รู้ว่าอู๋ไป๋ตกอยู่ในมือของแคว้นตงซาน ท่าทีเฟิ่งจิ่วเหยียนกลายเป็นเยือกเย็นขึ้นมาทันที เซียวอวี้จับมือของนางอย่างแผ่วเบา“เราไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก เพราะกลัวเจ้า...”“เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขัดจังหวะขึ้นมา พร้อมถามตามตรง เซียวอวี้พูดปลอบโยน “จากข่าวที่ได้มาในตอนนี้ เขาเพียงถูกล้อมไว้ คนน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เจ้าวางใจ เราได้ส่งคนไปช่วยเหลือแล้ว เชื่อว่าไม่ช้าก็จะช่วยคนออกมาได้”“อู๋ไป๋รอไม่ไหว” สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนตึงเครียดนางลุกขึ้นมา หันไปพูดกับเซียวอวี้ “วิธีที่รวดเร็วที่สุด คือไปหาถานไถเหยี่ยน”ในวันเดียวกันฮ่องเต้รับสั่งให้ถานไถเหยี่ยนเข้าวังด่วนเขาเข้ามาในห้องทรงพระอักษร เห็นฮองเฮาก็อยู่ด้วยเพราะกำลังตั้งครรภ์ ท้องน้อยนูนเล็กน้อยเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยเป็นคนท้อง แต่ก็เคยเห็นมาไม่น้อยยามนี้นางเลียนแบบรูปร่างของคนท้องได้อย่างแม่นยำ ท่าทีผ่อนคลาย หากคอยห่วงใยลูกในครรภ์อยู่ตลอดเวลา ถานไถเหยี่ยนถวายความเคารพฮ่องเต้กับฝ่าบาทหลายวันก่อน เขาตามหา “ใยแมงมุม” ที่เหลือมาตลอด ร่วมมือกับตงฟางซื่อได้เป็นอย่างดีสองวันนี้กลับมาเมืองหลวง มาเอายาถอนพิษยาส
เทียนยาวลุกไหม้ตลอดคืน ในตำหนักหย่งเหอเต็มไปด้วยความรักไร้การหลับไหลทั้งคืนวันรุ่งขึ้น ครั้นเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา มองไปที่คนยังนอนหนุนแขนตนเอง ด้วยสีหน้าอิ่มเอม ก้มศีรษะจูบแก้มนาง แล้วก็ปัดไรผมบนหน้าผากนางที่ยุ่งเหยิง จับจ้องนางอย่างรักใคร่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยครึ่งค่อนคืน ดึกมากแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนค่อยนอนหลับไม่ง่ายที่จะได้ผ่อนคลาย วันนี้นางนอนจนตะวันโด่งฟ้าหว่านชิวเดินเข้ามาในตำหนัก ยกน้ำร้อนมาคอยปรนนิบัติฮองเฮาล้างหน้าแต่งตัว“ฮองเฮา หมอหลวงเจิ้งขอเข้าเฝ้าเพคะ รออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า นวดเอวที่ปวดเมื่อยเวลาผ่านไปสองเค่อ หมอหลวงเจิ้งถูกพาเข้ามาเขาถวายความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งบนตำแหน่งประมุข น้ำเสียงอ่อนโยน“หมอหลวงเจิ้งมาหาข้าอย่างรีบเร่ง มีเรื่องสำคัญอันใด?”“กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งจริง วันนี้ได้กราบทูลรายงานฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทยุ่งกับงานราชกิจ จึงให้กระหม่อมมายังตำหนักหย่งเหอ กราบทูลรายงานฮองเฮาโดยตรงอีกครั้ง” หมอหลวงเจิ้งอายุมากแล้ว เส้นผมเป็นสีขาวหมดแล้วทว่าทั่วทั้งสำนักหมอหลวง ด้านทักษะทางการแพทย์ ไม่มีผู้ใ
ภายใต้สายตาเร่าร้อนของเซียวอวี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกล่องผ้าแพรข้างในมีมีดทองเล่มหนึ่ง ยังมีจดหมายลายพระหัตถ์ของประมุขแคว้นซีหนี่ว์หนึ่งฉบับเซียวอวี้ยังไม่ดูจดหมาย เมื่อเห็นมีดทองเล่มนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมีดทองเป็นสิ่งของมีเฉพาะราชวงศ์แคว้นซีหนี่ว์ ใช้สำหรับมอบให้ผู้มีพระคุณ คนรู้ใจ และใช้เป็นสินสอดสู่ขอนี่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์หมายความว่าอย่างไร!เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ความจริงลูกตาเอียงไปด้านข้าง จ้องมองทางด้านเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดจดหมาย เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เก็บพับไว้ครั้นเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสายตาไม่พอใจของเซียวอวี้“ท่านอยากดู?”เซียวอวี้นั่งตัวตรง: “ก็ไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ความคิดในใจเขาเป็นอย่างดี จึงอธิบาย“ประมุขแคว้นมอบมีดทอง เพื่อขอบคุณที่หม่อมฉันช่วยสงบศึกวุ่นวายภายใน”สีหน้าเซียวอวี้ทำเป็นไม่ใส่ใจ“เรารู้“เจ้าเป็นฮองเฮาของเรา ยังเป็นสตรี ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มอบมีดทอง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสินสอด เรามีอันใดต้องคิดมาก”เฉินจี๋ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นมา“ฝ่าบาท ท่าทีกระหม่อมทราบ ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ท่านนั้นชอบทั้งชายและ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามอาภรณ์อัปลักษณ์ในตำหนักจื้อเฉิน ถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนโยนทิ้งไปทั้งหมดต่อให้เป็นเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ยากที่จะสงบสตรีปกติคนไหนสามารถรับได้ ผู้ชายของตนเองแต่งตัวราวกับหนุ่มน้อยยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงจักรพรรดิตอนที่นางโยนเสื้อผ้า จักรพรรดิหนุ่มก็ตามอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรผิด จนทำอะไรไม่ถูก“จิ่วเหยียน ชุดนี้ดีอยู่นะ...”“ฮองเฮา มิต้องโยนแล้ว ตัวนี้เราชอบมาก”“ตัวนี้โยนไม่ได้ เจ้าเคยพูดว่า ชอบดูเราสวมใส่...”แต่แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ที่ควรทิ้งก็ยังคงทิ้งเฟิ่งจิ่วเหยียนโกรธมาก ถอดที่เขาสวมใส่อยู่ออกมาด้วยตนเองต่อให้เป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังคงไม่สามารถระงับความโกรธได้นางเดินมาถึงด้านนอกตำหนัก กวาดสายตามอง แส้สีแดงในมือหลิวซื่อเหลียงหลิวซื่อเหลียง: แววตาของฮองเฮา น่ากลัวมาก...เฟิ่งจิ่วเหยียนแย่งเอาแส้นั้นมา“หัวมงกุฎท้ายมังกร! ข้าไม่เคยเห็นแส้สีแดง! อันนี้ก็เผาไปเสีย! !”หลิวซื่อเหลียงคุกเข่าลง “ตุบ” ปากตะโกนว่า“ฮองเฮา เผามิได้พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทตรัสว่า นี่เป็นสิริมงคล...”ในใจกลับคิดว่า: เผาได้ดี! ฮองเฮาต่างหากที่เ
แต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉี ภัยพิบัติครั้งนี้ รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เซียวอวี้เพิ่งครองราชย์ หลายแคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นหนานฉีเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันต่อให้มีการเตรียมการปกป้องแล้ว ทว่า วันนี้ก็มาถึงเร็วเกินไปเซียวอวี้สมกับที่เป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน ศัตรูมาขวางหน้า ไม่มีความกระสับกระส่ายแม้เพียงนิดเขามีรับสั่งอย่างสุขุมใจเย็น“เฝ้าปกป้องสี่ชายแดนอย่างเข้มงวด เตรียมเสบียงอาหาร เตรียมปืนหอกไฟ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ยามนี้ ชายแดนแคว้นหนานฉี กองทัพแต่ละแคว้นรวมตัวกันชายแดนเหนือมีเป่ยเยี่ยน ตลอดจนสามแคว้นเล็กที่อยู่ภายใต้เป่ยเยี่ยนชายแดนตะวันออกมีแคว้นต้าเซี่ยเป็นผู้นำรวบรวมกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นชายแดนใต้ ทหารพันธมิตรที่เมื่อไม่นานถูกโจมตีล่าถอยหวนกลับมา ยังมีแคว้นหนานชางที่พักฟื้นมาหลายปี มีทหารม้าเป็นจำนวนมากรวมอยู่ด้วยชายแดนตะวันตกก็มีสองแคว้นเล็ก รวบรวมกำลังทหาร ทั้งหมดสามหมื่น ยังมีกองทัพหกหมื่นนายของแคว้นซีหนี่ว์ติดตามอยู่ข้างหลังพวกเขาเคลื่อนทัพมายังสี่ชายแดนแคว้นหนานฉี ทำการโอบล้อม มากันอย่างดุเดือดเหล่าทหารที่เฝ้าปกป้องชายแดน ไม่เคยเห็นเช่นนี้แคว้นใหญ่เล็กนับรวมก
คนสนิทของแคว้นประมุขซีหนี่ว์แบ่งออกเป็นสองพรรค พรรคแรกคือแม่ทัพป้องกันเมืองหูย่วนเอ๋อร์เป็นผู้นำ คอยปกป้องประมุขแคว้น ให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของประมุขแคว้นรวมถึงครั้งนี้ที่ต่อหน้าโจมตีแคว้นหนานฉี ความจริงนั้นเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีขุนพลอื่นหลายคนกลับมีความคิดอื่นพวกนางคิดว่า แคว้นซีหนี่ว์ไม่ควรให้การสนับสนุนแคว้นหนานฉี“ประมุขแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านควรปรึกษาพวกกระหม่อมตั้งแต่แรก! ค่อยทำการตัดสินใจ! เห็นได้ชัดว่าแคว้นหนานฉียากที่จะเอาตัวรอด แคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นที่จะถูกลากลงน้ำไปด้วย!”“ท่านประมุขแคว้น ขอท่านทรงเปลี่ยนกลยุทธ์แสร้งโจมตี กลับมาร่วมมือกับแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉีเถอะ!”“ท่านประมุขแคว้น สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจน โอกาสที่แคว้นหนานฉีจะชนะนั้นมีน้อยมาก อาศัยเพียงกำลังแคว้นเดียว ไม่มีทางเอาชนะกองกำลังทหารสิบกว่าแคว้นได้ เป็นพันธมิตรกับเป่ยเยี่ยนจะดีกว่า!”ไม่ว่าพวกนางจะโน้มน้าวยังไง ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงยืนหยัดความคิดตนเองนางนั่งบนเก้าอี้สูงศักดิ์ สีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงไม่ให้ได้ขัดขืน“เราจะคอยดู แ
สงครามชายแดนเริ่มแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไปทำราชกิจที่เมืองอานเพิ่งออกจากเมือง ก็ถูกนายท่านเฟิ่งไล่ตามมาทันสีหน้านายท่านเฟิ่งราวกับไว้ทุกข์ให้กับลูก คว้าจับแขนของนาง ไม่ยอมให้นางไป“ฮองเฮา! ตอนนี้เจ้าเป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะไปที่ใด!”เขาเน้นย้ำสถานะของนาง ให้นางมีสติ...นางไม่ใช่แม่ทัพน้อยเมิ่งของค่ายเป่ยต้าอีกต่อไปแล้วต่อให้ทำศึก ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางไปสนามรบต่อสู้ศัตรูยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และข้างในท้องอาจจะเป็นโอรส เป็นรัชทายาทในอนาคต!สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้ คือปกป้องเด็กคนนี้ไว้นอกเมืองไม่มีใครอื่น เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีราชกิจที่จะต้องไปทำ น้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา“ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทหาร ส่งใต้เท้าเฟิ่งกลับจวน”“ขอรับ!”ข้างกายนางมีองครักษ์ติดตามนับสิบคน ล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินคิดอยากพาตัวคนไม่มีวรยุทธอย่างนายท่านเฟิ่งไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยนายท่านเฟิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ“เจ้าจักเอาแต่ใจเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! เด็กคนนี้เป็นความหวังตระกูลเฟิ่ง!”กองทัพอินทรีเหินรีบปิดปากของเขา พร้อมหิ้วตัวเขาไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หันกลับมามอง กลับขึ้นไปบนรถม้า
เที่ยงคืนสถานที่พักแรมของถานไถเหยี่ยน เหล่าทหารปิดล้อมข้างนอกข้างในสามชั้น หนาแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ภายในห้องอักษรเทียนข้ารับใช้เร่งเร้าถานไถเหยี่ยน“นายท่าน รีบไปเถอะขอรับ!”ข้างในห้องไม่มีไฟ ถานไถเหยี่ยนนั่งอยู่ในความมืด แต่งกายเรียบร้อย ราวกับรอวันนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเขายืดหลังตรง นิ้วเรียวยาวขาวเย็นเปิดสมุดภาพบนโต๊ะแผ่นแล้วแผ่นเล่า เคลื่อนไหวอยู่อย่างเชื่องช้า“นายท่าน!” ข้ารับใช้ได้ยินเสียงทหารกำลังขึ้นบันไดมา ก็ยิ่งร้อนใจน้ำเสียงถานไถเหยี่ยนเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน“หนีไม่พ้นหรอก”เขาได้ยิน คนที่มาคืนนี้ มีจำนวนมากมายถึงแม้ว่าสามารถหนีออกจากสถานที่พักแรมนี้ได้ ข้างนอกก็ยังมียอดฝีมืออีกมากมายปัง!บานประตูห้องถูกคนพังอย่างป่าเถื่อนแสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามา สาดสายตาถานไถเหยี่ยนอย่างแหลมคมเขากับเฟิ่งจิ่วเหยียน ถือได้ว่ารู้ใจกันความจริง วันนี้ตอนที่เจอนางในเมืองอาน เขาก็เดารู้แล้วว่านางคิดจะทำอะไรทหารผู้นำตะโกนขึ้นมา “จับกุมตัวถานไถเหยี่ยน!”ถานไถเหยี่ยนไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใดเขาลุกขึ้นมาด้วยตนเอง“ไม่ทราบว่าข้ากระทำผิดโทษฐานใด?”เหล่า
เฟิ่งจิ่วเหยียนอุ้มลูก ยืนอยู่บนที่สูง แววตาสุขุมแน่วแน่“หากข้าอยากว่าราชการหลังม่าน แล้วเหตุใดจะไม่ได้?”เมื่อคำนี้พูดออกมา ทุกคนต่างส่งเสียงเกรียวกราว“ฮองเฮา ท่านก็ไม่ต่างอะไรกับให้แม่ไก่มาขันในตอนเช้า นั่นฝ่าฝืนกฎเกณฑ์!”“ขออภัยกระหม่อมขอคัดค้าน!”ไทฮองไทเฮามีสีหน้าโรยรา มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียน แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอาฮองเฮาทำเช่นนี้ มันเสี่ยงมากเกินไปพูดตรงขนาดนี้ ขุนนางคนไหนจะยอมรับได้?เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น จึงวางองค์ชายลงบนบัลลังก์“ไม่ต้องกล่าวถึงว่าฝ่าบาทยังไม่เสด็จสวรรคต ถึงแม้ว่าท่านเป็นอะไรไปจริง ๆ ก็ยังมีองค์ชายสืบราชบัลลังก์ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถึงเวลาสำหรับทุกท่านหรอก“วันนี้พวกเจ้าต่างพูดกันเซ็นแซ่ ราวกับอยากวางแผนชิงบัลลังก์เลยนะ!”ทหารคนหนึ่งโต้กลับไปอย่างฮึกเหิม“ฮองเฮา พวกกระหม่อมบริสุทธิ์ใจ กลับถูกท่านหยามเกียรติเช่นนี้! พวกกระหม่อมไม่ยอม!”ท่านอ๋องผู้หนึ่งมองไปทางไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า ท่านพูดอะไรบ้างสิ!”เด็กทารกจะไปทำอะไรได้? คุ้มครองแผ่นดินไหวหรือ?จู่ ๆ ไทฮองไทเฮาก็บอกว่าปวดหัว แล้วให้สาวใช้ประคองตัวเองออกไปเหล่าท่านอ๋องต่
แคว้นหนานฉีณ เมืองหลวงเรื่องที่ฮองเฮากลับวัง และให้กำเนิดฝาแฝด ใต้หล้าต่างรู้กันถ้วนหน้าอย่างรวดเร็วในวังหลวง ไทเฮาทั้งดีใจที่องค์ชายถือกำเนิดขึ้นมา ทั้งกังวลเรื่องฝาแฝดนางเรียกฮองเฮามาที่ตำหนักฉือหนิง ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกับอีกฝ่าย“หากราชวงศ์มีฝาแฝด โดยเฉพาะองค์ชาย เช่นนั้นก็ต้องส่งคนหนึ่งออกไปนอกวัง“ฮองเฮา ข้ารู้ ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนคือเลือดเนื้อ แต่เพื่อราชวงศ์ เจ้าต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”ขนาดตอนนั้นตระกูลเฟิ่งมีลูกแฝดยังทอดทิ้งหนึ่งคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงราชวงศ์ใบหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ กล่าวเหมือนไม่ได้ยิน“เด็กทั้งสองคน จะไม่มีใครถูกส่งออกไปทั้งนั้น”เซียวอวี้เองก็เคยพูด เขาจะปกป้องลูกของตัวเองไทเฮารู้เป็นอย่างดีว่าการเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กฎก็เป็นเช่นนี้“ฮองเฮา อย่าหาว่าข้าใจร้ายเลย แม้นข้าจะยินยอม ขุนนางใหญ่เหล่านั้นก็คงไม่ยอมอยู่ดี“วันนี้อยากให้เจ้าเตรียมพร้อม“สุดท้ายเจ้าก็ต้องตัดสินใจ”วังหลังเหล่านางสนมรวมตัวกัน ต่างคนต่างมีความคิดแตกต่างกัน“มีคนบอกว่าฝ่าบาทเกิดเรื่อง จริงหรือไม่?”“มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเรื่อ
เซียวอวี้ที่ยังคงคอพับไร้เรี่ยวแรง ยกยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างถากถางเขาไม่พูดอะไร ท่าทางทะนงองอาจคนที่อยู่ตรงหน้าแนะนำตัว “ข้าคือองค์ชายสี่แห่งแคว้นเป่ยเยี่ยน ครั้งนี้มาเป็นตัวแทนของเสด็จพ่อ เพื่อแสดงไมตรีในฐานะเจ้าบ้านต่อฮ่องเต้หนานฉี”เมื่อองค์ชายสี่มองส่งสัญญาณ ข้ารับใช้ก็นำอาหารเข้ามาเซียวอวี้ไม่แม้แต่จะมององค์ชายสี่มีความอดทน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม“ฮ่องเต้หนานฉี พวกเราแคว้นเป่ยเยี่ยนเชิญท่านมาเป็นแขกด้วยความจริงใจ“เพียงแต่ข้างนอกอันตรายเกินไป จึงได้แต่จัดให้ท่านอยู่ที่นี่“ท่านวางใจเถิด รอให้แคว้นเป่ยเยี่ยนขับไล่กองทัพแคว้นหนานฉีออกไปจนได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา ย่อมปล่อยตัวท่านกลับไป”ริมฝีปากบางของเซียวอวี้ยิ้มเยาะเบา ๆพูดเสียดูดี ที่จริงก็แค่เอาเขาเป็นตัวประกัน ทำให้กองทัพแคว้นหนานฉีต่อต้านไม่ได้ก็เท่านั้นองค์ชายสี่เห็นเขาเยือกเย็นเพียงนี้ จึงขอตัวไปก่อนทว่าเมื่อออกมาด้านนอก องค์ชายสี่ก็พูดอย่างเย้ยหยัน“ตกเป็นเชลยแล้วยังจะโอหังเพียงนี้!”ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างกายเขาพูด“องค์ชาย ฝ่าบาททรงมอบหมายเรื่องนี้ให้ท่าน ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป ได้ยินว่าฮ่องเต้หนานฉีผ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองภาพรวมเป็นสำคัญ จึงต้องกลับแคว้นหนานฉีก่อนอู๋ไป๋วิตกกังวล“ท่านประมุข กระหม่อมกลัวว่านักฆ่าพวกนั้นจะลงมือกับท่านด้วยพ่ะย่ะค่ะ”ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าท่านประมุขเพิ่งจะคลอดลูก จะทนรับแรงสั่นสะเทือนจากการเดินทางได้เช่นไร?สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชา“กลับแคว้นหนานฉี”ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ต้องกลับไปกลัวก็กลัวแต่ เป้าหมายของนักฆ่าพวกนั้นคือก่อกวนแคว้นหนานฉี นางจะปล่อยให้พวกเขาสมหวังไม่ได้เด็ดขาดก่อนที่จะตามหาเซียวอวี้เจอ นางจะต้องช่วยเขาปกป้องแคว้นหนานฉีเอาไว้ให้ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการเรื่องในแคว้นซีนี่ว์ไว้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงว่าจะจัดการขับไล่กองทัพแคว้นเป่ยเยี่ยนอย่างไร ไปจนถึงผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นคนใหม่ด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ประมุขคนใหม่ใช้อำนาจอย่างเผด็จการ นางจึงจัดตั้งนโยบายสามประมุขขึ้นในบรรดาสามคนนี้ มีคนหนึ่งเป็นบุรุษทำเช่นนี้จะได้ปลอบโยนเหล่าบุรุษในแคว้นซีนี่ว์ ป้องกันไม่ให้พวกเขาสร้างเรื่องวุ่นวายอีกเฟิ่งจิ่วเหยียนออกเดินทางกลับแคว้นหนานฉีอย่างรวดเร็วแม้ว่าหูย่วนเอ๋อร์จะตัดใจไม่ลง ทว่านางก็รู้ดีถึงความเร่งด่วนในเรื่องนี้
ประตูตำหนักเปิดออก นางกำนัลเดินออกมาจากด้านในแล้วพูดกับหูย่วนเอ๋อร์: “ท่านแม่ทัพ ท่านประมุขคลอดองค์ชายพระองค์หนึ่งออกมาอย่างปลอดภัยเพคะ”ที่แคว้นซีหนี่ว์ มีเพียงองค์หญิงเท่านั้นที่จะสืบทอดตำแหน่งประมุขได้ ดังนั้นองค์ชายผู้นี้จึงไม่เป็นที่ต้องการทว่าหูย่วนเอ๋อร์ยังคงรู้สึกขอบคุณสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง“องค์ชายก็ดี ปลอดภัยก็ดีแล้ว”ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสายเลือดเชื้อพระวงศ์เพิ่งจะพูดจบ หมอตำแยข้างในก็ร้องตะโกนอย่างตกใจ“ยังมีอีกพระองค์หนึ่ง!”ที่แท้ท่านประมุขก็ทรงตั้งครรภ์ฝาแฝดนี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกคนแววตาหูย่วนเอ๋อร์มีความยินดีและการเฝ้ารอพาดผ่านหวังว่าจะเป็นแฝดชายหญิงหากเป็นองค์หญิง อนาคตย่อมสามารถสืบทอดตำแหน่งประมุขแคว้นได้ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนนึกไม่ถึงว่าคลอดออกมาแล้วคนหนึ่ง แล้วยังมีอีกคนโชคดีที่นางเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังใช้แรงไปไม่หมดก่อนหน้านี้เป็นเพราะตำแหน่งครรภ์ไม่ตรงจึงคลอดยากคนที่สองนี้กลับคลอดง่ายกว่ามาก ทว่าตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว ร่างกายส่วนล่างบวมเสียจนเหมือนว่าเนื้อส่วนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปจนกร
เคร้ง!พู่กันในมือเฟิ่งจิ่วเหยียนหล่นลง นางมองอู๋ไป๋ด้วยสีหน้าเย็นชา“พวกเฉินจี๋เล่า!”อู๋ไป๋ส่ายศีรษะ“เฉินจี๋เองก็หายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ ไม่ง่ายเลยที่จะส่งข่าวนี้กลับมา! ท่านประมุข พวกเราทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายแต่ก็ไม่ตื่นตระหนก หลังจากสงบอารมณ์ลงได้อย่างรวดเร็วก็สั่งอู๋ไป๋“สั่งการลงไปให้ทุกจวนในแคว้นซีหนี่ว์ตามหาพระสวามี“พร้อมทั้งส่งองครักษ์ลับทุกคนออกไป รวมถึงกองทัพอินทรีเหิน“ให้พวกเขาตามหาฝ่าบาทตามแนวชายแดน!”อู๋ไป๋รีบไปจัดการตามคำสั่งหากเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่!หลังจากอู๋ไป๋ออกไป เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าฝ่ามือของตนเต็มไปด้วยเหงื่อฎีกาบนโต๊ะนางก็ดูไม่รู้เรื่องแล้วทุกอย่างที่คิด มีแต่เรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของเซียวอวี้เป็นไปได้มากว่าคนที่ลงมือรู้ถึงฐานะของเขาดีเฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม หน้าซีดไร้เลือดไม่นานอู่ไป๋ก็กลับมา“ท่านประมุข จัดการเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ยังมีองครักษ์ที่มาส่งข่าวผู้นั้น ท่านต้องการพบเขาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เขาพูดจบแล้ว ทว่ากลับไม่ได้ยินท่านประมุขตอบอะไรอู่ไ
พรุ่งนี้เซียวอวี้ก็ต้องเดินทางกลับแคว้นหนานฉีแล้ว คืนนี้เขานอนกอดเฟิ่งจิ่วเหยียน ทั้งคืนไม่อาจหลับตาลงได้เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนท้องของนาง สัมผัสกับการเคลื่อนไหวในครรภ์ที่มีอยู่บางเวลาหากเวลาหยุดลงตรงนี้ได้ ก็คงจะดีทว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงเขายังคงเป็นฮ่องเต้แคว้นหนานฉี ไม่อาจเห็นแก่ความรู้สึกส่วนตัว ละเลยความปลอดภัยของแคว้นได้เฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็นอนไม่หลับนางกุมแขนของเขาเบา ๆ พูดด้วยน้ำเสียงสงบและอ่อนโยน“อย่างมากสุดหนึ่งเดือน หม่อมฉันก็จะกลับแคว้นหนานฉีเพคะ”เซียวอวี้จุมพิตซอกคอนาง “ได้ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไม่ผิดคำพูด”ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มไปด้วยฝน ยากที่ท้องฟ้าจะปลอดโปร่งวันที่สอง ในที่สุดเซียวอี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ววันนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ว่าราชการ นางนั่งรถม้าไปส่งเขาออกจากเมืองด้วยตนเองข้างกายเซียวอวี้มีองครักษ์ติดตามมากมาย ส่วนเหล่าองครักษ์เงา เขาล้วนให้อยู่กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ให้พวกเขาคอยปกป้องฮองเฮาและเด็กให้ดีส่งกันพันลี้ ก็ต้องจากกันเซียวอวี้กำชับหลายเรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการกินข้าวและการนอน
ในใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพลุ่งพล่านด้วยเพลิงอารมณ์อันร้อนแรง นางเม้มริมฝีปาก พูดกับเซียวอวี้“เราเป็นสามีภรรยากัน ข้าย่อมมิอาจทำใจห่างจากท่านได้ “แต่ราชการบ้านเมืองประดุจเพลิงโหมกระหน่ำ จะให้ข้ามีจิตห่วงใยแต่เรื่องรักใคร่ได้อย่างไร? “ฝ่าบาท ท่านก็เช่นกัน อย่าได้พูดสิ่งที่หามีสาระไม่ เร่งจัดการราชกิจให้เป็นกิจจะลักษณะเถิดเพคะ...”นางพลางพูด พลางถอยออกจากอ้อมกอดของเขา บีบคั้นให้เขาจำต้องให้ความสำคัญแก่งานราชกิจก่อนสิ่งอื่นใดเซียวอวี้จ้องนางนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างอดกลั้น“ได้”พูดจบ เขาก็หมุนตัวออกจากห้องทรงพระอักษร เหมือนกลั้นลมหายใจไว้ มิคาดหวังคำปลอบประโลมจากนางอีกต่อไปด้านนอกตำหนัก เซียวอวี้ยืนท่ามกลางลมห้วงราตรี สัมผัสได้ถึงไอสังหารเยือกเย็นของแคว้นซีหนี่ว์สายตาของเขาทอดมองไกลลิบ สั่งเฉินจี๋ด้วยสีหน้าเรียบเฉย“เตรียมรถม้า พรุ่งนี้กลับแคว้นหนานฉี”สีหน้าเฉินจี๋ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใด ๆ แต่ในใจกลับแอบลิงโลด ในที่สุดก็ได้ออกจากแคว้นซีหนี่ว์แล้วเฉินจี๋ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม “จะให้จัดหมอตำแยติดตามไปด้วยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เผื่อฮองเฮาประสูติกลางทา
เฟิ่งจิ่วเหยียนจำลายมือในกระดาษนั้นได้แน่ชัด ว่าเป็นลายมือของเลี่ยอู๋ซิน เลี่ยอู๋ซินเป็นสหายสนิทของเมิ่งสิงโจวศิษย์พี่ของนาง ก่อนหน้านี้เพื่อสืบหาความจริงคดีมนุษย์โอสถ นางเคยติดต่อกับเลี่ยอู๋ซิน ได้ข่าวว่าหลังจากความจริงกระจ่าง เลี่ยอู๋ซินก้ไปยังแคว้นตงซาน ไล่ล่าซุนโฉวที่เป็นหัวหน้ากลุ่มมนุษย์โอสถที่หลงเหลือ ครั้งนี้เขาส่งข่าวสารมาโดยมิได้ปรากฏตัว ดูท่าออกจะลึกลับพิกลอยู่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากมีสิ่งใดเคลื่อนไหวผิดแผก ไยไม่เขียนบอกให้ชัดเจนโดยตรง?”นางก้มมองข้อความ เซียวอวี้ผู้ยืนอยู่ข้างตัวนางคาดคะเน “เลี่ยอู๋ซินอาจไม่สะดวกปรากฏตน หรือผู้ที่ส่งข่าวครั้งนี้ มิใช่เขาเองก็เป็นได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนโน้มเอียงไปทางข้อสันนิษฐานประการหลังมากกว่า อาจเป็นเลี่ยอู๋ซินมอบหมายให้คนนำข้อความมา หากมิใช่เช่นนั้น คงไม่จำต้องปิดบังอำพรางถึงเพียงนี้“แคว้นตงซาน…” เฟิ่งจิ่วเหยียนพึมพำในลำคอ ครานั้นแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉี ก็เพราะแคว้นตงซานเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เห็นได้ชัดว่าความทะเยอทะยานของพวกเขาไม่ธรรมดา ยามนี้แคว้นตงซานเคลื่อนไหวผิดแผก เกรงว่า