จากนั้นพวกเขาก็เห็นพู่กันของเย่ซิวเคลื่อนไหวราวกับมังกรบิน จังหวะการลงพู่กันราวกับมีเทพเซียนนำทาง ลื่นไหลไปอย่างอิสระโดยไม่ต้องหยุดแม้แต่น้อยในขณะเดียวกัน ปลายพู่กันก็ไม่เคยออกห่างจากกระดาษเลย!"นี่มัน… หนึ่งจรดเซียน!" “โอ้พระเจ้า ทักษะนี้มันหายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง!”“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”ชายชราหลายคนวิ่งไปยืนตรงหน้าเย่ซิวอย่างกระตือรือร้น และจ้องเขม็งไปที่โต๊ะมีคนงุนงงเอ่ยถามว่า "หนึ่งจรดเซียนคืออะไรเหรอ?"ผู้รู้ท่านหนึ่งอธิบายว่า “หมายความว่าตั้งแต่เริ่มจนจบทุกอย่างในการจรดพู่กันเพียงครั้งเดียว”“ในช่วงเวลาที่เขียน ปลายพู่กันจะไม่ยกขึ้นจากกระดาษ และจะไม่มีการเติมหมึกเพิ่ม”“ต้องใช้ทักษะการเขียนและการควบคุมที่สูงมากทีเดียวถึงจะบรรลุผลได้”มีอีกคนหนึ่งถามว่า “แล้วท่านอาจารย์ทั้งหลายทำไม่ได้หรือ?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินสิ่งนี้ก็ส่ายหัว "เราทำไม่ได้ เว้นแต่เราจะฝึกอักษรวิจิตรและวาดภาพอย่างหนักต่อไปอีกสามสิบปี!"ชายชราอีกคนก็เห็นด้วยว่า "การเขียนตัวเขียนสองสามตัวก็ยังพอเป็นไปได้ แต่การวาดภาพนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย"เฮ้อ!ทันใดนั้นก็มีคนพ่นลมหายใจด้
"ทุกท่านคะ คืนนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันจริง ๆ เลยนะคะ!"พิธีกรหนุ่มหล่อขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าวคำสั้น ๆ ไม่กี่คำ จากนั้นก็เข้าประเด็น"ตามความตั้งใจของอาจารย์ต้าวจือ ราคาเริ่มต้นของ 'ภาพมังกรทะยานฟ้า' นี้อยู่ที่หนึ่งหมื่นล้านบาท และการเสนอเพิ่มแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านค่ะ!" ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ขวงก็พูดขึ้นว่า "ห้าหมื่นล้าน!"เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องนำภาพนี้มาครองให้ได้เพราะภาพมังกรทะยานฟ้านี้ เย่ซิวเป็นคนวาดเอง เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นตัวแทนของตัวเองเขาต่างหากที่เป็นมังกรทะยานฟ้า!ไป๋อวี้เจี๋ยต้องไม่ยอมแพ้ "หกหมื่นล้าน!" พิธีกรอ้าปากกว้างจนแมลงวันจะบินเข้าไปได้อยู่แล้วเธอเคยจัดงานประมูลมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนบ้าเท่างานคืนนี้เลยการเสนอราคาเพิ่มแต่ละครั้งคือหนึ่งหมื่นล้านบาท! ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่สามารถดับความกระตือรือร้นของผู้มั่งคั่งเหล่านี้ได้ราคาพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง!และมาถึงแปดหมื่นล้านอย่างรวดเร็ว! เมื่อมาถึงจุดนี้ บางคนก็เริ่มมีเหตุมีผลมากขึ้นแต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ยังประมูลต่อไปคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ไม่ขาดเงินมีเงินมา
"นายน้อย!"คนขับรถเห็นดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยน เขารีบวิ่งเข้าไปแต่แล้วทุกอย่างก็มืดลงต่อหน้าต่อตาเขา และหมดสติตามไปเช่นกันเย่ซิวนำม้วนภาพมาหลังจากคิดดูแล้ว เขาก็ถอดเสื้อผ้าของเย่ขวงและคนขับออก จัดท่าสองสามท่าแล้วถ่ายรูปแล้วเขาก็จากไปในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ไป๋อวี้เจี๋ยกลับบ้าน เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหาเสวี่ยเหมยเธอพูดคุยทางโทรศัพท์ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้อย่างตื่นเต้นแน่นอนว่าเธอไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเย่ซิวหลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้วเสวี่ยเหมยก็หยอกล้อว่า "ดูท่าเธอจะตกหลุมรักเขาแล้วล่ะมั้ง"ไป๋อวี้เจี๋ยไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยอีกต่อไป เมื่อพูดถึงเรื่องแบบนี้เธอก็ไม่ได้เขินอายเลย แต่กลับยอมรับอย่างเปิดเผยและมั่นใจแทน“ใช่ ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ… แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีรสนิยมสูงมาก ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า”อีกด้านหนึ่งของสาย เสวี่ยเหมยแปลกใจเล็กน้อย "ผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้ไฮโซสาวของเราไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้?"ไป๋อวี้เจี๋ยนึกในใจว่า ‘ก็คนที่ทำให้พี่หงุดหงิดมากคนนั้นไงล่ะ’แน่นอนว่าเธอพูดแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนเรื่อง "พี่ส
เย่ซิวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "คุณยินดีอะไรนะ?"ไป๋อวี้เจี๋ยต่อยหน้าอกของเย่ซิวด้วยสีหน้าเขินอาย "โอ๊ย คุณนี่น่ารำคาญจริง ๆ รู้แล้วยังจะถามอีก รอเดี๋ยวนะคะ ฉันขอไปอาบน้ำก่อน"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังกลับแล้วรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง และปล่อยให้เย่ซิวยืนงงอยู่ตรงนั้นเย่ซืวส่ายหัว จากนั้นก็เดินมาที่หน้าห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์และตั้งใจฟังที่ประตูแม่และลูกสาวนอนด้วยกันภายในห้องและหายใจสม่ำเสมอ มีความเป็นไปได้มากว่าพวกเขาหลับแล้วเย่ซิวไม่ได้รบกวนพวกเขาและกลับไปอาบน้ำที่ห้องในอีกด้านหนึ่ง ไป๋อวี้เจี๋ยเข้าไปในห้องน้ำพลางถอดเสื้อผ้าออก และหยิบครีมอาบน้ำอันแสนล้ำค่าที่เธอใช้เงินไปหลายล้านเพื่อซื้อมา เธอใช้เจลอาบน้ำนี้เพียงครั้งเดียวตอนที่เธอกำลังจะแต่งงานจำกัดเพียงสิบขวดทั่วโลก ถึงคุณมีเงิน คุณก็ไม่สามารถซื้อได้มันส่งกลิ่นหอมมากเมื่อทาลงบนร่างกาย และสามารถกระตุ้นความปรารถนาอันลึกล้ำของผู้คนได้โดยไม่รู้ตัวเมื่อสูดกลิ่นเข้าไปแล้วเธอรู้สึกแปลก ๆ ทันทีไป๋อวี้เจี๋ยล้างอย่างพิถีพิถันร่างกายของเธอ ตั้งบนจรดร่าง ทั้งภายนอกและภายใน ได้รับการทำความสะอาดหมดจนแล้วหน้ากระจก ด
ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกมั่นใจและคาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นไป๋อวี้เจี๋ยนั่งข้างคอมพิวเตอร์ วางมือบนเมาส์เธอปัดสองสามครั้งแล้วจงใจพูดกับเย่ซิว "หืม เมาส์นี่ดูเหมือนจะผิดปกตินะ ช่วยดูให้หน่อยสิ""ใช่เหรอครับ?"เย่ซิวยังไม่รู้ถึง 'เจตนาร้าย' ของไป๋อวี้เจี๋ยดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปแล้วขยับเมาส์เล็กน้อย“ก็ไม่เป็นอะไรนี่ครับ มันตอบสนองปกติไม่ใช่เหรอครับ?”ไป๋อวี้เจี๋ยรีบวางมือลงบนหลังมือของเย่ซิว เงยหน้าขึ้นและแสร้งทำทีเป็นไม่รู้เรื่องพูดอย่างไร้เดียงสา "อ้าว ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? นายนี่สุดยอดมากเลยนะ"เย่ซิวพูดไม่ออก “….."เขาดึงมือกลับ และไป๋อวี้เจี๋ยก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจกลับลิงโลดหากก้าวแรกสำเร็จ ก้าวที่สองก็จะต้องสำเร็จเช่นกันสิ“เลขบัญชีอะไรนะคะ?”เย่ซิวบอกหมายเลขบัญชีของเขาแม้ว่าเขาจะทำเงินได้มากมายเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ในความเป็นจริง ในสถานที่เช่นเมืองหลวง หากคุณต้องการลงทุนที่มากขึ้นด้วยเงินเพียงเล็กน้อย เงินจำนวนนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรเลยเย่ซิวมีโครงการที่รับประกันว่าจะทำเงินได้มากมายแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากขาดเงินทุน
ไป๋อวี้เจี๋ยขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ดวงตากลมโตฉ่ำวาวของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์และความคับข้องใจขณะที่เธอมองไปที่เย่ซิว“ฉันชอบคุณมากนะ รับฉันไว้เถอะ เว้นแต่อดีตสามีของฉันที่เสียชีวิตไปแล้ว ฉันไม่เคยแตะต้องใครเลย”“ฉันสะอาดกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนด้วยซ้ำ และไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกแฟนของคุณเกี่ยวกับเรื่องของเรา ฉันยอมเป็นรักลับ ๆ ของคุณ” เย่ซิวแอบถอนหายใจคำพูดของไป๋อวี้เจี๋ยมีผลทำลายล้างมากจริง ๆ นักธุรกิจสาวที่มีอำนาจในโลกธุรกิจและมีมูลค่าสุทธิกว่าล้านล้านบาท สามารถละทิ้งความภาคภูมิใจของเธอ และทำกิริยาท่าทางราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แม้แต่น้ำเสียงก็ยังนุ่มนวลอ่อนน้อมเย่ซิวเองก็ไม่ใช่ประเภทใจแข็งเสียด้วยเมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังคงเฉยเมยไป๋อวี้เจี๋ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ไม้ตายเธอพูดกับเย่ซิวด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต "ได้ไหมคะ? นายท่านของฉัน"ประโยคนี้มีพลังทำลายล้างมหาศาลมากกำลังภายในและเลือดของเย่ซิวที่สงบลงไปแล้วอย่างยากเย็น ตอนนี้กลับพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งเมื่อไป๋อวี้เจี๋ยเห็นสีหน้าของเย่ซิวก็รู้ว่าวิธีนี้ได้ผล เธอจึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้นทันที ตีเหล็กต้องตีต
ปัง ปัง ปัง!“ให้ตาย ให้ตายสิวะ ไอ้นั่นมันเป็นใคร!”ภายในห้อง เย่ขวงขว้างสิ่งของอย่างบ้าคลั่งด้วยเสียงกระแทก โบราณวัตถุอันล้ำค่า ภาพอักษรวิจิตรและภาพวาดทุกประเภทพังเละเทะไปหมดลูกน้องแต่ละคนของเขาก้มหน้าลง ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเย่ขวงระบายความโกรธได้ชั่วขณะ ทำให้อารมณ์โกรธสงบลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย จ้องไปที่พ่อบ้านแล้วถามว่า “รู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร? แล้วมันใช้วิธีอะไรมาเล่นงานฉัน?!”เมื่อคืนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหมดสติไปได้อย่างไรตื่นมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าติดตัวเลย อีกทั้งยังอยู่กับคนขับรถ...เขาโกรธมากและฆ่าคนขับคนนั้นทันทีแต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากยิ่งกว่านั้นก็คือ งานอักษรวิจิตรและภาพวาดที่เขาทุ่มเงินซื้อไปมากมายนั้นหายไปอย่างไรร่องรอยแม้แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์ในการติดตามเลยนอกจากความโกรธแล้ว เขายังรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกด้วยอีกฝ่ายสามารถทำให้เขาสลบไปได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวหากอีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา อย่างนั้นมันไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยหรือ?ความโกรธที่เขาแสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความก
เย่ซิวถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"หลังจากเมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งสองก็ได้กลายเป็น “สหาย” ที่มีความผูกพันอย่างลึกซึ้งดูจากสีหน้าเธอแล้วเธอคงจะลำบากมากแน่ ๆหากเย่ซิวสามารถช่วยได้ เขาก็จะไม่ปฏิเสธเลยไป๋อวี้เจี๋ยฝืนยิ้มเล็กน้อย "ตอนนี้ยังไม่จำเป็น คุณพักผ่อนที่บ้านไปเถอะ"เธอไม่อยากให้เย่ซิวมองว่าตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงสวยแต่ไร้ความสามารถไป๋อวี้เจี๋ยพร้อมด้วยบอดี้การ์ดหญิงสองสามคนมาถึงโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งที่เธอเป็นเจ้าของอย่างเร่งรีบเมื่อเธอมาถึงโรงแรมก็เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งล้อมแนวรักษาความปลอดภัยไว้มีสื่อหลายสำนักถ่ายรูปและถ่ายทอดสดอย่างเมามัน“คุณผู้ชมคะ ตามรายงานข่าวจากช่องของเรา วันนี้เกิดเหตุฆาตกรรมที่โรงแรมซันไชน์ ซึ่งเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง เป็นที่ต้องสงสัยว่า พนักงานหญิงของโรงแรมแอบค้าประเวณีและพาผู้ซื้อบริการมาที่โรงแรม และเหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากไม่สามารถตกลงราคากันได้”“ผู้จัดการหญิงของโรงแรมซันไชน์ถูกต้องสงสัยว่า ฆ่าลูกค้าเพราะไม่สามารถตกลงเรื่องราคากันได้”“เป็นเรื่องน่าตกใจที่โรงแรมขนาดใหญ่ในเมืองหลวงต้องประสบกับเหตุการณ์เลวร้า
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้