ซาบริน่าติดอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ มันน่าอึดอัดใจจริง ๆ ที่กำลังฟังพวกเขาล้อเลียนเธอไนเจลเองก็รู้สึกอึดอัดใจไม่ต่างกันพวกเขาสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ แต่ไนเจลรู้สึกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าซาบริน่าแล้วเหมือนเป็นการดูถูกชนิดหนึ่งก็ว่าได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาคือชายร่างสูงหน้าตาดีสองคนที่มาจากด้านหน้าจับซาบริน่าไว้กึ่งกลางทั้งสองและเดินเข้าไปข้างใน“ไม่เอาน่า สาวน้อย! หนูน้อยมาถึงหน้าประตูขนาดนี้เลยนะจ๊ะ แต่กลับไม่เข้ามาข้างในเนี้ยนะ หนูเนี้ยไม่รู้จักทำตามกฎบ้างเลยนะ ว่าแต่เคยได้ยินคำกล่าวดัง ๆ ไหมจ๊ะ แบบทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่ถ้าทำชั่วแต่ได้ดีก็ถึงว่าดีเหมือนกัน? ไม่ว่าน้องหนูอยากจะทำขนาดไหน แต่มันใช้คำว่าความดีกับที่นี่ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ ถูกไหมพวกเรา?”“เอามาข้างในก่อนสิจ๊ะ เข้ามาดื่มกินกับพวกพี่ก่อนนะ… ”ซาบริน่าพูดไม่ออกเธอแทบจะขาดอากาศหายใจเพราะชายทั้งสองคนประกบเธอแจเธอต้องการผลักพวกเขาออกไป แต่ด้วยแรงมากมายเพียงใดที่เธอมีก็ไม่ส่งผลใด ๆ เลย เธอเลยจำใจเอ่ยออกไปทั้งที่ร่างกายขัดขืนอยู่เช่นนั้น “ได้สิคะพี่ขา! ไม่มีปัญหาเลยค่ะ! แต่ว่านะ พวกพี่ ๆ ต้องลงชื่อขอร
ไนเจลถึงกับพูดไม่ออกผ่านไปครู่หนึ่ง ไนเจลก็กล่าวว่า “เซบาสเตียนมัวแต่วุ่นอยู่กับงานอยู่ที่บริษัทตลอดทั้งวันเลยนะ”"ก็ใช่""ฮื้ม?"“แต่เราก็ไปที่บริษัทได้นิ” ซาบริน่ากล่าวไนเจลถอนหายใจเบา ๆ “ขึ้นมา ฉันจะขับไปส่งเธอเอง”ซาบริน่าตามไนเจลขึ้นรถไปอย่างใจเย็น หลังจากที่ไนเจลสตาร์ทเครื่องยนต์และขับรถออกไป เขาก็ถามว่า “ซาบริน่า ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอรู้สึกดีกับเซย์นใช่ไหม?”เมื่อพูดถึงเซย์น ซาบริน่าก็ร้องไห้ออกมาทันที เธอหันไปมองไนเจล “ท่านไนเจล ฉัน… ฉันรู้ว่าคุณเห็นฉันเป็นแค่ของเล่น แต่ช่วยล้มเลิกความคิดนั้นไปด้วยเถอะค่ะ คือว่า คุณช่วยฉันตามสืบเรื่องที่อยู่ของพี่ชายหน่อยได้ไหมคะ? เขาตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่? แล้วตอนนี้ครอบครัวของเขาอยู่ที่ไหน?”“ถ้ายอมช่วยฉันครั้งนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อะไรที่คุณขอ ฉันก็ยอมทำตามทั้งนั้น”“ตราบใดที่คุณช่วยฉัน แม้แต่เกมอย่างเมื่อหกปีที่แล้ว ฉันก็ยอมทำตามคำขอนั้นค่ะ! ”“ฉันแค่ต้องการรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่าเท่านั้น”"นะคะ?"ไนเจลไม่ได้พูดอะไรเส้นเลือดบนมือที่กุมพวงมาลัยปูดขึ้น คำพูดที่ซาบริน่าใช้อ้อนวอนเขาแทรกซึมเข้าไ
“ท่านไนเจล ทำไมถึงต้องพยายามเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันขนาดนั้นด้วยล่ะ?”“หยุดนะ! หยุดพูดถึงตัวเองแบบนั้นสักที!”“เธอน่ะสูงส่งและบริสุทธิ์ผุดผ่องกว่าใคร ๆ ที่ฉันเคยเจอมาอีกนะ!”“ซาบริน่า หยุดพูดถึงตัวเองแบบนั้นสักทีขอร้อง” ไนเจลสั่งห้ามด้วยความปวดใจ“ยังไงก็ตาม ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำนิคะ” ซาบริน่าพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วเสียงของเธอก็แหบขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกคนรวย แต่ฉันถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ และพร้อมจะโดนรังแกจากทุกคนตลอดสองเดือนเต็ม ฉันก็เป็นพวกเร่ร่อนที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ฉันต้องกะเตงลูกไปด้วยตลอด แล้วฉันจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กับพวกคุณไหวล่ะคะ”“ฉันก็เหมือนหนูติดจั่นที่พวกคุณปล่อยตัวลงไปในกรงทองแล้วค่อยหลอกล่อให้ฉันทำตามที่สั่ง”“พอคุณสบโอกาสเพราะว่าฉันหมดแรงที่จะดิ้นรน พวกคุณก็โยนฉันลงไปในกรงเน่า ๆ พร้อมกับติดป้ายราคาขายเอาไว้”“ทั้งหมดนั่นมันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“มันไม่สำคัญเลย”“แต่ลูกสาวของฉันล่ะ?”“เธออายุแค่ห้าขวบเองนะ!”“ท่านไนเจล ฉันขอร้องคุณช่วยเร่งความเร็วหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากพบลูกสาวของฉัน!”“ฉันต้องการไปหาลูกสาวของ
ซาบริน่าพูดอย่างเคร่งขรึม “ช่วยนำทางไปหน่อยค่ะ!”พนักงานต้อนรับหญิงพูดไม่ออกนอกจากนี้ ยังมีสตรีผู้สูงศักดิ์วัยห้าสิบซึ่งตำหนิซาบริน่าเมื่อครู่ เมื่อได้ยินว่าเซบาสเตียนให้ซาบรินาเข้าไปพบได้ เธอก็ตกตะลึงในทันที“เธอคือซาบริน่าเหรอ?” สตรีผู้สูงศักดิ์ถามด้วยความสงสัยขณะเข้ามาขวางทางซาบริน่าเอาไว้ซาบริน่าเย้ยหยัน “ดูท่าฉันจะไม่รู้จักคุณมาก่อนนะคะ ฉันพูดถูกไหม? แล้วสรุปว่าฉันจำเป็นต้องตอบคำถามคุณเมื่อครู่นี้ไหมคะเนี้ย?” ตลกเสียไม่มี! ทุกคนในโลกนี้อยากสั่งให้เธอทำอะไรก็ได้ตามใจนึกรึไงนะนี่ซาบริน่า เธอน่ะเป็นหนี้อะไรใครอีกรึเปล่าเนี่ย?เธอไม่ได้เป็นหนี้เซบาสเตียนด้วยซ้ำ!เธอต่างหากล่ะที่ช่วยชีวิตเซบาสเตียนเอาไว้! และยังตั้งท้องลูกของเซบาสเตียนด้วยซ้ำถ้าเซบาสเตียนไม่จับไอโนะมาเป็นตัวประกันไว้ ซาบริน่าก็คงไม่สติเช่นนี้หรอกสตรีผู้สูงศักดิ์วัยกลางคนกล่าวตอบ “เธอ… ”ซาบริน่าจ้องมองไปยังแผนกต้อนรับ จากนั้นพนักงานต้อนรับก็โค้งคำนับและพยักหน้าทันที “คุณสก๊อตต์ เชิญทางนี้ค่ะ”สตรีสูงศักดิ์ผู้อยู่เบื้องหลังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที “เซบาสเตียน ฉันอยู่ที่แผนกต้อ
พนักงานต้อนรับรีบโค้งคำนับ “ขอบคุณค่ะ คุณพูล” หลังจากขอบคุณเขา พนักงานต้อนรับก็หันหลังและวิ่งออกไปอเล็กซ์มองไปที่หญิงสาวตรงหน้าเขา เธอมีออร่าแห่งความห่างเหินและสงบอยู่รอบตัวเธอ แต่อเล็กซ์เห็นความโกรธที่ไม่สามารถระงับได้ อเล็กซ์พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “อ่าว พี่สะใภ้ ในที่สุดก็ยอมปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนสักทีสินะ ไอ้เราก็คิดว่าพี่ชายตัวดีจะซ่อนคุณไว้จนสิ้นอายุขัยแล้วนะเนี่ย”ใบหน้าของซาบริน่าแดงเล็กน้อย “ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่ใช่พี่สะใภ้ของคุณค่ะ ฉันมาที่นี่เพราะว่ามาตามหาลูกสาวของฉันก็เท่านั้น”เมื่อพูดเช่นนั้น ซาบริน่าก็มองไปที่เซบาสเตียน “เซบาสเตียน ไอโนะเพิ่งมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้เป็นครั้งแรกนะ ลูกไม่คุ้นเคยกับอาหารและทุกอย่างที่นี่ ตอนนี้ก็เลยบ่ายมาแล้วนะ บอกฉันทีว่าเธออยู่ที่ไหน! ขอร้องแหละบอกมาเถอะ!"เมื่อเธอพูดจบ ร่างคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังเธอ“เซบาสเตียน นี่ใช่ผู้หญิงที่ชื่อว่าซาบริน่า สก๊อตต์นั่นรึเปล่า?” โรสยืนอยู่ข้างหลังซาบริน่าและพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน“คุณป้าครับ” อเล็กซ์พูดขณะยืนขึ้นและโค้งตัวเล็กน้อย“อืม… ” น้ำเสียงของโรสอ่อนลง “อ่าว นี่นายน้อยรองของตระกูลพูลจ
ซาบริน่าไม่ได้แสดงอาการทันที และโพล่งออกมาว่า “แผลอะไร?”เซบาสเตียนโกรธเคืองผู้หญิงคนนี้เข้าใจเรื่องราวได้ช้าเป็นเต่าจริง ๆ เลย!“ฉันไม่ได้มีอะไรกับเธอมาตั้งหกปีนะ แล้วฉันเอาก็ยัดเข้าไปทั้งอย่างนั้นด้วย ต่อให้ไม่เป็นไร แต่ตรงนั้นมันก็ฉีกได้อยู่ดี! ฉันถึงถามไงว่าแผลน่ะหายแล้วรึยัง?” เซบาสเตียนกล่าวอย่างละเอียด“ฮ่า!” อเล็กซ์ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาไม่สามารถยั้งตัวเองไว้ได้และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หลังจากที่เขาหัวเราะ เขาก็พูดว่า “เซบาสเตียน นายสูงใหญ่แถมรูปร่างดีอีก ดูสิ พี่สะใภ้ฉันตัวแค่เนี้ยเองนะ ช่วยทำอะไรใจเย็น ๆ กว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?”ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดทันที“นี่คุณ… ” เธอเอามือทั้งสองปิดหน้าราวกับว่าจะทำให้ไม่มีใครเห็นใบหน้าสีแดงของเธอได้“ผู้หญิงขี้อายเหมือนพี่สะใภ้หายากขึ้นทุกวันแล้วนะ ไม่แปลกใจแล้วแหละที่นายไม่ยอมพาเธอไปไหนมาไหนด้วย นายกลัวว่าสภาพแวดล้อมจะทำให้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเธอต้องแปดเปื้อนสินะ”“แต่ว่านะ เซบาสเตียน…” อเล็กซ์แอบมองเซบาสเตียนในขณะนี้ เซบาสเตียนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อทำการปรับเปลี่ยนบางอย่างมีจอฉายภาพขนาดเล็กอยู่ที่ผนังฝั่
ซาบริน่าไม่รู้จะตอบไปว่าอย่างไรดีเขาติดหนี้ค่าเลี้ยงดูใช่รึเปล่านะ?ต้องใช่สิ!แต่อีกเแง่หนึ่ง เขาจะยอมจ่ายรึเปล่านะ?เขาไม่มีวันยอมรับไอโนหรอก เขาจะถือว่าไอโนะเป็นความอัปยศของเขาเท่านั้นซาบริน่าบังคับให้ตัวเองกลืนความข่มขืนทั้งหมดลงไป จากนั้นจึงพูดกับไอโนะด้วยรอยยิ้มว่า “ไอโนะ บอกแม่หน่อยว่าตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนจ๊ะ? หนูทานอาหารกลางวันแล้วรึยังเอ่ย? อาหารที่นี่ถูกปากหนูไหมจ๊ะ? รู้สึกกลัวหรือคิดถึงแม่จ๋าบ้างไหมลูก?”ไอโนะครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดว่า “แม่คะ จริง ๆ แล้วเจ้าตูดหมึกค่อนข้างนิสัยดีกับหนูนะคะ เขาป้อนคัสตาร์ดอร่อย ๆ กับพายฟักทองเป็นมื้อกลางวันให้หนูด้วย ของโปรดหนูทั้งนั้นเลยค่ะ ก็คิดถึงแม่นิดหน่อยนะคะ แม่มาหาหนูเหรอ? หนูอยู่อีกชั้นหนึ่งค่ะ อยู่ชั้นบนห้องทำงานเจ้าตูดหมึกแหละ เอ่ยที่นี่ที่ไหนนะคะ?"ไอโนะหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่เธอปาสไลม์ไปก่อนหน้านี้ “พี่คะ ที่นี่ที่ไหนคะ?”เด็กหนุ่มรูปงามตอบทันทีว่า “ขออนุญาตบอกกับเจ้าหญิงนายว่าที่นี่คือส่วนงานของแผนกวางแผนครับ”“หนูอยู่ที่แผนกวางแผนค่ะแม่”'แผนกวางแผน'ซาบริน่าลุกขึ้นและต้องการออกไปโดยไว แต่เซบาสเตียนกลับโอบกอดจากทางด้
สีหน้าของเซบาสเตียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน "พูดว่าอะไรนะ?"หัวใจของซาบริน่าด้านชา เธอเจอเซลีนทันทีที่ออกจากบ้าน และเธอได้ยินสิ่งที่เซลีนพูดอย่างชัดเจน เซลีนยังคงเป็นคู่หมั้นของเซบาสเตียน ในทางกลับกัน ซาบริน่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือของเขา เครื่องมือเพียงเพื่อสร้างรายได้และเพื่อชำระหนี้เท่านั้น ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟามีฐานะสูงส่ง หาใช่ผู้ชายเดินดินไม่เขาคนนั้นนั่งอยู่ในห้องทำงานของเซบาสเตียนและเริ่มพูดคุบกับเธอเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาควรจะเป็นหนึ่งในลูกค้าของเซบาสเตียนแน่เซบาสเตียนขอให้เธอเตรียมตัวไปปรนนิบัติแขกคนนั้นแล้วสินะเธอยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นแล้ง ทว่า จุดจบของเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหนกันละ? คงเป็นวันที่เธอเน่าเฟะและเหม็นเน่านอนรอความตายนั่นแหละซาบริน่าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและเศร้าโศกที่โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเธอมากขนาดนี้แขนที่โอบกอดไอโนะก็กระชับขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะเชื่อฟังทุกคำสั่งของคุณเลย ไม่ว่าจะขอหรือสั่งอะไรมาฉันยอมพลีกายทำให้ทั้งนั้น แต่ของเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ได้โปรดไว้ชีวิตไอโนะด้วยเถอะนะ ช่วยเห็นแก่ที่เธอเป็นลูกสาวของคุณด้วย ถ้าคุณไม่อยากเลี้ยงเธอห
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ