“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสาวสวยขนาดนี้!”“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? นี่มันนางฟ้าลงมาเยือนโลกมนุษย์ชัด ๆ!”“สาวน้อย เธอมาทำอะไรแถวนี้? ให้พี่เดินไปเป็นเพื่อนไหมจ๊ะ?”…คนเหล่านี้มองหลิ่วเมิ่งอิ๋นด้วยสายตาหื่นกระหาย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายรูปร่างหน้าตาของเธอสวยเกินไปจริง ๆยิ่งกว่านั้น คนเหล่านี้เดิมทีเป็นพวกขี้เกียจราวกับพวกขยะสังคม เมื่อพวกเขาเห็นสาวสวยจึงรีบเข้ามาแซวเธอหลิ่วเมิ่งอิ๋นซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเย่ซิวโดยสัญชาตญาณ คนเหล่านี้ดูดุร้ายและน่ากลัวมาก“เฮ้ ไอ้หน้าอ่อนนี่ใคร? แฟนเธอเหรอ?”“ฉันสงสัยจังว่าผอมกระหร่องดูอ่อนแอขนาดนี้ จะทนต่อหมัดฉันได้หรือเปล่า”“สาวน้อย เธออยู่กับคนอย่างนั้นไม่มีอนาคตหรอก มาอยู่กับพี่ดีกว่า”…คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจเย่ซิวเลยดูจากรูปลักษณ์ที่ผอมสูงแบบนี้ จะไปมีแรงขนาดไหนกันเชียว?รูปลักษณ์ที่ไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และอดไม่ได้ที่จะลงมือทำสีหน้าของเย่ซิวดูเย็นชามาก “พวกคุณกำลังทำเรื่องแบบนี้ในเวลาทำงาน คุณไม่กลัวถูกเจ้านายไล่ออกเหรอ!”ชายคนหนึ่งหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ทำไมเจ้านาย
“ใช่ครับหัวหน้า พวกผมยังมีคนแก่กับเด็กเล็กที่ต้องดูแล หัวหน้าอย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ!”เมื่อกี้พวกเขาเย่อหยิ่งมากเท่าไร ตอนนี้พวกเขาก็อับอายขายหน้ามากเท่านั้นเมื่อหนิวเอ้อร์ได้ยินคำพูดนี้จากพวกเขา ก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่กับเขามาได้สักยะหนึ่งแล้ว แต่ในตอนนี้เขากลับทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดจาอะไรสักคำคนพวกนี้โง่จริง ๆ ถ้าขืนยังอยู่ต่อ ไม่แน่ว่าต่อไปพวกเขาอาจจะก่อเรื่องราวใหญ่โตให้เขาเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ตอนนี้ให้เจ้านายคนใหม่จัดการไล่พวกเขาออกไปอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดสีหน้าของเย่ซิวนั้นเย็นชาจนไม่แสดงอาการใด ๆ “ไม่ต้องพูดมาก ไปจัดการเรื่องเงินเดือนให้เรียบร้อยแล้วออกไปซะ!” เมื่อเห็นเย่ซิวนั้นมีท่าทีเด็ดขาด พวกเขาก็โกรธมากจนถึงขีดสุด พวกเขารีบลุกขึ้นและเริ่มพับแขนเสื้อขึ้นดวงตาของพวกเขาแต่ล่ะคนฉายแววอันตราย“หัวหน้า คุณอยากจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”“จะบอกอะไรให้ ผมไม่กลัวคุณหรอก ผมยังมีพวกพ้องที่อยู่ข้างนอกอีกมากมาย ถ้าคุณไล่พวกเราออก ผมกล้ารับประกันได้เลยว่าต่อไปบริษัทของคุณจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ ๆ!”“ถ้างั้น เราลองถอยหลังคนละก้าวดูไหม? เร
รถมอเตอร์ไซค์และรถตู้จอดลงบนรถมอเตอร์ไซค์แต่ละคันมีคนนั่งอยู่ทั้งหมดสามคน เมื่อประตูรถตู้เปิดออกก็มีกลุ่มคนจำนวนสิบกว่าคนออกมากลุ่มคนจำนวนมากราวกับฝูงผึ้งรีบวิ่งเข้ามาที่หน้าบริษัทจนปิดการเข้าออกของพื้นที่นั้น“ใครมารังแกน้องชายฉัน!”“ก้าวออกมาให้ฉันดูหน่อยซิว่าใครกันที่มันกล้ามากขนาดนี้!”“ให้ตายเถอะ ที่นี่มีคนสวยขนาดนี้ด้วยเหรอนี่!”…หลังจากที่พวกอันธพาลมากกว่าสองร้อยคนลงจากรถมาแล้ว สายตาของพวกเขาก็มองไปที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นอย่างรวดเร็วแม้ว่าเธอจะยืนอยู่ที่นั่นโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไร แต่เธอก็เหมือนกับอัญมณีที่เปล่งประกายจนดึงดูดสายตาของผู้คนที่พบเห็นในกลุ่มคนที่ถูกไล่ออก มีคนหนึ่งชี้ไปที่เย่ซิวด้วยความโกรธและพูดว่า “พวกพี่ ไอ้หมอนี่แหละที่ไล่พวกเราออก! มาเถอะทุกคน มาทำให้มันพิการไปเลย ส่วนผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ มันจะได้กลายเป็นของพวกเรา!"ทันใดนั้น พวกอันธพาลก็หัวเราะดังลั่นพร้อมกับหยิบอาวุธต่าง ๆ ออกมาแล้วเดินตรงไปหาเย่ซิวสีหน้าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นซีดลง เธอคว้าแขนของเย่ซิวโดยไม่รู้ตัว “พี่เย่ซิว ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?” เย่ซิวลูบศรีษะของเธอ “เธอเชื่อใจฉันไหม?”หลิ่วเมิ่งอิ
กำลังภายในนี้ปกติแล้วจะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับพวกเขาแต่ถ้าพลังชี่และเลือดของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น ความโกรธของพวกเขาก็จะระเบิดออกมาและสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของพวกเขาพูดง่ายๆ คือ ถ้าต่อไปเขาไม่ทำความชั่วอีก กำลังภายในที่อยู่ในร่างกายของพวกเขาจะค่อย ๆ หายไปเอง“ออกไปซะ! อย่าให้ผมเจอพวกคุณอีก”พวกเขารู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป รีบพากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน เย่ซิวดึงหลิ่วเมิ่งอิ๋นเข้าไปในบริษัทหนิวเอ้อร์และคนอื่น ๆ แม้แต่จะหายใจก็ไม่กล้าหายใจแรง เมื่อเห็นเย่ซิวลับสายตาไปแล้ว ก็มีใครบางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต่ำ“ลูกพี่ หัวหน้าคนใหม่ของเรานี่เป็นใครกันแน่?“นี่มันน่ากลัวมากเลยนะครับ คน ๆ เดียวสามารถล้มคนมากกว่าสองร้อยคนได้อย่างง่ายดาย”“ขนาดละครหลังข่าวยังสู้ไม่ได้เลย”…สีหน้าของหนิวเอ้อร์เข้มขึ้น “อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม รีบตามฉันไปหาหัวหน้าคนใหม่ซะ เขาพูดอะไรพวกเราก็ต้องทำตาม ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาด!”ทุกคนรีบพยักหน้าอย่าเชื่อฟังแล้วเดินตามหนิวเอ้อร์เข้าไปในบริษัทเมื่อเย่ซิวเข้ามาในบริษัทก็เห็นว่ามันไม่เป็นระเบียบเหมือนที่เขาคิดไว้ สภาพค่อนข้
“จากที่ผมดู พวกคุณหลายคนไม่มีคุณสมบัติและจะต้องถูกไล่ออก”“และเพื่อในอนาคต การบริหารบริษัทจะได้ไม่กระทำผิดอีก ตอนนี้ใครถูกเรียกชื่อแล้วยืนขึ้นด้วย!”เย่ซิวเริ่มทำการเรียกชื่อเขาเลือกมายี่สิบห้าคนจากมากกว่าสองร้อยคนในนั้นมีผู้ชายห้าคน ส่วนอีกยี่สิบคนที่เหลือเป็นผู้หญิงเย่ซิวเคยเห็นหน้าตาพวกคนเหล่านี้ ถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียวส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ถูกเรียกก็มีทีท่ากระวนกระวายใจ และแอบเป็นกังวลว่าเย่ซิวจะไล่พวกเขาเย่ซิวได้เอ่ยขึ้นต่อว่า “ผมได้ดูโครงสร้างเงินเดือนของพวกคุณในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณสี่หมื่นต่อเดือน เงินเดือนแบบนี้ถือว่าไม่เลวสำหรับเมืองเจียงเฉิง”เพราะเงินเดือนคนปกติก็แค่สองหมื่นหรือสองหมื่นห้าเท่านั้นเมื่อพวกเขามีท่าทีกังวล เย่ซิวก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้น“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยึดปฏิบัติตามระดับนะครับ”“แบ่งตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงสิบ หลักการเลื่อนขั้นคือ หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้วจะมีคะแนนที่สอดคล้องกัน”"เงินเดือนพื้นฐานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับหนึ่งคือสองหมื่นห้า บริษัทจะมีค่าทำประกัน ค่าที่พักและค่าอาหาร
“พวกคุณสามารถออกไปข้างนอกเพื่อไปรับการฝึกอบรมอย่างเป็นทางการ ถ้าพวกคุณได้รับใบรับรอง ผมก็จะรับพวกคุณกลับมาทำงาน”เรื่องตบหัวแล้วลูบหลังเย่ซิวล่ะถนัดนักแน่นอนว่าคนเหล่านี้เริ่มมีความหวังขึ้นมาทันทีหลังจากที่กึ่งพูดกึ่งไล่ให้พวกเขาออกไป เย่ซิวก็หันกลับมามองยี่สิบห้าคนที่เลือกเอาไว้ ซึ่งรวมถึงหนิวเอ้อร์ด้วยเริ่มจากพูดกับหนิวเอ้อร์ก่อนคนแรก “ส่วนตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ยังเป็นคุณที่รับผิดชอบ แต่ผมจะให้เวลาประเมินคุณแค่สามเดือนเท่านั้นหากถึงตอนนั้นคุณยังไม่สามารถพาบริษัทก้าวไปอีกขั้น คุณก็ควรจะพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก”หนิวเอ้อร์รีบแสดงความภักดีทันที “วางใจได้เลยครับหัวหน้า ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถ ทำงานเพื่อบริษัทอย่างเต็มที่”เย่ซิวพยักหน้า หลังจากนั้นก็มองไปที่คนอื่น “ส่วนพวกคุณ ไปเป็นผู้รักษาความปลอดภัยที่วิลล่าของผมหากพวกคุณทำผลงานออกมาดี นอกจากจะได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ผมจะทำให้พวกคุณได้เป็นจอมยุทธ”ในบรรดาผู้รักษาความปลอดภัย หนิวเอ้อร์เป็นคนเดียวที่เป็นจอมยุทธ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นเพียงบุคคลธรรมดาแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาและเก่งเรื่องการต่อสู้มากเช่นกันห
เนื่องจากขนาดของบริษัทที่สองค่อนข้างที่จะเล็ก จึงจัดการได้ค่อนข้างง่ายเป็นเวลาประมาณสามทุ่ม คนที่ได้อยู่ต่อต่างก็รับผิดชอบหน้าที่ของตนไปจะไม่มีการปล่อยให้ความเสี่ยงใด ๆ เกิดขึ้นประสิทธิภาพการทำงานของหลางสือปาถือว่ารวดเร็วมากผ่านไปไม่นานก็สืบภูมิหลังของคนยี่สิบสี่คนได้อย่างชัดเจนเพราะฉะนั้น ในคืนนั้นเย่ซิวจึงปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในวิลล่าอีกทั้งทุกคนยังได้รับอั่งเปาคนละหมื่นห้าบาท เขายังแต่งตั้งหนึ่งในนั้นให้เป็นหัวหน้าทีมบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้งสองแห่งรวมเข้าด้วยกัน และทั้งหมดอยู่ในความดูแลของหนิวเอ้อร์เย่ซิวขอให้เขาขยับขยายออกไปให้กว้างขึ้นพวกเขาจำเป็นจะต้องรับสมัครคนเพิ่ม อย่างน้อยห้าพันคนขึ้นไปเมื่อเขาซื้อที่ดินในเขตชานเมืองและพัฒนามันเป็นหมู่บ้านจัดสรรแล้ว เขาก็จะก่อตั้งบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์อีกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องก็จะถูกย้ายมาจากบริษัทของเขาด้วยบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มากมายมหาศาลอีกทั้งยังมีรายได้ที่มั่นคงแต่แน่นอนว่าเงินมหาศาลเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถปล่อยให้คนนอกมาจัดการได้เขาให้หลิ่วเมิ่งอิ๋นพักอยู่ใน
ภายในวิลล่านั้นใหญ่มาก ห้องที่อยู่บนชั้นสองมีสิบกว่าห้องเมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ห้องทางขวาก็เปิดออกก็เห็นหญิงสาวยืนขึ้น แล้วเอ่ยถามเย่ซิวว่า “ลู่เจิ้นเฟิงไปแล้วใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้าตอบ“นายเข้ามาเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวไม่เคยได้ยินเสียงของชายที่ชื่ออี้หรงมาก่อน เลยเลียนแบบไม่ได้ ขืนหลุดปากพูดออกไปคงถูกจับได้แน่ เขาจึงทำได้แค่ตามเธอเข้าไปหญิงสาวรีบปิดประตูแล้วล็อกประตูทันทีสายตาเย่ซิวมองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นก็มองไปทางอีกฝ่าย เขาคิดว่าตัวเองถูกจับเรื่องปลอมตัวแล้วสไตล์ของห้องนี้ถือว่าดีมาก เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหราผ้าม่านถูกดึงลงมา แสงไฟในห้องเปลี่ยนเป็นสีชมพู เต็มไปด้วยความคลุมเครือเดิมทีเย่ซิวคิดว่าหญิงสาวจับได้ว่าเขาปลอมตัวมา เลยต้องการจะจัดการเขาแต่ไม่นานก็พบว่ามันผิดปกติทันใดนั้นเธอก็ถอดเสื้อผ้าของเธอต่อหน้าเขาเพียงชั่วพริบตา ก็เหมือนกับไข่ที่ถูกปอกเปลือกจนหมดเปลือกแต่ต้องพูดว่าเรือนร่างของเธอนั้นดีเลยทีเดียว เธอรักษาหุ่นได้ดีมากหน้าท้องส่วนล่างแบนราบ ผิวพรรณเต่งตึงขาวราวหิมะ ดูไม่ออกจริง ๆ ว่าเธอมีลูกสาววัยยี่สิบแล้วหญิงสาวกัดฟันเล็กน้อย เธอค่อนข้างรู้ส
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้
เย่ซิวมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าตัวเองโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนักตอนนี้เงินทองพวกนี้ไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับเขาแล้วแต่รถยนต์ลอยตัวนั่นนับว่ายังพอมีค่าอยู่บ้างเขาย่อมรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้เพราะอะไรต้องยอมรับว่าเธอมีความกล้าหาญไม่น้อยเลยทีเดียวแต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอที่จะทำให้เขาเชื่อใจเธอได้อย่างสมบูรณ์“ของพวกนี้ฉันรับไว้ แต่ถ้าพวกเธอยอมย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สำนักโอสถจะยิ่งดีเข้าไปอีก”หากเป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งของกำไรที่พวกเขาได้รับในแต่ละปีจะต้องเสียภาษีนอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นของสำนักโอสถได้อีกด้วยที่สำคัญที่สุดคือสามารถใช้เป็นมาตรการควบคุมพวกเขาได้หากในอนาคตพวกเขาไม่เชื่อฟังหรือกระทำสิ่งใดที่เป็นภัยต่อสำนักโอสถเย่ซิวสามารถริบทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาไปได้ทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันทีเย่ซิวกำลังกุมจุดอ่อนของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนาพูโรหัวเราะเสียงดัง “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก บริษัทไม่ได้เป็นของผมเพียงคนเดียว ผมยังไม่อาจตอบตกลงได้ทันทีขอให้ผมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันพรุ่งนี้ก่อน แล้วผมจะหารือก
นั่นคือสายตาที่มองลงมาจากระดับชีวิตที่สูงกว่าราวกับพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเย่ซิวตบไปที่หัวม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเบา ๆ มันจึงยอมเก็บพลังของตัวเองกลับไป เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ใต้กีบเท้าก็ค่อย ๆ มอดลงเคย์ฟี่มองเย่ซิวด้วยสายตาร้อนแรงตอนนี้เขาดูสง่างามและทรงอำนาจ ทั้งยังหล่อเหลาเกินบรรยาย เหนือกว่าเจ้าชายขี่ม้าขาวในฝันของเธอเสียอีกเธอถึงกับน้ำลายสอโลกนี้มีผู้ชายที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้อย่างไรเย่ซิวหยิบของจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของแล้ววางลงตรงหน้าพรีเอลล์กับพวกพ้อง “นี่คือส่วนแบ่งของพวกเธอในครั้งนี้ เอาไปได้เลย”พรีเอลล์ก้มลงมองของตรงหน้า จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที “ของพวกนี้มันไม่ใช่ของที่พวกเราเคยได้มาจากเรือรบของประเทศจ้านอิงตี้ครั้งก่อนเหรอ?”สิ่งที่เย่ซิวนำออกมาเป็นชุดเกราะและอาวุธต่าง ๆ ที่ได้มาเมื่อนานมาแล้ว“ใช่” เย่ซิวพยักหน้าโดยไม่ปิดบัง “ของที่ฉันได้จากข้างในมีค่ามากเกินไป ไม่สามารถให้พวกเธอได้เลยต้องใช้ของพวกนี้แทน”แม้สองพี่น้องจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาในตอนนี้พูทแววตาเป็นประกายขึ้นมา จากนั้นก็ฉีกเสื้อเป็นผืนเล็ก ๆ แล้วใช้มันมัด
เย่ซิวแสยะยิ้มมุมปาก “แกลองเดาดูสิว่าทำไมฉันถึงมั่นใจกล้าปล่อยแกออกมา”ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมาทันทีแต่มันยังไม่ทันได้คิดให้ถี่ถ้วน เย่ซิวก็เริ่มขยับริมฝีปากร่ายคาถาบางอย่างออกมาทันทีที่เสียงคาถาดังก้องในอากาศ ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งก็กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทั่วร่างของมันปรากฏอักขระเรืองแสงผุดขึ้นมาจากผิวหนัง ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโซ่ตรวนล่องหนที่พันธนาการมันเอาไว้อย่างแน่นหนามันทรุดลงกับพื้นกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทรมาน“สารเลว เหตุใดเจ้าถึง…พอได้แล้ว หยุดเดี๋ยวนี้ บอกว่าให้หยุดอย่างไรเล่า!”มันส่งเสียงร้องปวดร้าวจนใจแทบแตกสลายความปรารถนาที่จะฆ่าเย่ซิวที่มันเคยมีนั้นก็หายไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงความหวาดกลัวอย่างท่วมท้นเท่านั้นเย่ซิวมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความเมตตา และเขาไม่คิดจะหยุดแต่อย่างใด เขาสวดคาถาต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสิบนาทีจนม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถูกทรมานจนแทบไม่เหลือแรง เขาจึงหยุดลงในที่สุดตอนนี้ลมหายใจของมันสับสนวุ่นวาย ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งโอหังเช่นตอนแรกอีกต่อไปสายตาที่มันมองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเย่ซิวมีคาถานี้อยู่ในมือ เขาก็สามาร
เย่ซิวกำลังจะเดินออกจากห้องไปแต่ทันใดนั้น เขาหันไปมองที่กลางห้องก่อนจะดีดนิ้วส่งปราณกระบี่ออกไปทำลายพื้นด้านล่างปรากฏว่าข้างใต้มีช่องลับซ่อนอยู่ภายในนั้นมีหีบสีดำใบหนึ่งวางอยู่เย่ซิวสร้างร่างแยกขึ้นมาเพื่อเข้าไปเปิดมันภายในมีม้วนหนังสัตว์ปริศนาที่ไม่รู้ว่าทำจากหนังของสัตว์ชนิดใดเขาหยิบขึ้นมาดู พบว่ามีตัวอักษรเรียงรายแน่นหนาอยู่เต็มไปหมดแต่ไม่ใช่ตัวอักษรที่ใช้กันในปัจจุบัน เย่ซิวจึงอ่านมันไม่ออกในทันทีเขาทำได้แค่เก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขปริศนาในภายหลังตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งเท่านั้นจากนั้นเย่ซิวก็เดินไปยังจุดที่มันถูกผนึกไว้ทันทีที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งสัมผัสได้ถึงการเข้าใกล้ของเขา มันก็เริ่มส่งเสียงโหยหวนขึ้นมา“ข้ายอมแล้วพี่ชาย ท่านเป็นบรรพบุรุษของข้าเลย ปล่อยข้าไปเถอะ อย่าดูดพลังข้าอีกเลย ถ้าดูดต่อไปข้าต้องตายจริง ๆ แน่”มันไม่เคยเจอมนุษย์ที่โหดร้ายบ้าคลั่งขนาดนี้มาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของมันแข็งแกร่งแต่กำเนิด ป่านนี้มันคงสลายไปแล้วเย่ซิวไม่คิดจะเสียเวลาคุยไร้สาระกับมัน เขาก้าวไปข้างหน้าโอบกอดหนึ่งในเสาหลักของผนึก ก่
เมื่อเย่ซิวกลับมาที่ห้องอีกครั้งเขาก็เห็นรังไหมหนาทึบที่ห่อหุ้มโซเฟียปรากฏรอยร้าวมากมาย ก่อนจะระเบิดออกในพริบตาร่างของเธอส่องประกายเจิดจ้าเป็นพัน ๆ ลำแสงราวกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันเจิดจรัสกว่าความสว่างจ้านั้นจะค่อย ๆ จางหายไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อแสงสลายลงก็เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในรังไหมรูปลักษณ์ภายนอกของเธอแทบไม่เปลี่ยนไปเลย ดวงตายังคงปิดสนิทแต่ที่แตกต่างออกไปคือด้านหลังของเธอมีปีกสีขาวบริสุทธิ์คู่หนึ่งกางออกมา พร้อมด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งเปล่งออกจากร่างของเธอตู้ม!ในเสี้ยววินาทีที่เธอลืมตาขึ้นมา พลังมหาศาลก็พุ่งออกจากร่างของเธอมันให้ความรู้สึกราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังงานมาหลายร้อยปีแล้วปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ดูน่าเกรงขามถึงขีดสุดฟึ่บ!เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาก็มีแสงสีทองก็ส่องประกายในดวงตาทั้งสองข้างเดิมทีโซเฟียไม่ได้แสดงพลังอะไรที่แข็งแกร่งออกมาเลยแต่เพียงแค่สองวันผ่านไป กลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมากลับพุ่งขึ้นไปจนถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ เทียบเท่ากับเย่ซิวเลยทีเดียวคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้มันช่างน่าอิจฉาจริง ๆไม่ต้องฝึกฝนอะไรให้เหนื่อยยากแค่หลับไปตื่น
หลังจากนั้นเขาก็หยิบโหลใบใหญ่ขึ้นมาแล้วเอ่ยกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า“ท่านผู้อาวุโส เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันนี้ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ผมไม่มีอะไรจะตอบแทนได้จึงขอแสดงความเคารพเพียงเล็กน้อย โดยการเผากระดูกของท่านและหาที่พักพิงให้”กล่าวจบก็จุดไฟเผาซากโครงกระดูกจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วนำใส่ลงในไหจากนั้นวางไว้บนโต๊ะในห้องหยิบธูปสามดอกออกมาจุดไฟปักไว้ตรงหน้าก่อนจะเดินจากไปจิตสำนึกเขาเข้าสู่พื้นที่ภายในแหวนผนึกของซึ่งมีขนาดกว่าหมื่นตารางเมตรภายในมีโอสถมากมาย ทว่าพลังโอสถได้จางหายไปหมดสิ้นแล้วจึงไร้ประโยชน์“หืม นี่มัน…”ท่ามกลางโอสถที่ถูกทิ้งร้างมากมาย เย่ซิวพบโอสถที่พิเศษมากอยู่เม็ดหนึ่งมันมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่ แถมยังมีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยบุ๋มรอยเว้า และที่สำคัญคือมันไม่เหมือนโอสถเลยสักนิด กลับดูคล้ายลูกเหล็กขนาดยักษ์มากกว่าเย่ซิวหยิบมันขึ้นมาแล้วเคาะเบา ๆ เสียงที่ดังออกมาชัดเจนและใสแจ๋ว แสดงให้เห็นว่าวัสดุของมันไม่ธรรมดาสัญชาตญาณบอกเขาว่าของสิ่งนี้อาจมีประโยชน์ในอนาคต จึงเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนการค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาพอใจมากจากนั้นเ
สิ่งของชิ้นที่สองในห้องคือกระบี่หนักคมกว้างขนาดมหึมาตัวกระบี่ปักอยู่ในพื้นมีความยาวถึงสองเมตรทั่วทั้งตัวกระบี่ถูกพันด้วยโซ่เหล็กมากมายและข้าง ๆ กระบี่ก็มีศิลาจารึกขนาดใหญ่สลักอักขระโบราณบอกเล่าที่มาของกระบี่เล่มนี้กระบี่หนักห้าขุนเขาคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จากยุคบรรพกาล สร้างขึ้นจากแก่นแท้แห่งห้าขุนเขาผสานกับแร่ศักดิ์สิทธิ์กว่าพันชนิด ใช้เวลาหล่อหลอมถึงแปดสิบเอ็ดปีจึงสำเร็จมันมีน้ำหนักหนึ่งแสนแปดหมื่นชั่ง หนึ่งฟาดฟันตัดสายน้ำสะบั้น หนึ่งฟาดฟันบดขยี้ดวงดาว ผู้ที่ไม่มีพลังเทพโดยกำเนิดไม่อาจถอนกระบี่ออกได้ดวงตาของเย่ซิวพลันสว่างวาบ กระบี่เล่มนี้ช่างเหมาะกับเขาอย่างยิ่งทั้งเก้าวัจนะลึกลับและวิชาแปรมังกรเสริมพลังร่างกายเขาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้เวลาถือกระบี่หงส์โบยบิน เขารู้สึกเหมือนถือไม้จิ้มฟันเท่านั้นเนื่องจากมันเบาเกินไป จนทำให้เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่แต่ถ้ามีกระบี่ห้าขุนเขาเล่มนี้ มันจะช่วยเติมเต็มข้อบกพร่องนี้ได้พอดีในอนาคตกระบี่ดาวตกและกระบี่หงส์โบยบินจะใช้สำหรับโจมตีระยะไกล ส่วนกระบี่ห้าขุนเขาจะใช้เป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ระยะประชิดเขาจั
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ