แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 33 วันต่อมา งานเลี้ยงรุ่นจัดขึ้นที่หอประชุมของโรงเรียน โดมที่ปกติแล้วใช้สำหรับให้นักเรียนทำกิจกรรมตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นงานเลี้ยงโต๊ะจีน ฉันมาถึงในตอนที่คนจับจองนั่งกันจนเนืองแน่น คนคุ้นหน้าหลายคนพากันส่งเสียงร้องทักทาย หลายคนถึงขั้นวิ่งปรี่เข้ามาหากรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันอยู่หลายรอบ ไม่ใช่แค่ฉันที่กำลังโดนเพื่อนรุมล้อม แต่ก็มีอีกหลายคนเหมือนกันที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน รุ่นของพวกเรายังไม่เคยจัดงานเลี้ยงรุ่นเลยแม้สักปี… จะได้เห็นภาพบรรยากาศเพื่อน ๆ คิดถึงกันเหลือประมาณก็ไม่แปลก… “พวกแกพอได้แล้ว ๆ ไปกินข้าว ๆ” “เดี๋ยวสิ! ยังอยากคุยกับปายอยู่เลย!” “ไว้ค่อยคุยหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ คนอื่นรออยู่” ว่าแล้วมดที่วันนี้อยู่ในคอสตูมนางฟ้าโดดเด่นกว่าใครเพื่อนก็ลากเอาเพื่อนคนอื่น ๆ กลับไปที่โต๊ะ ตรงนี้ก็เลยเหลือแค่ฉันกับมะลิที่ก็เพิ่งมาถึงพร้อม ๆ กันยืนอยู่สองคน เราสอดส่องสายตากันอยู่ครู่ก็เห็นว่าโต๊ะที่กระถินกำลังนั่งหัวเราะคิกคักกับเพื่อนผู้ชายหลายคนว่างอยู่สองที่พอดีเลยพา
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 34 หลายชั่วโมงต่อมา หลังจากที่พี่เหนือทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้ฉันต้องโดนคนหลายสิบรุมยิงคำถามเข้าใส่ เขาก็ไปจัดการเรื่องอาหารต่อโดยไม่คิดจะช่วยเหลือใด ๆ มีก็แค่ยิ้มหล่อมองมาเท่านั้น และหลังจากที่ฉันตัดสินใจซัดเหล้าไปสิบกว่าแก้วก็เริ่มตอบคำถามไม่รู้เรื่อง และนั่นก็เป็นไปตามเป้าประสงค์ เพราะสุดท้ายแล้วคนอื่น ๆ ก็พากันเลิกรุมถามกันไปเอง ทุกคนแลดูสนุกสนานที่ได้พบปะเพื่อนเก่า ที่บางคนก็ไม่ต่างจากฉันอารมณ์ไม่ได้กลับบ้านมานาน และมีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมาย ถึงฉันจะอยากเล่าอยู่บ้าง แต่ตอนนี้จิตใจกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหนักที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา พี่เหนือไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นก็ได้เพราะถึงยังไงโยก็ไม่ได้มางานในวันนี้ ต่อให้เตยจะเอ่ยปากท้าแบบนั้น แต่การที่เขาแสร้งทำว่าเราคบกันจริง มันก็ไม่ได้ส่งผลดีกับตัวเขาเองเท่าไร ในเมื่อทุกคนชอบเขากันทั้งนั้น ส่วนฉัน… ไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว… ในเมื่อตัวฉันก็ชอบเขามาตั้งนาน ไหนจะได้เป็นเมียต่อหน้าทุกคนแบบนั้นก็อีก แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าพี่
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 35 หลายวันต่อมา ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างปกติสุขที่สุด ฉันไม่เคยรู้สึกยอดเยี่ยมเท่านี้มาก่อนในชีวิต ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องที่ไปด้วยกันได้สวยกับพี่เหนือ แต่เป็นเพราะการได้กลับมาครั้งนี้ทำให้ฉันได้เจอหน้าพ่อกับแม่แทบทุกวัน มีเวลาให้ปลีกวิเวกอยู่กับการวาดภาพที่เป็นเวลาอื่นนอกเหนือจากเวลางาน อีกทั้งยังได้เจอหน้าจ๋อมกับพี่เหนือทุกเย็นนั่นก็ด้วย ความรู้สึกภายในที่สดชื่นกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว… วันนี้เป็นวันเกิดพี่คิม เพราะไม่มีใครว่างพาเข้าเมืองฉันเลยขับรถเข้าเมืองไปตอนกลางวันแค่คนเดียวเพื่อไปหาซื้อของขวัญมาเตรียมไว้ให้เจ้าของงานวันเกิดที่จะจัดในตอนค่ำ วันนี้พี่เหนือจ้างป้าตามาช่วยดูจ๋อมอีกวันเพราะว่าทั้งเขา และฉัน รวมถึงพี่ปราณเองคงจะอยู่ร่วมงานวันเกิดของพี่คิมจนดึก เห็นว่าจัดที่บ้านของพี่คิมนั่นแหละ และหลังจากหาซื้อของขวัญอยู่เกือบชั่วโมงเต็ม ก็ได้เป็นเครื่องประดับจากแบรนด์ชั้นนำที่แลดูน่ารักเหมาะกับคนรับ หลังจากนั้นอีกชั่วโมงฉันก็ขับรถกลับมาที่บ้าน มันเป็นเวลาย่ำค่ำพอดี พี่ปราณแต่งตัวหล่อร
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 36 เมื่อคืนหลังจากส่งพี่เหนือเสร็จ ฉันก็กลับมานอนที่บ้านและหลังจากที่นอนคิดมาตลอดทั้งคืน เช้าตรู่วันต่อมาพระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น ไก่ยังไม่ทันส่งเสียงขันร้อง ฉันก็ลุกขึ้นมานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือดึงเอากล่องกระดาษเก่า ๆ ออกมาอีกครั้ง กล่องใบที่เก็บเป็นความลับมาโดยตลอด… แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป… แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่เหนือจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน กระนั้นเราก็ยังไม่เคยคุยเรื่องที่ค้างคาอยู่ในอกฉันมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียวอย่างที่บอก แต่เมื่อคืนเขากลับพูดออกมาว่า ‘เขาชอบฉัน’ ตอนนี้ฉันเลยตัดสินใจได้ว่าตัวเองก็ควรจะบอกไปตามตรงเหมือนกัน… แม้จะเดาได้ว่าเขาน่าจะรู้เรื่องเจ้าของจดหมายตัวจริง รวมถึงเจ้าของหนังสือเล่มนั้น แต่เราก็ยังไม่เคยได้เคลียร์ประเด็นนั้นเลย และมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็คิดว่าจะปิดฉากการแอบรักมาเกือบสิบปีลงเสียที กระดาษโน้ตลายกระต่ายสีชมพูวางลงตรงหน้า ปากกาลูกลื่นที่ลองขีดเขียนดูแล้วพบว่ามันยังคงใช้งานได้ ถูกเอาออกมาใช้
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 37 สิบปีก่อน@ การเข้าสู่ระดับชั้นเตรียมอุดมศึกษาจะมีอะไรให้น่าตื่นเต้นไปกว่าการได้พบเจอบรรดาเพื่อนใหม่ที่ย้ายห้องมาเรียนสายเดียวกัน หรือการได้เปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่หลังจากปิดเทอมภาคฤดูร้อนไปกว่าสามเดือน จะว่าอันที่จริงก็มีอีกเรื่อง… ใด ๆ ที่กล่าวมาคงจะสู้ความรู้สึกที่กำลังตกหลุมรักใครสักคนในช่วงวัยแห่งการเติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นไม่ได้และตอนนี้ฉัน… ก็กำลังเผชิญกับความรู้สึกนั้นเข้าอย่างจัง… “ลูกชิ้นหมูห้าไม้” “ไส้กรอกรมควันห้าไม้” “ไส้กรอกสาหร่ายห้าไม้” “นี่ด้วย ๆ หอยจ๊อเอามาสิบเลย!” ระหว่างที่คนอื่น ๆ กำลังร้องสั่งของกินฉันก็กำลังรัวนิ้วใส่โทรศัพท์เพื่อจดรายการที่ทุกคนว่ามา รุ่นพี่ผู้ชายตัวโตสี่ห้าคนพากันกระดกน้ำดื่มหลังจากได้พักเบรกจากการเล่นบาสในเวลาช่วงเย็นหลังเลิกเรียน พี่ปราณตะโกนมาจากกลางสนามให้เพื่อนกลับไปเล่นต่อได้แล้ว เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของคนที่เมื่อครู่ยังยืนออกันอยู่ตรงม้าหินอ่อนข้างสนามพากันวิ่งกลับไป และฉันก็จดรายการสุดท้ายเสร็จพอ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 38@ หลังจากเกือบหลุดโป๊ะเรื่องจดหมายที่เอาไปสอดไว้ใต้โต๊ะของพี่เหนือ ทำให้ตอนนี้ฉันเปลี่ยนเป็นใช้วิธีส่งผ่านไปรษณีย์แทนโดยสมมติชื่อคนส่งขึ้นมา และไม่ได้ลงชื่อคนส่งที่แท้จริงเหมือนเดิม หลังจากเหตุการณ์ระทึกใจในครั้งนั้นผ่านไปนานพอสมควร ฉันก็กลับมาทำใจกล้าด้วยการส่งของบางอย่างให้คนที่ว่าอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้เป็นยาทาแก้ปวดเพราะเมื่อวันก่อนพี่เหนือมีอาการบาดเจ็บสด ๆ ร้อน ๆ จากการแข่งบาสระดับเขตฯ ฉันมาโรงเรียนเช้าเหมือนทุกวัน แต่แทนที่จะใช้วิธีส่งของผ่านทางใต้โต๊ะในห้องเรียน รอบนี้ก็ตัดสินใจที่จะสอดเข้าใส่กระเป๋านักเรียนของเขาโดยตรง ใช้ช่วงเวลาที่ทุกคนเล่นบาสกันให้เป็นประโยชน์ ยาแก้ปวดชนิดใช้ภายนอกถูกสอดเข้าใส่กระเป๋านักเรียนของพี่เหนือโดยที่เขาไม่รู้ตัว และไม่มีทางรู้ด้วยว่าฉันเป็นคนใส่ แม้ฉันจะนั่งอยู่ที่ขอบสนามเหมือนทุกวัน แต่รอบ ๆ ตัวก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องผู้หญิงหลายคนอยู่บริเวณเดียวกัน หลังจากที่ทุกคนโหมโรงเล่นบาสกันแต่เช้าจนเสร็จก็พากันไปล้างเนื้อล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันนั่งกินข้าวเช้าอยู่ที่เดิมตอ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 39@ คงเป็นเพราฉันสะเหล่ออยากจะลงวิ่งกระสอบแข่งกับสีอื่น ทำให้ตอนนี้ต้องมานั่งปฐมพยาบาลอยู่ที่ขอบสนามฟุตบอล นอกจากจะแพ้ได้ที่โหล่แล้วยังต้องอับอายต่อหน้าคนทั้งสนามด้วยการล้มเข่าเกือบแหก ทั้งหน้ายังแทบจะจุ่มลงไปในโคลนเพราะเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีฝนตกส่งผลให้สนามเปียกแฉะ มะลิกำลังวิ่งไปหาพลาสเตอร์ยามาให้ ในขณะที่พี่ปราณเพิ่งวิ่งมาถึงตัวพร้อมกับถุงน้ำแข็งในมือ แต่แทนที่จะมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยคนเป็นน้อง พี่กลับหัวเราะเสียงดัง "โธ่! บอกแล้วไงว่าไม่ต้องลง พื้นมันลื่น เห็นคนล้มคว่ำไม่รู้กี่คนต่อกี่คนแล้ว” “ไม่ต้องมาซ้ำเติมหรอกน่า” “ดีที่เข่าไม่แตก” ฉันกลอกตามองบนหันมองไปทางอื่น แต่ก็ได้ประสานสายตากับพี่เหนือเข้าพอดี เมื่อครู่เขาเองก็เพิ่งลงไปวิ่งกระสอบแข่งมาเหมือนกัน ทว่าก็แค่เปียกโคลนที่เท้าเท่านั้น ไม่ได้เสื้อผ้าเละเทะแบบฉัน “กระสอบแม่งขาดหมดแล้ว” พี่เหนือเดินมาทรุดตัวนั่งลงข้างกัน พลางก็ใช้น้ำล้างโคลนที่เท้าออก “แล้วชนะปะ?” พี่ปราณหันไปเลิกคิ้วถามคนเป็นเพื่อน
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 40วันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างที่ปลิวไสว เสียงนกร้องดังอยู่ด้านนอกหน้าต่างใกล้ ๆ นี้เอง ฉันกำลังนอนมองใบหน้าคนข้าง ๆ ที่ตอนนี้ยังคงไม่ตื่นเครื่องหน้าหล่อเหลาคมเฉียบตัดกับผิวขาวสะอาดตายิ่งมองก็ยิ่งดึงดูดจิตใจ เมื่อก่อนพี่เหนือเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังคงเดิมมีแต่จะดูดีมากขึ้น ไม่ใช่แค่หน้าตาเขาที่ยังเหมือนเดิมทั้งนิสัย ทั้งวิธีการพูด ทั้งรอยยิ้ม… ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งเราจะได้มาลงเอยกันหลังจากที่ห่างหายกันไปนานกว่าเจ็ดปีเต็ม ได้เจอครั้งสุดท้ายก็คงเป็นตอนที่ฉันรับปริญญาเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่มีวันได้ร่วมเรือนกับเพื่อนสนิทพี่ชายเป็นแน่ ฉันก็ตัดสินใจไปเดินทางทำตามความฝันเรื่องอื่น ๆ จนลืมเลือนเขาไปในที่สุดแต่จะบอกว่าลืมก็คงจะไม่ใช่เสียทีเดียว ทุกครั้งที่หลับตาฝันถึงใครสักคนก็จะมีใบหน้าเขาลอยขึ้นมาในใจเสมอ ขนาดว่าเดินทางไปเจอผู้คนมามากมาย ใจฉันยังไม่แม้แต่จะคิดไปมองใครถึงไม่ได้คาดหวังว่าเราสองคนจะได้เป็นแฟนกันหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฉันก็ไม่เคยชอบใครเลยแม้สักคนชอบก็แค่เขา… ชอบพี่เหนือแค่คนเดียว…กา
เหนือรักปายตอนพิเศษ 4 ปัจจุบัน เสียงหัวเราะของคนหลายคนดังแว่วมาให้ได้ยิน ตอนที่ผมกำลังเดินไปยังเวิร์กช็อปเล็ก ๆ ข้างกันกับตัวบ้านของผมเองที่ ๆ ปายตั้งใจจะเปิดสอนศิลปะให้กับคนที่สนใจ และก็ได้รับการตอบรับดีพอสมควร เพราะในตัวอำเภอไม่มีที่ไหนเปิดสอนศิลปะเป็นจริงเป็นจัง หากจะเรียนก็ต้องเข้าเมืองไปไกลกว่าสองชั่วโมง ลูกค้าส่วนมากก็เป็นเด็กนักเรียนที่พ่อแม่สนใจจะสนับสนุนลูก ๆ ให้เอาดีทางด้านนี้ แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนอยู่เหมือนกันที่ให้ความสนใจมาลงเรียน บางกลุ่มก็มาเรียนบ้างเป็นพัก ๆ บางคนก็ตั้งใจจะเรียนระยะยาวแม้งานที่ว่านี้จะไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่คนที่ตั้งใจทำก็ดูจะพอใจที่ทุกอย่างไปได้สวยอย่างที่คิด วันนี้เป็นเย็นวันธรรมดาคนเลยไม่เยอะเท่าไรนัก สังเกตได้จากรองเท้าที่ถอดเรียงเอาไว้บนชั้นวางรองเท้าด้านนอก หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์คนก็จะเยอะกว่านี้ เสียงกริ่งประตูดังขึ้นตอนที่ผมผลักบานประตูเดินเข้าไป คนหลายคนด้านในหันมองมา เด็กนักเรียนผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งจับกลุ่มวาดภาพสีน้ำ ตรงหน้าของแต่ละคนมีกระดานวาดภาพวางบนขาตั้งไม้ทรงสูง ผมได้แต่
เหนือรักปายตอนพิเศษ 3@ โรงเรียน “กูอยากถือป้าย” “ก็ถ้าไม่ใช่มึงเป็นดรัมฯ แล้วจะให้ใครเป็น?” “กูขี้เกียจซ้อม ขอถือป้ายแทนได้ปะ?” “ไอ้ฝ้ายก็จะนั่งเสลี่ยง มึงก็อยากจะถือป้าย ไม่มีใครอยากเป็นดรัมฯ บ้างเลยหรือยังไง?” “…” ผมได้แต่นั่งมองเพื่อนผู้หญิงโต้กันไปโต้กันมาเรื่องการเตรียมงานกีฬาสีของโรงเรียนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ขนาดว่านั่งเฉย ๆ ไม่ออกความเห็นอะไร สายตาคนอื่นก็พากันหันมากดดัน ราวกับจะให้ผมเป็นคนออกความเห็นว่าใครควรจะเป็นดรัมเมเยอร์เสียอย่างนั้น “อะไร? กูจะรู้ไหมเนี่ย? กูผู้ชาย” “มึงเป็นประธานไงเหนือ และนี่ไม่มีใครอยากเป็นเลยสักคน ดรัมฯ ไม้แรกเลยนะเว้ย กูละงงจริง ๆ”ไอ้จ๋าเกาหัวแกรก ๆ สีหน้าคิดไม่ตก สายตากดดันเลื่อนมองกลับไปยังคิมซึ่งนั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะเรียนอีกครั้ง คนถูกมองพ่นลมหายใจเสียงดังพลางก็บ่นกระปอดกระแปด “ก็กูอยากถือป้าย มึงก็เป็นดรัมฯ เองสิ” “ลดน้ำหนักให้ได้สักสิบห้ากิโลฯ กูจะเป็นให้” คนที่เพื่อนปัดภาระให้เ
เหนือรักปายตอนพิเศษ 2@ โรงเรียน วันนี้เป็นอีกครั้งที่ใต้โต๊ะเรียนของผมมีคนเอาจดหมายมาสอดไว้เหมือนกับหลายวันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเอาของมาส่งให้ หากแต่ไม่มีใครใช้วิธีส่งจดหมายแบบนี้ ส่วนมากเป็นขนมกับของขวัญเสียมากกว่าก็มีอยู่แค่คนเดียวที่ใช้วิธีส่งจดหมายมา และแค่เห็นซองจดหมายก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นของคน ๆ เดียวกัน คนอื่นรอบตัวผมในขณะนี้ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลอกการบ้านกันเหมือนอย่างเคยตอนที่ผมดึงเอากระดาษโน้ตลายกระต่ายสีชมพูออกจากซอง ไล่สายตาอ่านสิ่งที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษอันที่จริงก็ไม่ได้ต่างไปจากทุกฉบับที่ผ่านมา คนส่งยังคงเขียนทำนองว่า วันนี้แอบมองผมตอนทำนู่นทำนี่ พรรณนาว่าตัวผมหล่อแค่ไหน ไม่ก็ประเภทที่ว่าเมื่อคืนฝันถึงผมอะไรประมาณนั้นทุก ๆ ย่อหน้าจะมีสติกเกอร์รูปหัวใจแปะอยู่ ท้ายแผ่นจะมีรูปการ์ตูนที่วาดไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน อย่างวันนี้ก็เป็นผู้หญิงกำลังยืนเกาะแขนผู้ชายที่ก็คิดว่าคงแทนตัวผมเอง ผมได้แต่ระบายรอยยิ้มออกมา เพราะต้นทางคนส่งดูท่าจะตั้งใจมาก ไม่ว่าผมจะมาโรงเรียนเช้าแค่ไหน ก็จะเห็นว่ามีจดหมายสอดที่ใต้โต
เหนือรักปายตอนพิเศษ 1 สิบปีก่อน@ เหนือ “กูถึงแล้ว” ‘จอดรออยู่หลังสถานี’ “เค” ปลายสายวางไปแล้ว กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกแบกขึ้นบ่าอีกรอบหลังจากถูกวางทิ้งไว้เมื่อนาทีก่อนเพราะผมเดินไปซื้อน้ำที่ร้านค้าหน้าสถานีรถไฟ อากาศประเทศไทยตอนกลางวันร้อนตับแตกแบบนี้ อะไรก็ไม่ดีเท่าได้กินน้ำแดงเย็น ๆ สักถุง หลังจากไปอยู่บ้านป้ามาตลอดปิดเทอมฤดูร้อนตอนนี้ก็ได้ฤกษ์กลับบ้านตัวเองเสียที เนื่องจากโรงเรียนใกล้เปิดเทอมแล้ว อีกไม่กี่วันก็คงต้องกลับไปเรียนเหมือนอย่างเคย และคงเป็นปีสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียน เพราะปีนี้ผมกำลังจะขึ้นชั้นม.หก “ไปบ้านกูก่อนแล้วกัน” แค่เจอหน้ากันไอ้ปราณเพื่อนสนิทที่เอามอเตอร์ไซค์มาจอดรอรับก็เอ่ยบอก พลางเอาขาตั้งรถขึ้น ผมไม่ทันได้พูดอะไรมันก็เตรียมจะออกรถ สุดท้ายเลยต้องรีบคร่อมขาซ้อนท้ายมัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามเพื่อนว่าทำไมต้องไปบ้านมันก่อน เพราะถึงยังไงบ้านที่ว่าก็เป็นทางผ่านที่จะไปบ้านผมอยู่แล้ว สายลมพัดปะทะเข้าหาใบหน้าไม่ได้ช่วยให้คลายร้อนลงเท่า
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 49 หลายวันต่อมา หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เราทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข ฉันยังคงไปเลี้ยงจ๋อมเหมือนทุกวัน พี่เหนือก็ออกไปดูแลร้านของเขาเหมือนทุกที พี่ปราณก็ยังคงช่วยดูแลกิจการของที่บ้าน ส่วนจ๋อมก็กำลังเตรียมสอบปลายภาคของระดับชั้นประถมศึกษา เพราะงานวันแต่งเราเชิญคนรู้จักมาเยอะมาก และแขกหลายคนก็เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนเก่าของเราทั้งคู่รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องชั้นปีอื่น ๆ ช่วงท้ายของงานทางอาจารย์เลยมีการขอแรงจากศิษย์เก่าเข้าไปช่วยจัดการเรื่องการย้ายโต๊ะนักเรียนแบบเก่าไปเก็บไว้ที่โกดังหลังโรงเรียนเพื่อที่จะรับโต๊ะเขียนแบบเลกเชอร์เข้ามาแทน แน่นอนว่าฉันกับพี่เหนือเองก็อาสาจะไปช่วย พวกเพื่อน ๆ ของเขา และเพื่อนสมัยเรียนของฉันก็พากันมาร่วมแรงร่วมใจกันในวันนี้ด้วยเหมือนกัน “ดีไหม?” “อะไร…” “ก็แกกับพี่เหนือไง ใกล้ได้ลูกรึยัง?” “บ้า…” “อย่ามาเขินหน่อยเลย เห็นว่าลุงหมานอยากมีหลานให้อุ้มไว ๆ” “ก็กำลังช่วยกันทำอยู่” “โอ๊ย! ไม่น่าถามเลยจริง
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 48 สองชั่วโมงต่อมา หลังจากที่เดินไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่โต๊ะนู้นโต๊ะนี้จนเสร็จ ทุกคนก็ทานอาหารกันจนอิ่มหนำ ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงเปิด VTR ของคู่บ่าวสาวที่พี่ปราณเป็นคนเสนอตัวจัดเตรียมให้เอง ฉันกับพี่เหนือได้แต่ยืนกลั้นขำกันอยู่บนเวทีเมื่อแต่ละรูปที่คนเป็นพี่เลือกมามันช่างน่าขำ ตั้งแต่รูปของเราสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ข้ามมาสมัยผมของฉันยังสั้นเท่าติ่งหู และตัดมาที่ภาพสมัยมัธยมปลายที่เริ่มจะดูดีขึ้นมาหน่อย ช่างต่างจากคนเป็นเจ้าบ่าวที่หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กแบบที่คงไม่เคยพบเจอยุคมืดของตัวเองมาก่อน วิดีโอเล่นผ่านไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่รูปพรีเวดดิ้งของเราทั้งคู่ ที่ออกจะหวานเกินไปเสียหน่อย ทุกรูปพี่เหนือจะมองกันด้วยสายตาแบบที่ทำเอาหัวใจละลาย บรรดาสาว ๆ ในงานพากันกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันไม่หยุดกับสายตาประเภทนั้นแม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายก็ตาม และตอนนี้เองที่พี่เหนือเลื่อนมือมากุมประสานเข้ากันกับมือของฉัน สายตาที่มองมาอย่างสื่อความหมายทำเอาใจเต้นแรง แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางคนหลายร้อยคนฉันก็ไม่อาจห้ามจังหวะหัวใจให้เต้นช้าลงได้เลย
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 47 หนึ่งเดือนต่อมา วันงานแต่ง งานเลี้ยงตอนเย็นจัดขึ้นที่หอประชุมของโรงเรียน ที่เดียวกันกับที่เรามางานเลี้ยงรุ่นกันเมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากเสร็จสิ้นงานตอนเช้าไป ฉันก็แทบจะนอนหมดแรง เพราะพ่อกับแม่เชิญแขกมาแทบจะทั้งอำเภอ กว่าจะแห่ขันหมากเสร็จ กว่าจะกินข้าว กว่าจะพิธีรีตอง เอาเป็นว่าจบงานเช้าปุ๊บฉันก็หลับเป็นตาย ปล่อยหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ให้พี่เหนือกับคนอื่นเป็นคนจัดการ แต่ก็นอนไปได้ไม่นาน พอช่วงบ่ายก็ถูกปลุกลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมเพื่อที่จะไปงานเลี้ยงช่วงค่ำต่อ สารภาพตามตรงว่าระหว่างที่ช่างแต่งหน้าบรรจงแต่งแต้มใบหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจฉันเผลอน้ำลายยืดตั้งสองสามที โอเค… เอาเป็นว่างานแต่งงานไม่ได้สนุกแบบที่คิดก็พอ และพอมาถึงหน้างานบ่าวสาวต้องรับบทนางยืนยิ้มรอถ่ายรูปอยู่ที่ฉากด้านหน้าทางเข้าซึ่งใหญ่โตอลังการแบบที่คิดไปไม่ถึงว่าพี่เหนือจะเล่นใหญ่อะไรเบอร์นี้ อันที่จริงพ่อกับแม่ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องงงเรื่องงานให้ แต่พี่เหนือบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้เองทั้งหมด และทั้งหมดนี่ก็คงหมดเงินไปบานตะไท
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 46 หลายวันต่อมา แล้วสุดท้ายเราสามคนก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม… เหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนจบลงด้วยดี หลังจากที่ฉันกับจ๋อมกอดกันร้องไห้ไปหลายต่อหลายยก พี่นัยก็มาคุยด้วย และบอกว่าจ๋อมคงจะไม่อยากไปจริง ๆ อาจจะต้องรบกวนพี่เหนือช่วยดูแลจ๋อมต่อ ไม่ใช่แค่เพราะจ๋อมไม่อยากไป แต่เป็นเพราะตัวพี่นัยเองก็มีสามีใหม่ ทั้งยังต้องทำงานกันทุกวัน เวลาเลิกเรียนจ๋อมอาจจะไม่มีคนดูแล แต่ที่มารับไปอยู่ด้วยเป็นเพราะกลัวว่าจ๋อมจะคิดถึง และแกเองก็คิดถึงลูกมากเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่การงาน และเรื่องอื่นหลายสิ่งหลายอย่าง ห่วงก็แต่จ๋อมจะมาเป็นภาระพี่เหนือแทน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เลย เราทั้งคู่พากันออกตัวจะดูแลจ๋อมให้เองไม่ต้องเป็นห่วง สุดท้ายก็จบลงตรงที่พี่นัยจะมาเยี่ยมจ๋อมทุกอาทิตย์ หรือไม่ก็จะพาจ๋อมไปเที่ยวทุกอาทิตย์แทน ส่วนเรื่องเงินแม้ว่าพี่นัยจะบอกว่าจะส่งเสียจ๋อมเองแต่พี่เหนือก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธไป บอกว่าอยากจะช่วยดูแลทางด้านการเงินด้วย และฉันก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่นัยเองมีภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อีกทั้งไม่มีเวลาดูแลได้ดีเท
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 45 หลายเดือนต่อมา เมื่อคืนฉันกลับมานอนที่บ้าน ทั้งยังต้องโต้รุ่งวาดภาพส่งให้ลูกค้าที่คอมมิชชันงานเข้ามา วันนี้ก็เลยตื่นสายกว่าปกติ แต่พอตื่นมาก็ต้องพบกับข่าวร้ายชนิดที่ว่า เห็นข้อความที่พี่เหนือส่งมาปุ๊บก็ต้องรีบกระโจนลงจากเตียงวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นสองของบ้านแทบจะในทันที เสียงแม่ตะโกนถามมาว่าเป็นอะไร ยังไม่มีเวลาแม้จะหันไปสนใจตอบคำถามท่านเลย ได้แต่คว้าเอาจักรยานคันเดิมมาควบ สองเท้าถีบปั่นอย่างเร่งรีบไปยังจุดหมายปลายทางที่ก็เป็นบ้านของพี่เหนือเหมือนทุกวัน แต่ที่ต่างคือ… วันนี้หน้าบ้านไม้สองชั้นคุ้นตามีรถจอดอยู่หนึ่งคัน… ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไป น้ำตาก็รื้นขึ้นมาติดอยู่ที่ขอบตา แค่นึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรือไม่ก็อาจจะแค่ไม่กี่นาทีนี้… หัวใจมันก็เจ็บขึ้นมาเสียแล้ว… “อาปาย” “จ๋อม” แค่เดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว จ๋อมที่หันมาเห็นกันก่อนเป็นคนแรกก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ฉันย่อตัวลงกอดหลานไว้แน่น พยายามข่มจิตข่มใจให้เป็