เหลิ่งหนิงซวงบีบนิ้วของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว และพูดขึ้นมา"หนิงซวง ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้เธอ ฉันก็คงจะไม่มีโอกาสได้รู้จักกับหลินเฟย ต่อไปเธอก็จะต้องได้พบกับผู้ชายที่ตัวเองรักชอบด้วยเช่นกัน!""ถึงเวลานั้น ฉันจะช่วยเธออย่างสุดความสามารถอย่างแน่นอน!"มู่ชิงชิงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงคว้ามือของเหลิ่งหนิงซวงและพูดด้วยรอยยิ้ม"ชิงชิง คุณเหลิ่ง บะหมี่ทำเสร็จแล้ว พวกคุณมาลองชิมดูสิว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?"หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพักหลินเฟยก็เดินออกมาจากครัว พร้อมกับบะหมี่ในมือสองชามเขาวางไว้ตรงหน้ามู่ชิงชิงและเหลิ่งหนิงซวง แล้วพูดขึ้นมาในชามมีบะหมี่ซุปใส ต้นหอมเล็กน้อย และน้ำมันงาไม่กี่หยดหน้าตาของมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่แต่เมื่อดมแล้วก็รู้สึกยั่วน้ำลายคนเป็นอย่างมากไม่ต้องพูดถึงเหลิ่งหนิงซวงที่ชอบกินบะหมี่อยู่แล้วแม้แต่มู่ชิงชิงที่คุ้นเคยกับการกินอาหารเลิศรสมากมายก็ยังอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลออกมา"ว้าว หอมจริงๆ เลย หลินเฟยทำบะหมี่อร่อยจริงๆ!""คุณทำมันออกมาได้ยังไง?"เหลิ่งหนิงซวงหยิบตะเกียบพร้อมกับยกชามบะหมี่ขึ้น หลังจากได้ชิมไปคำหนึ่งแล้วนั้นจู่ๆ เธอก็เต็มไปด้วยความตกตะล
"พี่ชิงชิง คนที่ฉันพูดถึงเป็นหลินเฟยจริงๆ"เมื่อเห็นท่าทางการตอบสนองของมู่ชิงชิง เหลิ่งหนิงซวงก็ยิ่งไม่กล้ามองสบตาเธอเธอก้มหน้าลง กระชับนิ้วมือแล้วพูดออกมา"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองเริ่มชอบหลินเฟยขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่""แต่ฉันรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่ที่พี่คบหาอยู่กับหลินเฟย ในใจของฉันก็รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก…""รู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นพิเศษ ถูกคนอื่นแย่งเอาไปครอบครองแล้วอย่างไงอย่างงั้น""จนกระทั่งเช้านี้ เมื่อได้ยินว่าพี่และหลินเฟยจะนอนด้วยกัน ฉันก็รู้สึกทรมานจนแทบจะขาดใจเสียให้ได้""จากนั้นฉันถึงได้เข้าใจว่า บางทีฉันอาจจะชอบหลินเฟยอย่างไม่รู้ตัวขึ้นมาแล้ว"คำพูดของเหลิ่งหนิงซวงโพล่งออกมาเป็นเวลานานและเมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว มู่ชิงชิงก็ยากที่จะยอมรับได้เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความประหม่าและไม่สามารถตอบสนองกลับมาได้เป็นเวลานาน"พี่ชิงชิง ขอโทษจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้ แต่ว่าฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าพี่และหลินเฟยอยู่ด้วยกัน ในใจของฉันก็รู้สึกทรมานเป็นอย่างมาก...""โดยเฉพาะในวันนี้ เมื่อเห็นว่าพี่และหลินเฟยนอนด้วยกัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกอิจฉาและท
เหลิ่งหนิงซวงกอดมู่ชิงชิงเอาไว้แน่น พร้อมร้องไห้ด้วยความตื้นตันออกมา"ถ้าหลินเฟยตกลงจริงๆ งั้นเราสามคนก็ทำด้วยกัน พี่ทำก่อน ฉันรอพี่ทำเสร็จ ก็ค่อยทำต่อ…""หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว รีบลบคลิปวิดีโอเร็วเข้า""เรื่องน่าอายแบบนี้ พี่ไม่อยากจะให้เธอเก็บเอาไว้ในมือถือหรอกนะ…"……"ฮัดเช้ย!"ระหว่างทางที่เขากลับมายังหมู่บ้านเถาฮวาขณะที่กำลังขับรถอยู่ หลินเฟยก็ได้จามออกมาหลายต่อหลายครั้ง"แปลกจัง หรือว่าจะมีใครนินทาลับหลังฉันงั้นเหรอ?""ทำไมถึงได้จามติดต่อกันแบบนี้?"หลินเฟยหยิบทิชชูออกมาเช็ดจมูก และพึมพำด้วยความสับสนออกมาเขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่ตัวเขาออกจากวิลล่ามาแล้วนั้นจะมีเรื่องเกิดที่น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นกับมู่ชิงชิงและเหลิ่งหนิงซวงแบบนั้นไปได้หลินเฟยคิดว่าโม่หลินน่าจะถึงในตัวเมืองแล้วในเวลานี้เขาจึงโทรไปถามสถานการณ์ที่อยู่ทางนั้นเมื่อรู้ว่าโม่หลินได้ไปถึงอย่างปลอดภัย และไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาหลินเฟยก็พูดคุยสักพัก จากนั้นถึงได้วางสายไปประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาหลินเฟยก็ขับรถกลับมาถึงคลินิก ลงจากรถและเดินเข้าไปในคลินิก แต่เขาก็ยังไม่ได้เจอกับหวางเจิงแต่อย่างใ
"ต้องขอโทษจริงๆ คุณหวาง"หลินเฟยตบหน้าผาก แล้วพูดขอโทษออกมา "ปกติผมก็เห็นพี่โจวอยู่กับคุณตลอด ผมก็เลยถามแบบนั้นออกไปน่ะ""อย่าไปใส่ใจเรื่องนี้เลยนะพี่หลิน"หวางเจิงไม่ได้เก็บเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้มาคิดแต่อย่างใดเธอเข้ามาคว้ามือของหลินเฟย และต้องการเดินเข้าไปในหมู่บ้าน"คลินิกของพี่อยู่ไหน? รีบพาฉันไปเพิ่มขนาดหน้าอกเร็วเข้า!""อย่างไรก็ตาม ถ้าพี่ทำให้ฉันกลายเป็นแคนตาลูปไม่ได้แล้วล่ะก็ ฉันจะป่าวประกาศเรื่องที่พี่เหยียบเรือสามแคมออกไปอย่างแน่นอน!"เพราะหลินเฟยได้บอกกับเธอไว้ก่อนหน้านี้แล้วดังนั้นความคิดที่จะกลายเป็นแคนตาลูปจึงติดค้างอยู่ในใจของเด็กสาวอยู่ตลอดเวลา และเมื่อวันนี้มีโอกาสนี้แล้วเธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างร้อนใจแบบนี้"แคกๆ...คุณหวางครับ อาเล็กอยู่ในคลินิกตอนนี้""มันไม่สะดวกที่จะเพิ่มขนาดหน้าอกให้กับคุณแบบนี้""ผมได้เตรียมวัตถุดิบยาเอาไว้หมดแล้ว ผมจะพาคุณขึ้นไปบนภูเขา และหาสถานที่เพิ่มขนาดหน้าอกให้กับคุณ"หลินเฟยพูดอย่างเคอะเขินออกมา"งั้นก็ตามใจเลย จะไปเพิ่มขนาดหน้าอกที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ฉันไม่สนใจกระบวนการหรอก ฉันสนใจแต่ผลลัพธ์มากกว่า!"หวางเจิงปล่อย
"คราวหน้าถ้ามีเวลา ผมจะช่วยคุณทำให้มันใหญ่กว่าแอปเปิล และเล็กกว่าแคนตาลูปเสียสักหน่อย รอให้มันผ่านไปสักระยะ น่าจะไม่ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาได้""ใช่ ใช่ ครั้งนี้ทำให้มันใหญ่เท่าแอปเปิลก็พอแล้วล่ะ!""ต่อไปมีโอกาสมากมายที่จะทำให้มันใหญ่เท่าแคนตาลูปได้!""พี่หลิน เรารีบกันหน่อยเถอะ!""ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเพลิดเพลินกับขนาดใหญ่เท่าแอปเปิลแล้วนะ!"สีหน้าของหวางเจิงเต็มไปด้วยความสุข พยักหน้าตอบรับและรบเร้าอยู่ไม่หยุด……หลังจากเดินมานานกว่าครึ่งชั่วโมง หวางเจิงก็หมดแรงเสียแล้วและไม่สามารถเดินต่อได้อีกต่อไปแล้วคุณหนูผู้ดีมักจะเดินทางด้วยรถยนต์มาโดยตลอดจึงไม่คุ้นเคยกับการเดินบนถนนลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อในชนบทแต่อย่างใดมีหลายครั้งที่เท้าของหวางเจิงแทบจะแพลงไปเสียให้ได้ไม่มีทางเลือก นอกจากหลินเฟยจะคล้องกระบุงเอาไว้ที่แขนและแบกหวางเจิงขึ้นไปบนภูเขาแทนจอที่แบนราบนั้นให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างไปจากภูเขาที่สูงตระหง่านของถังรั่วเสวี่ย พานเสี่ยวเหลียน และจ้าวลู่ลู่ไปอย่างสิ้นเชิงถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมที่กระจายออกมาจากตัวของหวางเจิงแล้วละก็หลินเฟยยังสงสัยว่าตัวเองกำลังแบกผู้หญิงค
"ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ใหญ่ขึ้นมาก็พอ อย่าว่าแต่คันเลย ต่อให้เจ็บฉันก็ทนได้!"สีหน้าของหวางเจิงเต็มไปด้วยความแน่วแน่ และพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจเมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลินเฟยก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไปจากนั้นเข็มเงินก็ได้ปักลงไปตรงจุดฝังเข็มบริเวณใกล้หัวใจทีละจุดๆหลังจากที่เข็มเงินเล่มแรกถูกปักลงไปหวางเจิงยังรู้สึกว่าตัวเองยังปกติดีมันค่อนข้างจะร้อนๆ คันๆ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เธอสามารถอดทนได้หลังจากเข็มเงินเล่มที่สองถูกปักลงไปหวางเจิงก็กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น พร้อมกับครวญครางออกมา"เอ่อ พี่หลินเฟยทำไมมันถึงคันขนาดนี้..."เธอรู้สึกอุ่นๆ และชาที่หน้าอกทั้งสองข้าง ราวกับมีกระแสไฟวิ่งจากหน้าอกลงไปยังแขนขาอยู่ตลอดเวลาโดยที่บริเวณใกล้ๆ กับหัวใจยิ่งรุนแรงกว่าที่อื่นๆเธอรู้สึกคันมากจนไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้!"แคกๆ ผมเคยบอกคุณก่อนหน้านี้แล้วนะ มันจะคันนิดหน่อย""นี่แค่จะเริ่มต้นเอง ตอนที่คันที่สุดยังมาไม่ถึงเลย คุณอดทนเอาไว้หน่อยเถอะ"หลินเฟยก็ไม่รู้ว่าจะบรรเทามันได้อย่างไรด้วยเช่นกันจึงทำได้เพียงพูดปลอบโยนให้หวางเจิงอดทนไว้หน่อยก็เท่านั้นเขาจำได้ว่า ในตอนที่เขาได้ฝังเข็มให้พา
หลินเฟยกลัวว่าหวางเจิงจะไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงด้วยตัวเองจึงทำได้เพียงอุ้มหวางเจิงและลงไปในน้ำด้วยกันเท่านั้นหนึ่งครั้ง สองครั้ง...ถ้าไม่ได้แช่อยู่ในน้ำ หวางเจิงก็คงจะอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้วแต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...หากหวางเจิงไม่ได้เห็นว่าหน้าอกของตัวเองมีความเปลี่ยนแปลงด้วยตาเปล่าแล้วละก็เธอก็อาจจะเขินอายจนวิ่งหนีหลินเฟยไปเสียด้วยซ้ำ…………หลินเฟยอุ้มหวางเจิงเอาไว้และแช่น้ำอยู่แบบนี้นานกว่าสิบนาทีต่อให้จะไม่ได้คิดอะไรในทางนั้นแต่เขาก็กลับถูกหวางเจิงทำให้ทรมานด้วยเช่นกันเขาคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า อย่าคิดมากเกินไปและความเสียวซ่านแบบนั้นบนตัวของหวางเจิง ในที่สุดก็หายไปได้เสียที"คุณหวาง ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมจะถอนเข็มเงินออกแล้ว กลับไปที่ถ้ำผมจะนวดให้คุณสักหน่อย พอกินยาเสร็จเราก็ลงเขาได้แล้วล่ะ""ขั้นตอนต่อไป คุณจะไม่เป็นแบบนี้หรอกนะ"หวางเจิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาส่วนหลินเฟยก็ถอนหายใจออกมาด้วยเช่นกัน เขาถอนเข็มเงินออกแล้วพูดออกมา"อืม พี่หลิน ต้องลำบากพี่จริงๆ...""พี่พาฉันขึ้นมาบนภูเขาน่ะถูกแล้ว ถ้าอยู่ในคลินิกของพี่ ต่อไปฉันจะมีห
"ผู้อำนวยการโม่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?""ตอนเที่ยงคุณยังบอกผมว่าทุกอย่างเรียบร้อยอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?"เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเฟยก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น และถามออกมา"เฮ้อ...น้องหลิน ตอนเที่ยงมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ"โม่หลินพูดพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ"แต่ว่า หลังจากที่ฉันส่งตัวอลิซให้กับผู้บัญชาการแล้วนั้น ตอนที่ผู้บัญชาการนำตัวเธอกลับไปนั้น จู่ๆ ก็ถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน!""ฉันเดาว่า คงเหมือนกับที่น้องหลินพูดเอาไว้ พวกองค์กรแบล็คโกลฟส์ก็คงคิดจะฉวยโอกาสมาชิงตัวอลิซไปในตอนเช้าด้วยเช่นกัน!""เพียงแต่ว่า ฉันทำตามที่น้องหลินแนะนำ พากำลังคนมามาก พวกองค์กรแบล็คโกลฟส์นั้นก็เลยลงมือไม่ได้!""แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาได้พาอลิซออกไป พวกเขาพากำลังคนมาเจ็ดแปดนายเท่านั้น!""มันจึงเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้จู่โจมได้อย่างไรล่ะ!""ตอนนี้รวมถึงผู้บังคับบัญชา มีคนเจ็บหนักทั้งหมดเจ็ดคน หนึ่งคนสละชีวิต ตอนนี้คนที่บาดเจ็บ รวมถึงผู้บังคับบัญชากำลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉินอยู่น่ะ!"เดิมทีโม่หลินกำลังยุ่งอยู่กับงานในสำนักงานสายตรวจทันทีที่เขาได้รับข่าว เขาก็รีบโทรหาหลินเฟยในทันที"คือว่า
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได