ดวงตาของเย่ซิวเป็นประกายสว่างวาบด้วยสายตาระดับเขา แน่นอนว่าสามารถมองออกได้ทันทีว่าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวนี้ ถึงแม้ระดับพลังจะไม่สูงมาก ก็แค่ระดับปฐมญาณทั่วไปเท่านั้นแต่ความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมันนั้นกลับอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เทียบได้กับสมบัติเวทมนตร์ระดับสุดยอดแล้วนั่นหมายถึงอะไรน่ะเหรอ?ก็คือต่อให้พวกมันยืนนิ่ง ๆ แล้วให้ศัตรูในระดับเดียวกันเข้ามาโจมตีสุดแรงเกิด ก็ยังอาจไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ กับร่างกายของพวกมันได้เลยเย่ซิวสั่งให้พวกมันใช้ฝ่ามือตบใส่ตัวเขาแบบเต็มแรงทีละตัวพละกำลังของร่างกายเกือบจะสี่ล้านเข้าไปแล้วนี่ก็ผิดปกติถึงขีดสุดแล้วด้วยพลังป้องกันและพลังโจมตีทางกายภาพระดับนี้ แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับนักบุญหรือปีศาจบางตัว ต่อให้อยู่ในระดับเท่ากันก็อาจเทียบพวกมันไม่ได้เลยสัตว์วิญญาณระดับปฐมญาณนั้นมีความสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วในชั่วพริบตานั้นเอง ร่างของพวกมันก็กลายเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางทั้งแปดคนผมยาวสีขาวนวลราวหยกขาวนั้นดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งรูปร่างร้อนแรง ขาเรียวยาว เอวคอดบางจนน่าตกใจ แต่จุดที่สะดุดตามากที่สุดคือส่วนหน้าอกพูดให้เข้า
หลังจากกระบี่หงส์โบยบินดูดซับพลังมหาศาลจากเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์กว่าหมื่นชิ้นแล้ว มันก็เริ่มส่องประกายวูบวาบ และกลายร่างเป็นหญิงสาวคนหนึ่งอย่างน่าเหลือเชื่อภายใต้การจับจ้องของเย่ซิว เธอคือหญิงสาวที่ทั่วร่างห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง และมีปีกหงส์เพลิงโบกสะบัดอยู่เบื้องหลังรัศมีอันสูงศักดิ์แผ่ออกมาจากตัวเธออย่างเหลือล้นเย่ซิวเบิกตาเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะนี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังชีวิตจากร่างกายของอีกฝ่ายเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อก่อนหน้านี้มันก็เป็นเพียงกระบี่เล่มหนึ่งเท่านั้น“เฟยหวงขอคารวะนายท่าน”หญิงสาวคำนับให้อย่างสง่างาม แต่เสียงของเธอกลับเย็นเยียบและแข็งกระด้างเย่ซิวกลบความประหลาดใจไว้ในใจ แล้วถามขึ้นว่า “เธอเป็นมนุษย์เหรอ?”“ข้าเคยเป็นองค์หญิงแห่งเผ่าหงส์ แต่ภายหลังประสบหายนะ จึงถูกคนหลอมกลายเป็นกระบี่วิเศษหากจะพูดให้ถูกคือ เคยเป็นคน แต่ตอนนี้เป็นเพียงอาวุธชิ้นหนึ่งเท่านั้น”“แล้วทำไมเธอถึงมีคลื่นพลังชีวิตล่ะ”“ต้องขอบคุณนายท่านที่ให้อาหารมากมายขนาดนี้ ทำให้วิญญาณของข้าฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย จึงกระตุ้นคลื่นพลังชีวิตได้อีกคร
เหมียวเหวินเหวินได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็รีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นเย่ซิว แววตาของเธอก็ปรากฏแววดีใจวาบผ่าน ก่อนจะโค้งตัวลงคำนับลึกหนึ่งทีเสื้อผ้าที่เธอสวมในคืนนี้หลวมมาก การโค้งตัวลงครั้งนี้จึงเผยให้เห็นทิวทัศน์งดงามเฉพาะมุมเสี่ยวโหรวมีสีหน้าเยือกเย็นทันที พลางสบถในใจว่านางตัวดีจากนั้นก็หันไปต้อนรับเย่ซิวด้วยท่าทีอ่อนโยน เสิร์ฟน้ำชา ของว่าง ถอดรองเท้าให้ด้วยตนเอง แล้วรีบวิ่งไปตักน้ำอุ่นให้เขาอาบเย่ซิวส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างอดไม่ได้เสี่ยวโหรวนั้นดีไปเสียทุกอย่าง ข้อเสียเดียวก็คือขี้หึงมากไปหน่อยแต่ก็เข้าใจได้ ผู้หญิงที่ไหนไม่ขี้หึงบ้างล่ะส่วนเหมียวเหวินเหวินก็ยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวอย่างว่าง่าย และค่อย ๆ บีบนวดบ่าให้เขาอย่างอ่อนโยนเย่ซิวหลับตาพริ้มอย่างสบายใจเขาต่อสู้ลำบากอยู่ข้างนอก พยายามพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนก็เพื่อจะได้ใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่หรือไงหลังจากเหมียวเหวินเหวินนวดไปได้สักพัก เย่ซิวก็เริ่มถามถึงกำไรของร้านขายโอสถในช่วงที่ผ่านมาร้านสาขาต่าง ๆ เปิดให้บริการไปแล้วหลายแห่ง เริ่มเดินหน้าอย่างมั่นคง ทำให้กำไรค่อนข้างงอกเงยจุดเดียวที่ยังมีปัญหาคือจำนวนโอสถซ
“สาเหตุที่ครั้งนี้เรามาช่วยได้ทันเวลานั้น เป็นเพราะผู้ชายคนหนึ่ง เขา…”เฉินอิ๋งอิ๋งจึงเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาอย่างละเอียดในใจแอบคิดว่า ไม่ได้เอ่ยชื่อนายสักหน่อย ก็ถือว่าไม่ได้ผิดคำพูดสินะ?เธอลอบชมตัวเองในใจสำหรับความเฉลียวฉลาดของตนหลังจากฟังจบ คนของสำนักสหัสราคะทั้งตำแหน่งสูงและต่ำต่างก็รู้สึกสนใจชายหนุ่มในเรื่องของเฉินอิ๋งอิ๋งขึ้นมาอย่างมากแม่ของเฉินอิ๋งอิ๋งยิ้มออกมาทันที “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ชายคนนั้นก็มีพระคุณกับเรามากนะ ถ้าอย่างนั้นก็ชวนเขาเข้ามาอยู่กับพวกเราซะเลย ให้มาเป็นลูกเขยเลยดีไหม”เฉินอิ๋งอิ๋งยิ้มมุมปาก “ฟังดูเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย”เจ้าสำนักเอ่ย “เรื่องนี้เอาไว้ก่อน ตอนนี้ทุกคนพักตรงนี้ก่อนหนึ่งชั่วโมงจากนั้นจะมีบางส่วนติดตามฉันไปบุกสำนักหมื่นพุทธะและสำนักผลึกแก้ว เรื่องนี้ยังไม่จบหรอกนะ”ทุกคนรับคำพร้อมเพรียงกัน……“ดีจังเลยที่นายกลับมาอย่างปลอดภัย”เมื่อหลัวเวยเวยเห็นเย่ซิวกลับมา หัวใจที่กังวลมาหลายวันก็คลายลงเสียทีเย่ซิวยิ้ม “ช่วงที่ผมไปไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม”หลัวเวยเวยส่ายหน้า “ไม่มี ทุกอย่างดีหมดเลย แต่ฉันคิดถึงนายมากจริง ๆ”เย่ซิวมองเ
เธอคือแม่ของเฉินอิ๋งอิ๋งนั่นเองตอนนี้สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “ท่านเจ้าสำนักอย่าไปเสียเวลาพูดกับพวกเขาเลย ประหยัดแรงไว้หน่อยเถอะ พวกเราไม่มีทางยอมแพ้แน่นอนปากไอ้พวกนี้ก็พูดฟังดูดีมีเหตุผล จริง ๆ แล้วก็คิดแต่อยากได้ของชิ้นนั้นเท่านั้นเอง”เจ้าสำนักหมื่นพุทธะส่ายหน้า “อาตมาบำเพ็ญแต่พุทธธรรม ไม่ยึดติดกับวัตถุภายนอกใด ๆสามารถรับรองกับพวกโยมได้ว่าขอเพียงพวกโยมยอมจำนนตอนนี้ จะไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายแม้แต่น้อย ขอเพียงเข้าร่วมสำนักพุทธะเท่านั้น”“ไปดมตดหมาแม่แกเถอะ ไอ้พวกหัวโล้นสารเลว พวกแกตายแน่!”ในขณะนั้นเอง เสียงหนึ่งที่เย็นเยียบแฝงไปด้วยความเคียดแค้นอย่างรุนแรงก็ดังขึ้นแทรกเข้ามาอย่างฉับพลันทั้งสองฝ่ายหันขวับไปมอง แล้วสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีฝ่ายหนึ่งตกตะลึง ส่วนอีกฝ่ายกลับดีใจ“คนจากสำนักศตะบุปผา เป็นไปได้ยังไง พวกเธอไม่น่าจะ…”“ลูกสาวของฉัน ดีเหลือเกิน พวกเรารอดแล้ว!”“ลูกสาวของรองเจ้าสำนักมาช่วยพวกเราแล้ว”……“แม่จะฆ่าพวกแกให้เหี้ยนเลย!”ความคั่งแค้นที่สั่งสมมาทั้งหมดในช่วงหลายวันมานี้ระเบิดออกในชั่วพริบตาเดียวเฉินอิ๋งอิ๋งไม่สนภาพลักษณ์ใด ๆ อีกต่อไป
โครม!เย่ซิวฟาดดาบเพียงหนึ่งครั้ง ประตูคลังสมบัติของสำนักวัชระก็ถูกผ่าเปิดออก เขาก้าวเข้าไปด้านใน ดวงตาหรี่ลงทันทีเมื่อมองไปรอบ ๆของดีมากมายวางเรียงรายอยู่ภายในเยอะกว่าที่เขาเคยเห็นในคลังของสำนักโอสถเสียอีกแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเกรงใจอะไรทั้งนั้น ก่อนจะเก็บกวาดทุกอย่างอย่างไม่ลังเลมูลค่ารวมคร่าว ๆ แล้วเกินหนึ่งแสนล้านที่ส่วนลึกที่สุดของคลัง เย่ซิวพบกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ปากกระถางถูกผนึกแน่นหนา และมียันต์ระดับสูงติดไว้รอบด้านเย่ซิวฉีกยันต์ทั้งหมดออกและเปิดฝาครอบออกมา พลังงานมหาศาลพลันพวยพุ่งขึ้นในทันทีจนทำให้เขาหรี่ตาด้วยความตกตะลึงภายในกระถางนั้นบรรจุของเหลวสีทองที่เหนียวข้นอย่างยิ่ง กลิ่นที่แผ่ออกมานั้นช่างแปลกประหลาด เพียงแค่ได้กลิ่น ร่างกายของเย่ซิวก็เกิดความรู้สึกเร่าร้อนบางอย่างขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุด้วยความที่ตอนนี้เขาครอบครองวิชาลับทุกอย่างของสำนักวัชระ เขาจึงรู้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไรน้ำทิพย์วัชระของล้ำค่าหายากที่ใช้ขัดเกลาร่างกายโดยเฉพาะตามบันทึกของสำนักวัชระ การหลอมของเหลวนี้เพียงหนึ่งชั่งต้องใช้เวลานานถึงยี่สิบปีแต่ในกระถางนี้กลับมีอยู่หลายร้อยชั