เมย์เดือดดาล เธอหันไปมองนักโทษหญิงหัวล้านคนนั้นที่ตีเธอ “แกกำลังทำอะไร?”“ฉันจะตี แล้วไงล่ะ? แกถูกขังที่นี่ แต่ก็ยังคิดเรื่องการรังแกคนอื่นตอนที่ออกไปได้อีกนะ เห็นได้ชัดว่าแกมันชั่วตัวแม่เลยนิ”เมย์อยากจะตอบกลับไปว่า ‘แกดีกว่ากันนักรึไง?’อย่างไรก็ตาม เธอสามารถอดทนได้ขณะที่เธอหันหน้าไปอย่างเงียบ ๆ และทำงานของเธอต่อ“ฉันเคยได้ยินเรื่องของพวกแกสองคนมาแล้ว คนหนึ่งคือแม่เลี้ยงแสนร้ายกาจของไซล่า เควส อีกคนคือน้องสาวต่างแม่ตัวร้าย”“ข่าวเกี่ยวกับปัญหาของตระกูลของแกมาถึงหูเราด้วยซ้ำ ทุกคนต่างก็พูดว่าพวกแกสองคนคือคนบงการเบื้องหลังข่าวลือเรื่องอิมพีเรียล ไพรม์มีปัญหานั้น”“พวกหมาหมู่ ไม่ใช่แค่พวกแกจะไม่ยอมสำนึกผิดแล้ว แต่แกยังพยายามที่จะทำร้ายคนอื่นด้วยซ้ำ!”นักโทษหัวล้านคนนั้นม้วนแขนเสื้อขึ้นและยืนขึ้นขณะที่พูดพร้อมกับจ้องมองคู่แม่ลูกอย่างเดือดดาลราวกับว่าเธอต้องการจะฆ่าสองแม่ลูกนั่น“ทำไมแกต้องสนใจเรื่องปัญหาของตระกูลของฉันด้วย? แกสนิทกับไซล่า เควสรึไง?” เอมิลี่รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นสมอง เธอเบือนหน้าหนีโดยไม่รู้ตัวและเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก“ฉันไม่รู้จักหล่อนหรอกนะ แต่ฉันเห็นใบหน้าที่เปรา
เอมิลี่พยักหน้า “หนูคิดว่างั้นนะคะ หนูขยับไม่ได้!”“กลับไปทำงาน! ถึงกระดูกของแกจะหัก ก็ต้องทำงาน!” นักโทษหัวล้านคนนั้นพูดอย่างเย็นชาอีกครั้งเธอรังเกียจคนที่รังแกคนที่อ่อนแอ ครั้งหนึ่ง เธอถูกผู้จัดการโรงงานบังคับจับตัวไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะเธออ่อนแอเพื่อที่จะได้ทำงานต่อ เธอจึงอยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดและเพราะว่าเธอโดนรังแกได้ง่าย ชายคนนั้นเริ่มหนักข้อขึ้นและถึงกับใช้กำลังรุนแรงกับเธอต่อหน้าลูกสาวของเธอเองลูกสาวของเธอตามไปและชกชายคนนั้น แต่เขาผลักเด็กกระเด็นออกไป หัวของเด็กกระแทกเข้ากับกลอนประตู และท้ายที่สุด เธอก็เสียชีวิตคาที่ตรงนั้นเพราะเหตุนี้ เธออดไม่ได้ที่จะฆ่าคนสารเลวนั่นเธอเกลียดพวกคนที่ชอบรังแกคนอื่นที่สุด!“เร็วเข้า!!!” นักโทษหัวล้านคนนั้นคำรามอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งจะทรมานกับความเจ็บปวด เอมิลี่ไม่กล้าสู้กลับ เธอกลับไปที่ที่นั่งของเธออย่างว่าง่าย เธอรู้สึกถึงบางอย่างแทงลึกเข้าไปในแก้มก้นขวาของเธอในตอนที่เพิ่งจะนั่งลงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เธอหน้าซีดในทันที“อ๊ากก!!” เธอกรีดร้องและเด้งตัวขึ้นในทันที และหันไปมองยังบริเวณที่เธอถูกทิ่มมีเข็มสีเงินแทงลึกอยู่ด้านใ
ในยามเย็น อาทิตย์อัสดงได้ย้อมเมืองแอตแลนติสเป็นสีทองพระอาทิตย์ตกดินและทั้งโลกก็หนาวเย็นขึ้นอีกครั้งตึกของเอ็กซ์เอ็นเตอร์เทนเมนต์กำลังสว่างไสวในยามพระอาทิตย์ตกดินภายในห้องทำงานที่แสนอบอุ่น หลังจากที่ไซล่าทำงานเสร็จในวันนี้ เธอจ้องห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารตะวันตก วิธยู อีกครั้งและบอกกับไฟฟ์ แบตตันทางวีแชทต่อมา เธอแต่งหน้าอย่างสบาย ๆ และปล่อยผมลอนผมสีดำขนาดใหญ่ที่นุ่มสลวยคู่กับการแต่งหน้าอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาเสื้อสีขาวสะอาดของเธอเข้าคู่กับกางเกงครอปสีฟ้าอ่อนและเสื้อขนสัตว์สีฟ้าอ่อนตอกย้ำถึงความรู้สึกราวกับสานุศิษย์พระเจ้ารองเท้ารัดส้นสีเงินเน้นย้ำเรียวขาและข้อเท้าอันเรียวยาวสวยของเธอ….อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องเก็บไวน์สามชั้นของการ์เด้น แมนชั่น สแตนลีย์ แฮรี่ เซบาสเตียนและแกรี่หันหน้าเข้าไปที่เคาน์เตอร์ไม้โรสวูด แต่ละคนมีแก้วไวน์แดงอยู่ตรงหน้าแสงไฟสลัวภายในห้องเก็บไวน์ได้เน้นย้ำถึงอารมณ์อันเยือกเย็นของสแตนลีย์เฮนรี่ เซบาสเตียน และแกรี่กำลังดื่มอยู่ แต่มีแค่แก้วไวน์ของสแตนลีย์เท่านั้นที่ยังไม่ถูกแตะขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับการอ่านข้อความวีแชทที่ไซล่าส่งมาหา
เขาได้เจอผู้หญิงดาวยั่วชอบอ่อยชายหนุ่มที่ขับรถหรูตั้งมากมายรอยยิ้มที่ยั่วยวนบนใบหน้าของสาวสวยคนนั้นแข็งทื่อด้วยความรู้สึกตกตะลึงในออร่าของเขากระนั้น เธอไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ ผู้ชายที่ร่ำรวยและสง่างามเช่นนี้คือความฝันของผู้หญิงทุกคน!ถ้าสามารถคว้าใจของเขาได้ เธอคงจะสบายไปตลอดชีวิต“อย่าทำแบบนั้นสิ สุดหล่อ ช่วยฉันหน่อยนะ” สาวสวยคนนั้นกล่าวอย่างยั่วยวนเขายังคงเฉยชา เขาค่อย ๆ หยิบถุงมือการแพทย์สีขาวออกมาจากที่เก็บของหน้ารถโดยไม่พูดอะไร และเดินลงจากรถอย่างรวดเร็วไปดึงประตูฝั่งผู้โดยสารเปิดออกและลากผู้หญิงคนนั้นออกมาหลังจากนั้น เขาถอดถุงมือและโยนลงถังขยะพร้อมกันกับกระดาษทิชชูต้านเชื้อแบคทีเรียทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็วต่อมา เขาก็หันหลังจากไป สาวงามก็โกรธเคืองพลางกระทืบเท้าต่อไป “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย? คนอย่างแฟนนี่ มิทเชลมีพิษงั้นเหรอ? ทำไมถึงต้องสวมถุงมือก่อนจะจับตัวฉันด้วย? ประหลาดคนจริง ๆ!”เมื่อกล่าวเช่นนั้น เธอก็กลอกตาใส่สแตนลีย์เดินเข้าไปในร้านอาหารณ ทางเข้า เขาดึงดูดสายตาของลูกค้าจำนวนนับไม่ถ้วนภายในนั้น บรรดาผู้หญิงทั้งหลายรู้สึกตื่นเต้นและเริ่มปรึกษากันว่าเขาเป็นคนดังและ
โต๊ะอาหารถูกคลุมไปด้วยผ้าไหมสีขาวหิมะ ดอกกุหลาบสีขาวหลายช่อถูกจัดวางอยู่บริเวณกลางโต๊ะภู่สีขาวบริสุทธิ์ห้อยอยู่ตรงปลายของผ้าปูโต๊ะ แสดงให้เห็นถึงความหรูหราแต่เรียบง่ายภายใต้แสงสว่างของโคมระย้าอันงดงาม ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ กลิ่นหอมของกุหลาบที่ฟุ้งกระจายบนอากาศทำให้จิตใจสงบหลังจากที่สั่งอาหารเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ถอดเสื้อคลุมของตนออกและแขวนไว้หลังเก้าอี้ เหลือไว้แต่เสื้อของตัวเองทั้งคู่แต่งตัวในโทนสีขาว ให้ความรู้สึกราวกับคู่รักในตอนนี้“นายจำสิ่งที่ฉันสอนเมื่อวานนี้ได้รึยัง? หรือว่าลืมไปแล้ว?” ไซล่าเริ่มบทสนทนา“จำได้” เขาตอบกลับเบา ๆ กำลังเล่นกับไฟแช็กที่มีกระจกสีดำทั้งหมดด้วยมือเดียวนิ้วของเขาคล่องแคล่วมาก ไม่ว่าเขาจะเล่นมันอย่างไร ไฟแช็กก็ไม่เคยหล่นเนื่องจากเขามีนิ้วที่เรียวยาวและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ การเล่นกับไฟแช็กของเขาจึงดึงดูดความสนใจมากขึ้น มันดูเหมือนเป็นไฟแช็กธรรมดา แต่ดูเหมือนจะแพงกว่าราคาของมันเองเมื่อกลายเป็นของเล่นในมือเขาช่วงเวลาครู่หนึ่ง ไซล่าตกตะลึงขณะที่มองดูเขามองเธออย่างสงบก่อนที่จะดีดนิ้วใส่เธอ “กำลังคิดอะไรอยู่?”จากนั้นไซล่าก็ได้สติ เธอมองใบหน้าที่มี
‘อ้าว งั้นก็อย่ามานะ อยู่ดี ๆ แม่ก็หายเบื่อล่ะ และก็ไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วยนะ’หลังจากนั้น อีกฝ่ายก็ส่งอิโมจิของผู้หญิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งมา…เวลาสามทุ่มไซล่าเดินนำสแตนลีย์เข้าไปในศูนย์การค้าของเมืองแอตแลนติส โกลด์ฟิลด์ พลาซ่าตรงเวลาแม้ในช่วงโมงนี้ ห้างก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน สิ่งนี้ทำให้ดูมีชีวิตชีวาอย่างมากกระนั้น ไม่ว่าฝูงชนจะกลุ่มใหญ่สักแค่ไหน พวกเขาทั้งสองก็ยังเป็นตัวตนที่น่าทึ่งที่สุดท่ามกลางคนอื่น ๆ ทั้งสองดึงดูดสายตาทุกคู่ราวกับเพชรสองเม็ดงามที่เป็นประกายระยิบระยับเมื่อทั้งสองมาถึงทางเข้า ชายวัยกลางคนที่สวมสูทและมีป้ายชื่อที่อ่านว่า ‘ผู้จัดการทั่วไป’ รีบเข้ามาหาพวกเขาบนมุมซ้ายของคำว่า ‘ผู้จัดการทั่วไป’ คือโลโก้ของโกลด์ฟิลด์ พลาซ่าเมื่อชายคนนั้นเห็นสแตนลีย์ เขากำลังจะโค้งคำนับทักทายกลับกัน สแตนลีย์ส่ายหน้าของเขาเบา ๆ ชายคนนั้นก็เข้าใจและหยุดในทันที เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และจากนั้นก็เดินผ่านสแตนลีย์ไปไซล่าไม่ทันสังเกต สายตาของเธอมุ่งไปยังแบรนด์เครื่องสำอางที่หลากหลายและแบรนด์อัญมณีที่อยู่ชั้นแรกทันทีที่เดินเข้ามาในตัวพลาซ่าทว่า พวกเขาทั้งสองมาท
ต่อมา สแตนลีย์ได้ลองเสื้อผ้าอีกสองเซต แต่ละเซตทำให้เขาดูเหมือนกับนายแบบในโปสเตอร์พนักงานขายชมชายหนุ่มไม่ขาดปาก ณ ขณะเดียวกัน ลูกค้าชายต่างเลือกซื้อแบบเดียวกับที่สแตนลีย์กำลังลองอยู่ทุกชุดทันใดนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินมาถึงชุดสุดท้ายสแตนลีย์เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วและออกมาจากห้องลองชุดเซตสุดท้ายเป็นสูทสีน้ำเงินเข้มคู่กับเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวและกางเกงรัดรูปที่แอบโชว์ข้อเท้าเล็กน้อยรูปทรงที่พอดีตัวแสดงให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบพร้อมกับขาที่เรียวยาวของเขา“เซตนี้ก็ดีนิ!” ไซล่าอึ้งเซตนี้อาจจะเป็นเซตที่ดีที่สุดที่เขาได้ลองก็เป็นได้“แล้วเซตนี้? เธอชอบไหม?” เขาเดินเข้ามาและเอ่ยถามกับเธอ“เซตนี้...อันที่จริงฉันชอบชุดอื่นด้วยเหมือนกันน่ะ” ไซล่าเลือกไม่ถูก หลังจากที่ครุ่นคิดชั่วครู่ เธอกวักมือเรียกพนักงานขาย “เอาทุกชุดค่ะ”หลังจากนั้น เธอก็หันไปหาเขาและพูดว่า “ใส่ชุดนี้ในวันงานแต่งงานนะ อีกสามชุดนายก็ใส่วันธรรมดาก็ได้ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ”เขาไม่พูดอะไรนอกจากกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุดผ้าอย่างเงียบ ๆ เมื่อผู้จัดการห้างเดินผ่านหน้าร้านและได้เห็นฉากนี้ เขาก็งุนงงเป็นอย่างยิ่งหลังจากที
“ฉันสงสัยเรื่องคนที่ทำแบบนั้นโดยไม่ทิ้งชื่อของเขาไว้เหมือนกัน เพื่อที่จะได้รับความช่วยเหลือจากผู้จัดการทั่วไปเป็นการส่วนตัว เขาต้องเป็นบุคคลสำคัญแน่!” “ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ฉันล่ะอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจัง”…ขณะเดียวกัน ในห้องนั่งเล่นของตระกูลซัลลิแวน“ที่รักคะ ทอมด้วย เอมิลี่ยังตั้งท้องหลานของพวกเราอยู่นะ เราจะเมินเฉยกับเธอจริง ๆ เหรอ? ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับเด็กน้อยขึ้นมาล่ะ?”ขณะที่พูดเช่นนี้ เบลีย์หันไปมองทอมที่นั่งข้างเธอและโทนี่ที่นั่งบนโซฟาเดี่ยวอย่างกังวล“ผมถามให้เรียบร้อยแล้วครับ เธออยู่ที่นั่นก็สบายดี และเธอจะได้รับการปล่อยตัวออกมาก่อนวันงานแต่งงาน ไม่ใช่เหรอ? มันก็แค่อีกไม่กี่วันเอง เพราะงั้น ไม่จำเป็นต้องสนเรื่องเธอเป็นพิเศษหรอกครับ เธอได้เรียนรู้บทเรียนแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน”“และแม่ไม่เห็นในสิ่งที่เธอทำลงไปเหรอครับ? เพื่อที่จะให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำให้ธุรกิจของตระกูลเธอตกอยู่ในอันตราย แล้วอนาคตล่ะครับ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอทำให้ตระกูลของเราตกอยู่ในอันตรายบ้างล่ะครับ?” ทอมหงุดหงิด“ทอมพูดถูก ให้เธอได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานบ้างมันก็ดี ไม่อย่างนั้น เธอคงจะทำในสิ
ความคิดเห็นในแง่ลบเกี่ยวกับไซล่า เควสเริ่มรุนแรงมากขึ้นในสิบชั่วโมงต่อมา แม้ว่าไซล่าจะไม่แน่ใจว่ามีกี่คนที่ได้รับสินบนเพื่อเขียนเรื่องพวกนี้ขึ้น และมีกี่คนที่เป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ เธอก็มั่นใจมากว่าไม่ใช่ทุกคนหรอกที่ได้รับเงินสินบนมา พวกเขาบางคนคงได้รับอิทธิพลจากคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมด้วย ไม่แน่ คนเหล่านี้มักจะวิจารณ์คนอื่นอยู่เสมอและเพียงแค่ใช้โอกาสนี้เพื่อระบายความเกลียดชังก็เท่านั้นก็ได้ พวกเขาก็คงเป็นแฟนคลับของจอช แบตตันเช่นกันเนื่องจากคนต่างประเภทที่เข้ามาเกี่ยวข้องและความคิดเห็นแง่ลบมากมาย ไซล่าก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธออ่านนั้นช่างน่ารังเกียจมักมีกลุ่มคนในโลกนี้ที่ได้ความสุขมากจากการพูดทำร้ายคนอื่นผ่านความคิดเห็นแง่ลบบนอินเทอร์เน็ตอยู่เสมอสำหรับคนพวกนี้แล้ว คีย์บอร์ดเป็นเหมือนอาวุธชนิดหนึ่งของพวกเขา พวกเขาชอบระบายความรู้สึกแง่ลบผ่านทางทัศนคติและตรรกะที่ถูกจำกัดและขัดเกลามาจากโลกความเป็นจริงหลังจากที่ดูความคิดเห็นผ่าน ๆ ไซล่าก็ออกจากหัวข้อนั้นจากนั้น สายตาของเธอก็หันไปยังพาดหัวข่าวรองบนรายการหัวข้อยอดนิยมสูงสุด ‘#ไซล่าเควสฮี่ฮี่#’...ไซล่ารู้ว่าความคิดเห็นเหล่านั้นจะน่ารังเกีย
“ชื่อคุณเพราะมากเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” จอร์จจี้ เคลเมนไทน์กล่าว“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” มอร์ตี้ เวย์นกล่าว“คุณอายุเท่าไหร่คะ?” จอร์จจี้ถาม“สิบเก้าครับ ตอนนี้ผมกำลังเรียนดนตรีคลาสสิกที่วิทยาลัยดนตรีแอตแลนติส ผมอยู่ปีสามครับ” มอร์ตี้ตอบตามความจริง“เพิ่มเพื่อนกับฉันทางวีแชทได้เลยนะคะ ถ้าคุณเต็มใจมาร่วมงานกับทางเรา คุณสามารถติดต่อฉันผ่านทางวีแชทได้เลยนะคะ ไม่แน่ คุณอาจสงสัยอยู่หลายอย่างเกี่ยวกับบริษัทของเรา คุณสามารถถามเรื่องพวกนั้นผ่านทางวีแชทได้เช่นกันค่ะ เบอร์โทรศัพท์บนนามบัตรของฉันคือหมายเลขวีแชทค่ะ” จอร์จจี้กล่าว“ครับ” มอร์ตี้กล่าวพลางพยักหน้าอย่างว่าง่าย“อีกเดี๋ยว ผมจะแอดคุณไปนะครับ” เขากล่าวและยิ้มอย่างเป็นสุข ลักยิ้มของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง “ได้ค่ะ งั้นกลับไปทำงานเถอะค่ะ” จอร์จจี้กล่าวพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย“เอาละครับ ผมจะต้องไปแล้วตอนนี้ หัวหน้าเคลเมนไทน์” มอร์ตี้พยักหน้าอย่างนอบน้อมให้กับจอร์จจี้อีกครั้งหลังจากกล่าวจบ มอร์ตี้ก็ส่งยิ้มก่อนจะหันหลังจากไปนอกจากรอยยิ้มของจอช แบตตันแล้ว นี่เป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดที่จอร์จจี้เคยเห็นมอร์ตี้มีรูปร่างท
ขณะที่แมรี่พูด รอยมือบนใบหน้าของเธอก็ยิ่งเห็นได้ชัดขึ้น และก็เริ่มบวมในทันทีอย่างไรก็ตาม ไซล่า เควสไม่สนใจจะทะเลาะกับเธอต่อ ไซล่าดึงมือของจอร์จจี้ เคลเมนไทน์และเริ่มเดินเข้าไปในร้านอาหาร เสียงรองเท้าส้นสูงซึ่งกระทบกับพื้นอย่างชัดเจนได้ประกาศถึงการเดินจากไปของเธอในขณะเดียวกัน แมรี่ก็ตัดสินใจที่จะวิ่งตามพวกเธอไปเมื่อจอร์จจี้เห็นภาพสะท้อนของแมรี่ในผนังกระจก เธอก็รับหันหลังและจ้องแมรี่พร้อมเงื้อหมัดขึ้นแมรี่หยุดในทันทีและไม่วิ่งตามพวกเธออีก กลับกัน เธอกระทืบเท้าบนพื้นอย่างเดือดดาล“ไซล่า เควส แกมันจบสิ้นแล้ว! ฉันล่ะมีความสุขจริง ๆ เลย!” แมรี่ตะโกนอย่างไรก็ตาม ไซล่าก็เมินเธอไปอย่างสิ้นเชิง“ปี๊บ ปี๊บ ปี๊บ一” ทันใดนั้น โทรศัพท์ของแมรี่ก็ดังขึ้น เมื่อแมรี่เห็นว่ามันเป็นหมายเลขที่คุ้นเคย เธอก็รีบขึ้นรถและรับสายด้วยความสงสัย“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าว“ผมจัดการทุกอย่างตามที่คุณขอแล้วครับ” เสียงอันเยือกเย็นของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากปลายสาย“เข้าใจแล้ว ฉันจะโอนเงินให้คุณค่ะ” แมรี่กล่าวก่อนจะวางสายทันทีหลังจากที่ไซล่าและจอร์จจี้เข้าไปในร้านอาหาร พวกเธอก็นั่งโต๊ะข้างหน้าต่างมีเปียโนตั้ง
“เธอดูเหมือนกับสาวบริสุทธิ์ แต่ว่านะ เธอทำเรื่องที่น่าขายหน้ามากขนาดนี้ได้ไงเหรอ? เธอทำให้ประชากรหญิงอับอายขายหน้า แม้แต่ตอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอแบบนี้ ฉันยังรู้สึกเลยว่าเธอช่างน่าขยะแขยง โชคยังดีที่โรคซิฟิลิสและเอดส์ไม่ใช่โรคติดต่อทางการหายใจ ไม่อย่างงั้น ฉันคงจะกลัวไปมากกว่า” แมรี่ ซัลลิแวนกล่าวก่อนจะกลอกตาไปยังไซล่า เควสจากนั้น แมรี่ก็ถอยหลังและรีบส่ายหน้าพร้อมกับทำเสียงน่ารำคาญ เมื่อไซล่าเห็นหน้าของแมรี่ เธอก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นอีกครั้งแมรี่ไร้ยางอายมากเท่าใดถึงเยาะเย้ยเหยื่อของตัวเองหลังจากที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ทรมานของคนคนนั้นได้นะ? แมรี่ปฏิบัติตัวราวกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย“ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนที่ปั้นน้ำเป็นตัวปล่อยข่าวลือเพื่อที่จะทำให้ชื่อเสียงของฉันเสียงหายล่ะก็ ฉันจะให้พวกมันชดใช้เป็นร้อยเท่าเลยค่อยดู” ไซล่ากล่าวอย่างเยือกเย็น“ฮ่าฮ่าฮ่า ข่าวลืองั้นเหรอ? เธอนี่มันตลกจริง ๆ ใครจะเป็นคนคิดข่าวลือแบบนั้นได้?” แมรี่หัวเราะเสียงดังในทันที“ก็เห็นอยู่ตำตาว่ามีคนที่ว่างมากเสียจนไม่มีเรื่องดี ๆ ให้ทำ ฉันเชื่อนะว่าคนใจสกปรกพวกนั้นต้องไม่ตายดีแน่ ๆ เลยแหละ” ไซล่ากล่าวด้วยสาย
“เราต้องรอไปก่อนนะ ฉันคิดว่าคงไม่ใช่แค่แมรี่ ซัลลิแวนบังคับให้คนพวกนั้นแหกปากตะโกนเรื่องพรรค์นั้นออกมาอย่างเดียวหรอก ไม่แน่ อาจไม่ใช่ทุกคนที่โดนนางแมรี่เอาเงินฟาดหัวก็ได้ บางคนอาจไม่ชอบฉันแต่แรก นี่อาจเป็นโอกาสงาม ๆ ที่ทำให้พวกเขาไปเปิดตัวออกมาก็ได้นะ” ไซล่ากล่าวก่อนจะเผยรอยยิ้มแสนขมขื่น“ฟังดูสมเหตุสมผลนะคะ พูดตามตรง คนบางคนเกลียดคนอื่นได้โดยไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะว่าคุณดูมีชีวิตแสนสุขสบาย บวกกับชีวิตของคนพวกนั้นไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น คนพวกนั้นก็เลยเลือกคุณเป็นเป้าหมายที่ใช้ระบายอารมณ์พวกเขาก็ได้นะคะ มนุษย์นี่แย่จริง ๆ แม้บางคนจะบอกว่าปีศาจน่าสะพรึงกลัว แต่ฉันกลับคิดว่าหัวใจของมนุษย์ต่างหากที่น่ากลัวที่สุด” จอร์จจี้กล่าว“ใช่ จิตใจของคนมันซับซ้อนจริง ๆ จอร์จจี้ ว่าแต่ เธอกินข้าวเช้ามายัง?” ไซล่าหันไปมองจอร์จจี้“ไม่ค่ะ ฉันยังไม่ได้ทานเลย ไปทานด้วยกันดีไหมคะ? คุณอาจรู้สึกดีขึ้นมาก็ได้นะ” จอร์จจี้กล่าวขณะจับมือของไซล่าไซล่าพยักหน้าก่อนจะขับออกไปเนื่องด้วยความโกลาหลก่อนหน้า ไซล่าจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีในตอนนี้เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องระบายอารมณ์แม้ว่าไซล่าจะกลับไปที่สำนักงานในทั
“ไซล่า เควส แกคิดว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้ใช่ไหม?” ฉับพลัน หญิงสาวคนหนึ่งก็ตะโกนขณะที่วิ่งมาข้างหน้าและชี้หน้าของไซล่าหลังจากนั้น หญิงคนนั้นก็เงื้อมือขึ้นและจะตบไซล่า กระนั้น ไซล่าก็คว้ามือของผู้หญิงคนนั้นทันเวลาและทุ่มเธอลงกับพื้นข้ามไหล่เธอไปโดยไม่พูดอะไรหรือมีท่าทีที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใดการกระทำของไซล่าทำให้คนรอบ ๆ ตัวเธอเริ่มหวาดกลัว พวกเขาพากันตกตะลึงกับสิ่งที่เธอทำ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนหญิงสาวคนนั้นไม่สามารถตอบสนองได้อย่างทันท่วงทีในตอนที่หญิงสาวคนนั้นตั้งสติได้ เธอก็เริ่มปวดไปทั่วร่างกาย“แก...แกกล้าดียังไงมาทำร้ายฉัน?” เธอชี้ไซล่าขณะพยายามดันตัวเองขึ้น“นั่นเรียกว่าการป้องกันตัว เธอไม่มีปัญญาฆ่าฉันหรอก” ไซล่ากล่าวขณะก้มมองหญิงสาวคนนั้นอย่างสงบ“มีใครอยากจะทำร้ายฉันอีกไหม? เข้ามาสิ ฉันพร้อมสู้พวกคุณคนไหนก็ได้” ไซล่ากล่าวพร้อมขึ้นเสียงขณะจ้องมองดูคนรอบ ๆ ตัวเธออย่างมั่นใจในขณะเดียวกัน คนเหล่านั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ไม่มีใครกล้าขยับด้วยซ้ำ“พวกขี้ขลาดเอ๊ย” จอร์จจี้ เคลเมนไทน์เปล่งเสียงทางจมูกอย่างเยือกเย็น“วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ一”ในตอนนั้น เสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นโดย
เมื่อไซล่า เควสได้ยินคำหยาบมากมาย เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าคนพวกนี้กำลังปล่อยหมัดใส่ศีรษะเธอไม่ยั้งขณะมองไปยังใบหน้าที่โหดเหี้ยมรอบ ๆ ตัว เธอก็คิดว่ามันคงไร้ประโยชน์ที่จะปกป้องตัวเองด้วยสิ่งที่เรียกว่าหลักเหตุและผลความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ไซล่าอึดอัดไม่มีเหตุผลที่จะต้องอธิบายตัวเองให้กับคนพวกนี้เพราะพวกเขาไม่ใช่คนปกติดีดังนั้น ไซล่าดันจอร์จจี้ไปข้าง ๆ ก่อนจะยืนตรงหน้าหญิงวัยกลางคนนั้น“มีกล้องวงจรปิดด้านหน้าทางเข้าของบริษัทของเรา วิดีโอจะแสดงให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน รถของฉันไม่ได้ราคาถูก แค่กระโปรงรถอย่างเดียวมีค่าอย่างน้อยก็หลายแสนดอลลาร์ คุณจะจ่ายฉันด้วยเงินสด หรือจะให้ฉันฟ้องเรียกค่าเสียหายก่อนล่ะ?” ไซล่าถามหญิงวัยกลางคนนั้นตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่ไซล่ากล่าว“หลายแสนดอลลาร์งั้นเหรอ? แกจะปล้นฉันรึไง? จ่ายเงินให้แกงั้นเหรอ? ไม่มีวัน” หญิงคนนั้นกล่าวหลังจากกลืนน้ำลาย“ก็ได้ค่ะ งั้นก็ไม่เป็นไร พอคุณติดคุกแล้ว ฉันจะปล่อยให้กฎหมายจัดการทั้งหมดต่อเอง นอกจากจะต้องติดคุกแล้ว คุณก็จะติดบัญชีดำด้วย ในตอนนั้น ทุกอย่างที่คุณทำในประเทศนี้จะได้รับผลกระทบ คิดให้ดี ๆ นะคะ” ไซล่ากล่
เนื่องจากไซล่า เควสไม่สามารถเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ได้ เธอจึงตัดสินใจจะเลี่ยงพวกเขาแทน ขณะที่ไซล่ากำลังจะสตาร์ทเครื่องยนต์ ทันใดนั้น หญิงวัยกลางคนอ้วนคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นหน้ารถเธอและเริ่มใช้ไม้ยาวทุบฝากระโปรงรถ“ปัง ปัง ปัง…”“ไซล่า เควส นางผู้หญิงหน้าไม่อาย แกกล้าดียังไงมาแตะต้องหนุ่มคนโปรดของฉัน แกคิดว่าแกเป็นใครกัน? ฉันจะฆ่าแก นางแพศยา! ฉันจะฆ่าแก!” หญิงคนนั้นโวยวายขณะที่ยังคงทุบรถของไซล่าต่อไปรอยบุบเริ่มปรากฏขึ้นบนฝากระโปรงรถของไซล่าไซล่าอ้าปากค้างกับภาพที่ได้เห็น แม้ว่าเธอประสบพบเจอคนที่ประสาทไม่ดีมากมาย แต่เธอก็แทบไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนเลยเมื่อไซล่าเห็นท่าสีหน้าที่เดือดดาลและเย่อหยิ่งของผู้หญิงคนนั้น เลือดของเธอก็เริ่มเดือด “นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย? หล่อนมาจากไหน? โรงพยาบาลบ้างั้นเหรอ?” จอร์จจี้ เคลเมนไทน์สาปส่งภายใต้ลมหายใจของเธอในขณะเดียวกัน ไซล่าไม่พูดอะไร สีหน้าของเธอเริ่มเยือกเย็น เธอค่อย ๆ ลงจากรถและเข้าหาผู้หญิงคนนั้นรูปลักษณ์ที่ขัดกันของพวกเธอทำให้ภายนั้นดูโดดเด่นเป็นพิเศษแม้ไซล่าจะดูนิ่ง แต่สายตาของเธอกลับเยือกเย็นมาก“ใครเป็นคนส่งคุณมาทำเรื่องแบบนี้? คุ
หลังจากรับประทานมื้อเช้าเสร็จ ไซล่า เควสก็ขึ้นรถมาเซราติคันสีแดงและขับไปยังสำนักงานใหญ่ของเควส กรุ๊ปเธอเห็นได้ถึงบรรดาชายและหญิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่รวมตัวกันหน้าทางเข้าหลักของสำนักงานจากระยะไกลคนกลุ่มนั้นมีโปสเตอร์คัตเอาต์ขนาดใหญ่ที่มีคำว่า ‘คว่ำบาตรไซล่า เควส’ เขียนไว้ในทุกป้าย“ไซล่า เควส ออกมาอธิบายกับพวกเราเดี๋ยวนี้นะ” พวกเขาตะโกนขณะชูโปสเตอร์ขึ้นกลางอากาศไซล่าคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ว่าเรื่องแย่ ๆ อยู่ในอินเทอร์เน็ตมากเท่าใดก็ตาม แต่ไซล่าก็คงไม่ประหลาดใจ แต่กระนั้น ไซล่ารู้สึกมึนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตจริงของเธอ มันเห็นได้ชัดว่า แมรี่ ซัลลิแวนได้ติดสินบนคนส่วนใหญ่เหล่านี้เพื่อสร้างความวุ่นวายที่นี่แมรี่ไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้เรื่องมาไกลขนาดนี้ด้วยกลุ่มของแฟนคลับพวกนั้นเพียงอย่างเดียว ในตอนแรก ไซล่าคิดว่ามันคงจะวุ่นวายแค่ในอินเทอร์เน็ต เธอไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องต่าง ๆ จะเลวร้ายจนถึงขั้นเกี่ยวข้องกับโลกแห่งความจริงเช่นนี้เมื่อเห็นความคิดเห็นแง่ลบและเห็นเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ช่างเป็นสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อ