบบ้าน ๆ และวันนี้ความปรารถนาของเธอก็เป็นจริง“ลูกสะใภ้ของฉันน่ารักที่สุด” เกรซชมอย่างจริงใจ“ถ้าแม่ชอบมันมากแบบนี้ หนูยิ่งกว่าเต็มใจที่จะเลี้ยงอาหารกลางวันให้แม่ทุกวันด้วยรายได้เล็กน้อยที่หนูได้รับก็น่าจะเพียงพอแล้วที่เราจะกินกันทั้งคู่” ซาบริน่ายิ้มอย่างมีความสุขจากใจ รู้สึกราวกับว่าโชคดีเหมือนเจอเงินตามท้องถนน“ให้แม่บอกความลับเล็กๆ น้อยๆ ให้หนูฟังหน่อยนะ แม่ไม่ได้สนใจอาหารที่ทำโดยพ่อครัวชื่อดังที่ลูกชายของแม่นำมาให้หรอกนะ แม่อยากกินของที่หนูเอามาให้มากกว่านี้ แม่จะห้ามไม่ให้เซบาสเตียนนำมื้อเที่ยงมาให้ และแม่จะกินแต่อาหารที่แซบบี้สุดน่ารักของแม่นำมาให้!" เกรซเลือกที่จะเล่าเรื่องสนุกเกี่ยวกับลูกชายของเธอต่อหน้าซาบริน่าอย่างสนุกสนาน"ตกลงค่ะ!" ซาบริน่ายกมือขึ้นมาปะมือกับเกรซ และทั้งสองก็หัวเราะอย่างร่าเริง พวกเธอไม่รู้ว่าเซบาสเตียนยืนอยู่ข้างประตูตลอดเวลาในที่สุด เซบาสเตียนก็ไอเบา ๆ เพื่อบอกว่าเขาอยู่ตรง
“เธอต้องการอะไร?” น้ำเสียงของซาบริน่ายังคงเงียบสงบและเหินห่าง“แกไม่คิดว่าตัวเองไร้ค่าไปหน่อยเหรอ ซาบริน่า? ฉันลักพาตัวแกมาฆ่าและก็เกือบจะสำเร็จ แต่ท่านเซบาสเตียนก็พาแกหนีรอดออกไปได้ แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าฉันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจที่จะลงโทษฉันเลย จนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่มีแผลสักแผลเลยนะ แกก็เป็นแค่ภรรยาขี้แพ้เท่านั้น!” เซลีนระบายความหงุดหงิดอย่างเย่อหยิ่ง“รังควานฉันทางโทรศัพท์ต่อไปนะ แล้วฉันจะบอกเรื่องนี้กับแม่ของเซบาสเตียน แล้วคราวหน้า ตอนที่แม่ของเซบาสเตียนถามหาเธอและแม่ของเธอ มันจะไม่จบแค่ให้แม่เธอตบหน้าเธอแค่นั้นนะ แต่หน้าเธอยับเยินทั่วหน้าเลยดีกว่า ฉันก็อยากจะรู้ว่าเธอจะแต่งงานกับเซบาสเตียนด้วยใบหน้าที่เสียโฉมอย่างนั้นได้ยังไง!”“ทำไม แก.. .” เซลีนหมดคำพูดจากน้ำเสียงที่รุนแรงของซาบริน่า เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเย้ยหยันอย่างมีเลศนัยและพูดต่อ “รออีกหน่อยเถอะ ซาบริน่า อีกไม่นานทุกคนจะได้เห็นธาตุแท้ของแก!”“เธอหมายความว่ายังไง?” ซาบริน่าถาม“บาย!” ไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม เซลีนวางสายไปอย่างผู้ชนะซาบริน่าคิดในใจ 'ธาตุแท้?’ คนพวกนั้นจะทำอะไรกับเธออีก? เธอใช้ชีว
จะเรียกได้ว่าการอยู่ทำงานออกแบบจนดึกดื่นเป็นกิจกรรมยามว่างของซาบริน่าเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้การออกแบบยังเป็นวิชาเอกที่เธอเคยเรียนในมหาวิทยาลัยด้วย การได้เจอกับป้าเกรซในเรือนจำส่งผลต่อเธอมากที่สุด เพราะป้าเกรซเป็นมืออาชีพด้านสถาปัตยกรรม หัวข้อการพูดคุยจนทำให้ทั้งสองต่อกันติดอย่างรวดเร็วก็คือเรื่องการออกแบบนี่แหละป้าเกรซมีประสบการณ์ด้านการปฏิบัติมาก่อน และภายในสองปีที่อยู่ในเรือนจำด้วยกัน เธอได้สอนซาบริน่ามากมาย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมซาบริน่าจึงสามารถเรียนรู้ทางด้านการปฏิบัติได้แม้จะอยู่ในเรือนจำก็ตามเธอออกแบบแปลนด้วยตัวเองโดยใช้เวลาเพียงสามวันซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากเลิกงงานทั้งหมด สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างคือการที่เธอร่างแบบด้วยมือเพราะว่าเธอไม่มีคอมพิวเตอร์ ในห้องนอนที่แทบจะไม่กว้างขวางนักตั้งแต่แรก กระดาษร่างของเธอเริ่มร่วงโรยอยู่รอบ ๆ เท้าในเวลากลางคืนวันรุ่งขึ้น เธอตื่นสายเพราะเผลอหลับไป และรีบออกไปทำงานโดยลืมปิดประตูห้อง หลังจากที่เธอออกไปแล้ว เซบาสเตียนก้าวออกจากห้องนอนของเขา และเศษกระดาษที่อยู่ด้านนอกประตูของซาบริน่าก็ดึงดูดความสนใจของเขาไปทั้งหมดเขาหยิบมันขึ้นมาและพบว่าเป็นการ
“ช่วยหลีกทางด้วยค่ะ” ซาบริน่าขอร้องด้วยท่าทีรังเกียจ โดยไม่สนใจที่จะมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่เคยชอบผู้หญิงคาบช้อนเงินช้องทองมาเกิดที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้วมินดี้ขวางทางซาบริน่าและเอ่ยถามต่อ “ไม่มีปัญญาหาเงินแล้วล่ะสิท่า?”“สนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะค่ะ!” ซาบริน่าโต้กลับ“ฉันรู้ว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่กระเสือกกระสันอยากปีนป่ายไปยังจุดสูงสุด แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงขึ้นไปได้ การเลือกเป็นหนึ่งในพนักงานบริการในงานเลี้ยงที่ตระกูลฟอร์ดจัดขึ้นเพื่อหาภรรยาของท่านเซบาสเตียน และใช้สิ่งนี้เป็นบันไดนั้นค่อนข้างจะทะเยอทะยานไปหน่อยนะ น่าเสียดายที่เธอถูกเซบาสเตียนหลอกใช้ก็เท่านั้น”ซาบริน่าต้องการจะเสียเวลากับผู้หญิงคนนี้ และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเดินออกไปพร้อมอาหารทั้งหมดที่เธอซื้อมา แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมินดี้ขวางทางเธอที่ทางเข้าอยู่“รสนิยมเธอดีไม่เบาเลยนิ” มินดี้พูดต่อ “ที่จะเลือกมาร์คัส ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นเป้าหมายในงานเลี้ยง เธออาจจะไม่รู้เรื่องนี้นะ ในแง่ของความร่ำร่วยและอำนาจ ตระกูลชอว์เป็นรองแค่ตระกูลฟอร์ดเพียงตระกูลเดียวเท่านั้น น่าเศร้าที่ตระกูลชอว
“ทำไมเธอถึงช่วยฉัน?” ซาบริน่าถาม“ช่วยเธอเหรอ? ฮ่า ฮ่า!” มินดี้หัวเราะอย่างดูถูกและพูดขึ้น “ฉันจะช่วยเธอทำไม? ฉันจะบอกกับเธอตรง ๆ ก็ได้ เธอสวยกว่าผู้หญิงทั่ว ๆ ไป และมีกลิ่นอายราคาถูกที่มักดึงดูดผู้ชาย ท่านเซบาสเตียนจูบเธอต่อหน้าคนอื่น และลูกพี่ลูกน้องของฉันเริ่มที่จะพูดคุยกับเธอ ทั้งสองเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถในการยั่วยวนผู้ชายในหมู่คนชนชั้นสูงพอตัว! ฉันขอให้เธอแสดงบทบาทนี้ เพื่อที่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ท่านเซบาสเตียน และคนอื่น ๆ จะได้เห็นว่าเธอเป็นคนแบบไหน เป็นคนชั้นต่ำที่น่าขยะแขยง ราคาถูก”ซาบริน่ามองมินดี้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอต้องการให้ซาบริน่าทำตัวโง่ ๆ ในงานเลี้ยง แต่สำหรับซาบริน่าแล้ว จะมีอะไรต้องกลัวหากได้เงินจากสิ่งนั้น“ได้สิ ฉันรับข้อเสนอนี้!” ซาบริน่าตอบอย่างเด็ดขาด“ก็แค่นั้น!” มินดี้ยิ้มออกมาซาบริน่าไม่ยิ้มกลับและหันหลังเดินจากไปโดยไม่ได้มองมาทางมินดี้อีก“เดี๋ยว” มินดี้ตะโกนจากด้านหลังอีกครั้งซาบริน่าหันไปมองเธออย่างงง ๆ“แล้วเธอจะไปลองชุดเมื่อไหร่?” มินดี้ถามอย่างร่าเริง“เวลาไหนก็ได้หลังเลิกงาน” ซาบริน่าตอบโดยไม่ลังเล ขณะค