แชร์

บทที่ 782

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ประตูกลางเปิดออก เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมเครื่องแบบฮองเฮา มงกุฎหงส์งดงามเลอค่า ทว่าก็มิอาจข่มบุคลิกของตัวนางได้

และเพื่อสะดวกต่อการประกอบพิธีการ จึงเปลี่ยนจากผ้าคลุมหน้ามาเป็นม่านปิดหน้าแทน

ม่านมุกและพู่ห้อยกวัดแกว่งไปตามการเดิน ใบหน้าที่อยู่ด้านล่างมองเห็นเพียงราง ๆ

เหล่าขุนนางมองมาที่นาง พลันโน้มศีรษะแสดงความเคารพในทันใด

บุคคลผู้นี้มิเพียงเป็นฮองเฮา ยังเป็นแม่ทัพน้อยที่คอยปกป้องชายแดนเหนือมานานแรมปีด้วย

เซียวอวี้กำลังจะก้าวไปข้างหน้าโดยมิรู้ตัว หลิวซื่อเหลียงจึงรีบเอ่ยเตือนเบา ๆ

“ฝ่าบาท ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”

เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาว ด้านหลังคือองครักษ์ติดตาม และสินเดิมที่ติดตัวมา นับว่าเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการ

งานอภิเษกสมรสของฮ่องเต้และฮองเฮา จะมีเหตุการณ์สำคัญอยู่สามเหตุการณ์ นั่นคือ พิธีรับการแต่งตั้ง ฮ่องเต้และฮองเฮาบูชาสวรรค์ และสุดท้ายถึงจะเป็นพิธีการของสามีภรรยา

ดังนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหยุดอยู่หน้าบันไดเก้ามังกร เพื่อรอรับการแต่งตั้งก่อน

ขุนนางที่ดำเนินพิธีการแต่งตั้งยืนอยู่หน้าขั้นบันได กางพระราชกฤษฎีกาออก พร้อมกับอ่าน

“ในฐานะฮ่องเต้ จำต้องแต่งตั้งฮองเฮา เพื่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (20)
goodnovel comment avatar
อุมาภรณ์ ศรีม่วง
ทำไมดูตอนอื่นไม่ได้
goodnovel comment avatar
Karitta Suoy BP Fo
มิสู้เข้าหอให้รู้แล้วรู้รอดกันเลยทีเดียว 5555 ปลื้มปริ่มค่ะ
goodnovel comment avatar
Lumyai Sananrum
เรื่องนี้อีกกี่ตอนจึงจะจบคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 783

    ทุกคนแหงนหน้าขึ้นไป เห็นเพียงภายใต้แสงอาทิตย์ มีเมฆขาวกลุ่มหนึ่งกลายเป็นเจ็ดสี“ข้ามิเคยเห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน นี่ถือเป็นลางดี!”“ฮองเฮาทรงเป็นผู้ที่สวรรค์กำหนดอย่างแท้จริง!”“มีฮองเฮาทรงคุณธรรมเช่นนี้ หนานฉีเราจักต้องรุ่งเรืองสืบไปอย่างแน่นอน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนสวมมงกุฎหงส์อันหนักอึ้ง มิอาจแหงนหน้าขึ้นมองได้ จึงรู้สึกอึดอัดใจอยู่แล้วเซียวอวี้ยังเดินมาถามว่า“จิ่วเหยียน เจ้าเห็นแล้วหรือไม่? เป็นเมฆมงคล เรามิเคยเห็นเมฆที่งดงามเท่านี้มาก่อน เจ้าคือคนที่ชะตาลิขิตไว้ให้เราอย่างแท้จริง...”“จะเข้าห้องหอเมื่อใด?” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยแทรกคำพูดของเขา ทั้งเอ่ยอย่างหนักแน่นเซียวอวี้: ?เขาก็อยากเข้าห้องหอ ทว่าเหตุใดนางถึงร้อนใจมากกว่าเขาเสียอีก?ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มจาง ๆ“ใกล้แล้ว”จะตำหนิว่าเขามิใส่ใจคงมิได้ ว่าไปแล้ว เขาก็มิรู้เช่นกันว่า มงกุฎหงส์นี้จะหนักมากเพียงใดผู้ดำเนินการในพระราชพิธียังคงทำหน้าที่ต่อไป“ฮ่องเต้และฮองเฮาทรงเข้าสู่พิธีการคำนับ! คำนับฟ้าดิน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนและเซียวอวี้หันไป ทำท่าทางโค้งคำนับ“ต่อด้วยคำนับเครือญาติเชื้อพระวงศ์!”ที่ตำแหน่ง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 784

    จุมพิตอันลึกซึ้ง ผสานกับกลิ่นสุราอันหอมหวานเมื่อครู่เฟิ่งจิ่วเหยียนปิดตาลง และดื่มด่ำไปกับมันมิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด เซียวอวี้ก็ผละออกจากนางช้า ๆ และแตะบนหน้าผากนาง พร้อมกับยิ้มอย่างสบายใจ“นี่ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันดื่มเช่นกัน”ลำคอของเฟิ่งจิ่วเหยียนแห้งผาก มือหนึ่งคว้าคอเสื้อของเขาไว้ ขนตาตกลงมาครึ่งหนึ่ง “เพคะ”ขณะอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม นางมองที่เขา และคิดจะกระโจนใส่เขาทว่านางรู้ดีว่า ตามกฏแล้ว ต่อไปเซียวอวี้จักต้องไปที่ท้องพระโรงเซียวอวี้ยามอยู่กับนาง ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายเขาจึงออกคำสั่งกับคนด้านนอกทันที“ออกไปก่อน”เหล่าหมัวมัวต่างมองหน้ากัน ก็รีบออกไปนอกตำหนักโดยเร็วหลังจากคนอื่นออกไปหมดแล้ว เขาก็ช่วยนางถอดมงกุฎหงส์ออกด้วยตนเอง เมื่อถือไว้ในมือ ถึงรู้ว่ามันหนักเพียงใดเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มี “พันธนาการ” นี้แล้ว พลันรู้สึกหายใจได้โล่งขึ้นเซียวอวี้โอบกอดนางไว้ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“ลำบากแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนผลักเขาออก“ท่านควรจะไปที่ท้องพระโรงได้แล้ว”เซียวอวี้เงยคางนางขึ้นมา แสร้งเอ่ยอย่างไม่พอใจ“แต่งงานกันแล้ว เหตุใดยังห่างเหินเช่นนี้?”เฟิ่งจิ่วเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 785

    ณ ท้องพระโรงเหล่าขุนนางกินดื่มอย่างอิ่มหนำแล้ว ฮ่องเต้เพิ่งจะเสด็จมาหลายคนแอบซุบซิบขุนนางหนุ่มผู้หนึ่งที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากการสอบภาควสันตฤดูเอ่ยว่า“ฝ่าบาทพระพักตร์แจ่มใส สมดังว่าคนเรามีเรื่องมงคลจิตใจย่อมเบิกบาน!”“หากเจ้าได้แต่งภรรยา สีหน้าก็จะดูแจ่มใสเช่นนี้”ขุนนางผู้นั้นนึกถึงเรื่องบางอย่าง ใบหน้าพลันแดงก่ำในทันทีหรือว่าฮ่องเต้ทรงมาช้า เป็นเพราะ...เป็นไปไม่ได้!จะเหลวไหลเช่นนั้นได้อย่างไร!แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้มิใช่คนมัวเมาลุ่มหลงในอิสตรี!บนบัลลังก์มังกร จักรพรรดิหนุ่มดูมีชีวิตชีวา ทว่าคนอยู่ แต่ใจไม่อยู่เขามาที่ท้องพระโรงนี้ เพราะถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนรบเร้าในขณะกำลังคิดว่า จะดื่มกับเหล่าขุนนางไม่กี่จอกก็จะกลับไปตำหนักจื้อเฉิน ในเวลานี้ หนานซานอ๋องก็ลุกขึ้นยืน พร้อมชี้แนะอย่างมีเหตุมีผล“ฝ่าบาท ไม่ว่าเรื่องใดมิควรปล่อยตามใจตนเอง“ในฐานะที่ท่านเป็นกษัตริย์แห่งแคว้น ควรเป็นแบบอย่างให้กับบุรุษใต้หล้า“จริงอยู่ว่างานอภิเษกสมรสควรค่าแก่การยินดี ทว่าหากเกินขอบเขตที่เหมาะสม...”คำพูดเหล่านี้เหล่าขุนนางได้ยินถึงกับตะลึงงันหนานซานอ๋องช่างกล้าเอ่ยจริง ๆว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 786

    รุ่ยอ๋องรู้อยู่แล้วว่าหร่วนฝูอวี้ชอบเฟิ่งจิ่วเหยียน บัดนี้คนผู้นี้ก็อาศัยอยู่ที่จวนของเขามิยอมไป เขาจึงจงใจเอ่ยยั่วยุ“ท่านพี่ของเจ้าเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้“แต่ข้ารู้เพียงว่า ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงมีความรักที่ลึกซึ้งต่อกันอย่างมาก กลัวแต่ว่าราตรีนี้อาจจะไม่ยาวนานพอ”หร่วนฝูอวี้มิได้โกรธเคืองเหมือนดั่งที่เขาคิดไว้ แต่กลับยิ้มด้วยความโล่งใจ“ท่านพี่พึงพอใจก็ดีแล้ว”ประกายวาวในดวงตารุ่ยอ๋องมลายหาย เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า และคล้อยตามราวกับถูกผีสิงในทันที“เจ้าพูดถูก”ณ พระราชวังภายในตำหนักจื้อเฉินเซียวอวี้เคลิบเคลิ้มอยู่กับเสียงเรียกซ้ำ ๆ ว่า “ท่านพี่” และปรารถนาได้ยินอย่างไม่สิ้นสุดช่างบังเอิญตรงกับคำพูดของรุ่ยอ๋อง เขารู้สึกว่าราตรีนี้สั้นเกินไปเช้าวันต่อมาเมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนตื่นขึ้นมา ก็เห็นเซียวอวี้นอนอยู่ข้างกายนาง และจ้องนางด้วยแววตาอันร้อนรุ่มนางพลิกตัวกลับ และหันหลังให้เขา “ท่านควรไปว่าราชกิจได้แล้ว”เซียวอวี้เขยิบเข้ามาใกล้ โอบเอวของนางไว้ และจูบที่หลังลำคอของนาง“วันนี้เราไม่ไปว่าราชกิจ”เฟิ่งจิ่วเหยียนปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวอย่างมาก จึงผลักเขาออกไปเบา ๆ“มิบันยะบั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 787

    ดวงตาของเซียวอวี้พลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาช่วงข้าวใหม่ปลามันย่อมเป็นช่วงสำคัญ แต่เขาในฐานะจักรพรรดิ ควรคำนึงถึงเรื่องแว่นแคว้นเป็นสำคัญเขามองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน ด้วยแววตารู้สึกผิดอยู่บ้าง“เจ้ากลับไปที่ตำหนักหย่งเหอก่อน เราจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างใจเย็น“เพคะ”ณ ตำหนักหย่งเหอเหล่าสนมพากันมาน้อมทักทายฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนได้พบพวกนาง ก็มิได้รู้สึกแปลกหน้าพวกนางได้พบนาง ก็เป็นเช่นเดียวกันว่ากันว่าฮองเฮาองค์ใหม่นี้เป็นพี่น้องฝาแฝดกับฮองเฮาองค์ก่อน กลับนึกไม่ถึงว่าจะคล้ายคลึงกันถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะบุคลิกท่าทางนี้หนิงเฟยยิ่งตะลึงงันอยู่ตรงจุดนั้นนางรู้สึกเพียงว่า บุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนกับฮองเฮาองค์ก่อนทุกประการมิน่าแปลกใจที่ฮ่องเต้ทรงยืนกรานจะอภิเษกสมรสกับคนผู้นี้ให้ได้จักต้องหลงเหลือเยื่อใยต่อฮองเฮาองค์ก่อนเป็นแน่หนิงเฟยคิดเช่นนี้ ก็รู้สึกเห็นใจฮองเฮาองค์ใหม่อย่างมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนแค่ทำเหมือนว่าพบกับพวกนางเป็นครั้งแรก ไม่มีคำพูดใด ๆ ที่จะเอ่ยมากเกินกว่านี้หลังจากที่พวกนางกลับไป สาวใช้ผู้หนึ่งก็เข้ามาใก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 788

    วันนี้ฮ่องเต้มิได้เสด็จไปว่าราชกิจ เรื่องราวทุกอย่างในวังถูกส่งมอบให้กับรุ่ยอ๋องในยามนี้ รุ่ยอ๋องมองดูจดหมายฉบับนี้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของแผนชั่วร้ายหากปล่อยให้ฮ่องเต้เสด็จไปเพียงลำพัง จักต้องตกหลุมพรางเป็นแน่ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลผู้นี้ยังฉลาดมาก กลับรู้จักใช้ซูเฟยมาเป็นตัวล่อซูเฟยเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้ ขณะที่ฮ่องเต้ยังทรงพระเยาว์ก็ปลิดชีพตนเองเรื่องนี้เป็นปมในใจของฮ่องเต้มาโดยตลอดหากจดหมายฉบับนี้ไปถึงมือฮ่องเต้จริง ๆ เกรงว่า...แววตาอ่อนโยนของรุ่ยอ๋องฉายแววความแน่วแน่“หลิวหวา ข้าจักไปตามนัดหมายแทนฮ่องเต้ เจ้าไปตามหาคนที่รู้วิธีการแปลงโฉม”หลิวหวารู้สึกกังวล “ท่านอ๋อง เรื่องนี้มิหารือกับฝ่าบาทก่อน แล้วค่อยตัดสินใจหรือขอรับ?น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องเรียบเฉยและทุ้มต่ำ“มิจำเป็น”ฮ่องเต้เพิ่งจะอภิเษกสมรส หาได้ยากที่จะมีช่วงเวลาปลอดโปร่งโล่งใจเช่นนี้ เขามิต้องการให้คนอื่นมารบกวนฮ่องเต้ทว่าในเมื่อเป็นเรื่องของซูเฟย เขาจักต้องไปสักครั้ง ถึงจะวางใจได้ภายในห้อง หร่วนฝูอวี้จัดแต่งอาภรณ์เรียบร้อย ยืนพิงอยู่ขอบประตูด้วยท่าทางเย้ายวน ทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน“มิต้องไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 789

    หลังจากหนิงเฟยออกจากตำหนักเสียนซิ่ง ก็ตรงไปยังตำหนักหย่งเหอสาวใช้หว่านชิวเอ่ยอย่างนอบน้อม“หนิงเฟย ฝ่าบาทกับฮองเฮากำลังหารือเรื่องสำคัญอยู่ด้านใน ไม่สะดวกจะพบท่าน”หนิงเฟย: หารือเรื่องสำคัญ?นี่ก็เพิ่งจะอภิเษกสมรส มีเรื่องใดที่ต้องหารือกัน?เหตุใดนางถึงรู้สึกว่ากำลังทำเรื่องอนาจารตอนกลางวันแสก ๆ นะ?“มิเป็นไร ข้าค่อยมาช้ากว่านี้สักหน่อย”หว่านชิวคิดจะบอกว่า หากมาช้ากว่านี้สักหน่อย คาดว่าจะมิได้พบฮองเฮาเช่นกันด้านนอกพระราชวังเนินเขาอู๋หลี่ ศาลาเฟิงอวี่รุ่ยอ๋องทำตามที่เขียนในจดหมาย แปลงโฉมเป็นฮ่องเต้และมาตามการนัดหมายเขาสั่งให้หลิวหวาซุ่มโจมตีอย่างลับ ๆ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันในที่ไกล ๆ มองเห็นหญิงผู้หนึ่งยืนอยู่ในศาลาหลังจากเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นหญิงผู้นั้นอายุราว ๆ สามสิบสี่สิบปี แต่งกายด้วยชุดขาว มองดูซูบผอมและอ่อนแอเขาหยุดอยู่นอกศาลา มิได้เดินเข้าไปเมื่อประสานสายตากัน หญิงสาวก็น้ำตาไหลพราก“ข้าคิดว่า ท่านมิเต็มใจจะพบข้าอีกแล้ว”รุ่ยอ๋องรู้สึกเกินความคาดหมายอยู่บ้างฟังจากคำพูด หญิงผู้นี้เป็นคนที่เคยรู้จักกับฮ่องเต้?เขามิเอ่ยสิ่งใด รอจังหวะไปพลาง ๆ ก่อน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 790

    ณ ห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้ฟังรุ่ยอ๋องเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดจบแล้ว สายตาดูเยือกเย็นและดุดันเขาเหลือบตาขึ้นมองในทันที แววตาราวกับใบมีดอันคมกริบ“นางอยู่ที่ใด หญิงผู้นั้น อยู่ที่ใด!”รุ่ยอ๋องสังเกตเห็น เมื่อฮ่องเต้ทรงเอ่ยถึงหญิงผู้นั้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“อยู่ในคุกหลวง กระหม่อมสั่งให้คนพานางไปควบคุมตัวไว้ก่อน”ใบหน้าที่ดูน่าเกรงขามของเซียวอวี้ปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น พร้อมออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ย้ายนางไปที่คุกเทียนเหลา”“พ่ะย่ะค่ะ”ณ คุกเทียนเหลานักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ที่แห่งนี้มีจำนวนมาก ในนั้นมีขุนนางที่พัวพันคดี จนกระทั่งเชื้อพระวงศ์อีกจำนวนไม่น้อยเมื่อพวกเขาเห็นฮ่องเต้เสด็จมา ก็พากันคุกเข่าร้องขออภัยโทษ“ฝ่าบาท อภัยโทษให้กระหม่อมด้วย!”“ฝ่าบาท ขอร้องให้ท่านปล่อยกระหม่อมออกไปเถิด!”“ฝ่าบาท ข้าน้อยมิกล้าทำอีกแล้ว!”เซียวอวี้เมินเฉยต่อเสียงเหล่านี้ สายตาดูเย็นชา และเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนในสมองเต็มไปด้วยภาพของมารดา---ท่าทางที่ดูทุกข์ใจ ท่าทางที่ดูเจ็บปวด ยังมีท่าทางที่ดูโศกเศร้า และท่าทางที่ตกจากที่สูงของนาง...เดิมทีเป็นเพราะเรื่อ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1014

    หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1013

    หลังจากท่านผู้เฒ่าหลินรู้สถานะของเฟิ่งจิ่วเหยียน เดิมทีก็คิดจะสานสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนางทว่านางกลับบอกว่า มิใช่เครือญาติแท้ ๆ หรือ?ใครมิใช่เครือญาติแท้ ๆ กันเล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยสีหน้าเย็นชา “บุตรสาวคนที่สองของตระกูลหลิว เมื่อคลอดออกมาก็มอบให้พวกเจ้าดูแลใช่หรือไม่?”ท่านผู้เฒ่าหลินสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและงุนงง นึกไม่ถึงว่า สิ่งที่นางต้องการจะถาม กลับเป็นเรื่องราวในตอนนั้น...เขาก้มศีรษะลง กลัวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะเห็นสีหน้าของตน“พ่ะย่ะค่ะ! ตอนนั้น น้องสาวของข้าน้อยคลอดบุตรสาวคนเล็ก ก็มอบให้พวกเราดูแลเลย“ฮองเฮา เรื่องนี้ยังจะมีอะไรให้น่าพูดถึงอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงถือเครื่องมือทรมานนั้นอยู่ในมือ สายตาดูเยือกเย็นไร้ความปรานี“เจ้ายืนยันได้หรือไม่ว่า เด็กที่มอบให้กับมือพวกเจ้าในตอนนั้น เพิ่งจะคลอดมาได้ไม่นาน?”ท่านผู้เฒ่าหลินตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เด็กคนนั้นคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน ก็ถูกพวกเรานำมาดูแลแล้ว...”“โกหก” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นมองท่านผู้เฒ่าหลิน “หากข้าเดาไม่ผิด เด็กคนนั้น ตอนที่มาถึงมือพวกเจ้า น่าจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1012

    ภายในคุกที่ว่าการท่านผู้เฒ่าหลินในวัยชรา ยืนพิงอยู่มุมกำแพงด้วยอาการตัวสั่นเทาเขามองไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้นโดยฝืนทำเป็นสงบนิ่ง“พวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับข้า ข้าไม่มีความผิด...”เอ่ยยังมิทันจบ เจ้าหน้าที่ก็ถอยแยกเป็นสองฝั่ง เพื่อเปิดช่องทางตรงกลางหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาจากด้านนอก เส้นผมนางถูกรวบยกสูง ดวงตาทั้งคู่ดูองอาจน่ายำเกรง“ทุกคนออกไปก่อน”ตามคำสั่งของนาง บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ออกไปอย่างรู้งาน อู๋ไป๋ปิดประตูห้องขัง และคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องขังภายในห้องขังท่านผู้เฒ่าหลินมิรู้จักเฟิ่งจิ่วเหยียน ในตอนแรกคิดว่านางเป็นขุนนาง ทว่าพอได้ยินเสียงนางเป็นสตรี ก็มิแน่ใจแล้วว่านางเป็นใคร“เจ้าเป็นใคร?” ท่านผู้เฒ่าหลินมองนางตาไม่กะพริบ ไม่มีท่าทีอ่อนข้อสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและหมางเมิน ราวกับดวงดาวระยิบในค่ำคืนเหน็บหนาว ทำเอาผู้คนสั่นสะท้านนางมองท่านผู้เฒ่าหลิน พลางแสร้งทำเป็นหยิบเครื่องมือทรมานที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจแค่การกระทำนี้ ก็ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลินตกใจกลัวจนลำคอแห้งผาก ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว“ข้า ข้ามิเคยทำเรื่องช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1011

    ไม่นานรุ่ยอ๋องก็จัดหาหญิงสาวให้กับหร่วนฝูอวี้ได้แล้ว เป็นสาวใช้ภายในจวนเขายืนอยู่นอกห้อง ยืนอยู่นานก็มิยอมไปหนึ่งชั่วยามต่อมา ด้านในก็เรียกขอน้ำสาวใช้ผลักประตูเดินออกมารุ่ยอ๋องรีบหันไปมองนาง เห็นเพียงนางถืออ่างเลือดออกมา“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามด้วยท่าทีใส่ใจการถอนพิษกู่เสน่ห์ มิใช่แค่ต้องมีสัมพันธ์กับใครสักคนเท่านั้นหรือ?เหตุใดจึงมีเลือดออกมามากมายเพียงนี้?สาวใช้ตอบด้วยอาการตัวสั่นเทา“พระชายาเลือดออกมาก บ่าวคอยช่วยพระชายาเปลี่ยนอาภรณ์ และชำระร่างกายเจ้าค่ะ”สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูแล้วสาวใช้ผู้นี้ ไม่เหมือน...“แค่ช่วยพระชายาชำระร่างกาย?” เขาถามด้วยความไม่แน่ใจสาวใช้พยักหน้าซ้ำ ๆ“เจ้าค่ะ”รุ่ยอ๋องรู้สึกงุนงง มิรู้ว่าหร่วนฝูอวี้ทำสิ่งใดลงไปหรือว่า เขาเข้าใจเจตนาของนางผิดไป นางขอให้เขาหาหญิงสาวให้นาง มิใช่เพื่อจะถอนพิษกู่เสน่ห์หรอกหรือ?ในระหว่างที่ครุ่นคิด เขาก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องทันทีทว่าเห็นหร่วนฝูอวี้นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หร่วนฝูอวี้พลันลืมตาขึ้นนางจ้องมองไปทางรุ่ยอ๋อง ดว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1010

    ฉึก---ตามเข็มที่หร่วนฝูอวี้แทงลงไป กู่เสน่ห์ในร่างกายของรุ่ยอ๋องก็แตกระเบิด แปรเปลี่ยนเป็นกองเลือดในเวลานี้ รุ่ยอ๋องรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงโจมตีเข้ามา จากนั้นตามมาด้วยความรู้สึกโล่งสบายราวกับปล่อยวางของหนักกู่เสน่ห์ หายไปแล้วเขาผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ มิคาดคิดว่า กู่เสน่ห์ที่ทรมานเขามาหลายเดือนนั้น จะกำจัดได้อย่างราบรื่นเช่นนี้...ในชั่วขณะนั้น หร่วนฝูอวี้ในสภาพราวกับใบไม้แห้งที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งตัวคนกลับเอนมาทางด้านหน้า และล้มลงในอ้อมอกเขารุ่ยอ๋องรีบประคองนางไว้ทันที โดยมิรู้สาเหตุ“เจ้าเป็นอะไร?”เมื่อครู่นางก็ยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ?เมื่อก้มลงมอง สีหน้านางซีดขาวไร้เลือดฝาด ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรุ่ยอ๋องรับรู้ได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็นผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายของกู่เสน่ห์!หากต้องการจะฝังกู่เสน่ห์ให้กับคนอื่น ตนเองก็ต้องฝังกู่เสน่ห์ตัวแม่ไว้ด้วยเช่นกันตอนนี้กู่เสน่ห์ตัวลูกในร่างกายของเขาตายไปแล้ว หร่วนฝูอวี้ย่อมต้องทรมานเป็นธรรมดาทว่าเขามิมีความรู้ด้านนี้มากนัก มิรู้ว่าอาการของนางร้ายแรงเพียงใด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่รุ่ยอ๋องจึงตัดสินใจเด็ดข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1009

    หลิวอิ๋งต้องการอาศัยสถานะราชทูต เพื่อเข้าวังไปพบฮ่องเต้ทว่า ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกไปภายนอก ยังมิได้เสด็จกลับวัง ข้าหลวงจึงเพียงรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปตามลำดับขั้นภายในวังเมื่อฮองเฮาไม่อยู่ หน้าที่ในวังหลังจึงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหนิงเฟยนางได้ยินว่าด้านนอกประตูวังมีราชทูตมาจากแคว้นซีหนี่ว์ ต้องการจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พลันรู้สึกราวกับว่าเผชิญศัตรูตัวฉกาจถึงอย่างไร นางก็แค่รับผิดชอบแต่ในวังหลัง นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญของบ้านเมือง นางมิเคยจัดการมาก่อนเช่นกัน“รีบไปเชิญรุ่ยอ๋องมาเดี๋ยวนี้!”หายากที่นางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็มีราชทูตมาเยือน คงมิใช่ต้องการให้นางจัดงานเลี้ยงในวัง และต้อนรับราชทูตอีกแล้วกระมัง!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนิงเฟยรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายนางเริ่มจะคิดถึงฮองเฮาขึ้นมาแล้วเหตุการณ์ในวังแห่งนี้ ช่างเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนรู้สึกสับสนวุ่นวายรุ่ยอ๋องก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่า ราชทูตจากแคว้นซีหนี่ว์จะเดินทางมาเยือนเขาพบกับหลิวอิ๋งเป็นการส่วนตัวสิ่งที่นางพูด เป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าก็ควรเชื่อแม้จะยังยื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1008

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้กลับไปยังเมืองหลวงในทันทีไม่ นางต้องการจะสืบเรื่องของซู่ยวนให้กระจ่างเซียวอวี้ยังมีราชกิจที่ต้องสะสาง สองคนจึงแยกทางกันณ เมืองหลวงหลิวอิ๋งแม่ลูกมาถึงในฐานะราชทูต คณะก็เข้าพักในโรงพักแรม ทว่ามิคาดคิดว่า วันต่อมาก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น เจิ้งจีวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกน“ท่านแม่! ท่านแม่! เหตุใดคนอื่น ๆ ถึงหายไปแล้วเจ้าคะ?”สีหน้าหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความประหลาดใจคณะราชทูตที่มาพร้อมกับพวกนาง ยังมีขุนนางอีกหลายคนคนเหล่านั้นจะหายไปได้อย่างไร?หลิวอิ๋งวิ่งไปยังห้องที่พวกเขาพักอยู่ ตรวจดูแต่ละห้อง ทว่าว่างเปล่าไร้เงาคนนี่ช่างน่าแปลกยิ่งนัก!สีหน้าเจิ้งจีดูกังวลใจ“ท่านแม่ พวกเขาคงมิได้ถูกมองว่าเป็นสายลับ และถูกจับตัวไปแล้ว?”หลิวอิ๋งสงบสติ เอ่ยพึมพำ“เป็นไปมิได้”แคว้นซีหนี่ว์กับหนานฉีเป็นพันธมิตรกัน หนานฉีคงมิทำให้พวกนางต้องขุ่นเคืองใจหลิวอิ๋งจึงตัดสินใจในทันที “ไปแจ้งทางการ!”ณ ที่ว่าการเจ้าหน้าที่ศาลพาสองแม่ลูกมายังห้องโถงรองซึ่งแตกต่างจากห้องโถงหลักที่ใช้สอบสวนคดี ห้องโถงรองเป็นสถานที่ที่ขุนนางจัดการงานราชการ และรับรองสหาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1007

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบนายหญิงเฟิ่งด้วยท่าทีระวังคำพูด“หลิวอิ๋งต่างหากที่เป็นหลิวหนิงบุตรสาวคนโตเริ่มแรกของตระกูลหลิว “ทว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า มิได้มั่นใจเต็มร้อย”นางยึดถือตามความเชื่อเรื่องการกดดวงชะตา จึงได้คาดเดาทว่าประมุขแคว้นซีหนี่ว์กลับเชื่ออย่างสนิทใจหากเป็นเช่นนั้น ข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุ ก็คลี่คลายได้มิยากแล้วนางมองไปที่นายหญิงเฟิ่ง สายตาแสดงออกถึงความอ่อนโยน“เจ้าถึงจะเป็นน้องสาวของเรา ตระกูลหลิวให้เจ้าเป็นตัวตายตัวแทน ให้เจ้าแทนที่ตัวตนของหลิวหนิง“ปิ่นปักผมที่หักนั้น ก็เป็นของเจ้า มันเป็นหลักฐานที่ทำให้พวกเราพี่น้องได้รู้ถึงสายสัมพันธ์”นายหญิงเฟิ่งสีหน้าดูสับสน แยกไม่ออกว่าอะไรจริง และอะไรเท็จขึ้นมาชั่วขณะเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอแนะ“รอหม่อมฉันกลับไปที่หนานฉี จะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างต่อไป”ประมุขแคว้นกังวลพระทัยว่านางจักพานายหญิงเฟิ่งกลับไปด้วย สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางมารดา “สิ่งที่ข้ารู้ ก็บอกให้ท่านรู้แล้วทั้งหมด ตอนนี้ ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจแล้ว ท่านจะกลับไปหนานฉีกับข้า หรือจะอยู่ต่อ?”นายหญิงเฟิ่งตกอยู่ในภาวะก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1006

    นายหญิงเฟิ่งคิดอย่างไรก็ยังมิเข้าใจว่า ตนเองกลายเป็นน้องสาวของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้อย่างไรเห็นกันอยู่ว่านางเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ เรื่องนี้ เพื่อนบ้านและญาติมิตรที่บ้านเกิด ล้วนเป็นพยานได้พวกเขาต่างเห็นตอนนางคลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบภาพเหมือนของคนตระกูลหลิวออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้ามารดา“หากดูจากภาพเหมือนแล้ว ท่านไม่เหมือนบุตรแท้ ๆ ของพวกเขาเลย”นายหญิงเฟิ่งคิ้วขมวดแน่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ มิอาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้หากนางมิใช่บุตรแท้ ๆ เหตุใดถึงถูกท่านพ่อท่านแม่รับมาเลี้ยงยังมี ปิ่นปักผมที่หักอันนั้น ก็มิใช่ของอาอิ๋งหรอกหรือ?นางรู้สึกสับสนในใจยิ่งนักในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองไปยังประมุขแคว้นซีหนี่ว์ พลางเอ่ยอย่างช้า ๆ “ข้าสืบพบว่า ตอนนั้นสามีภรรยาตระกูลหลิวให้กำเนิดบุตรสาวคนโต พร้อมกับตั้งชื่อว่าหลิวหนิง“หลิวหนิงตั้งแต่เกิด ร่างกายก็มิค่อยแข็งแรง มักจะร้องไห้งอแงในตอนกลางคืน“คนในหมู่บ้านต่างพูดว่า นางถูกวิญญาณชั่วร้ายตามรังควาน ในไม่ช้าก็จะถูกวิญญาณอาฆาตมาเอาชีวิต”นายหญิงเฟิ่งได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนั้นจริง ท่านพ่อท่านแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status