ฉับ ฉับ ฉับ!!ทันใดนั้นเย่ซิวก็ขยับมือควบคุมกระบี่ กระบี่หงส์โบยบินที่อยู่ห่างออกไปก็กลายเป็นลำแสงยิงเข้ามาวิชาคุมกระบี่ตึง ตึง ตึง!!!กระบี่หงส์โบยบินกลายเป็นลำแสงที่ไม่สามารถจับได้ด้วยตาเปล่า ปะทะกับหมาป่ายักษ์อยู่ตลอดเวลา กระแสเลือดสด ๆ พุ่งออกมาสำหรับร่างกายของผู้หญิงคนนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกันหลังของเธอมีปีกคู่หนึ่งที่กำลังลุกไหม้งอกออกมามือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวคุมพลัง ควบแน่นกระแสพลังปราณกระบี่เพลิงโจมตีใส่เย่ซิวจากทุกทิศทางพรวด!ทันใดนั้น กระบี่หงส์โบยบินก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัดร่างหมาป่ายักษ์แยกออกเป็นสองท่อนทันทีจากนั้นร่างของเย่ซิวก็ปรากฏวับแวมอย่างต่อเนื่อง หลบการโจมตีของผู้หญิงคนนั้น ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ และเตะเธอจนล้มลงร่างของผู้หญิงคนนั้นพุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ชนต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้นตลอดทางร่างนั้นยังไม่ทันหยุดนิ่งก็ถูกเย่ซิวที่ตามจากด้านหลังคว้าปีกข้างหนึ่งของเธอ แล้วโยนลงกระแทกพื้นอย่างแรงตูม!มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนี้ขาดเป็นริ้ว เย่ซิวเหยียบหน้าอกของเธอ แล้วทรุดกายลงนั่ง“ยังมีความสามารถอะไรอี
“ฉันมาจากสำนักหุ่นเชิด ปัจจุบันนอกจากฉันและศิษย์พี่แล้ว ในสำนักยังมีอาจารย์หนึ่งท่านที่ปิดด่านบำเพ็ญเพียรมาหลายปีแล้วเขาบอกว่าเขาจะไม่ออกมาจนกว่าจะทะลวงระดับจินตานได้ แต่เวลาผ่านมานานหลายปี เป็นไปได้ว่าอาจจะตายในห้องลับแล้ว”เย่ซิวถามว่า "งั้นอาจารย์ของเธอก็เป็นปีศาจเหมือนกันเหรอ?"“หมายความว่ายังไงที่เหมือนกัน” หญิงสาวโกรธเล็กน้อย “เราไม่ใช่ปีศาจ แค่หลอมรวมกับสัตว์วิญญาณ ได้รับความสามารถบางอย่างของปีศาจมาก็เท่านั้น แก่นแท้แล้วยังคงเป็นมนุษย์”“โอ้?” เย่ซิวเริ่มสนใจ “อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ”ผู้หญิงคนนั้นถูบริเวณที่ถูกเย่ซิวเหยียบ ตอนนี้ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย "ในอดีตยุคที่พลังวิญญาณฟ้าดินยังคงเข้มข้นอยู่ สำนักหุ่นเชิดจะจับปีศาจบางตัวที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งมาหลังจากฆ่าพวกมันแล้ว จะใช้วิธีการลับปรับแต่งร่างกายและวิญญาณให้เป็นสัตว์วิญญาณ แล้วหลอมรวมเข้ากับศิษย์ในสำนักเมื่อใดที่ทำสำเร็จก็จะได้รับความสามารถบางอย่างที่ปีศาจตัวนั้นมีตอนที่มันมีชีวิตตัวอย่างเช่น ความสามารถของศิษย์พี่ที่หลอมรวมเข้ากับหมาป่าเหล็กสีดำคือ ร่างกายแข็งแกร่ง บวกกับมีพละกำลังมหาศาลถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่
หลังจากหญิงสาวสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังร่างของศิษย์พี่ซึ่งถูกผ่าครึ่งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งแววตาเธอเต็มไปด้วยความเศร้า ก่อนจะใช้มือขุดหลุมเล็ก ๆ ที่ด้านข้างและฝังเขาลงไปอย่างแผ่วเบาแม้ร่างกายของเซี่ยชิงชิงจะถูกแทงทะลุ แต่เย่ซิวก็เลี่ยงจุดสำคัญได้บวกกับพลังที่แข็งแกร่งของเธอทำให้บาดแผลเริ่มตกสะเก็ดทันที แต่เธอยังขยับตัวไม่ได้เท่านั้นเมื่อเห็นเย่ซิวเดินเข้ามา เซี่ยชิงชิงก็หลับตาลงอย่างยอมจำนน เธอนอนกางแขนขาอย่างไร้ซึ่งการต่อต้าน “ถ้าเห็นแก่หน้าพี่สาวฉันก็ช่วยฆ่าฉันให้ตายเร็ว ๆ เถอะ”เย่ซิวส่ายหัวพลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้มลงอุ้มเธอขึ้นและพาไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปเขาฉีกเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของเธอออกก่อนจะวางมือบนบาดแผลและใช้วิชาสมานบาดแผลเกิดแสงสีขาวสว่างวาบ บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วจนไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลือเซี่ยชิงชิงลืมตาขึ้นพลางมองเขา “นายจะทำอะไรอีก? คิดจะจับฉันไปขังไว้เป็นทาสรึไง!”เย่ซิวมองออกไปไกลพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่จริงตอนแรกพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลยนะ”เซี่ยชิงชิงเพียงแค่นเสียงหึแต่ไม่ตอบอะไรเย่ซ
เซี่ยชิงชิงกอดเย่ซิวแน่น พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหัวใจแทบสลายราวกับต้องการระบายความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ และอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่สะสมมาหลายปีออกมาให้หมดสิ้นเย่ซิวลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาในที่สุดก็จัดการผู้หญิงคนนี้ได้เสียทีพลังจิตของเขาจดจ่ออยู่ที่เซี่ยชิงชิงตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ พลังจิตของเซี่ยชิงชิงไม่มีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลย ซึ่งหมายความว่าคำพูดของเธอมาจากใจจริงยิ่งไปกว่านั้น ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถหลอกลวงเย่ซิวได้ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเธอกลับตัวกลับใจอย่างแท้จริงแล้วหลังจากร้องไห้ไปราวห้าหกนาที เซี่ยชิงชิงก็หยุดลง ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอย่างเขินอาย “ขอโทษที่ทำเสื้อนายเปื้อนนะ เดี๋ยวไว้ฉันจะชดใช้ให้”น้ำเสียงของเธอในตอนนี้นุ่มนวลขึ้น ไม่มีความดุร้ายเหมือนที่ผ่านมาแล้วเย่ซิวยิ้มพลางลูบหัวเธอเบา ๆ “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต่อไปเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริง ๆ แล้วนะ”“ครอบครัวเดียวกันงั้นเหรอ?” เซี่ยชิงชิงทวนคำนี้พลางเงยหน้ามองเย่ซิว “แล้วต่อไปเราควรอยู่กันแบบไหนล่ะ ยังไงนายก็…”“ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเธอ” เย่ซิวเชย
ไม่รู้ว่าเธอสบถด่าเย่ซิวในใจไปกี่รอบแล้วช่วงเย็น ทั้งสามคนก็ลงจากภูเขาก่อนจากไป เย่ซิวหยิบน้ำพลังวิญญาณผสมกับน้ำแร่บนภูเขารดลงบนพื้นดินที่เคยเป็นสนามรบอีกไม่นาน พืชพรรณเขียวชอุ่มจะงอกขึ้นมาและปกปิดร่องรอยการต่อสู้ทั้งหมดเซี่ยชิงชิงคล้องแขนเย่ซิวด้วยใบหน้าสดใสร่าเริงผิวพรรณเธอดูชุ่มชื้นเปล่งปลั่งเหมือนเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่เย่ซิวช่วยคลายปมในใจลงแล้ว เสน่ห์ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดเดินตามอยู่เงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้านั้นทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยจนตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกเหมือนเสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูอยู่เลย…เมื่อมาถึงที่จอดรถ เย่ซิวก็เข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ และให้เซี่ยชิงชิงเป็นคนขับรถแทนส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดนั่งเบาะหลังอย่างไม่เต็มใจนักหลังจากรถเคลื่อนตัวแล้ว เย่ซิวก็เอ่ยถามโดยไม่หันกลับไปมอง “เธอชื่ออะไร?”“อวิ๋นเหยา”“เล่าเกี่ยวกับวิชาหุ่นเชิดของสำนักเธอให้ฟังหน่อยสิ ฉันค่อนข้างสนใจน่ะ”ก่อนหน้านี้ที่เห็นศิษย์พี่ของอวิ๋นเหยาใช้วิชาหุ่นเชิดนั้นช่างเหมือนจริงจนน่าท
เขาบำเพ็ญตนร่วมกับหญิงสาวทั้งหลายตั้งแต่สองทุ่มครึ่งจนถึงตีห้าด้วยความช่วยเหลือจากโอสถฟื้นฟูขนาดเล็ก ในที่สุดทุกคนก็ก้าวเข้าสู่จอมยุทธ์ระดับเก้าได้สำเร็จระดับนี้หากเป็นในสมัยโบราณ พวกเธอสามารถเป็นแม่ทัพใหญ่หรือแม้แต่อ๋องก็ยังได้เลยตอนนี้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ไป๋อวี้เจี๋ย เซี่ยซิ่วซิ่ว และหลิ่วเมิ่งอิ๋นต่างก็แข็งแกร่งถึงระดับนี้กันหมดแล้วหากเปรียบเทียบกับกองทัพสมัยใหม่ พวกเธอทั้งสี่ก็เปรียบเสมือนหน่วยรบพิเศษที่มีกองกำลังชั้นยอดจำนวนสี่กองพันหญิงสาวทั้งสี่คนหลับสนิทไปแล้วด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างสงบ มุมปากยิ้มเล็กน้อยราวกับกำลังฝันถึงสิ่งดี ๆ ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เย่ซิวเองก็ตั้งใจจะพักผ่อนสักหน่อยเช่นกันแต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาเขาลุกจากเตียงมาหยิบดู ปรากฏว่าเป็นสายจากชูตงเย่ซิวเดินออกไปรับสายที่ระเบียง น้ำเสียงของชูตงที่ดังมาจากปลายสายแฝงไปด้วยความหวาดกลัวและสะอื้นเบา ๆ “ที่บ้านฉันเกิดเรื่องแล้ว คุณช่วยมาหาฉันหน่อยได้ไหม? ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”“รอผมก่อนนะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”โดยไม่ถามไถ่ถึงสาเหตุ เย่ซิววางสายแล้วรีบสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็กระโดดลงจากระเบียง
ชูตงยอมแพ้ให้กับสายตาจับผิดของเย่ซิว ก่อนจะย่นจมูกอย่างขัดใจ “โอเค ๆ ฉันยอมรับก็ได้ เธอคือรูมเมตใหม่ที่ฉันเพิ่งหามา”เย่ซิวหัวเราะออกมาด้วยความโมโห “คุณนี่มันอัจฉริยะด้านการหาเงินจริง ๆ”“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเก่งมากเลยนะ”“ผมไม่ได้ชมคุณเสียหน่อย”“แล้วจะดุทำไมเนี่ย น่ารำคาญจริง ๆ”เย่ซิวบีบแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ “คุณขัดสนขนาดนั้นเลยเหรอ?”“อย่าบีบสิ มันเจ็บนะ” ชูตงปัดมือเขาออกพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “คิดว่าทุกคนจะรวยล้นฟ้าแบบคุณหรือไง? พวกเราคนธรรมดาก็ต้องกินอยู่อย่างประหยัดและเก็บเงินเพื่อวางดาวน์บ้านสักหลัง คุณไม่มีทางเข้าใจหรอก”เย่ซิวมีบ้านในชื่อตัวเองตั้งหลายหลัง จะมอบให้เธอสักหลังก็ยังได้แต่เขาไม่พูดแบบนั้นเพราะกลัวว่าความภาคภูมิใจในตัวเองของผู้หญิงคนนี้จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเขากับเธอดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นอีกวิธีหนึ่งแทน “ผมมีข้อเสนอ ผมสามารถขายบ้านหลังนี้ให้คุณในราคาพิเศษได้นะแต่มีเงื่อนไขว่าคุณต้องชนะการเลือกตั้งตำแหน่งผู้จัดการในสัปดาห์หน้า และผมมีภารกิจหนึ่งที่ต้องการให้คุณทำ”ชูตงตาเป็นประกายทันที “ลดราคาเท่าไหร่?”“ลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์”เธอหน้าหม
“จริง...เหรอ?” ชูตงมองเย่ซิวด้วยสายตาสงสัย “ทำไมฉันรู้สึกว่ามันฟังดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้”เย่ซิวพยายามกลั้นขำ “แปลกตรงไหน ลองทบทวนสิ่งที่ผมพูดไปอีกครั้งสิว่ามันมีตรงไหนที่ผิดหรือเปล่า”ชูตงเอียงศีรษะครุ่นคิดพลางทบทวนคำพูดของเย่ซิวอีกครั้งและพบว่ามันไม่มีอะไรผิดจริงใบหน้าของเธอเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยความกระอักกระอ่วน “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหม? อย่างเช่นให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณ”“ข้าวที่คุณจะเลี้ยงจะอร่อยกว่าที่ผมทำเหรอ?”ประโยคเดียวทำเอาเธอพูดไม่ออกจนต้องกลอกตา “งั้นคุณอยากได้อะไรล่ะ?”เย่ซิวโน้มหน้าเข้าไปใกล้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มหัวใจของชูตงเต้นรัว ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจหลังจากต่อสู้กับความคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็แตะใบหน้าของเย่ซิวเบา ๆ เหมือนแมลงปอแตะผิวน้ำเย่ซิวเผยรอยยิ้ม นี่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่สำหรับเขาจากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามากอดแน่นในอ้อมแขน“ว้าย!” ชูตงร้องเสียงหลง “คุณจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”เย่ซิวก้มมองเธอ “ก็ค่าตอบแทนไง”“ไม่เอา อื้อ…”ชูตงพยายามดิ้นรนสุดกำลังเพื่อหลุดจากอ้อมแขนของเขา แต่
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่
จากสีหน้าของสามีผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะเดาออก หรือไม่ก็รู้และปล่อยผ่านไปแล้วเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในตระกูลใหญ่ มักจะมีเรื่องสกปรกแบบนี้อยู่เสมอบางครั้งเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือเป้าหมายอื่น ๆการยอมสละภรรยาหรือแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเย่ซิวเองก็เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเคย์ฟี่เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งวัยที่สุกงอมผู้หญิงแบบนี้เรียกได้ว่าเป็นนักล่าผู้ชายโดยแท้แต่เย่ซิวกลับไม่รู้สึกสนใจเธอสักเท่าไรไม่ใช่เพราะว่าเขาสูงส่งอะไรนักหรอก แต่เพราะเขารู้สึกว่าเธอดูสกปรกเกินไปผู้หญิงที่ถูกนับไม่ถ้วนลิ้มรสแบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เย่ซิวก็ไม่มีทางสนใจดังนั้นไม่ว่าเคย์ฟี่จะพยายามยั่วยวนยังไง เย่ซิวก็ยังคงนิ่งเฉยทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยขณะที่พรีเอลล์ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นฉากนี้ สีหน้ากลับดูผ่อนคลายขึ้นมาในใจคิดว่าแม่ยังสู้ตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยตัวเองก็เคยทำสำเร็จมาก่อนผ่านไปห้าสิบกว่านาที พวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางทันทีที่ลงจากรถ ก็สามารถมองเห็นกำแพงขนาดมหึมา ล้อมรอบซากโบราณสถานท
เย่ซิวเผาผลาญเลือดสดของตนเองไปหนึ่งเปอร์เซ็นต์ชั่วพริบตา พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนหากคำนวณเช่นนี้ ถ้าเขาเผาผลาญเลือดสดไปห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ก็จะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้ถึงห้าเท่าในทันทีนี่เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนักทว่าทักษะลึกลับนี้ก็มีข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงนั่นคือหลังจากเผาผลาญเลือดสดแล้วจะต้องตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอเป็นเวลานานแต่เย่ซิวสามารถลดอันตรายจากข้อเสียนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเพราะร่างกายของเขาตอนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าผู้ใดความสามารถในการสร้างเลือดของหัวใจนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งคนทั่วไปหากใช้วิชานี้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อฟื้นตัวแต่เย่ซิวไม่เหมือนคนทั่วไปเขาสามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ภายในสิบกว่านาทีหากมีพลังงานเสริมเพียงพอ เขาสามารถใช้วิชาผลาญโลหิตได้สิบกว่าครั้งรุ่งเช้าของวันถัดมาเย่ซิวเดินทางมาถึงตระกูลของพรีเอลล์ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นพ่อแม่ของพรีเอลล์ คู่สามีภรรยาที่ดูยังหนุ่มสาวมาปรากฏตัวฝ่ายหญิงงดงามสง่า ฝ่ายชายมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาเบื้องหลังพวกเขายังมีเหล่าชายหญิงวัยหนุ่มสาวติดตามมาด้วย แต่ละคน
เย่ซิวคว้าคอของพรีเอลล์ไว้แน่น ก่อนจะปลดปล่อยวิชามารโลหิตออกมาอย่างไม่ลังเลสีหน้าของพรีเอลล์เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก เธอพยายามดิ้นรนสุดกำลังแต่ตอนนี้ พลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเธอจะขัดขืนแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์พลังอันแข็งแกร่งที่แฝงอยู่ในเลือดของเธอถูกเย่ซิวดูดกลืนอย่างต่อเนื่องหลังจากดิ้นรนไปได้สักพัก ร่างกายของพรีเอลล์ก็ไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถขยับได้อีกต่อไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและวิงวอน ขณะที่จ้องมองไปที่เย่ซิวผิวพรรณของเธอซีดหมองราวกับแก่ลงไปสิบกว่าปีในพริบตาเมื่อดูดกลืนพลังในเลือดของเธอไปเกือบครึ่ง เย่ซิวจึงยอมปล่อยมือจากพรีเอลล์พรีเอลล์รีบถอยห่างออกจากเย่ซิวในทันที พลางหอบหายใจอย่างหนักเย่ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่อยากเห็นคุณใช้วิธีสกปรกแบบนี้จัดการผมอีก ถ้ามีครั้งหน้า ผมไม่รับประกันว่าคุณจะรอดไปได้”เมื่อครู่ กลิ่นที่พรีเอลล์ปล่อยออกมาจากร่างกายคือยาชนิดซีและดูเหมือนว่าจะเป็นสูตรใหม่ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน มีฤทธิ์รุนแรงมากถ้าหากเป็นช่วงที่เย่ซิวเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจินตาน มีโอกาสสูงที่เขาจะต้านทานมันไม่ไหวหากเป็นเช่นนั้น
เย่ซิวยอมไปกับพวกเขาโดยลำพัง แสดงว่าเขาต้องมีบางอย่างที่ทำให้สามารถเมินเฉยต่อพวกเธอได้ ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลืออยู่ก็ถูกเก็บกลับไปที่จริงแล้ว จุดประสงค์ที่พวกเขามาหาเย่ซิวในครั้งนี้ ก็มีความคิดที่จะล่อเขาไปแล้วร่วมกันรุมโจมตีแต่จากสถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความคิดนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อเก็บงำความคิดที่วุ่นวายในใจลงไป พูทก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนไหล่ของเย่ซิวแต่เพียงแค่โดนสายตาของเย่ซิวจ้องกลับมา เขาก็รีบหดมือกลับไปอย่างขัดเขิน“เอ่อ งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ น้องเขยสุดที่รัก ขึ้นรถของฉันสิ นี่เป็นรถยนต์ลอยตัวรุ่นใหม่ล่าสุดที่ประเทศจ้านฉงตี้วิจัยขึ้นมา”“โอ้ งั้นเหรอ งั้นผมต้องลองดูหน่อยแล้ว” เย่ซิวเผยสีหน้าสนใจขึ้นมาไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ ลักษณะภายนอกดูไม่ต่างจากรถสปอร์ตมากนักแต่เส้นสายของตัวรถดูโฉบเฉี่ยวกว่า ใหญ่กว่า และเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีพูทเป็นคนเปิดประตูรถก่อน แล้วทำท่าเชื้อเชิญให้เย่ซิวขึ้นไปเย่ซิวกับพรีเอลล์นั่งที่เบาะหลังส่วนพูทเป็นคนขับพูทกดปุ่มสตาร์ทรถ ทันใดนั้นล้อทั้งสี่ของรถก็ถูกพับเก็บเข้าไ
“น้องเขยที่รัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงพี่เขยบ้างไหม?”พูทเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเย่ซิว ก่อนจะกางแขนออกแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วแต่กลับโดนเย่ซิวเตะออกไปเต็มแรงจนร่างทั้งร่างลอยหวือไปนอนแผ่หลาอยู่บนพื้นพูทดีดตัวขึ้นมาทันทีแบบไม่เสียฟอร์ม กระโดดลุกขึ้นยืนได้อย่างคล่องแคล่วเขาเกาหลังหัวพลางหัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่รู้สึกกระดากอายแม้แต่นิดเดียวถ้าใครคิดว่าพูทเป็นแค่ผู้ชายซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา ก็คงถูกเขาหลอกจนไม่เหลือกระดูกสักชิ้นพรีเอลล์ที่เห็นเย่ซิวอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูกผู้ชายคนนี้เคยทำให้เธอเหมือนลอยอยู่บนฟ้า แต่ก็เคยทำให้เธอโมโหจนแทบอยากจะฆ่าเขาให้ตายเหมือนกัน“พวกนายมาทำอะไรที่นี่?” เย่ซิวถามเสียงเรียบ“แน่นอนว่ามาเพราะคิดถึงน้องเขยอย่างนายสิ” พูททำท่าจะพูดจากวน ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของเย่ซิวที่ดูไม่เป็นมิตร ก็รีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน “เอ่อ คือ พรีเอลล์คิดถึงนายน่ะ ฉันก็เลยมาด้วย”พรีเอลล์กลอกตา “พี่ชาย เลิกพูดอะไรไร้สาระเถอะ ทุกคนไม่ได้โง่นะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”พูทเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “เย่ซิว นายไม่ได้อยากไปที่นั่นหรอกเหรอ? ถ้าจะไปก็ต้องรีบแล้วนะ ถ
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไม่ต้องซ่อมถนนอีกแล้ว""ได้ เข้าใจแล้ว"หยางถิงถิงแสดงท่าทางสงบนิ่ง ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินข่าวนี้ เธอคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ"แล้วฉันล่ะ" น่าอีชี้มาที่ตัวเอง ถามด้วยสายตาเว้าวอน"ขึ้นอยู่กับว่าคุณสามารถสร้างคุณค่าให้ฉันได้มากแค่ไหน" เย่ซิวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "บอกเวทมนตร์ฉันมาอย่างหนึ่ง แล้วเธอจะได้รับอิสระสามวัน""ได้! ฉันบอกคุณสิบอย่างเลยตอนนี้"เธอก็ยอมรับชะตากรรมแล้ว ในเมื่อทรยศไปแล้ว ก็ขอให้มันสุดทางมีเพียงการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เย่ซิวใช้พลังจิตตรวจสอบเธอ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอพูดเกี่ยวกับเวทมนตร์ไม่มีอะไรผิดพลาดผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดดี ไม่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ว่าง่ายและบอกเวทมนตร์สิบชนิดออกมาอย่างไม่ปิดบังเย่ซิวจึงได้เพิ่มศาสตร์ที่รู้จักเข้าไปอีกสิบวิธีจากนั้น เขาก็ปล่อยให้เธอไปตามใจผู้หญิงคนนี้ยังมีมารยาท กล่าวขอบคุณเย่ซิวก่อนจากไป"พี่ชายเย่ สอนวิชาเวทย์ให้ฉันหน่อยสิ"เมื่อน่าอีจากไป หยางถิงถิงก็จับแขนของเย่ซิวแล้วออดอ้อนก่อนหน้านี้ที่เธอทำตัวสงบนิ่งนั้น มีส
ภายในห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าซึ่งเป็นห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจ้านฉงตี้จากข้างใน มีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังออกมาเป็นระลอกราวกับสิ่งมีชีวิตโบราณที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกหมีสงครามทองคำตัวหนึ่ง สูงกว่าสิบเมตร ขนทั่วร่างเป็นสีทองอร่าม แม้แต่ดวงตาก็เป็นสีทองมันเงยหน้าคำราม เสียงกึกก้องแผ่กระจายออกไปจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าภายในห้องทดลอง นักวิทยาศาสตร์ในเสื้อกาวน์สีขาวต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจนแทบแสบแก้วหู“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็สำเร็จ!”“หมีสงครามทองคำ นี่คือสายเลือดที่สมบูรณ์แบบที่สุด”“พลังของมันตอนนี้ มากกว่าพูทถึงหนึ่งร้อยเท่า!”“หมีสงครามทองคำตัวนี้สามารถฉีกกระชากจักรกลมังกรดำได้อย่างง่ายดาย”“แล้วมันจะสู้กับเย่ซิวได้ไหม?”“คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก… แต่ตอนนี้พลังของมันยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด มันยังต้องการสารอาหารอีกมหาศาล”“รีบรายงานองค์จักรพรรดิ ขออนุมัติสารอาหารเพิ่ม! ตามการคำนวณของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เมื่อมันดูดซับพลังงานได้มากพอ มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และจะแข็งแกร่งกว่าเย่ซิวอย่างแน่นอน”……เย่ซิวพาน่าอี
เขานึกถึงสถานที่ที่พรีเอลล์เคยพูดถึง สถานที่ที่แม้แต่การระเบิดของระเบิดเอชก็ไม่อาจทำลายได้คงต้องไปดูสักหน่อย ว่าจะมีอะไรให้เก็บเกี่ยวได้บ้างเย่ซิวละสายตากลับมา แล้วหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งออกมาจากแหวนผนึก ก่อนจะโยนให้น่าอีใส่เสื้อผ้าแล้วตามฉันกลับไปหญิงคนนี้พลังไม่นับว่าอ่อนแอ จะปล่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้อีกทั้งบนตัวเธอยังมีสิ่งที่มีค่าอีกมากมายที่สามารถค่อย ๆ รีดเค้นออกมาได้น่าอีเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าเธอกะเผลกเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเย่ซิว โดยไม่เอ่ยคำใดเย่ซิวยกแขนโอบรัดเอวเธอ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้ากลับไปยังสำนักโอสถ......ภายในประเทศจ้านอิงตี้ เมื่อจักรพรรดิอินทรีครามได้รับรายงานจากผู้ช่วย ความโกรธก็ปะทุขึ้นจนเขาขว้างถ้วยในมือจนแตกกระจาย"เย่ซิว! เป็นเย่ซิวอีกแล้ว! ดาวเทียมลาดตระเวนที่ส่งขึ้นไปอย่างยากลำบาก กลับถูกเขาทำลายลงอีกครั้ง! พลังของมันพัฒนาไปถึงระดับไหนกันแน่!"ในฐานะบุคคลที่ครอบงำทั่วโลกมานานหลายสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกจนปัญญาและอัดอั้นขนาดนี้ แถมยังเต็มไปด้วยโทสะอย่างลึกล้ำผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าแ