เนื่องจากเธอเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน เธอยังไม่คุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนั้นเองที่ผู้ช่วยของเธอวางเอกสารสองฉบับไว้ตรงหน้าเขาระหว่างที่ดูเอกสาร หลิ่วอวี้เอ๋อร์ก็กำลังพูดคุยกับพวกเขาสองคนไปด้วย ยิ่งเธอดูมากเท่าไรเธอก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นเท่านั้นรอยยิ้มบนใบหน้าฉีกขึ้นเรื่อย ๆหลังจากฟังคำขอของเย่ซิวแล้ว หลิ่วอวี้เอ๋อร์ก็ยิ้มและกล่าวว่า “ด้วยคุณสมบัติของคุณเย่แล้ว สำหรับสินเชื่อสองแสนล้านบาทไม่มีปัญหาเลยค่ะ ดิฉันจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีที่สุดให้กับคุณด้วยค่ะ”ในใจของเธอเอ่อล้นไปด้วยความสุข เธอเพิ่งมาทำงานที่นี่ ไม่คิดเลยว่าจะมีธุรกรรมใหญ่ขนาดนี้เข้ามาหาถึงที่เนื่องจากเป็นเรื่องของเงินจำนวนมาก แม้ว่าหลิ่วอวี้เอ๋อร์จะให้การดูแลเย่ซิวเป็นพิเศษแต่ก็ยังต้องใช้เวลาสองวันในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นหลังจากลงนามในสัญญามากกว่าสิบฉบับ หูเม่ยเอ๋อร์ก็ยืนขึ้นเตรียมจะเดินออกไปหลิ่วอวี้เอ๋อร์ก็ยืนขึ้นและยื่นมือออกไปจับมือของเย่ซิวบางทีอาจเป็นเพราะเธอนั่งนานเกินไป หรืออาจเป็นเพราะรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่ในวันนี้มีส้นที่สูงกว่าปกติเมื่อเธอลุกขึ้นยืนก็สูญเสียการทรงตั
เย่ซิวกำลังขจัดรอยแดงบวมที่เท้าของหลิ่วอวี้เอ๋อร์ แต่จู่ ๆ จมูกของเขาก็ขยับ “ทำไมถึงมีกลิ่นแปลก ๆ”“คงเป็นเพราะห้องนี้ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมั้งคะ ห้องก็เลยมีกลิ่น” หลิ่วอวี้เอ๋อร์อธิบายเย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ได้คิดอะไรมาก และให้คำแนะนำ “สองสามสัปดาห์หลังจากนี้ คุณควรสวมรองเท้ากีฬาหรือรองเท้าส้นเตี้ยนะครับ กระดูกของคุณค่อนข้างเปราะ อาจจะเกิดการแตกหักได้ง่าย”“ขอบคุณนะคะคุณเย่” หลิ่วอวี้เอ๋อร์ขอบคุณเขาอย่างจริงใจ“คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่สักพักจะดีกว่าครับ ไม่ต้องไปส่งพวกเราก็ได้ พวกเราไปกันเองได้ครับ”ทั้งสองคนก็เดินออกไปข้างนอกหลังจากออกมาจากธนาคาร เย่ซิวก็ดูเวลาและพบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงแล้วเขาปฏิเสธคำเชิญของหูเม่ยเอ๋อร์ที่จะไปคลับเย่ซิวขับรถไปรับหลิ่วเมิ่งอิ๋นที่โรงเรียนหลังจากขึ้นรถ ใบหน้าที่ปั้นมาทั้งวันของหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็หายไป พลันเผยรอยยิ้มที่สดใสไร้เดียงสาและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เธอได้พบเจอที่โรงเรียนวันนี้เย่ซิวรับฟังเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อรถมาถึงทางเข้าเขตที่อยู่อาศัย เย่ซิวก็บอกเธอว่า “ฉันซื้อวิลล่าแล้ว เราย้ายไปที่นั่นกันเถอะ”“อะไรนะคะ?”หลิ่วเมิ่งอิ๋น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้!”“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? นี่มันนางฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์ชัด ๆ!”“สาวน้อย เธอมาทำอะไรแถวนี้? ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหมจ๊ะ?”…คนเหล่านี้มองหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยสายตาหื่นกระหาย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายรูปร่างหน้าตาของเธอสวยเกินไปจริง ๆยิ่งกว่านั้น คนเหล่านี้เดิมทีเป็นพวกขี้เกียจราวกับพวกขยะสังคม เมื่อพวกเขาเห็นสาวสวยจึงรีบเข้ามาแซวเธอหลิ่วเมิ่งอิ๋นซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเย่ซิวโดยสัญชาตญาณ คนเหล่านี้ดูดุร้ายและน่ากลัวมาก“เฮ้ ไอ้หน้าอ่อนนี่ใคร? แฟนเธอเหรอ?”“ฉันสงสัยจังว่าผอมกระหร่องดูอ่อนแอขนาดนี้ จะทนต่อหมัดฉันได้หรือเปล่า”“สาวน้อย เธออยู่กับคนอย่างนั้นไม่มีอนาคตหรอก มาอยู่กับพี่ดีกว่า”…คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจเย่ซิวเลยดูจากรูปลักษณ์ที่ผอมสูงแบบนี้ จะไปมีแรงขนาดไหนกันเชียว?รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และอดไม่ได้ที่จะลงมือทำสีหน้าของเย่ซิวดูเย็นชามาก “พวกคุณกำลังทำเรื่องแบบนี้ในเวลาทำงาน คุณไม่กลัวถูกเจ้านายไล่ออกเหรอ!”ชายคนหนึ่งหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ทำไมเจ้านาย
“ใช่ครับหัวหน้า พวกผมยังมีคนแก่กับเด็กเล็กที่ต้องดูแล หัวหน้าอย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ!”เมื่อกี้พวกเขาเย่อหยิ่งมากเท่าไร ตอนนี้พวกเขาก็อับอายขายหน้ามากเท่านั้นเมื่อหนิวเอ้อร์ได้ยินคำพูดนี้จากพวกเขา ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่กับเขามาได้สักยะหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้เขากลับทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดจาอะไรสักคำคนพวกนี้โง่จริง ๆ ถ้าขืนยังอยู่ต่อ ไม่แน่ว่าต่อไปพวกเขาอาจจะก่อเรื่องราวใหญ่โตให้เขาเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ตอนนี้ให้เจ้านายคนใหม่จัดการไล่พวกเขาออกไปอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดสีหน้าของเย่ซิวนั้นเย็นชาจนไม่แสดงอาการใด ๆ “ไม่ต้องพูดมาก ไปจัดการเรื่องเงินเดือนให้เรียบร้อยแล้วออกไปซะ!” เมื่อเห็นเย่ซิวนั้นมีท่าทีเด็ดขาด พวกเขาก็โกรธมากจนถึงขีดสุด พวกเขารีบลุกขึ้นและเริ่มพับแขนเสื้อขึ้นดวงตาของพวกเขาแต่ล่ะคนฉายแววอันตราย“หัวหน้า คุณอยากจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”“จะบอกอะไรให้ ผมไม่กลัวคุณหรอก ผมยังมีพวกพ้องที่อยู่ข้างนอกอีกมากมาย ถ้าคุณไล่พวกเราออก ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าต่อไปบริษัทของคุณจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ!”“ถ้างั้น เราลองถอยหลังคนละก้าวดูไหม? เร
รถมอเตอร์ไซค์และรถตู้จอดลงบนรถมอเตอร์ไซค์แต่ละคันมีคนนั่งอยู่ทั้งหมดสามคน เมื่อประตูรถตู้เปิดออกก็มีกลุ่มคนจำนวนสิบกว่าคนออกมากลุ่มคนจำนวนมากราวกับฝูงผึ้งรีบวิ่งเข้ามาที่หน้าบริษัทจนปิดการเข้าออกของพื้นที่นั้น“ใครมารังแกน้องชายฉัน!”“ก้าวออกมาให้ฉันดูหน่อยซิว่าใครกันที่มันกล้ามากขนาดนี้!”“ให้ตายเถอะ ที่นี่มีคนสวยขนาดนี้ด้วยเหรอนี่!”…หลังจากที่พวกอันธพาลมากกว่าสองร้อยคนลงจากรถมาแล้ว สายตาของพวกเขาก็มองไปที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ที่นั่นโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่เธอก็เหมือนกับอัญมณีที่เปล่งประกายจนดึงดูดสายตาของผู้คนที่พบเห็นในกลุ่มคนที่ถูกไล่ออก มีคนหนึ่งชี้ไปที่เย่ซิวด้วยความโกรธและพูดว่า “พวกพี่ ไอ้หมอนี่แหละที่ไล่พวกเราออก! มาเถอะทุกคน มาทำให้มันพิการไปเลย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ มันจะได้กลายเป็นของพวกเรา!"ทันใดนั้น พวกอันธพาลก็หัวเราะดังลั่นพร้อมกับหยิบอาวุธต่าง ๆ ออกมาแล้วเดินตรงไปหาเย่ซิวสีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นซีดลง เธอคว้าแขนของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัว “พี่เย่ซิว ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?” เย่ซิวลูบศรีษะของเธอ “เธอเชื่อใจฉันไหม?”หลิ่วเมิ่งอิ
กำลังภายในนี้ปกติแล้วจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับพวกเขาแต่ถ้าพลังชี่และเลือดของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น ความโกรธของพวกเขาก็จะระเบิดออกมาและสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของพวกเขาพูดง่ายๆ คือ ถ้าต่อไปเขาไม่ทำความชั่วอีก กำลังภายในที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาจะค่อย ๆ หายไปเอง“ออกไปซะ! อย่าให้ผมเจอพวกคุณอีก”พวกเขารู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป รีบพากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เย่ซิวดึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นเข้าไปในบริษัทหนิวเอ้อร์และคนอื่น ๆ แม้แต่จะหายใจก็ไม่กล้าหายใจแรง เมื่อเห็นเย่ซิวลับสายตาไปแล้ว ก็มีใครบางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำ“ลูกพี่ หัวหน้าคนใหม่ของเรานี่เป็นใครกันแน่?“นี่มันน่ากลัวมากเลยนะครับ คน ๆ เดียวสามารถล้มคนมากกว่าสองร้อยคนได้อย่างง่ายดาย”“ขนาดละครหลังข่าวยังสู้ไม่ได้เลย”…สีหน้าของหนิวเอ้อร์เข้มขึ้น “อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม รีบตามฉันไปหาหัวหน้าคนใหม่ซะ เขาพูดอะไรพวกเราก็ต้องทำตาม ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาด!”ทุกคนรีบพยักหน้าอย่าเชื่อฟังแล้วเดินตามหนิวเอ้อร์เข้าไปในบริษัทเมื่อเย่ซิวเข้ามาในบริษัทก็เห็นว่ามันไม่เป็นระเบียบเหมือนที่เขาคิดไว้ สภาพค่อนข้
“จากที่ผมดู พวกคุณหลายคนไม่มีคุณสมบัติและจะต้องถูกไล่ออก”“และเพื่อในอนาคต การบริหารบริษัทจะได้ไม่กระทำผิดอีก ตอนนี้ใครถูกเรียกชื่อแล้วยืนขึ้นด้วย!”เย่ซิวเริ่มทำการเรียกชื่อเขาเลือกมายี่สิบห้าคนจากมากกว่าสองร้อยคนในนั้นมีผู้ชายห้าคน ส่วนอีกยี่สิบคนที่เหลือเป็นผู้หญิงเย่ซิวเคยเห็นหน้าตาพวกคนเหล่านี้ ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ถูกเรียกก็มีทีท่ากระวนกระวายใจ และแอบเป็นกังวลว่าเย่ซิวจะไล่พวกเขาเย่ซิวได้เอ่ยขึ้นต่อว่า “ผมได้ดูโครงสร้างเงินเดือนของพวกคุณในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นต่อเดือน เงินเดือนแบบนี้ถือว่าไม่เลวสำหรับเมืองเจียงเฉิง”เพราะเงินเดือนคนปกติก็แค่สองหมื่นหรือสองหมื่นห้าเท่านั้นเมื่อพวกเขามีท่าทีกังวล เย่ซิวก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้น“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยึดปฏิบัติตามระดับนะครับ”“แบ่งตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงสิบ หลักการเลื่อนขั้นคือ หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้วจะมีคะแนนที่สอดคล้องกัน”"เงินเดือนพื้นฐานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับหนึ่งคือสองหมื่นห้า บริษัทจะมีค่าทำประกัน ค่าที่พักและค่าอาหาร
“พวกคุณสามารถออกไปข้างนอกเพื่อไปรับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ ถ้าพวกคุณได้รับใบรับรอง ผมก็จะรับพวกคุณกลับมาทำงาน”เรื่องตบหัวแล้วลูบหลังเย่ซิวล่ะถนัดนักแน่นอนว่าคนเหล่านี้เริ่มมีความหวังขึ้นมาทันทีหลังจากที่กึ่งพูดกึ่งไล่ให้พวกเขาออกไป เย่ซิวก็หันกลับมามองยี่สิบห้าคนที่เลือกเอาไว้ ซึ่งรวมถึงหนิวเอ้อร์ด้วยเริ่มจากพูดกับหนิวเอ้อร์ก่อนคนแรก “ส่วนตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ยังเป็นคุณที่รับผิดชอบ แต่ผมจะให้เวลาประเมินคุณแค่สามเดือนเท่านั้นหากถึงตอนนั้นคุณยังไม่สามารถพาบริษัทก้าวไปอีกขั้น คุณก็ควรจะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก”หนิวเอ้อร์รีบแสดงความภักดีทันที “วางใจได้เลยครับหัวหน้า ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ ทำงานเพื่อบริษัทอย่างเต็มที่”เย่ซิวพยักหน้า หลังจากนั้นก็มองไปที่คนอื่น “ส่วนพวกคุณ ไปเป็นผู้รักษาความปลอดภัยที่วิลล่าของผมหากพวกคุณทำผลงานออกมาดี นอกจากจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ผมจะทำให้พวกคุณได้เป็นจอมยุทธ”ในบรรดาผู้รักษาความปลอดภัย หนิวเอ้อร์เป็นคนเดียวที่เป็นจอมยุทธ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเพียงบุคคลธรรมดาแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาและเก่งเรื่องการต่อสู้มากเช่นกันห
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม