เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำแล้วจะดูโปร่งแสงเล็กน้อย ดังนั้นถังเขอเข่อในตอนนี้จึงดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูกถังเขอเข่อกอดอกตัวเองไว้ด้วยความอับอายและหงุดหงิด “อย่ามองสิ หันหลังไปเลยนะ ฉันไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ก็เลยต้องใส่ชุดเดิมนี่แหละ”เย่ซิวโบกมือเรียกเธอ “มานี่ เดี๋ยวผมช่วยทำให้เสื้อผ้าคุณแห้งเอง”“ไม่เอา…”เธอกลับถอยหลังไปอีกสองสามก้าว เธอรู้ดีว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ จะส่งผลต่อผู้ชายมากแค่ไหนเธอกลัวว่าเย่ซิวจะควบคุมตัวเองไม่ไหว แล้วก็…เย่ซิวชูมือขึ้นแล้วส่งพลังดูดมหาศาลออกมาใส่ถังเขอเข่อ“กรี๊ด!” ถังเขอเข่อร้องเสียงหลง ร่างกายของเธอลอยลิ่วเข้ามาหาเย่ซิวอย่างไม่ตั้งใจ เธอดิ้นไปมาพลางกรีดร้องไม่หยุด “ปล่อยนะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำตามใจหรอก ฉันยังไม่เคยมีแฟนเลย ไม่ได้นะ…เอ๊ะ ทำไมอุ่นจัง”ในขณะที่กำลังดิ้นพล่าน ถังเขอเข่อก็หยุดทันที ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความสงสัย สถานการณ์ดูไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยสักนิด เย่ซิวเพียงแค่ปล่อยพลังไฟออกมาเบา ๆ เพื่อช่วยให้เสื้อผ้าของเธอแห้งเท่านั้นเอง“นี่มันอะไรน่ะ?!” ถังเขอเข่อตกใจจนพูดไม่ออก “มายากลเหรอ?”
“เสี่ยวโหรว อย่าไปเลยนะ ได้ไหม?”“ปล่อยฉันนะ ตอนนั้นเธอเป็นคนบอกเลิกฉันเอง แล้วตอนนี้กลับมาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก!”“ตอนนั้นฉันเองที่เสียสติ แต่หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าขาดเธอไม่ได้จริง ๆ”“หึหึ ตอนนั้นฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อรั้งเธอไว้ แต่เธอก็ใจแข็งใส่ฉัน ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”“เสี่ยวโหรว ฉันรู้นะว่าเธอยังรักฉันอยู่”“เพ้อเจ้อ! ตอนนี้ฉันหันมาชอบผู้ชายแบบปกติแล้ว และเธอก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันอีก!”……มีสาวสวยสองคนกำลังทะเลาะกันบนถนนคนหนึ่งย้อมผมสีเหลือง ใส่เสื้อเอวลอย ทรวดทรงเย้ายวนอีกคนสวมเดรสยาวสีขาวกับรองเท้าผ้าใบ ดูสะอาดบริสุทธิ์ฝูงชนที่มุงดูพลอยเข้าใจเรื่องราวจากบทสนทนาของทั้งคู่ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายที่แท้สองคนนี้ก็เป็นหญิงรักหญิง ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงลุกโชนขึ้นมาทันทีเย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเธอที่นี่อีกครั้งอดีตแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มของหลินโหรวยังคงเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่หลินโหรวนั้นเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียวไม่มีความหยิ่งยโสและอวดดีเหมือนแต่ก่อน กลับดูอ่อนโยนขึ้นมากดูเหมือนว่า ‘การปรับเปลี่ยน’ ของเขาในตอนนั้นจะได้
ยาที่อยู่ในมือเธอหล่นลงบนพื้นทันที “นายเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง!”เย่ซิวเดินตรงเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “พูดมาว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอมาเล่นงานฉัน”“เล่นงานนาย? หมายความว่าไง?”สีหน้าของสาวผมทองดูไม่เหมือนคนโกหก นั่นหมายความว่าเธอเพียงแค่ถูกใครบางคนใช้เงินจ้างมาเท่านั้นเย่ซิวจึงเปลี่ยนวิธีถาม “ใครเป็นคนให้ยานี้กับเธอ หน้าตาเป็นยังไง?”“ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงอะไร” สาวผมทองพยายามปฏิเสธสุดกำลังเย่ซิวคว้าคอเธอไว้แล้วค่อย ๆ ยกขึ้นสาวผมทองดิ้นรนสุดชีวิต ดวงตาเบิกโพลง ลิ้นยื่นออกมายาวความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงพุ่งขึ้นมาจับใจเธอ ผู้ชายที่ดูหล่อเหลาจนน่าตะลึงคนนี้กล้าฆ่าเธอจริง!“ฉัน…ยอมบอกแล้ว…”ปึก!เย่ซิวโยนเธอลงกับพื้นแล้วนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถือโอกาสหยิบยาขึ้นมาสาวผมทองไออย่างหนัก เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ฉันก็ไม่รู้จักเขาหรอก อยู่ ๆ เขาก็มาหาฉัน ให้เงินมาก้อนหนึ่ง แล้วบอกให้ฉันเอายาให้หลินโหรว…แค่นั้นแหละ”“หน้าตาเขาเป็นยังไง?”“ฉันมองเห็นไม่ค่อยชัด เขาใส่เสื้อโค้ตสีดำ สวมหน้ากาก ยานี้เขาให้มาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว”เย่ซิ
ต่อจากนี้จะเป็นการบรรยายยาวกว่าหนึ่งแสนคำครั้งที่แล้วเย่ซิวเป็นฝ่ายเริ่มบำเพ็ญตนกับหลินโหรวก่อนแต่ครั้งนี้หลินโหรวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน สรุปง่าย ๆ เลยสามคำ เธอเก่งมากคงเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอยู่กับสาวผมเหลืองก่อนหน้านี้“ผมต้องไปแล้ว” เย่ซิวจิบเครื่องดื่มพลางเอ่ยกับหลินโหรวหลินโหรวปาดเหงื่อหอมบนหน้าผาก พลางมองเย่ซิวด้วยสายตาอ่อนหวาน “ฉัน…พอจะเป็นแฟนคุณได้ไหม?”เย่ซิวใช้นิ้วเชยคางขาวเนียนของเธอขึ้น แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณคิดว่าตัวเองคู่ควรหรือเปล่าล่ะ?”สายตาของหลินโหรวหม่นลงในทันที ใช่แล้ว ตอนนี้เธอไม่คู่ควรกับเขาจริง ๆแต่เธอก็รีบกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะทำตัวเหลวไหลไปหน่อย แต่จากนี้ไป ฉันจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น”“อืม ความสามารถของเธอก็ไม่เลวนะ” เย่ซิวพยักหน้า “ตอนนี้คุณยังไม่มีงานทำใช่ไหม”“ยังค่ะ”เย่ซิวเกิดความคิดหนึ่งขึ้น เขาเอ่ยกับเธอว่า “ผมจะลงทุนให้คุณห้าพันล้าน ไปตั้งบริษัทการจัดการระหว่างประเทศสักแห่ง แล้วดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมเยอะ ๆ”หลินโหรวทำหน้าจริงจัง “ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ห้าพันล้านนี้จะทำกำไรให้คุณสิบเท่า ยี่สิ
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
สองคือของแบบนี้มันขัดต่อฟ้าดิน ผู้ที่หลอมสร้างมันส่วนใหญ่มักอายุสั้นแต่หากเป็นการแย่งชิงของที่คนอื่นหลอมสร้างไว้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนักเย่ซิวแค่นหัวเราะอยู่ในใจจอมมารโลหิตนี่แสดงละครได้ดีจริง ๆแสร้งทำเป็นเผลอพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจแต่ที่จริงแล้วมันต้องการชี้นำให้เย่ซิวใช้พลังทั้งหมดไปกับการเพาะเลี้ยงไข่ของสัตว์อสูรเหล่านี้เช่นนี้แล้วพลังของเย่ซิวก็จะหยุดนิ่ง ไม่สามารถพัฒนาไปได้ หรือหากจมอยู่กับมันมากเกินไป พลังอาจจะถดถอยลงอีกด้วยตอนนี้เย่ซิวได้ฟื้นคืนพลังกลับมาอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นสมบูรณ์แล้ว หากเย่ซิวอ่อนแอลงไปมาก เมื่อถึงเวลานั้นจอมมารโลหิตก็จะสามารถสังหารเย่ซิวได้ขณะนี้จอมมารโลหิตยังคงคิดว่าเย่ซิวที่เพิ่งกลืนกินโลหิตจำนวนมากเข้าไป จะถูกความกระหายเลือดเข้าครอบงำจนทำให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ผิดพลาด“โอเค เข้าใจแล้ว แกกลับไปได้แล้ว” พูบจบเย่ซิวก็เก็บจอมมารโลหิตกลับไปส่วนไข่ของสัตว์อสูรสิบฟองที่อยู่ตรงหน้า เย่ซิวเก็บมันแยกไว้ต่างหากเขายังไม่คิดที่จะใช้พลังเพิ่มเติมเร่งฟักไข่เหล่านี้เป็นการชั่วคราวเพราะแบบนี้จะเป็นการเสียพลังงานของเย่ซิวไปเปล่า ๆเป้าหมายของ
เมื่อเปิดผ้าคลุมสีดำของชายผู้นี้ออกมา ปรากฏว่าข้างในเป็นคนแคระคนหนึ่งใบหน้าของเขาอัปลักษณ์ ผิวหนังเหี่ยวย่นราวกับคนแก่ขณะนี้เขากำลังมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น"แกเป็นใคร? ทำไมถึงต้องโจมตีสำนักโอสถของฉัน ดูเหมือนเราจะไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกันนี่""จะฆ่าหรือจะทรมานก็รีบทำเสีย อย่าพูดอะไรให้มาก"ฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีไม่เกรงกลัวต่อความตาย และไม่ให้ความร่วมมือใด ๆเย่ซิวก็ไม่ได้แสดงความปรานี เขาปล่อยจอมมารโลหิตออกมาโดยตรงแล้วพูดว่า "หาทางทำให้เขาเปิดปากพูดให้ได้ ฉันต้องการรู้ทุกความลับของเขา""ได้เลย นายท่านโปรดวางใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น" จอมมารโลหิตหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในสมองของคนแคระคนนั้นทันทีทันใดนั้นร่างของคนแคระก็เริ่มดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเย่ซิวใช้โอกาสนี้สังเกตบริเวณโดยรอบที่นี่เป็นอาณาเขตของประเทศสุ่ยจือแล้วตามชื่อของมัน ประเทศนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหนองน้ำ ทะเลสาบ และแม่น้ำโดยปกติแล้ว ประเทศที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แบบนี้ไม่น่าจะยากจนได้แต่ประเทศสุ่ยจือกลับตรงกันข้าม มันเป็นประเทศที่แร้
หยางถิงถิงกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในใจก็คิดว่าไม่เสียแรงที่ฉันเป็นแฟนคลับของเขา ช่างร้ายกาจจริง ๆเธอลืมไปสนิทว่าครั้งหนึ่งเธอเคยด่าเย่ซิวไว้เพียงใดโลหิตจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเย่ซิวผ่านการเปลี่ยนแปลงด้วยเคล็ดวิชาและการสกัดกลั่นของจินตานห้าสี จนกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นขนาดของจินตานห้าสีขยายขึ้นเรื่อย ๆในขณะเดียวกันเย่ซิวก็ขมวดคิ้วแน่นโลหิตเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ปั่นป่วน บ้าคลั่ง และไม่เสถียรมีเพียงเขาที่รับมือไหว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ดูดกลืนโลหิตเช่นนี้ คงกลายเป็นคนบ้าหรือไม่ก็ร่างกายระเบิดตายไปแล้วไม่นานเย่ซิวก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นมาโดยธรรมชาติแต่เหมือนถูกเร่งให้โตอย่างผิดปกติเขาจับหมาป่าตัวหนึ่งและใช้พลังจิตสำรวจเข้าไปพบว่ากระดูกและโครงสร้างเนื้อเยื่อภายในผิดปกติอย่างมากมันเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเป่าลมจนพองโต ดูใหญ่ก็จริง แต่เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็อาจจะแตกได้แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฝูงสัตว์ร้ายที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้จำเป็นต้องถูกกำจัดทิ้งก่อน!เย่ซิวไล่กวาดล้างสัตว์ร้ายไปตลอดทาง จากมุมมองภายนอก ร่
ฉับ! ฉับ! ฉับ!เหล่าสัตว์ร้ายถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง นักรบแนวหน้าส่วนใหญ่ต่างเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นแรงไม่เพียงแค่ยอดฝีมือทั้งหมดของสำนักโอสถที่ถูกระดมมาสู้ แม้แต่หนานกงอวี่ก็ได้นำกลุ่มยอดฝีมือมาสมทบด้วยการต่อสู้นี้เรียกได้ว่านองเลือดและโหดร้ายอย่างถึงที่สุดทั่วบริเวณกว่าร้อยลี้มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วอากาศขณะนี้ทุกคนต่างหมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นฝูงสัตว์ร้ายที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง"วันนี้ฉันจะต้องตายที่นี่จริง ๆ เหรอ?" เฉินหลานพึมพำกับตัวเองด้วยความสิ้นหวังหวังซวงเองก็ไม่ต่างกัน เธอทรุดลงกับพื้นหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่เพียงแค่พวกเธอ หนานกงอวี่ กระทิงคลั่ง ร่างแยกทองคำ เสี่ยวปิง อวิ๋นเหยา ก็ล้วนแล้วแต่มาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วในช่วงสองวันสองคืนที่ผ่านมา พวกเขาสังหารสัตว์ร้ายไปไม่น้อยกว่าห้าแสนตัว อาวุธทุกชนิดแทบถูกจะใช้หมดสิ้นแล้ว"โฮก โฮก โฮก!!"เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังสนั่นเป็นคลื่นกระแทกเข้ามาสีหน้าของทุกคนซีดเผือด บางคนยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตน หลับตาลงและเตรียมใจรับความตายทั้งร่างกายและจิตใจของทุกคนมาถึงขีดสุด
สัตว์นานาชนิดพุ่งกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ และพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งภาพเหตุการณ์นี้เพียงพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ขาสั่นด้วยความหวาดกลัวนักรบของสำนักโอสถต่างถืออาวุธ กราดยิงอย่างบ้าคลั่งลูกธนูพุ่งออกไปอย่างหนาแน่นปกคลุมท้องฟ้าเหล่าสัตว์ป่าที่วิ่งนำหน้าล้มลงเป็นแถว ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดฝูงที่อยู่ข้างหลังได้เลยตรงกันข้าม เลือดที่ไหลนองกลับยิ่งกระตุ้นให้พวกมันคลุ้มคลั่งมากขึ้นไปอีกแม้ว่าจะมีหน่วยสนับสนุนมาถึงเป็นระยะ ๆ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ป่าที่เต็มภูเขาและดูไม่มีที่สิ้นสุด กำลังเสริมก็ดูเล็กน้อยเกินไปการต่อสู้นี้ดำเนินต่อเนื่องตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำคืนแม้ว่าร่างแยกทองคำจะนำเสี่ยวไป๋ เฉินหลาน กระทิงคลั่ง และคนอื่น ๆ มาร่วมต่อสู้ สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนักแนวป้องกันถูกบีบให้ถอยร่นไปเรื่อย ๆ และตอนนี้ใกล้จะถึงจุดอันตรายแล้ว"เราถอยไม่ได้อีกแล้ว" เฉินหลานปลดปล่อยพลังวิเศษ สังหารหมาป่าที่กระโจนเข้ามา จากนั้นก็หอบหายใจหนัก"หากถอยไปอีกสามสิบลี้จะถึงตัวเมือง เราปล่อยให้พวกมันบุกเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นเมืองทั้งเมืองจะต้องราบเป็นหน้ากลองภายในพริบ
หยางถิงถิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่ซับซ้อนและเอ่ยถามว่า "นายชื่อเย่ซิวใช่ไหม? เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศหลงเถิงคนนั้นใช่หรือเปล่า?"เย่ซิวหันไปมองหยางเฟิงที่เดินตามมาจากข้างหลัง และเมื่อเข้าใจสถานการณ์ เขาก็พยักหน้าโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไรจากนั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าและรูปร่างของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยจนกลับคืนสู่โฉมหน้าที่แท้จริงเมื่อหยางถิงถิงเห็นใบหน้าที่เธอเคยเฝ้าฝันถึงมาตลอด ก็รู้สึกตะลึงไปชั่วขณะ หัวใจของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ผสมปนเปหยางเฟิงเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ๆ และกล่าวว่า "ขอโทษนะ คุณเย่ เมื่อกี้ฉันเผลอหลุดปากไปโดยไม่ได้ตั้งใจ""ช่างเถอะ" เย่ซิวส่งเสียงไปถึงถังอวิ้นที่อยู่ในวิลล่า สั่งให้เธอรอเขาอยู่ที่สวนหลังบ้าน จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหยางเฟิงว่า"ตอนนี้ที่บ้านผมเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ผมต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้ หลานสาวของคุณจะไปกับผมด้วยไหม?"ยังไม่ทันที่หยางเฟิงจะตอบ หยางถิงถิงก็รีบพยักหน้ารัว ๆ เหมือนลูกไก่จิกข้าวสาร "ไป ไป ไป! ฉันจะไปกับคุณ!"หลังจากรู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่ซิวแล้ว ท่าทีของหยางถิงถิงก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากที่เคยเป็นหญิงสาวผู้หยิ่งยโสกลับก
“หนูจะหนีออกจากบ้าน รอจนกว่าคุณปู่จะสงบลงแล้วค่อยว่ากันไม่จำเป็นต้องตามหาหนูนะคะ หนูอยากกลับมาเมื่อไหร่ ก็จะกลับมาเอง”เมื่อเธอกล่าวจบก็ถ่ายเทพลังวิญญาณไปที่ใต้เท้า เตรียมที่จะมุดหน้าต่างจากไปถ้าเธอตั้งใจจะหนีจริง ๆ หยางเฟิงก็หยุดเธอไม่ได้เขาจึงรีบพูดออกไปว่า “เขาคือเย่ซิวนะ หลานบอกว่าอยากแต่งงานกับเขาไม่ใช่เหรอ ถ้าหลานไปแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสอีกเลยนะ”ร่างอันบอบบางของหยางถิงถิงที่เพิ่งเดินไปที่หน้าต่างก็สั่นเทิ้มหันกลับมาช้า ๆ สีหน้าสับสน “เมื่อกี้คุณปู่ว่ายังไงนะคะ หนูได้ยินไม่ถนัด พูดใหม่อีกครั้งสิคะ”หยางเฟิงถอนหายใจ “เดิมทีปู่สัญญากับคุณเย่ไว้ว่าจะไม่บอกเธอ”หยางถิงถิงรีบวิ่งมา แล้วถามว่า "มันจะเป็นไปได้ยังไงคะคุณปู่ ไอ้สารเลวนั่นจะเกี่ยวข้องกับเย่ซิวได้ยังไงผู้ชายน่ารังเกียจนั่น จะกลายเป็นวีรบุรุษได้ยังไง?”เธอไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้หยางเฟิงมองหลานสาวสุดที่รักของตัวเอง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ที่จริงแล้วหลานมีอคติต่อเขามาตลอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ดูอย่างเรื่องนี้ถ้าเขาไม่ลงมือในตอนนั้น หลานกับปู่ก็คงไม่มีตัวตนอยู่จะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตนั้น ถึงหล
ต้องบอกว่าเฉินน่าเป็นคนกล้ามากจริง ๆ ถึงได้เสนอแนะเช่นนี้แต่มันก็น่าตื่นเต้นมากจริง ๆเมื่อพิจารณาว่าตัวเองยังต้องการความช่วยเหลือจากเฉินน่าในอนาคต เย่ซิวจึงตัดสินใจที่จะให้ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเธอครั้นแล้วก็ทำการบำเพ็ญตนอยู่ที่หน้าเตียงของเสี่ยวเยวี่ยกระแสพลังวิญญาณวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเย่ซิว จินตานห้าสีหมุนวนด้วยความเร็วสูง และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ“เสี่ยวเยวี่ย ดูนี่ฉันเอาอะไรดี ๆ มาฝากเธอล่ะ...”ประตูถูกผลักเปิดออก หยางถิงถิงก็เดินเข้ามาจากด้านนอกจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หยุดนิ่งไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความน่ารักและความบริสุทธิ์ของเสี่ยวเยวี่ย รวมถึงประสบการณ์ชีวิตที่น่าสมเพชของเธอ ทำให้หยางถิงถิงบังเกิดความรักดุจมารดาอย่างล้นเหลือเธอปฏิบัติกับเสี่ยวเยวี่ยเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ดูแลเธอเป็นอย่างดี มีอะไรดี ๆ ก็จะนำมาแบ่งปันกับเธอเสมอแล้วเมื่อเธอปรากฏตัวขึ้นในห้อง เธอก็ตกตะลึงเป็นเพราะเฉินน่าประมาท แม้ว่าประตูจะปิดอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ล็อกเมื่อเฉินน่าหันกลับไปสบตากับหยางถิงถิง บรรยากาศก็เงียบงันไปในทันที ความอึดอัดกระอักกระอ่วนใจอย่างสุดขีดก็แพร่กร
เย่ชิวมองหยางถิงถิงที่ดูหวาดกลัว เขาส่ายหัวเบา ๆเป็นถึงผู้ฝึกตน แต่กลับกลัวสิ่งแบบนี้ นี่ถือเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงมากแทนที่จะหยุด เขากลับโบกมือ แล้วก็มีงูหลากสีสันหลายสิบตัวปรากฏตัวขึ้น เลื้อยไต่ไปตามร่างของเธอในเวลาเดียวกัน โล่ก็ถูกสร้างขึ้นแบ่งกั้นกับพื้นที่ภายนอก ไม่ว่าหยางถิงถิงจะกรีดร้องดังแค่ไหน ก็ไม่มีใครข้างนอกได้ยินแม้แต่คำเดียวสำหรับหยางถิงถิง นี่เรียกได้ว่าเป็นเพียงการทรมานที่ร้ายแรงที่สุดใบหน้าของเย่ซิวเริ่มมืดมนลง ตำหนิ "หากต่อไปคุณอยากกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งชนิดไม่มีใครเทียบได้ ก็ต้องกำจัดจุดอ่อนของตัวเองซะ"“ไอ้โรคจิต นายกำลังทรมานฉันอยู่นะ มัวแต่พูดอะไรเว่อร์ ๆ อยู่นั่น รีบปล่อยฉันไปเร็ว ๆ ฮือ ๆ...”หยางถิงถิงทั้งร้องไห้และตะโกน คนทั้งคนจนเกือบจะล้มลงขณะนั้นเอง หยางเฟิงก็เดินออกจากบ้าน และตกตะลึงเมื่อเห็นภาพดังกล่าวเย่ซิวก็บอกถึงเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงทำอย่างนั้น“คุณปู่ช่วยหนูด้วยค่ะ ไอ้โรคจิตนี่ทั้งโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมจริง ๆ หนูถูกเขาทรมานจนแทบจะบ้าตายแล้ว”เมื่อได้เห็นหยางเฟิง หยางถิงถิงก็แสดงท่าทางเหมือนกับได้เห็นพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดหยางเฟิงขมว