ตราบใดที่พวกนั้นไม่ฆ่าเธอ และตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซาบริน่าก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ก็ดีนิ ไปกันเลยเถอะ”"ออกรถ!" เซลีนสั่งรถเริ่มเคลื่อนตัว หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง รถก็จอดอยู่นอกประตูสถานที่ระดับไฮเอนด์ราวกับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาถลุงเงินเล่น ซาบริน่าเดินตามเซลีนเข้าไปข้างใน เมื่อประตูห้องส่วนตัวถูกผลักเปิดออก เธอก็จะได้ยินเสียงเชียร์และเสียงหัวเราะจากภายในห้อง“ลิซ่า ดูเหมือนเธอจะสั่งรองเท้าส้นสูงคู่นี้มาจากต่างประเทศ คู่นี้เป็นคู่เดียวในโลกใช่ไหม?”"เปล่าจ้ะ ฉันสั่งทำพิเศษน่ะ ก็แค่ 383,838 ดอลลาร์เอง"“ฮ่าฮ่า เลขสามกับแปดเป็นเลขนำโชคที่เธอชอบที่สุดนิ ลิซ่า”“ก็ใช่ แต่กระโปรงทรงเอของเธอก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ดูเหมือนว่าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ดระดับโลกเหมือนกัน มันต้องมีราคาพอสมควรเลยแหละ”“ไม่มากหรอก แค่ 100,000 ดอลลาร์เอง รองเท้าของเธอนี่สามารถซื้อเสื้อผ้าให้ฉันได้สองชุดเลยนะ”“บอกมาเถอะ อย่ามาประจบสอพลอกันที่นี่เลย ไม่ว่าเสื้อผ้าของเราจะเริดแค่ไหน มันก็ยังเทียบไม่ได้กับสร้อยข้อมือมรกตที่หลานสาวของตระกูลชอว์เป็นเจ้าของหรอกจ้ะ ฉันได้ยินมาว่
สาวสังคมทุกคนในห้องส่วนตัวต่างตกตะลึงและมองไปทางประตู คนแรกที่แสดงปฏิกิริยาคนแรกคือเซลีน เธอหัวเราะด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม “แหม่ ดูสิใครมา ที่แท้ก็นายท่านไนเจลนี่เอง”ในตอนนี้ ไนเจลได้มาอยู่ตรงหน้าของเซลีนและซาบริน่าแล้ว คิ้วของเขาขมวดแน่นและน้ำเสียงของเขาก็แข็งกร้าวขึ้น "ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!"“นายท่านไนเจล” เซลีนไม่ได้กดหัวของซาบริน่าอีกแล้ว เธอเพียงแต่เยาะเย้ยไนเจลและพูดว่า “แม้ว่าครั้งหนึ่งนายเคยทำกับซาบริน่าราวกับเป็นของเล่น แต่ตอนนี้เธอเป็นนักโทษที่คู่หมั้นของฉันจับตัวกลับมา เธอเป็นของเล่นของทั้งคู่หมั้นฉันและของฉัน ไม่ใช่ของนายอีกแล้ว”“เห็นแก่ที่นายเป็นลูกพี่ลูกน้องของคู่หมั้นฉันนะ ถ้านายอยากจะสนุกด้วย จะเข้ามาก็ไม่ได้ว่าอะไร”“ฉันได้ยินมาว่าตอนนั้นนายอยากสนุกกับซาบริน่านิ”“แถมรูปแบบความสนุกยังน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม แต่เคยได้นะว่าผู้หญิงคนนี้เคยใช้เลือดไก่หลอดหนึ่งเพื่อหลอกนายและคนอื่นๆ ใช่ไหม?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”“นั่นก็ตลกดีนะ”“เอาละ ไนเจล เข้ามาร่วมสนุกกันสิ นายอยากแข่งกับขอทานคนนี้ไหมล่ะ?”“ใช่ ใช่ วิธีนี้น่าตื่นเต้นกว่า ฉันเห็นด้วย!"“นายท่านไนเจล! โชคดีนะ!”“เราเชี
หัวใจของไนเจลเต้นแรงขึ้นเขามองหาซาบริน่า เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ทำ จากนั้นเขาก็จ้องมองสาวสังคมสักเจ็ดหรือแปดคนที่นำโดยเซลีนและพูดด้วยน้ำเสียงท้อใจเล็กน้อยว่า “ครอบครัวคอนเนอร์ล่มสลายไปแล้ว ดังนั้นคนอย่างเธอก็เลยมาดูถูกและล้อเลียนฉัน ฉันก็แค่อับอายเท่านั้น” “แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันยังคงเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซบาสเตียนอยู่ ไม่ว่ายังไงหากเป็นฉันแล้ว เซบาสเตียนก็ไม่ยอมอยู่เฉยแน่”“อีกอย่างหนึ่งด้วยนะ เซลีน ลินน์!”เซลีนตำหนิเขาด้วยน้ำเสียงที่แหลม “ไนเจล คอนเนอร์ นายกล้าเรียกชื่อฉันห้วน ๆ เหรอ!”ไนเจลเยาะเย้ยอย่างดูถูก “ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นคู่หมั้นของเซบาสเตียน ญาติของฉันหรอก! ฉันรู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้ที่เธอพาตัวมา ซาบริน่าเป็นผู้หญิงที่เซบาสเตียนจับตัวกลับมาได้ ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นคนค่อนข้างแปลก ตราบใดที่คนคนนั้นเป็นของเขา แม้ว่าจะเป็นนักโทษที่เขานำกลับมา เขาจะไม่มีวันยอมให้ใครแตะต้องตัวนักโทษคนนั้นได้เลย”“มิฉะนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องบอกพวกเธอมากนักหรอกเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเธอใช่ไหม?” “เซลีน อย่าเอาแต่พูดว่านี่เป็นนักโทษของเธอกับลูก
ไนเจลตอบว่า “…ซาบริน่า เรื่องนั้นผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เธอยังยกโทษให้ฉันไม่ได้อีกเหรอ?”ซาบริน่ายิ้ม “นายท่านไนเจล ฉันไม่ใช่เด็กสาวอีกแล้วนะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งหกปี ตอนนี้ฉันไม่ได้ฝันถึงอะไรแล้ว ไม่มีการให้อภัยระหว่างคุณกับฉัน ฉันไม่เคยเกลียดคุณ ฉันแค่อยากให้คุณพูดตรงไปตรงมากว่านี้ เข้าใจตรงกันนะคะ?”“ซาบริน่า! เชื่อฉันได้ไหม? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉัน ไนเจล คอนเนอร์ จะไม่ทำอะไรก็ตามให้เธออับอายอีกต่อไป…” ไนเจลอดใจไม่ไหวที่จะคว้าข้อมือของซาบริน่าและสัญญากับเธออย่างจริงใจในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาในห้องส่วนตัวที่ไนเจลอยู่ ในชั่วพริบตา เขาเห็นไนเจลดึงมือของซาบริน่า “ไนเจล นายหายมาตั้งนาน ฉันก็คิดอยู่ว่านายทำอะไรอยู่ ปรากฏว่านายกำลังทำเจ้าชู้กับสาวน้อยอยู่นี่เอง ให้ฉันบอกอะไรนายอย่างนะว่าสาว ๆ ในห้องส่วนตัวเกือบจะร้องไห้เพราะรอนายอยู่นะ ถ้าไม่กลับเข้าไป มันจะเกิดเหตุไปมั้ง!”น้ำเสียงของไนเจลหงุดหงิด “ไสหัวออกไปก่อน!”ชายหนุ่มพูดไม่ออกเมื่อเขาต้องการจับไนเจลอีกครั้ง ก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งออกมาจากห้องส่วนตัว และตรงมาที่ไนเจล“ว้าว บ้าจริง! ไนเจล นายไม่ควรทำแบบนี้ มีคนพูดว่า
ซาบริน่าติดอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านี้ มันน่าอึดอัดใจจริง ๆ ที่กำลังฟังพวกเขาล้อเลียนเธอไนเจลเองก็รู้สึกอึดอัดใจไม่ต่างกันพวกเขาสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ แต่ไนเจลรู้สึกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าซาบริน่าแล้วเหมือนเป็นการดูถูกชนิดหนึ่งก็ว่าได้ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมาคือชายร่างสูงหน้าตาดีสองคนที่มาจากด้านหน้าจับซาบริน่าไว้กึ่งกลางทั้งสองและเดินเข้าไปข้างใน“ไม่เอาน่า สาวน้อย! หนูน้อยมาถึงหน้าประตูขนาดนี้เลยนะจ๊ะ แต่กลับไม่เข้ามาข้างในเนี้ยนะ หนูเนี้ยไม่รู้จักทำตามกฎบ้างเลยนะ ว่าแต่เคยได้ยินคำกล่าวดัง ๆ ไหมจ๊ะ แบบทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว แต่ถ้าทำชั่วแต่ได้ดีก็ถึงว่าดีเหมือนกัน? ไม่ว่าน้องหนูอยากจะทำขนาดไหน แต่มันใช้คำว่าความดีกับที่นี่ไม่ได้หรอกนะจ๊ะ ถูกไหมพวกเรา?”“เอามาข้างในก่อนสิจ๊ะ เข้ามาดื่มกินกับพวกพี่ก่อนนะ… ”ซาบริน่าพูดไม่ออกเธอแทบจะขาดอากาศหายใจเพราะชายทั้งสองคนประกบเธอแจเธอต้องการผลักพวกเขาออกไป แต่ด้วยแรงมากมายเพียงใดที่เธอมีก็ไม่ส่งผลใด ๆ เลย เธอเลยจำใจเอ่ยออกไปทั้งที่ร่างกายขัดขืนอยู่เช่นนั้น “ได้สิคะพี่ขา! ไม่มีปัญหาเลยค่ะ! แต่ว่านะ พวกพี่ ๆ ต้องลงชื่อขอร
ไนเจลถึงกับพูดไม่ออกผ่านไปครู่หนึ่ง ไนเจลก็กล่าวว่า “เซบาสเตียนมัวแต่วุ่นอยู่กับงานอยู่ที่บริษัทตลอดทั้งวันเลยนะ”"ก็ใช่""ฮื้ม?"“แต่เราก็ไปที่บริษัทได้นิ” ซาบริน่ากล่าวไนเจลถอนหายใจเบา ๆ “ขึ้นมา ฉันจะขับไปส่งเธอเอง”ซาบริน่าตามไนเจลขึ้นรถไปอย่างใจเย็น หลังจากที่ไนเจลสตาร์ทเครื่องยนต์และขับรถออกไป เขาก็ถามว่า “ซาบริน่า ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอรู้สึกดีกับเซย์นใช่ไหม?”เมื่อพูดถึงเซย์น ซาบริน่าก็ร้องไห้ออกมาทันที เธอหันไปมองไนเจล “ท่านไนเจล ฉัน… ฉันรู้ว่าคุณเห็นฉันเป็นแค่ของเล่น แต่ช่วยล้มเลิกความคิดนั้นไปด้วยเถอะค่ะ คือว่า คุณช่วยฉันตามสืบเรื่องที่อยู่ของพี่ชายหน่อยได้ไหมคะ? เขาตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่กันแน่? แล้วตอนนี้ครอบครัวของเขาอยู่ที่ไหน?”“ถ้ายอมช่วยฉันครั้งนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อะไรที่คุณขอ ฉันก็ยอมทำตามทั้งนั้น”“ตราบใดที่คุณช่วยฉัน แม้แต่เกมอย่างเมื่อหกปีที่แล้ว ฉันก็ยอมทำตามคำขอนั้นค่ะ! ”“ฉันแค่ต้องการรู้ว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่รึเปล่าเท่านั้น”"นะคะ?"ไนเจลไม่ได้พูดอะไรเส้นเลือดบนมือที่กุมพวงมาลัยปูดขึ้น คำพูดที่ซาบริน่าใช้อ้อนวอนเขาแทรกซึมเข้าไ
“ท่านไนเจล ทำไมถึงต้องพยายามเป็นเพื่อนกับคนอย่างฉันขนาดนั้นด้วยล่ะ?”“หยุดนะ! หยุดพูดถึงตัวเองแบบนั้นสักที!”“เธอน่ะสูงส่งและบริสุทธิ์ผุดผ่องกว่าใคร ๆ ที่ฉันเคยเจอมาอีกนะ!”“ซาบริน่า หยุดพูดถึงตัวเองแบบนั้นสักทีขอร้อง” ไนเจลสั่งห้ามด้วยความปวดใจ“ยังไงก็ตาม ความจริงก็คือความจริงอยู่วันยังค่ำนิคะ” ซาบริน่าพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วเสียงของเธอก็แหบขึ้นเล็กน้อย “ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกคนรวย แต่ฉันถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเล่นชิ้นเล็ก ๆ และพร้อมจะโดนรังแกจากทุกคนตลอดสองเดือนเต็ม ฉันก็เป็นพวกเร่ร่อนที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ฉันต้องกะเตงลูกไปด้วยตลอด แล้วฉันจะเอากำลังที่ไหนไปสู้กับพวกคุณไหวล่ะคะ”“ฉันก็เหมือนหนูติดจั่นที่พวกคุณปล่อยตัวลงไปในกรงทองแล้วค่อยหลอกล่อให้ฉันทำตามที่สั่ง”“พอคุณสบโอกาสเพราะว่าฉันหมดแรงที่จะดิ้นรน พวกคุณก็โยนฉันลงไปในกรงเน่า ๆ พร้อมกับติดป้ายราคาขายเอาไว้”“ทั้งหมดนั่นมันไม่สำคัญหรอกค่ะ”“มันไม่สำคัญเลย”“แต่ลูกสาวของฉันล่ะ?”“เธออายุแค่ห้าขวบเองนะ!”“ท่านไนเจล ฉันขอร้องคุณช่วยเร่งความเร็วหน่อยได้ไหมคะ ฉันอยากพบลูกสาวของฉัน!”“ฉันต้องการไปหาลูกสาวของ
ซาบริน่าพูดอย่างเคร่งขรึม “ช่วยนำทางไปหน่อยค่ะ!”พนักงานต้อนรับหญิงพูดไม่ออกนอกจากนี้ ยังมีสตรีผู้สูงศักดิ์วัยห้าสิบซึ่งตำหนิซาบริน่าเมื่อครู่ เมื่อได้ยินว่าเซบาสเตียนให้ซาบรินาเข้าไปพบได้ เธอก็ตกตะลึงในทันที“เธอคือซาบริน่าเหรอ?” สตรีผู้สูงศักดิ์ถามด้วยความสงสัยขณะเข้ามาขวางทางซาบริน่าเอาไว้ซาบริน่าเย้ยหยัน “ดูท่าฉันจะไม่รู้จักคุณมาก่อนนะคะ ฉันพูดถูกไหม? แล้วสรุปว่าฉันจำเป็นต้องตอบคำถามคุณเมื่อครู่นี้ไหมคะเนี้ย?” ตลกเสียไม่มี! ทุกคนในโลกนี้อยากสั่งให้เธอทำอะไรก็ได้ตามใจนึกรึไงนะนี่ซาบริน่า เธอน่ะเป็นหนี้อะไรใครอีกรึเปล่าเนี่ย?เธอไม่ได้เป็นหนี้เซบาสเตียนด้วยซ้ำ!เธอต่างหากล่ะที่ช่วยชีวิตเซบาสเตียนเอาไว้! และยังตั้งท้องลูกของเซบาสเตียนด้วยซ้ำถ้าเซบาสเตียนไม่จับไอโนะมาเป็นตัวประกันไว้ ซาบริน่าก็คงไม่สติเช่นนี้หรอกสตรีผู้สูงศักดิ์วัยกลางคนกล่าวตอบ “เธอ… ”ซาบริน่าจ้องมองไปยังแผนกต้อนรับ จากนั้นพนักงานต้อนรับก็โค้งคำนับและพยักหน้าทันที “คุณสก๊อตต์ เชิญทางนี้ค่ะ”สตรีสูงศักดิ์ผู้อยู่เบื้องหลังก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที “เซบาสเตียน ฉันอยู่ที่แผนกต้อ
คิงส์ตัน มาร์คัส และ ซาบริน่าต่างตกตะลึงมาร์คัสพยายามปกป้องซาบริน่าที่อยู่ข้างหลังของเขา ขณะที่มองเซบาสเตียนอย่างสยองขวัญ “เซบาสเตียน...ถ้านายมีปัญหาอะไร เข้ามาหาฉัน อย่าแตะต้องซาบริน่า เพราะยังไง เธอก็เป็นแม่ของลูกนายนะ“ถ้า...นายอยากจะฆ่าใครสักคน ให้มันเป็นฉันเถอะนะ”เซบาสเตียนไม่ตอบ เขาเพียงแค่ถอดเนกไทและปลดกระดุมเสื้อของเขาออก ในชั่วขณะนั้น ร่างที่กำยำของเขาก็สัมผัสกับมาร์คัสจากนั้น เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่? รถค่อนข้างอับชื้น ฉันก็เลยรู้สึกร้อนเฉย ๆ ดังนั้น ฉันจึงแกะกระดุมเพื่อให้เย็นลงเล็กน้อย”มาร์คัสรู้สึกโล่งใจ “อ๋อ...เซบาสเตียน นาย...คอของนาย ได้รับบาดเจ็บได้ยังไง?“อ๋อ ฉันได้รับบาดเจ็บจากแมวป่า” เซบาสเตียนตอบอย่างไม่ใส่ใจทั้งคิงส์ตันและซาบริน่ายังคงถูกแช่แข็งอยู่กับที่ใบหน้าของซาบริน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงจนเธอละสายตาจากทุกคนที่นั่น และมุ่งความสนใจไปที่การลูบผมของไอโนะลิ้นของคิงส์ตันผูกเป็นปมในขณะคิดกับตัวเอง'นายน้อย คุณไม่ใช่คนโกหกเก่งเลย แมวป่าพันธุ์ไหนที่ทิ้งร่องรอยของฟันไว้ได้''แม้ว่าจะเป็นแมวป่า แต่คุณไม่รู้หรือว่าแมวและมนุษย์ม
“ฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีก“ถ้าในอนาคตเธอต้องการเงิน ไม่ว่าจะมากขนาดไหน เธอก็มาหาฉันได้เสมอ“อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์เพียงลำพังซาบริน่ารับนามบัตรโดยกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ นายน้อยชอว์”ความจริงแล้ว เธอไม่อยากรับนามบัตร แล้วเธอจะรับไปเพื่ออะไร? ซาบริน่าและลูกสาวของเธออยู่กับเซบาสเตียนแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกในอนาคต นอกจากนี้ เธอยังได้งานทำแล้ว ซึ่งเธอตัดสินใจที่จะอุทิศเวลาของเธอและสร้างเนื้อสร้างตัวเธอไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอีกต่อไปแต่เมื่อเห็นว่ามาร์คัสเคยช่วยเธอมาก่อน เธอไม่ต้องการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของมาร์คัสด้วยการปฏิเสธนามบัตรไปขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปหยิบการ์ดนั้น ก็มีรถจอดอยู่ข้างหลังทั้งคู่ มาร์คัสและซาบริน่าต่างหันความสนใจไปที่รถท่าทีของซาบริน่าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเหตุใดจึงเป็นเรื่องบังเอิญที่เซบาสเตียนกลับมาถึงบ้านในขณะนั้น?ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซาบริน่ากลัวว่าภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เซบาสเตียนหึง แต่หลังจากคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอก็ตระหนักว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่เซบาสเตียนจะรู้สึกแบบนั้นซาบริน่าคิดมากไปคนแรกที่ลงจากรถคือคิงส์ตัน เมื่อเห็นมาร
มาร์คัสถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่รู้จะปลอบเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไร เขาได้แต่แบ่งปันความเจ็บปวดของเธอในใจ ในขณะนั้นเอง ฝนก็เริ่มตกราวกับว่ามีใครให้สัญญาณฝนเริ่มตกหนักขึ้นภายในไม่กี่วินาทีซาบริน่ายกแขนขึ้นเพื่อกันศีรษะจากฝน แต่มาร์คัสดึงเธอเข้าไปในล็อบบี้ของอาคารชั้นหนึ่งทันทีขณะที่ทั้งสองตั้งสติ มาร์คัสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลข “ซินดี้ ช่วยฉันเอาเอกสารไปที”ซาบริน่าไม่พูดอะไรมาร์คัสไม่ได้ตั้งใจที่จะขึ้นไปข้างบนเหรอ? ทำไมเขาถึงเรียกใครบางคนมาที่นี่เพื่อรับเอกสารไปแทน?ไม่นานหลังจากนั้น หญิงสาวสวยในชุดอย่างมืออาชีพและรองเท้าส้นสูงก็มาถึงล็อบบี้ มาร์คัสจึงส่งเอกสารบางส่วนให้กับผู้หญิงคนนั้นและสั่งว่า “บอกผู้อำนวยการของเธอว่าฉันจะไม่ขึ้นไปชั้นบน มีบางอย่างที่ฉันต้องจัดการที่นี่”“ค่ะ ผู้อำนวยการชอว์” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนมาร์คัสหันมาสนใจซาบริน่าอีกครั้ง “เธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะไปส่ง”ซาบริน่าไม่รู้จะตอบอย่างไร เธออยากกลับบ้านหลังจากชะงักเล็กน้อยเธอก็เริ่มพูดอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ นายน้อยชอว์ ฉันไปเองได้”มาร์คัสยิ้ม “เธอกำลังจ
ความสัมพันธ์ที่ซาบริน่ามีกับครอบครัวลินน์เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดสำหรับเธอเสมอมา มันเป็นรอยแผลเป็นที่เธอไม่อยากเปิดเผย อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใดแม้ว่ามาร์คัสจะเชื้อเชิญ แต่ซาบริน่าก็ไม่ได้ไปร้านกาแฟกับเขา ตอนนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนสายหลักนอกทางเข้าบริษัท ซาบริน่าตั้งใจที่จะเล่าเรื่องราวอย่างง่าย ๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวลินน์ เพราะเธอต้องการกลับบ้านโดยเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าไอโนะทำอะไรลงไปที่บ้านตระกูลฟอร์ด“ตอนอายุน้อยกว่าสิบสองปี ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของฉัน ซึ่งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเล็ก ๆ พ่อแม่ของฉันอาศัยอยู่ที่นั่นโดยปลูกผักครัวเรือน ในช่วงที่ซบเซา พ่อของฉันก็จะไปเป็นคนส่งสินค้าให้โกดังด้วย“ตอนที่ฉันอายุได้สิบขวบ ตอนที่พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โกดัง เขาถูกของบางอย่างตกใส่เขา ของทับจนเสียชีวิต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แม่ของฉันป่วยและไม่อาจรักษาหายได้ตลอดทั้งปี“หลังจากนั้น เธอก็ไม่ดีขึ้นเลย และร่างกายของเธอก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางอยู่เสมอ“แต่เพราะฉันเรียนเก่ง แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนต่อ สองปีต่อมา เธอพาฉันมาที่เมืองเซ้าท์ ซิตี้“นั่นเป็นค
มาร์คัส ชอว์เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อหกปีก่อนมาก และมีลักษณะเป็นนักวิชาการ ซาบริน่านึกถึงความช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาให้ไว้กับเธอในตอนที่เธอหนีไปจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้ แม้แต่ตอนเธอออกมาจากบ้านเช่าเพื่อไปห้ามไม่ให้เซบาสเตียนแต่งงาน มาร์คัสก็ยังอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเธอเมื่อซาบริน่ามองเข้าไปในดวงตาของมาร์คัส เธอรู้ได้เลยว่าดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนและใจดีเพียงใดเขาเริ่มถามว่า “ซาบริน่า สบายดีไหม? ฉันรู้ว่าเซบาสเตียนเป็นคนจับตัวและพาเธอกลับมาที่นี่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวของฉันเริ่มจับตาดูฉันอย่างเข้มงวดมากขึ้น ดังนั้น หากว่าฉันไปหาเธออย่างไม่ระมัดระวัง ก็รังแต่จะยั่วโมโหเซบาสเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงไม่พยายามติดต่อเธอมาโดยตลอด บอกฉันทีว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง?“เซบาสเตียนปฏิบัติต่อเธอยังไงบ้าง...”"ดีมาก" ซาบริน่าตอบเพียงสองคำเธอเพียงยิ้มให้มาร์คัสโดยไม่ได้อธิบายอะไรแม้ว่าเธอจะรู้สึกอยากขอบคุณใครสักคน แต่ซาบริน่าก็ยังเป็นคนที่เก็บความรู้สึกของเธอไว้ข้างในเสมอ แทนที่จะใช้คำพูดเพียงผิวเผินเพื่อแสดงความรู้สึกเหล่านั้น มันเหมือนกับความสำนึกบุญคุณที่เธอรู้สึกต่อไนเจลในตอนนั้นที่เธอไ
เด็กน้อยคนนี้ไม่เคยกลัวเลยจริง ๆ ในช่วงสองปีที่เธอใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนอนุบาลที่เขตเมืองเคียร์ราย เธอตีกับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนแน่นอน ไอโนะเคยทะเลาะกับเด็กคนอื่น ๆ เท่านั้น เมื่อพวกเขาล้อเลียนเธอว่าไม่มีพ่อหรือดูถูกแม่ของเธอไอโนะจะเอาชนะเด็กคนอื่นอย่างกล้าหาญทุกครั้งหลังจากทะเลาะกับเด็กในโรงเรียนอนุบาล ตอนนี้ เธอไปยั่วยุพวกผู้ใหญ่แล้วเหรอ?ซาบริน่าโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็นเยียบโลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนขนาดไหน? มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กห้าขวบอย่างไอโนะจะเข้าใจได้อย่างแน่นอน ลูกของเธอยังเล็กอยู่ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะดุร้ายหรือกล้าหาญแค่ไหน เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ด้วยสติปัญญาหรือพละกำลังได้ซาบริน่ากังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวเป็นหลักเธอดุไปทางโทรศัพท์ “ไอโนะ! บอกเลยถ้าหนูทำร้ายผู้ใหญ่อีก แม่จะตีก้นหนูจนบวมเลย! แม่ไม่อยากเจอหนูอีกแล้ว!”ไอโนะตกใจกับคำพูดรุนแรงของแม่ของเธอจนถึงกับร้องไห้ออกมา เธอเช็ดจมูกขณะสะอื้นไห้ “แม่จ๋า หนูแค่อยากช่วยแม่...”“แม่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหนู แม่ไม่อยากให้หนูออกสร้างปัญหาข้างนอกนั่น!” ซาบริน่าดุเธออย่างเคร่งครัด เธอมักจะเข้มงวดกั
ซาบริน่าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไรประโยคนั้นไม่มีเหตุผลเลย!เธอถามว่า “กำไลอะไรคะ? ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ คุณซื้อเสื้อผ้าให้ฉันแต่ไม่ได้ซื้อเครื่องประดับเลยนะ”เขาพยายามที่จะขู่กรรโชกเธอเหรอ?เธอไม่ได้ขโมยกำไลของเขามา!น้ำเสียงเยือกเย็นของเซบาสเตียนไม่เปลี่ยนไป “ฉันถามถึงกำไลเมื่อหกปีที่แล้ว!”สิ่งนี้ทำให้ซาบริน่าพูดไม่ออกก่อนจะออกมาจากเมืองเซ้าท์ ซิตี้เมื่อหกปีที่แล้ว เธอได้ทิ้งกำไลนั้นไว้พร้อมกับร่างของป้าเกรซ ซาบริน่าอยากให้กำไลเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอ ดังนั้น เธอจึงทิ้งมันไว้ที่นั่นเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนป้าเกรซ ในตอนนั้น มันคือสิ่งเดียวที่ซาบริน่าสามารถทำได้เพื่อเกรซหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง ซาบริน่ากล่าวว่า “ฉันคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วถ้าคุณไม่ได้พูดขึ้นมา ฉันพยายามคืนให้คุณเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ในตอนนั้นคุณไม่ยอมรับมันไว้ คุณบอกว่าฉันควรเป็นคนเก็บมันไว้เพราะแม่ของคุณให้ฉัน แล้วทำไมคุณถึงต้องการมันคืนในตอนนี้ล่ะ?”ในขณะนั้น เซบาสเตียนรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกซาบริน่าตำหนิและไม่รู้ว่าจะตอบโต้อย่างไรแต่มันยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย!ความเข้าใจผิดต่อเซบาสเตียนดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเธ
ไอโนะถามว่า “... ลุงคิงส์ตันคะ ยิงปืนนัดเดียวได้นักสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?” อย่างไรคำศัพท์ของเด็กหญิงตัวน้อยก็ยังพัฒนาไม่เต็มที่คิงส์ตันตอบว่า “มันหมายความว่า…” ขณะกำลังจะอธิบายเรื่องนี้กับเจ้าหญิงตัวน้อย เขาสังเกตเห็นการแสดงออกที่เย็นชาบนใบหน้าของนายน้อยจากกระจกมองหลัง เขาหุบปากทันทีคิงส์ตันเรียนรู้วิธีอ่านท่าทางของนายท่านเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะไม่ได้มีทักษะนั้น เมื่อเธอเห็นว่าคิงส์ตันไม่ตอบคำถามของเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็หันไปหาพ่อตูดหมึกของเธอ กลอกตาและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูขอถามคุณหน่อยเถอะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหมายความว่าอะไรคะ?”ในตอนนี้ ไอโนะไม่ต้องพึ่งพาอ้อมกอดของพ่อเหมือนที่เธอเคยได้รับที่บ้านเก่าแก่หลังนั้นอีกต่อไป อันที่จริงเธอไม่อยากเรียกเขาว่าพ่อด้วยซ้ำเพราะว่ามีแค่พวกเขาสองคน เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง แม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนใจร้าย แต่ก็มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะจับเขาไอโนะเกลียดเรื่องนี้!เมื่อเซบาสเตียนเห็นสีหน้าไม่พอใจของเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่รู้ว่าเธออยากหัวเราะหรือร้องไห้แทนที่จะตอบไอโนะ เขากลับสวนกลับด้วยคำถามอื่น “ทำไมหนูถึ
ถ้านายท่านอาวุโสชอว์ไม่เอ่ยถึงกำไลนั้น เซบาสเตียนคงลืมมันไปแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ เธอได้มอบกำไลให้ซาบริน่า ซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลอันประเมินค่ามิได้นายท่านอาวุโสชอว์กล่าวต่อ “เซบาสเตียน ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นกำลังวางแผนต่อต้านนายอยู่แน่ ๆ ลองคิดดู เธอทำร้ายไนเจล เซย์นนายน้อยแห่งตระกูลสมิธ หรือแม้แต่มาร์คัสมากแค่ไหน“เธอไม่สามารถเทียบได้กับแม่ของนายได้“ผู้หญิงแบบนั้นจะสามารถสอนลูกของนายให้ถูกต้องได้อย่างไร?”เซบาสเตียนฝืนยิ้ม “ตอนนี้ลูกสาวของผมอยู่กับผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอ?!“นายท่านอาวุโสชอว์ด่วนสรุปเกินไปแล้วนะครับ!“สำหรับการอบรมลูกสาวของผม ผมไม่ต้องการให้บุคคลภายนอกมาแนะนำเกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น นายท่านอาวุโสชอว์ คุณควรให้ความสำคัญกับการอบรมหลานสาวของคุณเองอย่างเหมาะสม คุณจะได้หยุดดูหมิ่นตัวเองต่อหน้าตระกูลฟอร์ดสักที!”หลังจากพูดอย่างนั้น เซบาสเตียนก็อุ้มไอโนะไว้ในอ้อมแขนและพยายามจะออกจากห้องโถงไป“เซบาสเตียน!” เฮนรี่ตะโกน “จะไปไหน นายบอกว่าเราจะทานข้าวกับไอโนะไม่ใช่เหรอ? ย่าของนายเตรียมของขวัญมากมายไว้ให้เธอแล้วนะ เซบาสเตียน…”เ