แต่ตอนนี้เย่ซิวกลับเผยพรสวรรค์ในการกลั่นโอสถที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงจะฆ่าเขาไม่ได้ง่าย ๆแต่ถ้าไม่ฆ่าเย่ซิว ไหนจะเรื่องที่เสียไปทั้งหมด ไหนจะความเจ็บแค้นนี้มันก็กลืนไม่ลงเหมือนกันตูม! ตูม! ตูม!พลังอันแข็งแกร่งรุนแรงหลายสายสั่นสะเทือนทั่วบริเวณจากที่ไกลออกไป ดวงตาหลี่เฟิงสว่างวาบขึ้นมาผู้นำตระกูลหลี่มาถึงแล้ว“ใครฆ่าลูกสาวฉัน ออกมาเดี๋ยวนี้!”เสียงคำรามของผู้นำตระกูลหลี่ดังก้องไปทั่วพร้อมแรงโทสะที่รุนแรงสุดขีดกว่าจะเลี้ยงลูกสาวมาได้ขนาดนั้น พึ่งจะเตรียมเก็บเกี่ยวผลลัพธ์แท้ ๆ ก็ถูกฆ่าตายไปเสียก่อนจะให้เขายอมรับได้ยังไง“หมอนี่ครับ” มีคนชี้ไปที่เย่ซิวทันใดนั้น ยอดฝีมือของตระกูลหลี่ก็พุ่งเข้ามาล้อมเย่ซิวเอาไว้แต่ละคนยกมือร่ายอาคมและเรียกพลังจากสมบัติเวทมนตร์ออกมาเต็มที่บรรยากาศตึงเครียดสุดขีด การต่อสู้ใกล้ปะทุเต็มทีแต่เย่ซิวยังสงบเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบคนพวกนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรเลยสำหรับเขาถ้ากล้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริง ๆ ฆ่าให้หมดเลยก็ยังได้อย่างมากก็แค่เปลี่ยนตัวตนใหม่อีกครั้งรั่วอวิ๋นมองเย่ซิวที่ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือลังเลแม้แต่น้อย
“ความแค้นระหว่างสองฝ่าย ไม่ใช่แค่พูดไม่กี่คำแล้วจะลบล้างกันได้หรอกงั้นเอาแบบนี้ดีไหม ให้ผู้นำตระกูลหลี่ลดระดับพลังตัวเองลงมาเท่ากับเย่ซิว แล้วให้ทั้งสองคนประลองกันตัวต่อตัวถ้าเย่ซิวเป็นฝ่ายชนะ เรื่องทั้งหมดก็ให้จบลงแค่นี้แต่ถ้าผู้นำตระกูลหลี่ชนะ ก็ไม่ต้องถึงขั้นฆ่าเย่ซิวแค่ตัดแขนเขาข้างหนึ่ง แล้วให้จ่ายค่าชดเชยด้วยศิลาวิญญาณสองล้านก้อน เท่านี้ก็พอแล้ว ทุกคนว่าข้อเสนอนี้ฟังดูเป็นยังไงบ้าง”หลี่เฟิงเป็นคนเจ้าเล่ห์มากเขาเคยได้รับผลประโยชน์จากตระกูลหลี่ไม่น้อย แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาย่อมต้องออกหน้าช่วยพูดแทนอยู่แล้วแต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินรั่วอวิ๋นจนเกินไป เลยเสนอทางออกแบบก้ำกึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายผู้นำตระกูลหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง ฉันจะยอมถอยให้หน่อยก็ได้”ถือเป็นการหาทางลงให้ตัวเองด้วยถึงยังไงเขาก็จะไม่ปล่อยเย่ซิวไว้แน่ ยังไงหมอนี่ก็ต้องตายสถานเดียวแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ต่อหน้ารั่วอวิ๋นแบบนี้รั่วอวิ๋นหันมามองเย่ซิว “ศิษย์รัก กับข้อเสนอนี้นายว่ายังไงล่ะ?”แต่ในใจเธอก็เตรียมรับมือไว้แ
“หรือว่าฉันตาฝาดไป?”“ผู้นำตระกูลหลี่ถูกเด็กหนุ่มคนนี้กดไว้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้กลับได้เลย!”……ทั้งลานตกอยู่ในความตกตะลึงอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่สุดต้องรู้ไว้ก่อนว่าผู้นำตระกูลหลี่อายุเกินร้อยปีแล้วผ่านศึกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะพ่ายแพ้ให้เด็กหนุ่มกระจอกคนหนึ่งได้ยังไง?อีกทั้งต่อให้ผู้นำตระกูลหลี่จะกดพลังเอาไว้ แต่ร่างกายที่ผ่านการหล่อหลอมจากระดับจินตานมาหลายปีก็แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อจะโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยจนหน้าบวมตาช้ำได้ยังไงกัน?“อ๊ากกก ไอ้เวร!”ผู้นำตระกูลหลี่คำรามออกมาด้วยความโกรธนี่มันคือความอัปยศแบบสุดขีดเขาถูกเด็กเมื่อวานซืนบีบจนถึงขีดจำกัดโครม!พลังปราณทั่วร่างพุ่งพรวดขึ้น เขาปลดผนึกพลังและกลับคืนสู่ระดับเดิมในทันทีในแววตามีแสงเย็นเยียบแวบผ่านราวกับอยากจะตบเย่ซิวให้ตายตรงนั้นทันทีแต่เสียงของรั่วอวิ๋นดังขึ้นมาขัดไว้ก่อน “ถ้าคุณกล้าทำร้ายเขาก็ลองดูสิ!”ฝ่ามือของผู้นำตระกูลหลี่หยุดห่างจากหน้าผากของเย่ซิวไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเย่ซิวก
“มีอันตราย” เย่ซิวเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันรั่วอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจแล้วก็ยิ้มบาง “ลูกศิษย์ที่น่ารักของฉันคงรู้สึกผิดไปเองล่ะมั้ง ไม่มีอันตรายอะไรหรอกอีกอย่าง ขนาดฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย นายจะไปสัมผัสได้ยังไงกัน”โครม! โครม! โครม!แต่พูดยังไม่ทันจบ ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนหมอกดำกลุ่มใหญ่ไหลทะลักออกมาเหมือนมังกรดำหลายสิบตัวพลุ่งพล่านไปมาก่อนจะกลายเป็นค่ายกลขนาดมหึมาที่แข็งแกร่งจนบรรยายไม่ถูก ล้อมทั้งสองคนไว้ตรงกลางจากนั้นก็มีคนสวมเสื้อคลุมสีดำและสวมหน้ากากปีศาจปรากฏตัวออกมาดวงตาใต้หน้ากากแต่ละคู่ล้วนส่องแสงเย็นเยียบ ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยความละโมบสีหน้าของรั่วอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว คนของสำนักหน้ากากผี”เย่ซิวรู้จักสำนักนี้ดี เป็นพวกที่เรียกกันว่าผู้บำเพ็ญตนทางสายมืดและใช้การกลืนกินวิญญาณคนอื่นเพื่อบำเพ็ญตนเป็นสำนักมารอย่างแท้จริงในโลกของผู้บำเพ็ญตน ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงที่เน่าเหม็นของพวกเขาที่เหมือนหนูท่อและมักจะซ่อนตัวในมุมมืดเย่ซิวไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เพิ่งมาถึงโลกนี้ก็ได้พบกับพวกเขาเข้าให้แล้วเขากวาดตามองไปรอบ ๆ
หลังจากนั้นรั่วอวิ๋นก็เริ่มร่ายคาถาด้วยสองมือ และใช้วิชาไม้ตายบางอย่างพุ่งตัวออกไปจากช่องว่างในค่ายกลอย่างรวดเร็วพวกผู้บำเพ็ญตนสำนักหน้ากากผีต่างก็ได้รับแรงสะท้อนกลับในระดับหนึ่งโดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มที่ถึงกับโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “เวรเอ๊ย ยายนี่มันยังมีไม้ตายซ่อนอยู่อีก ต้องตามไปให้ได้!”สิ่งที่ผู้บำเพ็ญสายมืดกลัวที่สุดก็คือวิชาอัสนีกับพลังชอบธรรม ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงให้พวกเขาได้ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสและด้วยเหตุนี้เองหากถูกพวกมันพบว่ามีผู้บำเพ็ญตนที่บำเพ็ญพลังสองอย่างนี้ก็มักจะกลายเป็นเป้าหมายในการลอบสังหารของพวกมันในทันทีโครม!รั่วอวิ๋นระเบิดความเร็วออกมาอย่างถึงขีดสุดจนทะลุระดับเสียงไปหลายเท่าไม่นาน เย่ซิวก็สังเกตเห็นว่าคอของรั่วอวิ๋นเริ่มแดง “ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปครับ”“แย่แล้ว นี่มันยาซี บัดซบ ค่ายกลนั่นต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่รั่วอวิ๋นเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก ภายในร่างกายร้อนระอุราวกับมีเตาหลอมอยู่ข้างในทำให้จิตใจของนางเริ่มสับสน ความตั้งใจก็ลดลง สายตาเริ่มพร่ามัวขณะที่ด้านหลัง พวกผู้บำเพ็ญตนหน้ากากผีก็ตามมาติด ๆ “ฮ่า ๆ ๆ ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น เลิกหนีได้แล้ว”
“ฉันอยู่ที่ไหน? ไฟ มีแต่ไฟเต็มไปหมด…”เสียงพึมพำแผ่วเบาของรั่วอวิ๋นดังเข้าหูเย่ซิวแต่ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ ยังมีผู้บำเพ็ญตนสายมืดที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งทว่าทุกคนต่างหวาดกลัวกับพลังอันแข็งแกร่งที่เย่ซิวแสดงออกมาอย่างถึงที่สุดแต่ละคนจึงรีบใช้วิชาไม้ตาย ยอมสละพลังบำเพ็ญตนหลายสิบปีและบั่นทอนอายุขัยบางส่วนของตนเองเป็นเดิมพันเพื่อระเบิดพลังที่รุนแรงสุดขีดออกมาและร่วมกันโจมตีไปในทิศทางเดียวหวังจะฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้แต่เย่ซิวจะยอมให้พวกมันหลุดรอดไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ธงหมื่นวิญญาณถูกปล่อยออกมา ทันใดนั้น วิญญาณนักรบระดับวิญญาณก่อกำเนิดสามตนก็พุ่งออกจากธงพวกมันส่งเสียงคำรามด้วยความยินดี ก่อนจะเริ่มกลืนกินวิญญาณที่เร่ร่อนอยู่ทั่วผืนฟ้าอย่างกระหายพวกผู้บำเพ็ญตนสายมืดเหล่านี้เชี่ยวชาญในด้านการโจมตีทางวิญญาณที่สุดพวกมันดูดกลืนวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ไปไม่รู้เท่าไร ทำให้วิญญาณของตัวเองแข็งแกร่งผิดมนุษย์การกลืนกินวิญญาณของพวกมันจึงย่อมได้ผลลัพธ์อันมหาศาลกลับคืนมาแต่เย่ซิวไม่มีเวลามาสนใจอาการเพ้อของรั่วอวิ๋นในตอนนี้เขาอ้าปากพ่นกระบี่หงส์โบยบิน กระบี่ดาวตก และกระบี่เขี้ยวมังก
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เย่ซิวมีพลังบำเพ็ญตนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเทียบเท่ากับการบำเพ็ญเพิ่มขึ้นถึงหกร้อยกว่าปี“อาจารย์ รอผมด้วย”เย่ซิวหยิบสมบัติเวทมนตร์สำหรับบินธรรมดา ๆ ออกมาใช้งาน หลังจากกระตุ้นพลัง เขาก็บินไล่ตามรั่วอวิ๋นไปทันทีด้านรั่วอวิ๋นเองก็ก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง ก่อนที่คิ้วเรียวขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจ “พลังวิญญาณของฉันหนาแน่นขึ้นมากเลย ตอนนี้ฉันเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูงได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือเย่ซิว“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีร่างกายที่พิเศษอะไรบางอย่าง…”แต่แล้วรั่วอวิ๋นก็รีบส่ายหน้าเบา ๆ สลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวทันทีเธอไม่มีทางลงมือพิสูจน์อะไรพวกนั้นแน่ยามเย็น รั่วอวิ๋นก็พาเย่ซิวกลับถึงสำนักอวิ้นหลิงสำนักแห่งนี้กว้างใหญ่โอ่อ่าและตั้งอยู่บนยอดเขาสูงหมอกเมฆลอยอ้อยอิ่งทั่วบริเวณ มีนกกระเรียนขาวบินร่อนอย่างสง่างามบรรยากาศทั้งสงบขรึมและยิ่งใหญ่ เปี่ยมด้วยพลังอันลึกล้ำเย่ซิวรู้สึกได้ทันทีว่าภายในสำนักนี้แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังอันทรงพลังกดดันอย่างแผ่วเบาที่กระจายอยู่ทั่วและเพื่อไม่ให้ใครจับได้ถึ
ตอนแรกนึกว่ามาถึงสำนักอวิ้นหลิงแล้วจะสามารถรับช่วงดูแลสำนักนี้ได้เลยกะว่าจะใช้ทุนสะสมที่พวกเขาเก็บมาเป็นสิบ ๆ ปี เพื่อเร่งพัฒนาพลังของตัวเองให้เร็วที่สุดแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้นตอนนี้พวกอนุรักษนิยมกับกลุ่มจอมยุทธ์กระบี่สัดส่วนพลังอยู่ที่สองต่อแปดฝ่ายอนุรักษ์มีแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของพลังทั้งหมด พื้นที่ในการอยู่รอดแคบลงทุกทีโดยเฉพาะปัญหาการขาดช่วงระหว่างรุ่น คนรุ่นใหม่ที่รับเข้ามาในรอบร้อยปีแทบไม่มีใครโดดเด่นเลยแต่พอมาดูทางฝ่ายจอมยุทธ์กระบี่กลับรับเด็กฝึกมีพรสวรรค์เข้ามาหลายร้อยคนในช่วงไม่กี่ปีนี้แถมในนั้นยังมีคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะจอมยุทธ์กระบี่ที่หาได้หนึ่งครั้งในรอบพันปียิ่งเก่งก็ยิ่งได้ทรัพยากรมากขึ้นเป็นธรรมดาในหัวของเย่ซิวเริ่มมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มวางแผนคร่าว ๆ ถ้าอยากให้ฝ่ายอนุรักษ์มีเสียงมากขึ้นในสำนัก ก็ต้องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นก่อนแต่ตอนนี้ก็ยังแค่เป็นแนวคิด ยังต้องสังเกตการณ์อีกสักพักเย่ซิวก้าวขึ้นสู่เขาแห่งโอสถที่นี่เป็นพื้นที่เฉพาะของรั่วอวิ๋นข้างนอกมีค่ายกลป้องกัน คนทั่วไปเข้าไปไม่ได้จริง
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ