"ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และดวงดาวที่เจ้ามองเห็น ล้วนเป็นของปลอมทั้งหมด"มือที่ถือถ้วยชาของเย่ซิวกระตุกเล็กน้อยไฉ่เวยกล่าวต่อ "นี่เป็นส่วนหนึ่งของผนึก คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ของจริงดังนั้น ต่อให้พวกเขาเข้าสู่เส้นทางเซียน การรับรู้ของพวกเขาก็ยังผิดเพี้ยนอยู่ตอนนี้อาจจะยังไม่เห็นผลอะไร แต่เมื่อเจ้าต้องการบรรลุสู่ระดับที่สูงขึ้น มันจะกลายเป็นอุปสรรคที่ถึงแก่ชีวิตได้"เย่ซิววางถ้วยชา ค้อมกายประสานมือให้ไฉ่เวย "ขอบคุณแม่นางที่บอกกล่าว เช่นนั้นมีวิธีแก้ไขหรือไม่"ไฉ่เวยปลดถุงหอมเล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่ตรงเอวลงมาเมื่อเปิดออก เธอก็เทก้อนหินสองก้อนออกมาก้อนหนึ่งเป็นสีแดงเพลิงอีกก้อนเป็นสีขาวนวล"นี่คือศิลาสุริยันและศิลาจันทราตอนนี้เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น นำไปหลอมกลั่นแล้วเจ้าจะสามารถขจัดภัยแฝงนี้ได้""ขอบคุณแม่นางมาก"เย่ซิวหยิบก้อนหินทั้งสองไว้ในมือ และหลอมกลั่นพวกมันในทันทีผลลัพธ์เป็นไปตามคาด ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนได้เติมเต็มบางสิ่งบางอย่างแม้ว่าระดับพลังจะไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าขอบเขตของตนมั่นคงยิ่งขึ้นกว่าเดิมเธอมีพระคุณกับตนมาก เย
"ตึกตึกตึก..."เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนและเป็นจังหวะดังก้องอยู่ในหูของทุกคนร่างอันงดงามไร้ที่เปรียบ ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากส่วนลึกที่สุดของปราสาทโบราณ ทีละก้าว ทีละก้าวใต้ฝ่าเท้าของเธอ คือแม่น้ำโลหิตที่ไหลเชี่ยวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดภายในแม่น้ำโลหิตนั้น มีเงาร่างของแวมไพร์หลากหลายต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือซ้ายวางบนอก แสดงความเคารพอย่างเคร่งขรึมอาภรณ์แดงของเธอถูกปกคลุมด้วยพลังเลือดอันเข้มข้น ความโอหังและความแข็งแกร่งของราชินีโลหิตถูกเผยออกมาอย่างชัดเจนเธอก้าวออกจากปราสาทโบราณแต่ละก้าวพาร่างไปไกลหลายสิบลี้เมื่อก้าวถึงเก้าก้าว เธอก็ได้มายืนอยู่กลางอากาศสูงนับพันเมตร เปล่งแสงโลหิตนับหมื่นสายออกมาแสงโลหิตอันไร้เทียมทาน บัดนี้คือสิ่งเดียวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้เธอกลายเป็นสิ่งที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้าดวงตาคมกริบฉายแววเย็นเยียบ เต็มไปด้วยความเฉยเมยราวกับมองสรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงมดปลวกแม่น้ำโลหิตใต้ฝ่าเท้าปั่นป่วน แล้วค่อย ๆ รวมตัวกันกลายเป็นบัลลังก์โลหิตเธอทรุดกายนั่งลงบนบัลลังก์นั้นทั่วทั้งประเทศจ้านอิงตี้ เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วโสตประสาทของทุกคนผู้ที่มีจิตใ
"ทำไม? บทเรียนครั้งที่แล้วยังไม่พอหรือไง? ตอนนี้คิดจะมารังแกคนของฉันอีกแล้วสินะ"บุคคลที่ยืนอยู่ระหว่างทั้งสองย่อมเป็นเย่ซิว และเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาในเสี้ยววินาทีที่เห็นหงอีปรากฏตัว เย่ซิวก็รู้ทันทีว่าเธอต้องเล่นงานเถียนเถียนแน่แค่พึ่งพาร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ที่นี่ คงไม่ใช่คู่มือของหงอีแน่ดังนั้นเขาจึงรีบมาถึงทันทีตู้ม!หงอีเห็นเย่ซิว ก็ลงมือทันทีเธอสะบัดมือขวากลับ แล้วกดลงด้านล่างทันใดนั้น ภูเขาขนาดมหึมาที่ควบแน่นจากเลือดสด ๆ ก็พุ่งลงมากดทับเย่ซิวอย่างรุนแรงเย่ซิวชกออกไปหมัดหนึ่ง ทำให้ภูเขาที่กำลังบดขยี้ลงมาถูกทำลายราบคาบเขาก้มลงมองกำปั้นของตัวเอง คิ้วขมวดเล็กน้อยมีแสงสีเลือดบางเบากำลังกัดกร่อนผิวของเขาต้องใช้เวลาเล็กน้อยถึงจะสามารถกลั่นสลายมันได้ยายเด็กคนนี้ไปได้โชควาสนาอะไรมากันแน่? ถึงทำให้พลังของเธอเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจขนาดนี้อีกทั้งพอปรากฏตัวก็อยู่ในระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ สูงกว่าเย่ซิวถึงสองขั้นย่อยเย่ซิวคิดเพียงชั่วครู่ แล้วก็เก็บร่างแยกธาตุไฟที่อยู่ด้านล่างกลับมาตอนนี้หงอีแข็งแกร่งพอที่เขาต้องใช้พลังทั้งหมดแล้วเพราะจากสัมผัสของเขา เธอ
ต่อมาคือหยางชิงเสวี่ย เธอเลือกเส้นทางที่สองโซเฟียมองเย่ซิวแวบหนึ่ง ก่อนจะเลือกเส้นทางที่สามทำให้เย่ซิวเหลือเพียงเส้นทางที่สี่ให้เลือกเมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้รูปสลักในระยะร้อยเมตร จู่ ๆ มันก็มีชีวิตขึ้นมาพลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายออกมา ก่อนพุ่งเข้าจู่โจมเย่ซิวโดยตรงรูปสลักนี้กลับมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นเย่ซิวปะทะกับมันตรง ๆ หมัดของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อยความแข็งแกร่งของรูปสลักนี้แทบไม่ต่างจากร่างกายของเขาเองในเสี้ยววินาที เย่ซิวเปลี่ยนมือทั้งสองข้างให้กลายเป็นกรงเล็บมังกร พลังของเขาพุ่งขึ้นอีกระดับเขารัวหมัดใส่สิบกว่าครั้ง จนรูปสลักนั้นพังทลายลง ก่อนก้าวเดินเข้าไปในเส้นทางในขณะที่เหยียบย่างเข้าไปในเส้นทาง เย่ซิวรู้สึกถึงแรงกดทับมหาศาลบนไหล่แรงโน้มถ่วงในเส้นทางนี้ กลับเป็นสิบเท่าของภายนอก!โชคดีที่ร่างกายของเขาแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นคงแทบก้าวขาไม่ออก“ฟู่วฟู่วฟู่ว…”ทันใดนั้น ลมดำก็พัดกระโชกขึ้น ตามมาด้วยฝูงหมาป่าสงครามจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นเพียงแค่เห็นก็รู้ว่ามันคือหุ่นเชิดดวงตาของพวกมันเปล่งแสงสีเลือด พออ้าปากก็พ่นคลื่นลมที่คมกร
แท่นบูชาพลันแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นชุดเกราะหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกันนั้น เสียงไร้อารมณ์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู“ด่านที่สอง สวมใส่ชุดเกราะหนักหนึ่งล้านชั่ง แล้วว่ายข้ามแม่น้ำมรณะ รางวัลสำหรับการผ่านด่านคือวิชา ‘ศึกโลหิตแปดทิศ’”เย่ซิวดวงตาทอประกาย แหงนมองไปทางซ้ายและขวาพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่แตกต่างจากเย่ซิวเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หยิบชุดเกราะขึ้นมาสวมใส่น้ำหนักหนึ่งล้านชั่ง แม้แต่เย่ซิวเองก็ยังรู้สึกถึงภาระที่หนักอึ้งโชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถแบกรับไหวยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหมือนพวกผู้หญิงสามคนนั้น ที่ต้องใช้ระดับพลังเพื่อลดทอนน้ำหนักลงเขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ฝืนเดินไปได้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาสมุทรสีดำอันกว้างใหญ่ใต้ผืนน้ำมีเงาดำแหวกว่ายไปมาไม่หยุดกล่าวได้ว่าด่านนี้ไม่ใช่แค่ต้องว่ายข้ามไปเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอีกด้วยเย่ซิวเหลือบตามองไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำสิ่งที่เรียกว่ามหาสมุทรแห่งความตายนั้น ความหนาแน่
ตอนนี้หากเพิ่มเจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้เข้าไปอีก ก็น่าจะเพียงพอแล้วคิดได้ดังนั้น เย่ซิวจึงฝืนต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของอีกฝ่าย พลางเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เต่ายักษ์ตัวนั้นสองมือคว้าจับขาหน้าของมันไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นวิชาแปรมังกรก็ถูกใช้ออกไปอย่างเฉียบขาด“โฮกกก!”เต่ายักษ์ส่งเสียงคำรามโหยหวน ร่างของมันสั่นสะท้านดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอาคมและวิชาต่าง ๆ ถูกซัดใส่เย่ซิวไม่ยั้งร่างกายของเย่ซิวสั่นสะท้านรุนแรง อวัยวะภายในทั้งห้าถึงกับฉีกขาดแต่เขาก็ยังคงจับขาของเต่ายักษ์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยพลังที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกถ่ายเทเข้าสู่วิชาแปรมังกรยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังดูดซับพลังอันมหาศาลจากร่างของเจ้าเต่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิชาแปรมังกรก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วร่างกายของเย่ซิวแปรเปลี่ยนเป็นมังกรโดยสมบูรณ์ อีกทั้งร่างของเขาก็ค่อย ๆ ยืดยาวขึ้น บัดนี้มีความยาวได้ห้าหกเมตรแล้วลักษณะภายนอกของเขายิ่งคล้ายคลึงกับมังกรแท้ในตำนานมากขึ้นเรื่อย ๆเต่ายักษ์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย มันคำรามไม่หยุดมันกัดฟันตัดขาที่ถูกเย่ซิวจับไว้ของตัวเอง เพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการแต่เย่ซิว
ศึกโลหิตแปดทิศซึ่งเป็นพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งเมื่อใช้ออกมา จะสามารถแบ่งร่างแยกโลหิตออกมาได้แปดร่างในชั่วพริบตาความแข็งแกร่งของร่างแยกไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับพลัง แต่ขึ้นอยู่กับเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตนเองและสภาพแวดล้อมที่อยู่ในขณะนั้นยิ่งเจตจำนงแห่งการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้น และสภาพแวดล้อมยิ่งอันตรายมากเท่าใด พลังที่สามารถระเบิดออกมาก็ยิ่งมหาศาลเท่านั้นสามารถโจมตีออกไปทั้งแปดทิศพร้อมกัน หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นพลังเทพที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการต่อสู้กับกลุ่มศัตรูหรือใช้ฝ่าวงล้อมพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ล้ำค่ามากอย่างหาที่เปรียบมิได้หากถูกนำออกไปเผยแพร่ภายนอก จะต้องดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาแย่งชิงจนเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอนหลังจากเย่ซิวควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็เดินทางมาถึงด่านที่สามที่นี่เป็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งเขาเป็นคนแรกที่มาถึงผ่านไปห้าหรือหกนาที หงอีเป็นคนที่สองที่ตามมา จากนั้นคือหยางชิงเสวี่ยและโซเฟียกลิ่นอายของสตรีทั้งสามต่างก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากแข็งแกร่งกว่าตอนที่พวกเธอเพิ่งเข้ามาไม่รู้กี่เท่า เห็นได้ชัดว่าทั้
เย่ซิวเหวี่ยงพวกเธอลงกับพื้นอย่างรุนแรงเศษหินและดินกระเด็นกระจายไปทั่ว พื้นดินปรากฏหลุมลึกสามหลุมทันทีไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเธอก็ลอยขึ้นมาอีกครั้งพลังภายในร่างกายแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าเย็นชา ราวกับพร้อมจะเอาชีวิตเย่ซิวให้ได้"ตรึงตรึงตรึง!"เย่ซิวใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง พลังอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้ร่างของพวกเธอแข็งค้างไปชั่วขณะเขาแสยะยิ้ม เผยประกายอันตรายในดวงตา "อย่ารนหาที่ ถ้ายังกล้ามาอีก ฉันจะสังหารทิ้งตรงนี้ทันที"หญิงสาวทั้งสามชะงักค้างอยู่ตรงนั้นช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวที่กว้างเกินไป ทำให้พวกเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังทำไมถึงเป็นแบบนี้?พวกเขาต่างก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์และบุตรีแห่งสวรรค์เหมือนกันพวกเธอได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจากที่นี่ แต่ทำไมช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวยังคงใหญ่โตถึงเพียงนี้เย่ซิวจ้องมองพวกเธอทั้งสามด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ภายในใจก็รู้สึกหวั่นอยู่บ้างหญิงสาวทั้งสามคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหตุผลที่เขาสามารถเล่นงานพวกเธอจนบาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้เขาใช้ไปถึงสองค
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ