ผู้จัดการโรงแรมเห็นว่านายของตนจ้องมองลลิตาเป็นพิเศษ จึงรายงานเรื่องของเธอให้นายของตนฟังทันที“คุณลลิตาครับ เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณกัมปนาทกับคุณหญิงโสภิตเจ้าของบริษัทซีทีเอ็นครับ”ได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มยกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ พศวัฒน์รู้จักพ่อกับแม่ของลลิตาเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพื่อนสนิทของพ่อตน และบ่อยครั้งที่บิดามักพูดถึงบุตรสาวของคุณลุงกัมปนาทให้ฟัง เขาไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนที่พูดถึงจะเป็นคนคนเดียวกัน โลกช่างกลมจริง ๆ “ได้ข่าวว่ากำลังคบหาดูใจกับลูกชายของคุณธานี รู้สึกจะชื่อคุณภาคินครับ เห็นว่าช่วงนี้กำลังทำผลงานเพื่อเตรียมรับช่วงต่อจากคุณธานีครับ”คิ้วของพศวัฒน์ขมวดเข้าหากันอีกครั้งเขาจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ลลิตากับปาลินไปที่ร้าน พนักงานมารายงานกับซีนาย ว่าทั้งคู่มาดื่มฉลองความโสด แล้วทำไมตอนนี้คนของเขาถึงยังบอกว่าคบหาดูใจกับภาคินอยู่เหมือนเดิมชายหนุ่มได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้คนเดียว ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป จากนั้นก็เดินไปเรื่อย ๆ รอบงานเพื่อดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นหรือไม่ จนกระทั่ง“พี่ไนต์ สวัสดีค่ะ” ลลิตาเอ่ยทักชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มต่อให้เธอมีเรื่องที่อับอายต่อเขาขนาดไหน แต่จะแสร้งท
ระหว่างที่เขากำลังคิดทบทวนหาเรื่องขอโทษลลิตาอยู่นั้น สายตาเขาก็ไปเห็นภาพที่ทำเอาถึงกับกำมือแน่น ญาดายิ้มหัวเราะให้กับชายอื่น แถมยังดูเหมือนว่าทั้งคู่สนิทสนมกันอย่างที่ลลิตาบอกเขาไว้จริง ๆ“ขอโทษนะครับ”ภาคินเข้าไปแทรกระหว่างสองคนนั้นนทีมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นภาคินปรากฏตัวต่อหน้าเขา“พอดีอ้ายฝากให้ผมมาตามเลขาน่ะครับ เห็นว่าจะคุยเรื่องงานด้วย” ภาคินพูดด้วยใบหน้าปั้นยิ้มแต่ความจริงข้างในใจของเขาพยายามอดกลั้นแทบจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เจอลลิตาเปลี่ยนไปไม่พอ ยังต้องมาเห็นนทียุ่งกับคนของเขาอีก ถึงอย่างนั้นจะผลีผลามก็ไม่ได้ เพราะนทีรู้ว่าเขาและลลิตาคบหากันอยู่“อ๋อครับ งั้นตามสบายเลยครับ” นทีพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง แต่ก่อนที่จะไปเขาก็หันมาหาญาดาและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม“วันนี้คุยกับคุณดาสนุกมากเลยครับ หวังว่าเราจะมีโอกาสได้คุยกันแบบนี้อีกนะครับ” นทียื่นนามบัตรของตัวเองให้กับญาดาแล้วมองเธอด้วยแววตาที่สื่อความหมายญาดารับนามบัตรนั้นมาแล้วยิ้มตอบให้เขา ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะภาคินเฝ้าดูพวกเธออยู่ เธอทำได้เพียงเดินตามหลังภาคินไปเงียบ ๆ เท่านั้น“คุณอ้าย
แต่พอมาตั้งคำถามกับตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่มันได้อะไร ทุกอย่างที่ทำไปเหมือนเด็กน้อยไม่รู้จักโต เหมือนทุกอย่างที่ทำมันไร้ความหมาย นับวันยิ่งแน่ชัด เขาเลือกมองข้ามเธอโดยการเลือกญาดาและทิ้งเธอไว้ข้างหลัง แต่ก็ขอบคุณที่ภาคินทำแบบนั้น ทำให้เส้นบางอย่างที่ดึงเธอไว้กับภาคินขาดสะบั้นออกจากกันพอดีกว่า เลิกคือเลิก เหนื่อยที่จะโง่ เหนื่อยที่จะแสดงละครแล้ว เหนื่อยที่จะเอาชนะแล้วเหมือนกันเสียเวลาชีวิต แล้วยังต้องมาเสียสุขภาพจิต ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ลลิตาก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนเอาเสื้อมาคลุมไหล่ให้เธอจากทางด้านหลัง“คลุมไว้ดีกว่าครับ ข้างนอกอากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ” แม้ว่าน้ำเสียงเหมือนเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย“พี่ไนต์?”ดวงตางามเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหันหน้ากลับมาเหมือนเดิมเพื่อเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้ม “ขอบคุณนะคะ”ขณะที่กำลังเช็ดคราบน้ำตาเธอก็ต้องตกใจอีก เมื่อจู่ ๆ พศวัฒน์เดินมาข้างหน้าเธอแล้วนั่งคุกเข่าโดยชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง“ว้าย! พี่ไนต์นั่งทำไมคะ?” ลลิตาถามชายที่นั่งคุกเข่าต่อหน้าด้วยน้ำเสียงตกใจ“พี่ขออนุญาตนะครับ” พศวัฒน์เอื้อมมือไปจับเท้าของลลิตาแล้วอย่า
ติ๊ง~เสียงประตูลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นห้องข้างในที่เป็นลักษณะสองชั้น ภายในห้องคุมโทนสีเทาดำตามรสนิยมของเจ้าของห้อง พศวัฒน์ถอดนาฬิการาคาแพงแล้ววางลงกับโซฟาขนาดใหญ่กลางห้องนั่งเล่น แล้วถกชายแขนเสื้อขึ้นจะได้ไม่รู้สึกเกะกะและแกะกระดุมเสื้อช่วงหน้าอกออกสองสามเม็ดเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่สบายตัวที่สุดร่างสูงเดินไปหยิบบรั่นดีราคาแพงที่อยู่ในตู้โชว์ แล้วเทลงในแก้วอย่างดี จากนั้นยกขึ้นมาจิบช้า ๆ เพื่อรับรสชาติและสูดดมกลิ่นหอมจากบรั่นดีที่เขาหลงใหล กลิ่นหอมหวานแตะจมูก ยิ่งหมักนานเท่าใดยิ่งหอมหวานเท่านั้น และแน่นอนว่าอะไรที่ใช้เวลานานย่อมมีราคาแพงเสมอไม่ใช่เพียงบรั่นดีเท่านั้นที่เขาชื่นชอบ พศวัฒน์ยังสรรหาวิธีการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเหล่าบรรดาน้ำผลไม้เพื่อหารสชาติใหม่ ๆ ด้วยเหตุนี้รูฟท็อปของเขาจึงมีชื่อเสียงด้านค็อกเทลอันดับต้น ๆ ของประเทศชายหนุ่มถือแก้วแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา ดวงตาคมมองไปยังกระจกใสที่ด้านนอกเป็นวิวแสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมด อาจเป็นเพราะเขาอยู่ชั้นบนสุด จึงมองเห็นแสงเหล่านั้นแบบสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแม้ว่าวิวข้างนอกในยามค่ำคืนจะชวนให้น่ามองขนาดไหน แต่ก็ไ
“ขอให้แฟนพี่ดา เปิดตัวพี่ดาเร็ว ๆ นะคะ จะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่แบบนี้” ลลิตาพูดด้วยน้ำเสียงเบาคนที่ได้ยินรีบหันหน้ามาหาก็เห็นว่าใบหน้าสวยกำลังยิ้มร้ายให้เธอ “ฝากบอกแฟนพี่ด้วยนะคะ ว่าไม่ต้องมาเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงอื่น ตั้งใจดูแลแฟนตัวเองให้ดีก็พอ โชคดีนะคะ” ลลิตายกยิ้มมุมปากแล้วเดินจากไป ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ว่าตอนนี้อดีตเลขาของเธอกำลังแสดงสีหน้าอย่างไรทุกอย่างเคลียร์หมดแล้วเหลือเพียงแค่คุยกับภาคินอย่างจริงจัง เธออยากจบกับเขาด้วยดี เพราะยังมีธุรกิจที่ต้องทำร่วมกันอยู่ แต่ถ้าหากเขายังดื้อดึง เธอก็มีหลักฐานฟาดใส่เขาเช่นกันแล้วเขาจะรู้ว่าคนอย่างเธอดีได้ร้ายเป็นถามว่าเธอยังมีความรักให้ภาคินหรือไม่ ลลิตายืนกรานหรือนำเธอไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าไม่มีความรักหลงเหลือให้ผู้ชายคนนั้นแม้แต่เสี้ยวของหัวใจ เพราะความรักที่เธอเคยมีให้มันหมดตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองถูกหักหลังแล้ว...ขณะที่ลลิตากำลังนั่งเล่นที่ห้องตัวเองอยู่นั้น ข้อความแชตจากภาคินก็เด้งเข้ามารัว ๆ พร้อมกับสายที่โทร.เข้ามาก็เป็นของเขาเช่นเดียวกัน ทว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจที่จะรับมันดูจากปฏิกิริยาตอนนี้แปลว่าญาดาบอกเรื่องที่เธอพูดวันนี้ให้
ทางด้านคุณหญิงโสภิตหลังจากที่วางสายจากลูกสาวสุดที่รักแล้ว คุณหญิงโสภิตก็เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของสามีทันที“คุณคะ เมื่อกี้ฉันคุยกับลูก ลูกเล่าให้ฟังว่าตอนนี้กำลังมีปัญหากับตาคินอยู่ค่ะ”“มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วหนิคุณ เด็ก ๆ จะทะเลาะกันบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” คุณกัมปนาทพูดในขณะที่กำลังนั่งดูเอกสารที่เลขาเขานำมาให้ในวันนี้คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีทะเลาะหรือผิดใจกันเป็นเรื่องธรรมดา อีกอย่างเขาและภรรยาเองก็ไม่ได้เลี้ยงลูกแบบประคบประหงมอยู่แล้ว เพราะอยากให้ลลิตาได้เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง“แต่ยัยอ้ายบอกว่าเลิกกับตาคินแล้วนะคะ”คุณที่กำลังอ่านรายงานถึงกับชะงัก “คุณว่ายังไงนะ”“ลูกบอกว่าเลิกกับตาคินแล้วค่ะ ตอนฉันคุยกับลูก เสียงยัยหนูไม่โอเคเลย” สีหน้าของคุณหญิงโสภิตกังวลอย่างเห็นได้ชัด“มือถือผมอยู่ไหน คุณเห็นมือถือผมไหม”คราวนี้เป็นคุณกัมปนาทที่ร้อนรนแทน“คุณอย่าเพิ่งโทร.หาลูกตอนนี้นะคะ ให้เวลาลูกอยู่คนเดียวสักแป๊บ” คุณหญิงโสภิตห้ามปรามสามีไม่ใช่ว่าเธอไม่เป็นห่วงลูก เธอเองก็เป็นห่วงไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้บุตรสาวอาจจะยังไม่พร้อมที่จะเล่าปัญหาตรงนั้นให้ฟัง ถ้าไปซักไซ้หรือถามมากจนเกินไป มันจะเป็
“ไม่อ้าย...เราต้องคุยกันก่อนเรื่องนี้พี่อธิบายได้” ภาคินพยายามอ้อนวอนเธอพศวัฒน์เห็นว่าเริ่มเป็นคนสนใจของผู้คน เขาจึงเดินไปคุยกับภาคินด้วยท่าทางสุภาพ“ขออภัยนะครับ ปกติแล้วที่ตรงนี้เราจะให้เฉพาะลูกค้าร้านเราเท่านั้น ทางผมคงต้องขอให้คุณออกไปก่อนครับ” พศวัฒน์พูดกับภาคินด้วยน้ำเสียงสุภาพ“เสือก-! เป็นแค่ขี้ข้าอย่ามาสั่งกู มึงไม่มีสิทธิ์!!” ภาคินตวาดใส่พศวัฒน์ กล้าดียังไงทั้งที่ตัวเองเป็นแค่พนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่งเท่านั้นบรรดาพนักงานที่อยู่รอบ ๆ ที่ได้ยินคำนั้นพวกเขาแทบพากันหยุดหายใจ คนที่จะไล่พศวัฒน์ออกจากที่นี่ได้ก็มีแค่คุณวิภพคนเดียวเท่านั้น มิหนำซ้ำคุณวิภพจะกล้าไล่ลูกชายตัวเองออกหรือเปล่า แล้วผู้ชายคนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนกันถึงจะกล้าไล่เจ้าของที่นี่ออกไปได้ ทั้งยังดูถูกว่ากระจอกอีก สายตาทุกคนมองไปยังภาคินด้วยสายตาโง่งมภาคินยังไม่หยุดแค่นั้น เขาชี้หน้าใส่พนักงานทุกคนที่กล้ามาขวางเขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง “พวกมึงทุกคนระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ กูจะไล่ออกเรียงตะ...” ภาคินยังพูดไม่ทันจบ เขาก็ถูกลลิตาพูดขัดเสียก่อน“หยุดพูดจาต่ำ ๆ ใส่คนอื่นสักที คุณก็ไม่มีสิทธิ์พูดจาแบบนี้กับใครเหม
หลังจากภาคินจากไปแล้ว ลลิตาได้หันมาขอโทษบรรดาพนักงานทุกคนที่เข้ามาช่วยเธอกับเหตุการณ์ความวุ่นวายในครั้งนี้“ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ” ลลิตาก้มหัวให้เป็นการขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะเธอจึงทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ โดยเฉพาะพศวัฒน์ เพราะเขาถูกเธอนำไปอ้างว่าเป็นแฟนคนใหม่ ทำให้เขาถูกภาคินดูถูกเหยียดหยาม“ไม่เป็นไรครับ เพราะเหตุการณ์แบบนี้พวกเราเองเจอบ่อยอยู่แล้ว” พนักงานพูดพร้อมกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคล้าย ๆ กับของลลิตานั้นมีมาให้พบเจออยู่เป็นประจำ พวกเขาชินแล้ว และอีกอย่างมันเป็นหน้าที่พวกเขาที่ต้องปกป้องลูกค้าตามกฎที่ร้านทางด้านภาคินหลังจากที่เขาถูกเชิญออกมา ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเขายอมทำตามที่ลลิตาขอร้องจะดีกว่า เพราะหากไม่ใช่ลลิตาขอร้อง เขาคงต้องขอพบผู้จัดการร้านโดยด่วน เพื่อให้ไล่พวกจุ้นจ้านเหล่านั้นให้หมด“โธ่เว้ย!!” ภาคินตบไปที่พวงมาลัยรถด้วยความหงุดหงิด ตอนที่ญาดามาบอกเขาว่าลลิตารับรู้ถึงความสัมพันธ์ลับ ๆ ของพวกเขาแล้ว แต่เขาไม่เชื่อกับสิ่งที่ญาดาพูดสักนิด เพราะพวกเขาเก็บความลับนั้นมาเป็นอย่างดี เขาอุตส่าห์ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่าง ๆ มากมายกับลลิตา แต่ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่เธอส่งคืนกลับม
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้