เดิมทีในความคิดของเย่ซิว โลกแห่งการบำเพ็ญตนควรจะเหมือนในละครโบราณทุกคนสวมเสื้อคลุมยาว ไว้ผมยาวใช้ปิ่นปักผมเก็บผมให้เรียบร้อย ดูสง่างามและมีรัศมีของเซียนแต่เมื่อเขามาถึงเมืองแห่งนี้กลับพบว่าทุกอย่างแตกต่างจากที่คิดโดยสิ้นเชิงรอบตัวเต็มไปด้วยแสงสีและความคึกคักเสื้อผ้าของผู้คนบนท้องถนนก็ทันสมัยอย่างมากรถยนต์ลอยฟ้าจอดอยู่เต็มไปหมด และยังมีคนขี่สัตว์อสูรที่ดูสง่างามหรือดุร้ายอยู่ทั่วไปเหล่าสาว ๆ หรือที่ควรจะเรียกว่านักบำเพ็ญหญิงต่างสวมกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น กางเกงถุงน่องสีดำ สีขาว สีเนื้อ และรองเท้าส้นสูง ชวนให้สะดุดตามองทันทีที่เย่ซิวก้าวเข้ามาในเมือง เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนรอบข้างเหตุผลก็ไม่มีอะไรมากก่อนเข้าเมืองเขาได้เปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีขาวเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจพร้อมทั้งใช้พลังเร่งให้เส้นผมยาวขึ้น ทำให้เขาดูเหมือนคนโบราณแบบเต็มตัวแต่ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผลตรงกันข้าม“หมอนี่เป็นอะไรของมัน?”“ยุคสมัยไหนแล้ว ยังมีคนแต่งตัวแบบนี้อีก”“หรือว่าเป็นนักแสดง?”……เสียงพูดคุยรอบตัวทำให้เย่ซิวรู้สึกอับอายเล็กน้อยเขารีบหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าในตรอกข้างทาง ตัดผ
เห็นว่าตัวเองกำลังจะถูกชน เย่ซิวเพียงเอนตัวเล็กน้อย ก่อนจะตบฝ่ามือออกไปหนึ่งทีแม้ว่าเขาจะจงใจปิดบังพลังของตัวเองไว้ที่ระดับสร้างรากฐานปราณขั้นต้นแต่ฝ่ามือนี้ก็ทำให้สัตว์อสูรที่หญิงสาวขี่มาพลิกคว่ำลงกับพื้น เสียงกระดูกแตกดังสะท้อนออกมา ไม่รู้ว่าหักไปกี่ท่อนหญิงสาวหมุนตัวกลางอากาศ ก่อนจะร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง“นายอยากตายหรือไง!”เธอโมโหสุดขีดและเงื้อแส้ในมือฟาดลงมาทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงแส้นั้นมีตะขอแหลมคมมากมายเมื่อเฆี่ยนออกไป เสียงแหวกอากาศก็ดังก้องหากโดนฟาดเข้าเต็ม ๆ ล่ะก็ ไม่เพียงแต่ผิวหนังเท่านั้น แม้แต่เนื้อก็ต้องถูกฉีกออกมาแน่นอนอีกฝ่ายลงมือหมายเอาชีวิตโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ไม่มีความแค้นกันมาก่อน แต่กลับออกหมัดรุนแรงถึงเพียงนี้ ทำให้ดวงตาของเย่ซิวฉายประกายเย็นเยียบเขาพุ่งมือออกไปอย่างสายฟ้าฟาดจับปลายแส้ไว้ได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะกระตุกสุดแรงร่างของหญิงสาวเสียหลักก่อนจะถูกเหวี่ยงลอยเข้ามาทางเย่ซิวอย่างไม่ทันตั้งตัวสีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันทีแต่ก่อนจะทันได้ตอบสนอง เย่ซิวก็พุ่งตัวเข้าใกล้ ก่อนที่หมัดหนึ่งจะซัดเข้าไปที่หน้าท้องของเธอเต็มแรงร
เย่ซิวพยักหน้า “ดี ใจกล้าดี ฉันชอบนะ”พูดจบ เขาก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างขวาขึ้นมาชิดกัน ปลดปล่อยปราณกระบี่สายหนึ่งที่เปล่งลำแสงระยิบระยับออกมาหลี่เหยียนเอ๋อร์เริ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเธอสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เปล่งออกมาจากตัวผู้ชายคนนี้แบบไม่ปิดบังแม้แต่น้อยเธอตะโกนลั่นเสียงแข็ง “นายบ้าไปแล้วหรือไง? คิดจะฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ?!”เย่ซิวไม่ตอบอะไรอีก ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นแล้วเล็งไปที่หัวของเธอตอนนี้หลี่เหยียนเอ๋อร์ถึงได้แตกตื่นของจริงเขาว่ากันว่าคนโหดแค่ไหนก็ยังต้องกลัวคนไม่กลัวตายที่ผ่านมาเธอเหิมเกริมเพราะรู้ว่าคนรอบตัวต่างหวาดกลัวอิทธิพลของตระกูลเธอ จึงปล่อยให้เธอใช้อำนาจตามใจชอบแต่ถ้าวันหนึ่งมาเจอกับคนที่ไม่แยแสอิทธิพลของตระกูลเธอ นั่นแหละคือหายนะของเธอ“นายฆ่าฉันไม่ได้หรอก พ่อฉันเป็นผู้บำเพ็ญตนระดับจินตานขั้นสูงของตระกูลหลี่”เย่ซิวไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่หยุดเช่นกัน“ตอนนี้ฉันกำลังจะไปสอบเข้าสำนักอวิ้นหลิง ฉันได้รับการชี้ตัวจากท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะรับฉันเป็นศิษย์เอกคนสุดท้ายถ้านายฆ่าฉัน นายจะต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน”
ฝูงชนรอบข้างต่างแตกตื่นจนแทบจะวุ่นวายไปหมดลูกสาวคนเล็กของตระกูลหลี่ที่ผู้นำตระกูลรักยิ่งนักกลับถูกฆ่าตาย แน่นอนว่าต้องทำให้ตระกูลหลี่เดือดดาลเป็นแน่อีกไม่นานต้องมีคลื่นเลือดซัดกระหน่ำอย่างแน่นอนบางคนที่ไหวตัวทันก็รีบวิ่งไปแจ้งข่าวกับตระกูลหลี่ หวังจะได้รางวัลส่วนอีกกลุ่มก็คอยตามเย่ซิวอย่างลับ ๆ เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาทว่าเย่ซิวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นการที่เขาเลือกที่จะไม่ก่อเรื่อง ไม่ได้แปลว่าเขากลัวตระกูลหลี่อยู่แล้วณ ตระกูลหลี่วันนี้ผู้นำตระกูลหลี่กำลังเตรียมงานเลี้ยงอาหารเย็นรอแค่ให้ลูกสาวของเขาไปทำพิธีให้เรียบร้อยและเข้าเป็นศิษย์ของสำนักอวิ้นหลิงอย่างเป็นทางการแล้วก็จะเชิญอาจารย์และศิษย์พี่ของเธอมากินข้าวด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์บนใบหน้าเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มอย่างชัดเจนตราบใดที่ลูกสาวเขาเข้าไปในสำนักอวิ้นหลิงได้ ตำแหน่งของตระกูลหลี่ก็จะมั่นคงขึ้นอีกขั้นแต่ในตอนนั้นเอง หัวหน้าคนรับใช้ก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด “นายท่าน เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ คุณหนูถูกฆ่าตายอยู่กลางถนน!”ในชั่วพริบตา กลิ่นอายอาฆาตรุนแรงก็ม้วนตัวพุ่งออกมาจากตัวผู้นำตระก
“อะไรนะ?!” หลี่เฟิงลุกพรวดขึ้นมาตวัดตามองเย่ซิวอย่างโกรธเกรี้ยว “นายฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์งั้นเหรอ!”เย่ซิวพยักหน้า “ใช่ครับ เธอขับรถพุ่งใส่ผมกลางถนนและตั้งใจจะเอาชีวิตผม ผมแค่ตอบโต้กลับก็เท่านั้น”หลี่เฟิงโกรธจนทั้งร่างสั่นไปหมดหลี่เหยียนเอ๋อร์คือศิษย์คนโปรดที่เขาเลือกไว้ในใจ ยังไม่ทันได้เข้ารับการถ่ายทอดวิชาก็ต้องมาตายเสียก่อนแล้วแต่เขายังพอควบคุมสติไว้ได้ ตอนนี้ดวงตาเขาแดงก่ำไปหมด “แกมาจากตระกูลไหน?!”ในหัวเขากำลังคิดอยู่ว่าคนที่กล้าฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์ได้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่แต่เย่ซิวกลับส่ายหน้า “ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง ไม่มีตระกูลหรืออิทธิพลอะไรหรอกครับ”“เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเดี่ยว กล้าดียังไงมาฆ่าศิษย์รักของฉัน แบบนี้มันหาที่ตายชัด ๆ!”หลี่เฟิงคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็ปะทุขึ้นทันที“ช้าก่อน” เสียงรั่วอวิ๋นดังขึ้นและขัดจังหวะหลี่เฟิงไว้ “ศิษย์พี่ใจเย็นก่อนศิษย์พี่ ดูเหมือนพรสวรรค์ของคนคนนี้จะไม่ธรรมดา ลองให้เขาทดสอบพรสวรรค์ก่อนดีไหม”หลี่เฟิงพยายามอดกลั้นอารมณ์ “แต่ศิษย์น้องหญิง หมอนี่ฆ่าศิษย์รักของข้านะ มันต้องตายสถานเดียว”ร
แต่ตอนนี้เย่ซิวกลับเผยพรสวรรค์ในการกลั่นโอสถที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงจะฆ่าเขาไม่ได้ง่าย ๆแต่ถ้าไม่ฆ่าเย่ซิว ไหนจะเรื่องที่เสียไปทั้งหมด ไหนจะความเจ็บแค้นนี้มันก็กลืนไม่ลงเหมือนกันตูม! ตูม! ตูม!พลังอันแข็งแกร่งรุนแรงหลายสายสั่นสะเทือนทั่วบริเวณจากที่ไกลออกไป ดวงตาหลี่เฟิงสว่างวาบขึ้นมาผู้นำตระกูลหลี่มาถึงแล้ว“ใครฆ่าลูกสาวฉัน ออกมาเดี๋ยวนี้!”เสียงคำรามของผู้นำตระกูลหลี่ดังก้องไปทั่วพร้อมแรงโทสะที่รุนแรงสุดขีดกว่าจะเลี้ยงลูกสาวมาได้ขนาดนั้น พึ่งจะเตรียมเก็บเกี่ยวผลลัพธ์แท้ ๆ ก็ถูกฆ่าตายไปเสียก่อนจะให้เขายอมรับได้ยังไง“หมอนี่ครับ” มีคนชี้ไปที่เย่ซิวทันใดนั้น ยอดฝีมือของตระกูลหลี่ก็พุ่งเข้ามาล้อมเย่ซิวเอาไว้แต่ละคนยกมือร่ายอาคมและเรียกพลังจากสมบัติเวทมนตร์ออกมาเต็มที่บรรยากาศตึงเครียดสุดขีด การต่อสู้ใกล้ปะทุเต็มทีแต่เย่ซิวยังสงบเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบคนพวกนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรเลยสำหรับเขาถ้ากล้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริง ๆ ฆ่าให้หมดเลยก็ยังได้อย่างมากก็แค่เปลี่ยนตัวตนใหม่อีกครั้งรั่วอวิ๋นมองเย่ซิวที่ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือลังเลแม้แต่น้อย
“ความแค้นระหว่างสองฝ่าย ไม่ใช่แค่พูดไม่กี่คำแล้วจะลบล้างกันได้หรอกงั้นเอาแบบนี้ดีไหม ให้ผู้นำตระกูลหลี่ลดระดับพลังตัวเองลงมาเท่ากับเย่ซิว แล้วให้ทั้งสองคนประลองกันตัวต่อตัวถ้าเย่ซิวเป็นฝ่ายชนะ เรื่องทั้งหมดก็ให้จบลงแค่นี้แต่ถ้าผู้นำตระกูลหลี่ชนะ ก็ไม่ต้องถึงขั้นฆ่าเย่ซิวแค่ตัดแขนเขาข้างหนึ่ง แล้วให้จ่ายค่าชดเชยด้วยศิลาวิญญาณสองล้านก้อน เท่านี้ก็พอแล้ว ทุกคนว่าข้อเสนอนี้ฟังดูเป็นยังไงบ้าง”หลี่เฟิงเป็นคนเจ้าเล่ห์มากเขาเคยได้รับผลประโยชน์จากตระกูลหลี่ไม่น้อย แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาย่อมต้องออกหน้าช่วยพูดแทนอยู่แล้วแต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินรั่วอวิ๋นจนเกินไป เลยเสนอทางออกแบบก้ำกึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายผู้นำตระกูลหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง ฉันจะยอมถอยให้หน่อยก็ได้”ถือเป็นการหาทางลงให้ตัวเองด้วยถึงยังไงเขาก็จะไม่ปล่อยเย่ซิวไว้แน่ ยังไงหมอนี่ก็ต้องตายสถานเดียวแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ต่อหน้ารั่วอวิ๋นแบบนี้รั่วอวิ๋นหันมามองเย่ซิว “ศิษย์รัก กับข้อเสนอนี้นายว่ายังไงล่ะ?”แต่ในใจเธอก็เตรียมรับมือไว้แ
“หรือว่าฉันตาฝาดไป?”“ผู้นำตระกูลหลี่ถูกเด็กหนุ่มคนนี้กดไว้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้กลับได้เลย!”……ทั้งลานตกอยู่ในความตกตะลึงอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่สุดต้องรู้ไว้ก่อนว่าผู้นำตระกูลหลี่อายุเกินร้อยปีแล้วผ่านศึกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะพ่ายแพ้ให้เด็กหนุ่มกระจอกคนหนึ่งได้ยังไง?อีกทั้งต่อให้ผู้นำตระกูลหลี่จะกดพลังเอาไว้ แต่ร่างกายที่ผ่านการหล่อหลอมจากระดับจินตานมาหลายปีก็แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อจะโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยจนหน้าบวมตาช้ำได้ยังไงกัน?“อ๊ากกก ไอ้เวร!”ผู้นำตระกูลหลี่คำรามออกมาด้วยความโกรธนี่มันคือความอัปยศแบบสุดขีดเขาถูกเด็กเมื่อวานซืนบีบจนถึงขีดจำกัดโครม!พลังปราณทั่วร่างพุ่งพรวดขึ้น เขาปลดผนึกพลังและกลับคืนสู่ระดับเดิมในทันทีในแววตามีแสงเย็นเยียบแวบผ่านราวกับอยากจะตบเย่ซิวให้ตายตรงนั้นทันทีแต่เสียงของรั่วอวิ๋นดังขึ้นมาขัดไว้ก่อน “ถ้าคุณกล้าทำร้ายเขาก็ลองดูสิ!”ฝ่ามือของผู้นำตระกูลหลี่หยุดห่างจากหน้าผากของเย่ซิวไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเย่ซิวก
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ