“มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพาตัวทอม ซัลลิแวนไปเมื่อคืนนี้ ในตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เรื่องนี้ได้เป็นพาดหัวข่าวแล้วนะคะ แม้ว่าตำรวจยังไม่ได้ยืนยันข้อกล่าวหา พวกผู้ใช้อินเทอร์เน็ตก็ตัดสินว่าทอมทำผิดแล้ว เขาโดนทิ้งระเบิดใส่ไม่หยุดเลยแหละค่ะ” จอร์จจี้กล่าวในขณะที่หัวเราะคิกคักเล็กน้อย“เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เรื่องก็ถูกเปิดโปงอย่างง่ายดาย ฉันสงสัยว่าตระกูลซัลลิแวนกำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาควรปิดเป็นความลับไม่ใช่เหรอ?” จอร์จจี้พูดเสริมไซล่ารู้สึกตกใจพอ ๆ กันกับสิ่งที่เธอได้ยินที่จริงแล้ว ตามอำนาจของตระกูลซัลลิแวน มันควรจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะปิดบังสิ่งเหล่านี้จากสื่อในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ไม่มีเหตุผลที่ตระกูลซัลลิแวนจะยอมให้ข่าวเช่นนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วมากนอกจากว่าใครคนอื่นอยู่เบื้องหลังมันเป็นไปได้ไหมว่าคือคนเดียวกัน?ศัตรูแบบไหนกันนะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่?ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างไร มันก็เป็นข่าวดีสำหรับไซล่า ตราบใดที่ผลลัพธ์เป็นที่พอใจ ไซล่าก็ไม่มีเหตุผลที่จะเสียความพยายามเพื่อคิดถึงมัน“ฉันเดาว่าใครบางคนอยากให้ทอม ซัลลิแวนตายมากกว่าเรา” ไซล่ากล่าวแ
เนื่องจากไซล่า เควสค่อนข้างมั่นใจเรื่องทักษะการทำอาหารของเธอ เธอจึงไม่ชิมเมนูเหล่านั้นหลังจากที่ทำเสร็จอย่างไรก็ตาม ไฟฟ์ แบตตันไม่พูดอะไรเลยในตอนนั้น นั่นก็หมายความว่าผงสีขาวนั่นคือเกลือ ใช่ไหม?ปิ๊ง一ในตอนนั้น เครื่องปิ้งขนมปังก็ดังขึ้น ขนมปังปิ้งเสร็จเรียบร้อยแล้วไซล่าเลิกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนก่อนในทันที และหันมาจดจ่อกับการทำแซนด์วิชให้พ่อของเธอต่อเมื่อแซนด์วิชเสร็จแล้ว ไซล่าบดเมล็ดกาแฟด้วยตัวเองเล็กน้อยและเตรียมคาราเมลสำหรับเมนูเครื่องดื่มของโปรดของพ่ออย่างคาราเมลคอฟฟี่ ในที่สุด เธอก็นำอาหารทั้งหมดไปยังห้องอ่านหนังสือก๊อก ก๊อก ก๊อกหลังจากที่เคาะประตูหลายครั้งอย่างเบามือ ไซล่าผลักประตูเปิดออกและเดินเข้าไปในตอนนั้น เจเรมี่กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานไม้โรสวู๊ดไฮคลาสขณะให้ความสนใจอย่างเต็มที่ไปยังการเขียนอักษรวิจิตขนาดใหญ่สองคำบนกระดาษสีขาวแผ่นยาว“จิตสงบ”ตู้หนังสือขนาดใหญ่ตู้หนึ่งมีความกว้างซึ่งทอดยาวไปตลอดแนวกำแพงและไม่เคยฝุ่นเกาะเลย ขณะนั้น กลิ่นหมึกเจือจางล่องลอยบนอากาศในห้องอ่านหนังสือนั้นทว่า ภายนอกเจเรมี่ดูสงบ แต่ไซล่าก็รู้เป็นอย่างดีว่าความยุ่งเหยิงภายในนั
“ต่อให้มันคลานออกมาจากคุกได้นะ ก็อย่าหวังเลยว่าคนอย่างฉันจะมอบหมายอะไรให้มันทำอีก เรื่องวุ่นวายเนี้ยฉลาดทำเหลือเกินแต่เรื่องอื่นเคยมีใช้สมองคิดบ้างไหม?!” โทนี่ ซัลลิแวนตะโกนพลางกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะอาหาร ร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธขณะเดียวกัน ไม่มีใครอื่นในตระกูลกล้าเอ่ยอะไรออกมาเลย พวกเขาล้วนมีสีหน้ามัวหมอง“คุณพ่อคะ ได้โปรดอย่าอารมณ์เสียไปเลยค่ะ หนูเชื่อว่าพี่ซัลลิแวนจะต้องเปลี่ยนตัวเองหลังจากนี้แน่นอนเลยค่ะ” เอมิลี่ เควสกล่าวพร้อมกับมือที่สั่นเทาตอนแรก เอมิลี่คิดว่าเธอสามารถเก็บความลับนี้จากคนที่เหลือในตระกูลได้ ทว่า เรื่องนี้กลับกลายเป็นข่าวไปเสียได้จะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่นางไซล่า เควส มันต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยแน่นอน!ในตอนนั้น เอมิลี่กลัวเหลือเกินเพราะดูเหมือนว่าทอม ซัลลิแวนจะเสียตำแหน่งในฐานะทายาทตระกูลไปจริง ๆ ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น เอมิลี่จะทำอะไรได้? ความโชคร้ายจะเล่นตลกอะไรกับชีวิตกันนักหนา!ในตอนนี้ พ่อแม่ของเอมิลี่จะหย่าร้างกันอยู่รอมร่อ ขึ้นปล่อยให้พ่อและหย่าร้าง พ่วงกับสามีของเธอเสียตำแหน่งทายาทของตระกูลไป แน่นอนว่าหน้าตาในวงเพื่อนของเอมิลี
“แม่เห็นข่าวที่ติดเทรนด์ในเว็บมันขึ้นว่าลูกโดนคนที่ทอม ซัลลิแวนจ้างมาทำร้ายเอานิ แต่เท่าที่ดู ลูกก็กลับมาครบสามสิบสองอยู่นะ” ชารอนกล่าว“โอเค ในที่สุด แม่ก็แสดงความห่วงใยกับเรื่องนั้นได้ซะทีนะครับ”“ก็แหม่ แม่มัวแต่สนใจลูกสะใภ้คนงาม จนแม่เผลอลืมเรื่องของลูกชายคนดีของแม่ไปเลย ขอโทษนะลูก”“...อ๋อ”“จริงด้วย ลูกรัก แม่อยากรู้ว่าเมื่อคืนก่อนที่ลูกไม่งานแต่งงานคู่กับแม่หนูไซล่า ทุกคนมองพวกลูกเป็นตาเดียวเลยไหม ลูกให้เกียรติลูกสะใภ้แม่มากพอรึเปล่า? แม่วาดฝันเอาไว้ว่าทุกคนต้องตะลึงแน่ตอนเห็นพวกลูกเป็นคู่รักสุดเพอร์เฟกต์แถมเข้ากันได้อีกต่างหาก” ชารอนเอ่ยปากด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่งเธอควงแขนของสแตนลีย์อย่างเสน่หาขณะเอ่ยด้วยท่าทีที่อยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดาสแตนลีย์เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงบเป็นการตอบกลับ “ครับ”“ว่าแล้วเชียว ว่าก็ว่าเถอะ ชุดที่ลูกใส่ไปเมื่อวันก่อนนะดูดีเกินไปเสียด้วยซ้ำ”สแตนลีย์ยิ้ม “อืม ภรรยาผมมีรสนิยมดีไงเล่า”“หนูไซล่าเลือกชุดนั้นให้กับลูกงั้นเหรอ?”“เธอเป็นคนซื้อให้ผมเอง” สแตนลีย์ตอบอย่างสงบท่าทีของชารอนมืดมนไปในทันที เธอปล่อยแขนสแตนลีย์และพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “
จากนั้น เธอเปลี่ยนเป็นชุดเดรสชีฟองลายดอกไม้สีฟ้าอ่อนและรองเท้าบูตสีชมพูดอกบัวคู่หนึ่ง เธอสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีชมพูดอกบัวเพื่อทำให้ลุคของเธอสมบูรณ์ ด้วยอารมณ์ที่อ่อนโยนอยู่แล้ว สีที่ละเอียดอ่อนและสีนู๊ดทำให้เธอดูนุ่มนวลและอ่อนโยนยิ่งขึ้นหลังจากที่ตรวจสอบความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองในกระจกบานใหญ่ ไซล่าก็คว้าโทรศัพท์และขับรถไปยังบาร์อันคอนเชียส ในบาร์ยามดึกที่เต็มไปด้วยฝูงชน ไม่ว่าจะเกิดอะไรด้านนอก เพลงก็ยังคงเล่นต่อไปขณะที่ทุกคนดื่มด่ำอยู่กับตัวเองท่วงทำนองที่มีชีวิตชีวาดังก้องในห้องโถงขนาดใหญ่ ทุกจังหวะล้วนเข้าถึงผู้ฟังไปทุกผู้ทุกคน ในโลกอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้ หนุ่ม ๆ และสาว ๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นล่าสุดเพื่อผ่อนคลายความสำราญใจของหัวใจ พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อดื่มและลงไปยังฟลอร์เต้นรำ โยกย้ายไปกับเสียงเพลงขณะที่ไซล่าส่งข้อความกับจอร์จจี้ให้ไปเจอกันที่นั่น เธอยังคงตามหาจอร์จจี้อยู่พลางเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ การผสมผสานระหว่างความบริสุทธิ์และความงดงามของเธอดึงดูดความสนใจจำนวนนับไม่ถ้วน และผู้ชายมากตัณหามากหน้าหลายตาก็เข้ามาชวนเธอสนทนาด้วย“นี่ คนสวย แลกวีแชทกันหน่อยสิจ
สแตนลีย์ส่งสายตาให้พวกเขาก่อนจะมองไซล่าและพูดว่า “บังเอิญจริงนะ”“ใช่แหละ” เธอตอบกลับ“พี่ห้าครับ พี่ควรแนะนำพี่สะใภ้ให้กับพวกเรารู้จักอย่างเป็นทางการไม่ใช่เหรอ?” เซบาสเตียนกล่าวไซล่าเขินในทันทีและรีบร้อนอธิบายว่าไปว่า “อย่าเข้าใจผิดแบบนั้นสิ ฉันไม่ใช่แฟนของเขาสักหน่อย เพื่อนน่ะ แค่เพื่อน”ไฟฟ์ แบตตันบอกเรื่องเธอกับพวกเขาว่าอะไร? ทำไมเขาถึงเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ล่ะ?เซบาสเตียนยังคงยิ้ม “ใช่ ก็จริงนะที่คุณไม่ใช่แฟนของเขา แต่คุณเป็น…” เขาหันไปมองสแตนลีย์และยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์สแตนลีย์จิกตาให้กับเขาด้วยสายตาเยือกเย็น “อยากตายใช่ไหม?”เซบาสเตียนหุบปากในทันทีเพราะความรู้สึกหนาวเย็นไปยังกระดูกสันหลัง และไม่กล้าที่จะพูดต่อเฮนรี่มองสแตนลีย์ด้วยสายตาที่มีเลศนัยก่อนส่งยิ้มให้กับไซล่าและทักทายเธอ “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนแสนดีของพี่ห้า เฮนรี่ อาร์มสตรองครับ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของคุณกับพี่ห้าจะแบบไหน แต่ผมก็ยังยินดีที่ได้พบคุณนะครับ”ไซล่ายืนจับมือเขาก่อน แสดงความใจกว้าง “สวัสดีค่ะ ฉันไซล่า เควส”เฮนรี่จับมือของเธอด้วยท่าทีที่เหมาะสม“ฉันเซบาสเตียน เบรนานด์ เป็นเพื่อนแสนดีของพี่ห้าด้ว
“มาที่นี่กับเพื่อนงั้นเหรอ?” สแตนลีย์ถาม ไซล่าพยักหน้า “อืม”“ใช่คนที่สู้พร้อมกับเธอเมื่อครั้งก่อนไหม? หรือว่า…?”“คนนั้นแหละ”“งั้นก็อย่าอยู่จนดึกเกินล่ะ มีอะไรก็โทรมานะ” เขาเอ่ยคำเหล่านี้ขึ้นมา โดยที่สายตาคู่นั้นไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ เลยไซล่าพยักหน้าพลางสงสัยว่าสามีปลอม ๆ ของเธอกำลังเป็นห่วงเธอมากเกินไปรึเปล่า ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขาเป็นสามีจริง ๆ ของเธอเลยล่ะ?“เอาละ ไฟฟ์ แบตตัน นายรู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่แค่แกล้งทำเท่านั้น?” ไซล่ากล่าวขณะมองหาบางสิ่งในแววตาเขา“รู้สิ” สแตนลีย์ตอบกลับอย่างสงบ“งั้นก็ดี” เธอตอบกลับเขาก้าวเท้าออกไปด้านนอกโดยไม่พูดอะไรต่อ เมื่อเทียบกับนายแบบแล้ว แผ่นหลังของเขาดูน่าทึ่งและเปล่งประกายมากฉับพลัน ไซล่าก็นึกบางอย่างออก เธอจึงรีบวิ่งเหยาะ ๆ ตามเขาไป ลมหนาวทิศเหนือกำลังพัดผ่านอยู่ด้านนอก เมื่อออกมาจากที่อันอบอุ่นอย่างปุบปับ ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เธอหนาวสั่นก่อนที่ร่างกายของเธอจะชินกับความหนาวเย็นในตอนนั้น รถฮอนด้าสีดำก็หยุดที่ทางเข้าบาร์ สแตนลีย์ขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาเธอ เธอเห็นสามคนที่เจอกันก่อนหน้านี้ก็อยู่ภายในรถได้อย่างชัดเจน คนข
“งั้น เธอถอนหายใจทำไม?” เขาถามอีกครั้ง“ฉันก็แค่ห่วงนิดหน่อย นายรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรื่องข้อตกลงของเรารั่วไหลออกไป?”เมื่อพูดเช่นนั้น ไซล่าก็ถอนหายใจอีกครั้ง เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นคนที่บอกเรื่องของเธอ แต่เป็นเซบาสเตียนต่างหากที่แอบมองข้อความทางวีแชทของพวกเขา เธอจะโทษไฟฟ์ แบตตันไม่ได้ มันเป็นเพราะความโชคร้ายเท่านั้น“ฉันขอโทษ ฉันผิดเองแหละ” สแตนลีย์ดูจริงจัง“ไม่เป็นไร แค่ครั้งหน้าก็ระวัง ๆ ด้วยนะ” ไซล่ากล่าวอย่างสบายใจสแตนลีย์ยังคงให้ความมั่นใจกับเธอ “ไม่ต้องห่วง เจ้าพวกนี้มันไม่กล้าพูดหรอก”“เข้าใจแล้ว” ไซล่าตอบกลับ เพราะเธอเลือกที่จะเชื่อใจเขาแล้วทั้งสองเพียงแค่จดจ่ออยู่กับคู่สนทนาตรงหน้า โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสามคนในรถฮอนด้ามีท่าทีเช่นไร เซบาสเตียน เฮนรี่ และแกรี่ต่างดูเหมือนกำลังตั้งคำถามกับแนวทางของชีวิตอยู่เฮนรี่กลืนน้ำลายดังเอือกพลางหันไปหาเซบาสเตียนราวกับเห็นผี จากนั้นก็หันหลังกลับไปมองแกรี่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “คนที่อยู่ข้างนอกนั่นใช่พี่ห้าที่เรารู้จักจริง ๆ รึเปล่าวะ?”“จะเป็นใครได้อีกล่ะ?” แกรี่ตอบกลับเฮนรี่บิดหูของตัวเองอย่างรุนแรง “นี