เซี่ยซิ่วซิ่วกลืนแก่นพลังกลับเข้าไปในร่าง ก่อนจะพูดขึ้นก่อนใคร “พวกเธอ ตอนบำเพ็ญกันก่อนหน้านี้เคยโดนเขารังแกกันบ้างไหม?”“เคย” ทุกคนตอบพร้อมกันทันทีโดยไม่ได้นัดหมายเซี่ยซิ่วซิ่วหัวเราะคิกคัก “ตอนนี้พวกเราก็ทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานกันหมดแล้ว ความสามารถทุกด้านก็ก้าวหน้าไปเยอะ ฉันว่าถ้าเราร่วมมือกันบำเพ็ญกับเขาอีกครั้งก็น่าจะชนะได้สักทีสิน่า”คำพูดนี้สะท้อนความในใจของทุกคนเสียเหลือเกินทุกครั้งที่บำเพ็ญก่อนหน้านี้ เย่ซิวก็มักเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์อยู่เสมอพวกเธอฝันมาตลอดว่าสักวันหนึ่งจะสามารถเอาชนะเขาได้อย่างเด็ดขาดสักครั้งแต่สุดท้าย ทุกครั้งที่ปะทะกับเย่ซิวผู้ซึ่งแทบจะไร้เทียมทาน พวกเธอก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้และต้องยอมแพ้อย่างหมดรูปแต่ตอนนี้ทุกคนทะลวงขั้นพร้อมกัน อีกทั้งพลังของพวกเธอก็เพิ่มขึ้นไปอีกระดับพวกนธอเริ่มรู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว และความกระตือรือร้นก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นในใจเย่ซิวส่ายหัวเบา ๆ เจ้าเด็กพวกนี้ไม่เคยเรียนรู้จากบทเรียนเก่า ๆ เลยจริง ๆดูเหมือนว่าเขาจะต้องมอบบทเรียนที่ลึกซึ้งให้พวกเธออีกสักรอบเสียแล้วขณะที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เย่ซิวก็เหลือบไปมองด้านนอกก
ยังพูดไม่ทันจบ ฝ่ามือหนัก ๆ ก็ฟาดลงบนใบหน้าอย่างจังคนที่ลงมือไม่ใช่เย่ซิว แต่เป็นเฟยอวี่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ใครอนุญาตให้เธอพูดจาไร้มารยาทกับคุณชายเย่ รีบไสหัวออกไปซะ”สาวใช้รู้สึกน้อยใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก จึงได้แต่ก้มหน้าถอยออกไปเงียบ ๆเย่ซิวโบกมือให้หวังซวงออกไปด้วยตอนนี้ในห้องรับรองเหลือเพียงเขากับเฟยอวี่แค่สองคนเท่านั้นเฟยอวี่ก้าวเข้ามาใกล้เย่ซิวอย่างช้า ๆเมื่อเข้ามาใกล้จนถึงระยะที่กลิ่นหอมจากตัวเธอลอยมาแตะจมูกของเย่ซิว มันก็กระตุ้นประสาททุกเส้นของเขาทันทีเฟยอวี่ลดท่าทีลงต่ำ เสียงของเธออ่อนโยนและนุ่มนวล“คุณชายเย่ ฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนเป็นความผิดของฉันเองแต่ท่านเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาหญิงสาวตัวเล็ก ๆ อย่างฉันเลยได้ไหมคะ?”เย่ซิวหัวเราะ “เธอเนี่ยนะบอกว่าตัวเองเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ”“ก็ตอนนี้ฉันอ่อนแอจริง ๆ นี่นา” เฟยอวี่กระพริบตาเบา ๆดวงตากลมโตเปล่งประกายราวกับส่งสัญญาณบางอย่างไปให้เย่ซิวเสื้อไหล่ของเธอที่ ‘บังเอิญ’ เลื่อนลงจนเผยให้เห็นผิวขาวเนียนน่าหลงใหลจากนั้นเธอก็คุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิว ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ ออกมานวดขาของเขาอย่างแผ
ในเสี้ยววินาทีที่เย่ซิวจับกระบี่เพลิงวิญญาณไว้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวอันไร้ขอบเขตพลังกระบี่ที่เต็มไปด้วยความดุดัน มุ่งทะลวงฟ้าทลายดิน พร้อมกับความร้อนแรงที่สามารถเผาทำลายทุกสรรพสิ่งบนโลกแม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเย่ซิวก็ยังรู้สึกว่ามันแทบจะต้านทานไม่ไหวแต่ในวินาทีต่อมา วิญญาณก่อกำเนิดทั้งห้าธาตุในร่างของเขาก็สั่นไหวพลังเพลิงอันมหาศาลจากกระบี่เพลิงวิญญาณถูกดูดกลืนเข้าไปจนหมดสิ้นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวิญญาณก่อกำเนิดทั้งห้าธาตุก็คือมันสามารถแปลงพลังจากธาตุหนึ่งไปเป็นอีกธาตุหนึ่งได้ไม่ว่าจะเป็นการแปรเปลี่ยนไฟให้กลายเป็นน้ำ ดิน ไม้ หรือพลังธาตุอื่น ๆดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าพลังทั้งห้าธาตุจะสูญเสียความสมดุลต่อให้มีพลังมหาศาลแค่ไหน เย่ซิวก็สามารถรับมันไว้ได้ทั้งหมดเขาถอยหลังไปช้า ๆ แล้วดึงกระบี่เพลิงวิญญาณออกจากร่างของเฟยอวี่จนหมดเฟยอวี่ทรุดตัวลงกับพื้นทันทีด้วยเหงื่อที่ท่วมไปทั้งร่างเมื่อผนึกถูกปลด พลังของเธอก็กลับคืนมาเองตามธรรมชาติเส้นผมที่ถูกเผาจนหมดก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วหางทั้งเก้าของเธอก็ปรากฏขึ้นมาโดยที่เธอควบคุมไม่ได้ภา
น่าเสียดาย ความคิดของเธอดี แต่ไม่มีทางเป็นจริงได้เย่ซิวคว้าคอเธอไว้แน่น “เธอเป็นคนเจ้าเล่ห์เกินไป ฉันไว้ใจไม่ได้จริง ๆ”คอของเฟยอวี่ถูกบีบแน่น เธอรับรู้ถึงจิตสังหารจากเย่ซิว เก้าหางที่อยู่ด้านหลังตึงเกร็งตรงแน่วไม่มีทางทำตัวให้น่าสงสารได้อีก เธอฝืนยิ้มก่อนพูดว่า “คุณชายเย่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่าขนาดนี้ ฉันจะไปก่อเรื่องอะไรได้ล่ะถ้าคุณกลัวว่าฉันจะเล่นตุกติกจริง ๆ ตอนนี้ฉันสามารถประกาศให้โลกรู้ได้เลยว่าประเทศอ่ายเหรินยอมสยบต่อสำนักโอสถโดยสมบูรณ์”ผู้หญิงคนนี้กล้าลงทุนจริง ๆแต่เย่ซิวกลับไม่สนใจการยอมสยบของประเทศอ่ายเหรินเลยสักนิดเขาไม่ได้ปล่อยมือ ซ้ำยังบีบแน่นขึ้นใบหน้าของเฟยอวี้แดงก่ำจนแทบจะระเบิด หายใจแทบไม่ออกตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะต่อต้านเย่ซิวเย่ซิวเห็นว่าโชคชะตาของชาติที่โอบล้อมอยู่รอบตัวเธอยังคงหนาแน่นอยู่ไม่น้อยผู้หญิงคนนี้ก็มีฝีมืออยู่เหมือนกันเดิมที ประเทศอ่ายเหรินถูกเขาทำให้แตกกระจัดกระจายแต่เพียงไม่นาน เธอกลับทำให้พลังโชคชะตาของชาติของประเทศอ่ายเหรินกลับมารวมตัวได้อีกครั้งการเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ ต่อให้ฆ่าทิ้งตรง ๆ ก็ยังต้อ
เมื่อสูญเสียระดับพลังไปจนหมดสิ้น ร่างของเฟยอวี่ก็ค่อย ๆ หดตัวลงขนาดร่างกายเล็กลงเรื่อย ๆ จนสุดท้ายกลายเป็นลูกสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือเย่ซิวนั่งยอง ๆ ลงแล้วหิ้วมันขึ้นมาดวงตาของลูกจิ้งจอกตัวน้อยใสบริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง มองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน"นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าถอยหลังกลับไปสู่ร่างดั้งเดิม?"เย่ซิวส่งพลังจิตเข้าไปตรวจสอบภายในร่างของเธออย่างละเอียดพบว่าตอนนี้เธอไม่มีพลังปีศาจแม้แต่น้อย และจิตวิญญาณก็กลายเป็นเหมือนจิ้งจอกธรรมดาทั่วไปเย่ซิวค้นหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ในความทรงจำของตนเอง และไม่นานก็เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งปีศาจบางตัวที่มีพรสวรรค์สูง หรือมีสายเลือดที่สูงส่งหากได้รับความกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บร้ายแรง อาจเข้าสู่สภาวะปกป้องตัวเองโดยสัญชาตญาณพวกมันจะถอยกลับไปสู่ร่างดั้งเดิมของตนเองเมื่ออยู่ในร่างนี้ บาดแผลทั้งหมดที่ได้รับมาก่อนหน้าจะถูกลบล้างจนหมดสิ้นกระบวนการนี้คล้ายกับการเวียนว่ายตายเกิดในตำนานแม้ว่าจิตวิญญาณยังคงเป็นดวงเดิม แต่ทุกอย่างใน 'ชีวิตก่อน' จะถูกลืมเลือนไปทั้งหมดหลังจากพิจารณาอย่างละเอียด เย่ซิวก็มั่นใจว่าเ
ตอนนี้เป็นเวลายามดึก ท้องฟ้ามีดวงจันทร์เต็มดวงแขวนอยู่สูงลิบเย่ซิวจารึกวิชาอักขระป้องกันรอบห้อง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันจากนั้นร่างของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ามุ่งสู่ดวงจันทร์!อีกครั้งที่เขามาถึงดวงจันทร์ทันทีที่มาถึง เย่ซิวก็เห็นชายคนเดิมที่สวมเกราะและถือหอกยาวในมือเมื่อศัตรูพบหน้ากัน ความโกรธก็พวยพุ่ง ไม่พูดคำใดให้เปลืองเวลา ทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันทันทีตู้ม!เย่ซิวเหวี่ยงหมัดออกไปปลายหอกของอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอย่างดุดันหมัดปะทะกับปลายหอก เย่ซิวมั่นคงราวภูผา ไม่ไหวติงแม้แต่น้อยในขณะที่หอกของชายคนนั้นโค้งงอเป็นเส้นโค้งที่เกินจริงจากนั้นหอกก็ดีดกลับตรงอย่างรุนแรง แรงสะท้อนทำให้ร่างของชายคนนั้นถูกซัดกระเด็นไปไกลกว่าพันเมตรมือที่จับหอกสั่นระริก ดวงตาที่มองเย่ซิวเผยให้เห็นความหวาดหวั่นเย่ซิวแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาครั้งก่อนหมอนี่ฉวยโอกาสตอนที่เขายังอยู่แค่ระดับวิญญาณก่อกำเนิด แถมยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหัวใจของเขาเต้นแรงดั่งฟ้าคำราม โลหิตพลุ่งพล่าน ก้าวเดินราวมังกรคำรามพยัคฆ์คำรน ดึงพลังร่างกายสู่ขีดสุด
"ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาวที่เจ้ามองเห็น ล้วนเป็นของปลอมทั้งหมด"มือที่ถือถ้วยชาของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยไฉ่เวยกล่าวต่อ "นี่เป็นส่วนหนึ่งของผนึก คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ของจริงดังนั้น ต่อให้พวกเขาเข้าสู่เส้นทางเซียน การรับรู้ของพวกเขาก็ยังผิดเพี้ยนอยู่ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลอะไร แต่เมื่อเจ้าต้องการบรรลุสู่ระดับที่สูงขึ้น มันจะกลายเป็นอุปสรรคที่ถึงแก่ชีวิตได้"เย่ซิววางถ้วยชา ค้อมกายประสานมือให้ไฉ่เวย "ขอบคุณแม่นางที่บอกกล่าว เช่นนั้นมีวิธีแก้ไขหรือไม่"ไฉ่เวยปลดถุงหอมเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่ตรงเอวลงมาเมื่อเปิดออก เธอก็เทก้อนหินสองก้อนออกมาก้อนหนึ่งเป็นสีแดงเพลิงอีกก้อนเป็นสีขาวนวล"นี่คือศิลาสุริยันและศิลาจันทราตอนนี้เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น นำไปหลอมกลั่นแล้วเจ้าจะสามารถขจัดภัยแฝงนี้ได้""ขอบคุณแม่นางมาก"เย่ซิวหยิบก้อนหินทั้งสองไว้ในมือ และหลอมกลั่นพวกมันในทันทีผลลัพธ์เป็นไปตามคาด ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างแม้ว่าระดับพลังจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าขอบเขตของตนมั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมเธอมีพระคุณกับตนมาก เย
"ตึกตึกตึก..."เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนและเป็นจังหวะดังก้องอยู่ในหูของทุกคนร่างอันงดงามไร้ที่เปรียบ ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากส่วนลึกที่สุดของปราสาทโบราณ ทีละก้าว ทีละก้าวใต้ฝ่าเท้าของเธอ คือแม่น้ำโลหิตที่ไหลเชี่ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในแม่น้ำโลหิตนั้น มีเงาร่างของแวมไพร์หลากหลายต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือซ้ายวางบนอก แสดงความเคารพอย่างเคร่งขรึมอาภรณ์แดงของเธอถูกปกคลุมด้วยพลังเลือดอันเข้มข้น ความโอหังและความแข็งแกร่งของราชินีโลหิตถูกเผยออกมาอย่างชัดเจนเธอก้าวออกจากปราสาทโบราณแต่ละก้าวพาร่างไปไกลหลายสิบลี้เมื่อก้าวถึงเก้าก้าว เธอก็ได้มายืนอยู่กลางอากาศสูงนับพันเมตร เปล่งแสงโลหิตนับหมื่นสายออกมาแสงโลหิตอันไร้เทียมทาน บัดนี้คือสิ่งเดียวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้เธอกลายเป็นสิ่งที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้าดวงตาคมกริบฉายแววเย็นเยียบ เต็มไปด้วยความเฉยเมยราวกับมองสรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงมดปลวกแม่น้ำโลหิตใต้ฝ่าเท้าปั่นป่วน แล้วค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็นบัลลังก์โลหิตเธอทรุดกายนั่งลงบนบัลลังก์นั้นทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้ เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาทของทุกคนผู้ที่มีจิตใ
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ