ดนัยบอกว่าจะมีครูมาสอนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเรียนต่อหลังจากที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แม้ที่ผ่านมาจะมีครูแวะเวียนมาสอนวิชาที่คนอื่นเรียนกันในโรงเรียนบ้าง แต่ฟ้าใสก็ไม่รู้สึกสนใจเท่าที่ควรเพราะการเรียนการสอนจากครูเหล่านั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ หนำซ้ำบางเรื่องหญิงสาวยังรู้ดีกว่าสิ่งที่ครูสอนเสียด้วย
แม้ไม่ได้แต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนเด็กอื่น แต่วิชาความรู้ที่ได้รับมาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ให้ฟ้าใสมากกว่าความรู้ที่เด็กในโรงเรียนได้รับ หรือบางครั้งหนังสือที่เธอสนใจหามาอ่านก็เป็นแหล่งความรู้ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ครูจะได้จัดเวลาการสอนให้เหมาะสมกับกิจกรรมของคุณฟ้าใสไงคะ” คุณครูสาวประเมินด้วยสายตาแล้วก็พอจะรู้ว่านักเรียนคนใหม่จะต้องเพิ่มเติมอะไรบ้าง
วิชาความรู้ที่ควรเรียนเพื่อใช้ในการสอบแข่งขันไม่น่าห่วง เพราะเท่าที่ดูฟ้าใสเรียนรู้ทุกอย่างได้ทันในเวลาหกเดือนแน่ สิ่งที่หนึ่งฤทัยคิดมากไปกว่านั้นก็คือตำราอาจทำให้คนสอบได้ แต่ตำราไม่อาจทำให้ทุกคนสามารถมีที่ยืนอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัยเสมอไป
ฟ้าใสก็เช่นกัน วิชาความรู้ในตำราเจ้าหล่อนคงหาได้จากคอมพิวเตอร์ตรงหน้า หรือไม่ก็กองหนังสือที่รายล้อมรอบตัว นั่นคือแหล่งอาหารชั้นดีที่ผู้ใฝ่เรียนหาได้ด้วยตนเอง
สิ่งที่หนึ่งฤทัยคิดว่าควรจะหล่อหลอมให้นักเรียนคนเก่งสามารถก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ไม่ใช่ตำราเล่มหนาที่ครูคนอื่นหอบมา แต่เป็นสิ่งที่จะได้ใช้ในชีวิตประจำวันต่างหากเล่า
“คนพิการอย่างฟ้าใสไม่มีกิจกรรมไปทำอะไรเหมือนคนอื่นหรอกค่ะ นอกจากนั่งๆ นอนๆ อยู่ในนี้” น้ำเสียงเธอเศร้าลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าพูดแบบนั้นซิคะ คุณฟ้าใสไม่ได้พิการซะหน่อย” หนึ่งฤทัยจับมือหญิงสาวไว้เพื่อปลอบใจ
การเรียนรู้ไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคแม้ร่างกายจะไม่อำนวย ถ้าหัวใจเราใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ ฟ้าใสเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนที่คิดว่าตนเองขาดและทอดทิ้งคำว่าเรียนรู้ไปโดยปริยาย
“ฟ้าใสเดินไม่ได้ตั้งแต่...” ฟ้าใสตั้งท่าจะเล่าเรื่องของตนให้คุณครูฟัง
“คุณฟ้าใสอาบน้ำค่ะ” เสียงบัวตองแทรกขึ้นมากลางคัน
“ได้เวลาอาบน้ำกินข้าวค่ะ เดี๋ยวคุณดนัยกลับมาจะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยกับคุณอีก” หญิงสาวชำเลืองมองคุณครูคนใหม่
มาวันแรกก็ทำงานเลยหรือ ช่างไม่รู้บ้างว่าที่นี่มีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง โดยเฉพาะกับคุณหนูฟ้าใสคนนี้
“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากคุยกับครู” ฟ้าใสไม่สนใจบัวตองเลย
“ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ ได้อยู่กันอีกหลายวัน” บัวตองไม่สนใจว่าฟ้าใสจะอยากคุยกับหนึ่งฤทัยมากแค่ไหน หญิงสาวรีบมาเข็นรถพาคุณหนูไปอาบน้ำทันที
“เดี๋ยวจ้ะ” หนึ่งฤทัยเรียกไว้
“อีกสักพักไม่ได้เหรอ ให้ฉันกับคุณฟ้าใสคุยกันก่อน”
“ถ้าคุณฟ้าใสเป็นหวัดคุณรับผิดชอบไหวไหม เพิ่งมาวันแรกไม่ต้องฟิตหรอกค่ะครู ไปกินข้าวพักผ่อนให้สบายใจดีกว่าอีกอย่างคุณดนัยก็ยังไม่ได้เจอคุณ ไม่รู้ว่าจะรับหรือไม่รับ ปกติ...”
“ขอฉันคุยกับคุณฟ้าใสสิบนาทีแล้วเธอมาจัดการตามหน้าที่ได้เลย” หนึ่งฤทัยตัดบท เธอไม่ชอบพูดมากหรือต่อปากต่อคำกับใคร
ฟ้าใสยิ้มอย่างดีใจในขณะที่บัวตองปล่อยรถเข็นไว้แบบนั้นแล้วเดินกระแทกส้นเท้าออกไป ไม่มีใครสนใจว่าเจ้าหล่อนจะแสดงท่าทีอย่างไร นักเรียนสาวรีบเข็นรถไปหาคุณครูคนใหม่ทันที
“ที่นี่กฎเกณฑ์เยอะเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถามยิ้มๆ
“ไม่เยอะหรอกค่ะ ส่วนใหญ่เป็นกฎที่พี่ดนัยตั้งให้ฟ้าใสเอง”
ท่าทางว่าคุณดนัยอะไรนี่ จะเป็นคนเจ้าระเบียบพอสมควร เพราะคำพูดของบัวตองที่อ้างถึงเจ้าของไร่ ฟังดูเหมือนกับว่าถ้าไม่ทำตามจะมีความผิดมากมายมหาศาล
ถ้าเช่นนั้น เธอจะต้องอยู่ในกฎที่เขาตั้งไว้ด้วยหรือไม่
“ตื่นเช้าบัวตองก็มาดูแลเรื่องอาบน้ำอาหารสามมื้อ ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็พาไปเดินเล่นข้างล่าง นอกนั้นก็ไม่ค่อยเห็นหน้าหรอกค่ะ จะมาอีกทีก็ตอนพี่หมอมาหรือไม่ก็ตอนพี่ดนัยมา”
“แล้วเวลาอื่นคุณฟ้าใสทำอะไรคะ”
หนึ่งฤทัยมองไปรอบๆ ห้องเห็นเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่เปิดทิ้งไว้เพื่อใช้เสียงเป็นเพื่อนแก้เหงา
“ก็อยู่กับคอมมั้ง ทีวีมั้งค่ะ ส่วนใหญ่ก็ฆ่าเวลาทิ้งไปวันๆ”
เพื่อนที่ทำให้เธอคลายเหงาและใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน คือสิ่งที่พี่ชายสรรหามาให้เพียงแค่เอ่ยปาก ไม่ว่าฟ้าใสต้องการสิ่งใดดนัยพร้อมเนรมิตรมากองไว้แทบเท้า ขอแค่น้องสาวมีความสุขเท่าไรก็ไม่อั้น
ท่าทางดนัยจะรักน้องมากถึงได้ประเคนทุกอย่างที่จะทำให้หายเหงาได้ แต่เท่าที่สังเกตดูเหมือนฟ้าใสต้องการคนและเวลามากกว่าสิ่งที่มี คุณพี่ชายแสนดีจะรู้บ้างไหมว่าคนและเวลาสำคัญกว่าข้าวของเหล่านี้
“ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้ครูจะเตรียมการสอน แล้วพรุ่งนี้เรามาตกลงกันว่าคุณฟ้าใสอยากเรียนอะไรบ้าง แต่ว่าวิชาหลักที่ต้องใช้สอบห้ามปฎิเสธนะคะ”
“จริงเหรอคะ ให้ฟ้าใสเป็นคนบอกได้ว่าอยากเรียนอะไรเหรอคะ” ฟ้าใสพูดอย่างตื่นเต้น
ที่ผ่านมาคุณครูทุกคนกำหนดว่าต้องทำโน่นทำนี่ ใช้เวลาแทบทั้งวันจมอยู่กับกองหนังสือและตำราต่างๆ ที่เตรียมมา โดยไม่เคยถามคนเรียนอย่างฟ้าใสสักคำว่า เหนื่อยไหม พักก่อนหรืออยากเรียนไหม ทุกคนจะอ้างคำสั่งของพี่ชายเธอมาเป็นคำขู่ตลอด
มีครั้งนี้ล่ะ ที่คุณครูคนใหม่ดูจะมีอะไรที่น่าสนใจกว่าการอ่านตำราอย่างเคร่งเครียด และนั่งทำแต่ข้อสอบทั้งวันจนน่าปวดหัว ฟ้าใสคิดไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่าอยากจะทำอะไรตอนไหน ที่ไม่กระทบกับเวลาพักผ่อนและเจอะเจอกับคนที่อยากคุยด้วย
“จริงค่ะ แล้วไม่ต้องกลัวว่าจะสอนจนเครียดนะคะ ครูมีอะไรให้คุณฟ้าใสทำแก้เบื่อแน่นอนค่ะ” หนึ่งฤทัยอมยิ้ม เก็บรูปแบบการสอนไว้ในใจและจะถ่ายทอดออกมาในค่ำคืนนี้
“ว้าว! ครูคนก่อนสอนจนฟ้าใสเครียดถึงขั้นต้องไปนอนโรงพยาบาล พี่ดนัยก็เลยให้ออกไป อ้อ! ลืมบอก ครูอย่ากลัวพี่ดนัยนะคะ พี่ชายฟ้าใสชอบทำหน้าเป็นจอมมารให้คนอื่นกลัว แต่จริงๆ ใจดีมากเลยค่ะ”
“เหรอคะ แล้วทำไมต้องทำหน้าเป็นจอมมารด้วย” หนึ่งฤทัยถามด้วยความประหลาดใจ
“พี่ดนัยชอบทำหน้าแก่เกินวัย ชอบทำตัวขี้บ่นทำเสียงดุๆ บางทีก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจคนทั้งโลกซะอย่างนั้น” ฟ้าใสได้ทีแอบนินทาพี่ชายตนเองให้คนอื่นฟัง
“ค่ะ ครูจะระวัง แล้วถ้าจอมมารจะเล่นงานเมื่อไร จะรีบมาขอให้คุณฟ้าใสช่วยนะคะ” หนึ่งฤทัยพูดติดตลก
หนึ่งฤทัยไม่กลัวหรอก จอมมารอะไรนั่น
คำว่าจอมมารเป็นแบบไหน ดุ ! ! !
โหด ! ! !
เถื่อน ! ! !
พูดจากระโชกโฮกฮากหรือแค่ทำหน้าบูดบึ้ง
คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก แต่ไม่ว่าจะเป็นจอมมารหรือจอมใจเธอก็ไม่คิดมากอยู่แล้ว เพราะเท่าที่ฟังดนัยคงไม่มีเวลามากมายมาทำหน้ายักษ์เป็นจอมมารใส่ตนแน่
ก็ขนาดน้องสาวยังต้องให้คนอื่นดูแลแล้วจะมาทำอะไรใครได้
ตึกแถวสามชั้นริมถนนบางลำพูแหล่งช๊อปปิ้งตั้งแต่รุ่นคุณแม่ยังสาววันนี้ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ ร้านตัดเสื้อแก้วใจ ร้านหัวมุมสุดท้ายของตึกที่เปิดให้บริการกับลูกค้ามากหน้าหลายตามาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี“ฉันไม่รู้หรอกว่าแม่แก้วจะได้ค่าตัดเสื้อเมื่อไรแต่วันนี้วันที่หนึ่ง และก็เป็นวันที่หนึ่งของทุกเดือนที่แม่แก้วต้องจ่ายค่าเช่าร้านมาหกเดือนแล้วด้วย”คุณนายอนงค์ ชาติสุขเศรษฐีนีวัยกลางคนที่ครองสถานะสาวโสดมาจนเกือบห้าสิบปี นางเป็นเจ้าของที่ดินย่านบางลำพูเกือบทั้งหมดรวมถึงตึกแถวของร้านแก้วใจนี้ด้วย“วันนี้ไม่มีค่าเช่าให้คุณนายจริงๆ ค่ะ อีกสามวันทางสมาคมที่ดิฉันไปรับตัดสูทให้เขาถึงจะจ่ายเช็คมาให้ คุณนายรออีกหน่อยได้ไหมคะ นึกว่าช่วยคนจนเถอะนะคะ” แก้วใจ เจ้าของร้านอ้อนวอน“ได้เช็คแล้วต้องรออีกกี่วันถึงจะได้เงิน คราวก่อนที่ขอร้องฉันก็ให้แล้ว กว่าจะได้เงินก็เกือบชนเดือนเลยนะ”คุณนายอนงค์ยังจำได้ดีว่าครั้งก่อนที่แก้วใจติดค่าเช่าร้าน นางก็ได้สิทธิ์ถือเช็คที่รอเงินจากลูกค้าโอนเข้ามาจ่ายค่าตัดเสื้อเป็นค่าเช่าแทน แต่กว่าจะได้เงินก้อนนั้นมาก็ต้องรอเกือบครบเดือน ครั้งนี้นางจะไม่รออีกแน่“ตึกน
หนึ่งฤทัยรู้ดีว่าตอนนี้สภาพครอบครัวเป็นอย่างไร มารดาล้มป่วยด้วยโรคหัวใจเมื่อปีก่อนทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนเมื่อเก่า และยังต้องพักรักษาตัวให้อาการดีขึ้นหลายเดือน นอกจากนี้ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใก้ชิดอีกด้วยโชคดีที่ฝีมือการตัดเสื้อของแก้วใจไม่เป็นรองใครและค่อนข้างมีชื่อด้วยซ้ำ ทำให้เหล่าลูกค้าที่รู้ว่าแก้วใจสามารถกลับมาทำงานได้แล้ว ต่างก็ค่อยทยอยกันเอางานมาให้เรื่อยๆ แต่เพราะปัญหาสุขภาพทำให้บางครั้งทำได้ไม่ทันตามกำหนด ลูกค้าบางคนจึงหันไปตัดร้านอื่นหรือไม่ก็ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปใส่“ตอนนี้ก็ยังว่างล่ะซิ”“ค่ะ แต่ถ้าเรียนจริงๆ ก็คงปีหน้า”หนึ่งฤทัยยังมีเวลาอีกหลายเดือนที่จะเตรียมตัวสำหรับการเรียนต่อถ้าสอบได้จริงๆ แต่ถ้าค่าใช้จ่ายมันเยอะมากเกินกำลังก็คิดว่าอาจจะสละสิทธิ์ให้กับคนที่พร้อมมากกว่าเธอ“สนใจอยากทำงานไหม ตอนนี้เธอน่าจะรู้ว่าที่บ้านติดค่าเช่ากี่เดือน และกว่าจะหางานได้มันอีกนานแค่ไหน ถ้าตกลงทำงานกับฉันเราก็จะมาคุยเรื่องค่าเช่าและค่าจ้างกัน” จู่ๆ คุณนายอนงค์ก็เอ่ยชวนให้มาทำงานโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสองคนแม่ลูกหันหน้ามามองกันด้วยความแปลกใจ งานอะไรที่คุณนายอนงค
“อีกนิดก็ถึงแล้วครับ คุณครู” สอนหันมามองหน้าซีดเผือดของคุณครูคนสวย“ฉันไม่เป็นไร นายสอนตามสบายไม่ต้องห่วงฉัน” หนึ่งฤทัยไม่อยากให้ใครเป็นภาระกับตนเองนายสอนเดาว่าคุณครูมาใหม่คงไม่ชินกับการนั่งรถแบบนี้ เขาจึงค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเพื่อให้หนึ่งฤทัยได้ปรับสภาพ สักพักความยิ่งใหญ่ของไร่อิ่มรักก็ปรากฎให้เห็น“ถึงแล้วครับ”หนึ่งฤทัยรีบลงจากรถมายืนตั้งหลักก่อน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ นี่ขนาดยามเย็นความงดงามและบรรยากาศรอบๆ ไร่ยังสดชื่นขนาดนี้ ทำให้อาการเมารถที่ทำท่าจะเล่นงานเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้คนมาใหม่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ามากกว่า“คุณดนัยไม่อยู่เข้าไปในเมือง คุณฟ้าใสอยู่บนบ้าน เชิญคุณครูก่อนครับ” เสียงสอนเตือนให้หนึ่งฤทัยกลับมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากกรุงเทพฯทันทีหญิงสาวหน้าตาแฉล้มนางหนึ่งยืนมองอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้าน สอนช่วยถือกระเป๋าเดินทางของหนึ่งฤทัยพร้อมทั้งนำเธอเดินขึ้นไปพักผ่อน“ถอยซิ บัวตอง ไม่เห็นหรือไงว่าคุณครูจะเดิน” สอนทำเสียงตำหนิหญิงสาวนามว่าบัวตองที่ยืนจ้องหน้าคนมาใหม่ด้วยความสนใจ“รู้แล้ว ก็เดินไปซิบันไดออกกว้าง” บัวตองกระแทกเสียงใส่พลางสะบัดหน
ดนัยบอกว่าจะมีครูมาสอนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเรียนต่อหลังจากที่การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แม้ที่ผ่านมาจะมีครูแวะเวียนมาสอนวิชาที่คนอื่นเรียนกันในโรงเรียนบ้าง แต่ฟ้าใสก็ไม่รู้สึกสนใจเท่าที่ควรเพราะการเรียนการสอนจากครูเหล่านั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ หนำซ้ำบางเรื่องหญิงสาวยังรู้ดีกว่าสิ่งที่ครูสอนเสียด้วยแม้ไม่ได้แต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนเด็กอื่น แต่วิชาความรู้ที่ได้รับมาจากหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ให้ฟ้าใสมากกว่าความรู้ที่เด็กในโรงเรียนได้รับ หรือบางครั้งหนังสือที่เธอสนใจหามาอ่านก็เป็นแหล่งความรู้ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ครูจะได้จัดเวลาการสอนให้เหมาะสมกับกิจกรรมของคุณฟ้าใสไงคะ” คุณครูสาวประเมินด้วยสายตาแล้วก็พอจะรู้ว่านักเรียนคนใหม่จะต้องเพิ่มเติมอะไรบ้างวิชาความรู้ที่ควรเรียนเพื่อใช้ในการสอบแข่งขันไม่น่าห่วง เพราะเท่าที่ดูฟ้าใสเรียนรู้ทุกอย่างได้ทันในเวลาหกเดือนแน่ สิ่งที่หนึ่งฤทัยคิดมากไปกว่านั้นก็คือตำราอาจทำให้คนสอบได้ แต่ตำราไม่อาจทำให้ทุกคนสามารถมีที่ยืนอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัยเสมอไปฟ้าใสก็เช่นกัน วิชาความรู้ในตำราเจ้าหล่อนคงหาได้จากคอมพิวเตอร์ตรงหน้า หรือไ
“อีกนิดก็ถึงแล้วครับ คุณครู” สอนหันมามองหน้าซีดเผือดของคุณครูคนสวย“ฉันไม่เป็นไร นายสอนตามสบายไม่ต้องห่วงฉัน” หนึ่งฤทัยไม่อยากให้ใครเป็นภาระกับตนเองนายสอนเดาว่าคุณครูมาใหม่คงไม่ชินกับการนั่งรถแบบนี้ เขาจึงค่อยๆ ชะลอความเร็วลงเพื่อให้หนึ่งฤทัยได้ปรับสภาพ สักพักความยิ่งใหญ่ของไร่อิ่มรักก็ปรากฎให้เห็น“ถึงแล้วครับ”หนึ่งฤทัยรีบลงจากรถมายืนตั้งหลักก่อน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ นี่ขนาดยามเย็นความงดงามและบรรยากาศรอบๆ ไร่ยังสดชื่นขนาดนี้ ทำให้อาการเมารถที่ทำท่าจะเล่นงานเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ตอนนี้คนมาใหม่กำลังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้ามากกว่า“คุณดนัยไม่อยู่เข้าไปในเมือง คุณฟ้าใสอยู่บนบ้าน เชิญคุณครูก่อนครับ” เสียงสอนเตือนให้หนึ่งฤทัยกลับมาทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากกรุงเทพฯทันทีหญิงสาวหน้าตาแฉล้มนางหนึ่งยืนมองอยู่ตรงบันไดทางขึ้นบ้าน สอนช่วยถือกระเป๋าเดินทางของหนึ่งฤทัยพร้อมทั้งนำเธอเดินขึ้นไปพักผ่อน“ถอยซิ บัวตอง ไม่เห็นหรือไงว่าคุณครูจะเดิน” สอนทำเสียงตำหนิหญิงสาวนามว่าบัวตองที่ยืนจ้องหน้าคนมาใหม่ด้วยความสนใจ“รู้แล้ว ก็เดินไปซิบันไดออกกว้าง” บัวตองกระแทกเสียงใส่พลางสะบัดหน
หนึ่งฤทัยรู้ดีว่าตอนนี้สภาพครอบครัวเป็นอย่างไร มารดาล้มป่วยด้วยโรคหัวใจเมื่อปีก่อนทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้เหมือนเมื่อเก่า และยังต้องพักรักษาตัวให้อาการดีขึ้นหลายเดือน นอกจากนี้ยังต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใก้ชิดอีกด้วยโชคดีที่ฝีมือการตัดเสื้อของแก้วใจไม่เป็นรองใครและค่อนข้างมีชื่อด้วยซ้ำ ทำให้เหล่าลูกค้าที่รู้ว่าแก้วใจสามารถกลับมาทำงานได้แล้ว ต่างก็ค่อยทยอยกันเอางานมาให้เรื่อยๆ แต่เพราะปัญหาสุขภาพทำให้บางครั้งทำได้ไม่ทันตามกำหนด ลูกค้าบางคนจึงหันไปตัดร้านอื่นหรือไม่ก็ซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปใส่“ตอนนี้ก็ยังว่างล่ะซิ”“ค่ะ แต่ถ้าเรียนจริงๆ ก็คงปีหน้า”หนึ่งฤทัยยังมีเวลาอีกหลายเดือนที่จะเตรียมตัวสำหรับการเรียนต่อถ้าสอบได้จริงๆ แต่ถ้าค่าใช้จ่ายมันเยอะมากเกินกำลังก็คิดว่าอาจจะสละสิทธิ์ให้กับคนที่พร้อมมากกว่าเธอ“สนใจอยากทำงานไหม ตอนนี้เธอน่าจะรู้ว่าที่บ้านติดค่าเช่ากี่เดือน และกว่าจะหางานได้มันอีกนานแค่ไหน ถ้าตกลงทำงานกับฉันเราก็จะมาคุยเรื่องค่าเช่าและค่าจ้างกัน” จู่ๆ คุณนายอนงค์ก็เอ่ยชวนให้มาทำงานโดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสองคนแม่ลูกหันหน้ามามองกันด้วยความแปลกใจ งานอะไรที่คุณนายอนงค
ตึกแถวสามชั้นริมถนนบางลำพูแหล่งช๊อปปิ้งตั้งแต่รุ่นคุณแม่ยังสาววันนี้ยังคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ ร้านตัดเสื้อแก้วใจ ร้านหัวมุมสุดท้ายของตึกที่เปิดให้บริการกับลูกค้ามากหน้าหลายตามาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี“ฉันไม่รู้หรอกว่าแม่แก้วจะได้ค่าตัดเสื้อเมื่อไรแต่วันนี้วันที่หนึ่ง และก็เป็นวันที่หนึ่งของทุกเดือนที่แม่แก้วต้องจ่ายค่าเช่าร้านมาหกเดือนแล้วด้วย”คุณนายอนงค์ ชาติสุขเศรษฐีนีวัยกลางคนที่ครองสถานะสาวโสดมาจนเกือบห้าสิบปี นางเป็นเจ้าของที่ดินย่านบางลำพูเกือบทั้งหมดรวมถึงตึกแถวของร้านแก้วใจนี้ด้วย“วันนี้ไม่มีค่าเช่าให้คุณนายจริงๆ ค่ะ อีกสามวันทางสมาคมที่ดิฉันไปรับตัดสูทให้เขาถึงจะจ่ายเช็คมาให้ คุณนายรออีกหน่อยได้ไหมคะ นึกว่าช่วยคนจนเถอะนะคะ” แก้วใจ เจ้าของร้านอ้อนวอน“ได้เช็คแล้วต้องรออีกกี่วันถึงจะได้เงิน คราวก่อนที่ขอร้องฉันก็ให้แล้ว กว่าจะได้เงินก็เกือบชนเดือนเลยนะ”คุณนายอนงค์ยังจำได้ดีว่าครั้งก่อนที่แก้วใจติดค่าเช่าร้าน นางก็ได้สิทธิ์ถือเช็คที่รอเงินจากลูกค้าโอนเข้ามาจ่ายค่าตัดเสื้อเป็นค่าเช่าแทน แต่กว่าจะได้เงินก้อนนั้นมาก็ต้องรอเกือบครบเดือน ครั้งนี้นางจะไม่รออีกแน่“ตึกน