จมูกของอู๋เทียนเชิดขึ้น จากนั้นก็เดินไปขึ้นเครื่องบินด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งแต่แค่ตอนที่อู๋เทียนกำลังรอเวลาเครื่องออกอยู่นั้น เขาก็หันกลับมาจ้องมองหลินเฟยด้วยความรังเกียจความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อหลินเฟยเป็นความรังเกียจที่หาที่เปรียบไม่ได้เขาคิดแอบอยู่ในใจว่าก็แค่คนที่ไม่มีสมองและไม่เจียมตัวเองคนหนึ่งก็เท่านั้น ยังคิดจะมาดูหมิ่นฉัน ฮึ ๆ กลับไปฉันจะค่อย ๆ คิดบัญชีกับแกทีหลัง!“คุณหลิน พวกเราขึ้นเครื่องบินกันเถอะค่ะ”หลินเฟยเหลือบมองคนที่อารมณ์กำลังคุกรุ่นอยู่ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้อย่างเจียงเฉินหยู่ ในใจกลับเข้าใจดี ดูท่าสถานะของอู๋เทียนคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้แต่เจียงเฉินหยู่เองยังไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่ายแต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม พอถึงเวลาคิดบัญชี ยังไงก็ยังต้องจัดการอยู่ดี“ไปกันเถอะ”ตามคำเชิญของเจียงเฉินหยู่ หลินเฟยก็ได้ขึ้นห้องโดยสารชั้นเฟิร์สคลาสของเครื่องบินเครื่องบินค่อย ๆ ออกตัวมุ่งหน้าสู่ภูเขาทางใต้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่สวมกระโปรงสั้น และแต่งหน้าอย่างประณีต ได้นำชาและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟนี่เป็นครั้งแรกของหลินเฟยที่ได้เดินทางด้วย
เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว เจียงเฉินหยู่ถึงขั้นยอมให้หลินเฟยที่เธอเชิญมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญกลับไปก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกลัวของเจียงเฉินหยู่ที่มีต่ออู๋เทียนได้อย่างชัดเจน“แบบนั้นไม่ได้หรอก คุณจะให้ผมมาผมก็ต้องมา ให้ผมไปผมก็ต้องไปอย่างงั้นเหรอ? ”“ยิ่งไปกว่านั้น อู๋เทียนคนนี้เป็นคนที่มาก่อกวนผมก่อน คนที่ไม่มีการศึกษาแบบนี้ ถ้าผมไม่ได้สั่งสอนเขาสักหน่อย ยังไงผมก็ไม่กลับแน่ ไม่สนว่าธุระของคุณจะเสร็จไหม แต่ว่าเรื่องนี้ไม่จบลงง่าย ๆ แน่”“เดิมทีเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ”ทัศนคติของหลินเฟยแน่วแน่มาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอู๋เทียนที่เอาแต่คอยแต่สร้างปัญหา เขาจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบแล้วจากไปเงียบ ๆ แน่ ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่บัญชีแค้นนี้ ยังไงก็ต้องได้รับการสะสางให้ชัดเจนเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการต่อสู้กับอู๋เทียนให้ถึงที่สุด“ก็ได้ค่ะ”เจียงเฉินหยู่เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกันในใจแอบคิดว่า หากเธอไม่ได้ถอนเชื้อเพลิงออกจากไฟทั้งสองดวงนี้ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ตั้งแต่แรก เธอก็จะต้องเป็นคนเข้าไปหยุดด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงต้องเกิดเรื่
การแก้ต่างของเจียงเฉินหยู่เป็นเรื่องเร่งด่วนมากเธอกลัวว่าเฉินจื่อหยางจะเข้าใจตัวตนของหลินเฟยผิดเมื่อเฉินจื่อหยางเห็นว่าหลินเฟยยังเด็กมาก ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นปรมาจารย์คัดหินเลย คนพวกนั้นต่างก็ต้องเป็นผู้เฒ่าที่มากประสบการณ์ไม่ใช่รึไง?แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชี่ยวชาญทางด้านนี้มากนัก แต่เขาก็ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเจียงเฉินหยู่สักเท่าไหร่แต่อายุของเขาก็ปาไปปูนนี้แล้ว จะมองไม่ออกได้ยังไงว่าอู๋เทียนไม่ชอบขี้หน้าของหลินเฟย อีกทั้งเจียงเฉินหยู่ก็กำลังปกป้องหลินเฟยอยู่อีกต่างหากเรื่องที่อู๋เทียนตามจีบเจียงเฉินหยู่นั้น เขาเองก็พอจะได้ยินมาบ้างในใจจึงเดาเอาไว้ว่า หรือว่าหลินเฟยจะเป็นเด็กของเจียงเฉินหยู่? เพราะงั้นถึงได้ทำให้อู๋เทียนไม่ค่อยพอใจมากขนาดนี้?ยังไงซะ ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงแล้ว การที่เจียงเฉินหยู่จะมีงานอดิเรกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรไม่ว่าจะฝ่ายไหน เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินทั้งนั้น“ที่แท้ก็เป็นปรมาจารย์หลินนี่เอง เสียมารยาทแล้วนะครับ! ”เฉินจื่อหยางแค่จับมือทักทายแบบเรียบง่ายกับหลินเฟยด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามจากนั้นก็ทำท่าทีเช็ดมื
อู๋เทียนส่งเสียง ‘เหอะ’ ออกมาอย่างเย็นชา“พวกเราไปกันเถอะ”อู๋เทียนที่มีเฉินจื่อหยางคอยเดินตาม ก็พากันขึ้นรถคันแรกไปแต่เจียงเฉินหยู่ก็ได้ขึ้นรถคันที่สองพร้อมกับหลินเฟยบนรถ หลินเฟยมองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเศร้าหมอง และไม่ได้พูดอะไรเลยครั้งนี้เจียงเฉินหยู่ได้เชิญหลินเฟยออกมาอย่างชัดเจนแต่กลับยังต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้อีก ทำให้หลินเฟยต้องตกเป็นเป้าของอู๋เทียนแต่เธอก็กลัวว่าคนคนนี้จะอารมณ์เสียจนยากเกินกว่าจะสงบลงได้เจียงเฉินหยู่พูดกับหลินเฟยด้วยความลำบากใจ“ปรมาจารย์หลินคะ ฉันได้ทำผิดต่อคุณแล้ว ในนี้มีเงินอยู่สองพันห้าร้อยล้าน ถือเป็นเงินชดเชยจากฉันนะคะ แม้จะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าจะทำให้คุณหายโกรธได้บ้าง”หลินเฟยหัวเราะอย่างเย็นชา“ไม่จำเป็นหรอก เงินน่ะผมก็มี คุณควรทำอะไรก็ทำไปก็พอ วางใจเถอะ ผมไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่นแน่นอน”เจียงเฉินหยู่พยักหน้า และเชื่อคำพูดของหลินเฟยด้วยความสามารถของหลินเฟย เขาเองก็อาจจะไม่ขาดแคลนเงินจริง ๆ ดังนั้นเธอจึงได้เก็บบัตรธนาคารกลับไปยังไงซะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมา หลินเฟยเองก็สามารถอดทนเอาไว้ได้ เพราะงั้น
เจียงเฉินหยู่รีบคว้าแขนของหลินเฟยเอาไว้ทันที แล้วพูดออกไป“หลินเฟย พวกเราไปกันเถอะ พวกเราไปที่ทานข้าวที่อื่นก็ได้ เมืองฉีหลินใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเราจะหาที่ทานข้าวไม่ได้”หลินเฟยไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเจียงเฉินหยู่ แต่กลับผละมือของเจียงเฉินหยู่ออกแทน“ไม่เป็นไร กินข้าวด้วยกันดีจะตาย ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า คนคนนี้ยังจะมีลูกไม้อะไรอีก”เมื่อเจียงเฉินหยู่เห็นว่าหลินเฟยตั้งใจที่จะปะทะกับอู๋เทียน เธอเองก็ทำอะไรไม่ถูกทำได้แค่เดินตามหลังของหลินเฟยเข้าไปทานข้าวโรงแรมเทียนหลินห้องส่วนตัวที่ดีที่สุด ห้องส่วนตัวเทียนหรงทุกคนต่างก็ทยอยเดินเข้าไปยังที่นั่งแต่แน่นอนว่าหลินเฟยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่นั่งประธานบนโต๊ะอาหารเฉินจื่อหยางรีบรับรองอู๋เทียนอย่างกระตือรือร้น“คุณชายอู๋ครับ คุณนั่งตรงที่นั่งหลักเถอะครับ”อู๋เทียนนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลักด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ เฉินจื่อหยางและลูกน้องหลายคนก็นั่งประกบอยู่ข้าง ๆแต่เจียงเฉินหยู่กลับดึงหลินเฟยมานั่งตำแหน่งตรงข้ามกับอู๋เทียน ซึ่งเกือบจะเป็นที่นั่งที่ห่างจากอู๋เทียนมากที่สุดในร้านอาหารดูหรูหราและใหญ่โตมาก ทั้งสอ
เขาจับมือของเจียงเฉินหยู่ จงใจทำให้อู๋เทียนโกรธอู๋เทียนเองมีใจให้กับเจียงเฉินหยู่ด้วยไม่ใช่รึไง?โดยปกติแล้วถ้าจะตีงูก็ต้องตีให้ตาย“คุณเจียง ก็แค่เต่าตัวเดียวเองไม่ใช่รึไง ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะ”เจียงเฉินหยู่คิดไม่ถึงว่าคราวนี้เธอจะเป็นคนที่ทนไม่ไหวซะเอง แต่หลินเฟยกลับไม่โกรธเลยอย่างงั้นเหรอ?เธอจึงทำได้แค่นั่งลงช้า ๆ ตามความต้องการของหลินเฟยเท่านั้นอู๋เทียนมองตามหลินเฟยที่กำลังสัมผัสมือของเจียงเฉินหยู่อยู่นั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แววตาแห่งความอิจฉาและความไม่พอใจที่มีต่อหลินเฟยของเขาก็ยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม ต่อให้ปากหลินเฟยจะบอกว่าเขาไม่โกรธ แต่ในความเป็นจริง เขาได้คิดหาวิธีจัดการกับอู๋เทียนเอาไว้แล้วหลินเฟยกดมือของเขาลงใต้โต๊ะ ควบคุมการไหลเวียนของพลังกระแสสีขาวเงินด้วยพลังจิตของเขา และเจาะเข้าไปในร่างกายของเต่าภายใต้การควบคุมของหลินเฟย เต่าที่ถูกตุ๋นเป็นชิ้น ๆ เป็นเวลานานก่อนหน้านี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมาจริง ๆอู๋เทียนและคนอื่น ๆ ยังคงเยาะเย้ยหลินเฟยอย่างไร้ยางอายว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวออกมาอย่างเปิดเผย กระทั่งไม่คิดที่จะปกปิดความ
ล้อเล่นกันอยู่รึไง ในโลกนี้มันจะไปมีเรื่องที่บ้าดีเดือดอะไรแบบนั้นได้ยังไงกันทุกคนต่างก็ยังคงพยายามคิดว่าไอ้เต่าบ้าตัวนี้มันมาได้ยังไงอู๋เทียนสาปแช่งออกไปด้วยความโกรธ“พวกแกมัวมองบ้าอะไรอยู่วะ ยังไม่รีบช่วยฉันเอามันออกไปอีก มันกัดของรักของฉันไม่ยอมปล่อยเลยเนี่ย โธ่เว้ย...... ”ปรมาจารย์คัดหินและเฉินจื่อหยางต่างก็รีบเข้าไปช่วยตะครุบเต่าตรงเป้าอู๋เทียนกันจ้าละหวั่น“โธ่เว้ย เบาหน่อยสิวะ เบาหน่อย นั่นมันของรักของฉันนะ”ทุกคนต่างก็วุ่นวายพากันรีบแยกเต่าที่ร้อนจัด ๆ แต่กลับไม่มีกระดูกออกจากกันอย่างรวดเร็วจนเหลือแค่หัวของเต่า ที่กำลังกัดหัวน้องชายของอู๋เทียนอยู่ถึงกระนั้น เต่าตัวนั้นก็ยังกัดอู๋เทียนเอาไว้แน่น ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเฉินจื่อหยางและปรมาจารย์คัดหินไม่สนใจว่ามือจะร้อนแค่ไหนพวกเขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยอู๋เทียนดึงหัวเต่าออก ทั้งคู่ตระหนกมากจนเหงื่อเพียงแต่การกระทำของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนจะช่วยอู๋เทียนให้รางวัลตัวเองมากกว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงความวุ่นวายในที่เกิดขึ้นเลย การกระทำนั่นยังไงก็ดูเหมือนเป็นการทำอนาจารเสียมากกว่าถ้าคนที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าพวกอู๋เที
“อธิบายมาให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”เฉินจื่อหยางเองก็ตกใจและโกรธเช่นกัน เขาคิดว่าเดิมทีการที่อู๋เทียนจะมาเยือนที่เมืองนี้ได้สักครั้งก็ยากมากพออยู่แล้ว หากทำให้เขากินดีอยู่สบายได้ ต่อไปหน้าที่การงานของตัวเองก็อาจจะราบรื่นไปด้วยแต่ผลที่ตามมากลับกลายเป็นว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าจู่ ๆ น้องชายของอู๋เทียนเกิดมาใช้การไม่ได้ในถิ่นของเขา งั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะทำให้อู๋เทียนพึงพอใจเลย แค่อู๋เทียนไม่จัดการเขาไปด้วยก็ถือว่าเป็นบุญมากโขแล้วเฉินจื่อหยางคำรามด้วยความโกรธ“เรียกผู้จัดการโรงแรมของพวกแกมาเดี๋ยวนี้”หลังจากทำการเรียกผู้จัดการ เวลาก็ผ่านไปครู่หนึ่งผู้จัดการโรงแรมที่ร่างกายค่อนข้างอวบอ้วน ท่าทางนอบน้อม หลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็รีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว“สะ......สวัสดีครับ ท่านนายกเทศมนตรี...... ”อู๋เทียนไม่สามารถระงับความโกรธที่อยู่ในใจได้อีกต่อไป เขาชี้ไปที่จมูกของผู้จัดการโรงแรมและด่าทอ“พวกแกทำอาหารภาษาอะไร? เต่าที่ยังเป็น ๆ อยู่ก็กล้าเอามาเสิร์ฟให้ลูกค้าอย่างงั้นเหรอ? แถมยังทำให้ฉันโดนกัดอีกต่างหาก แกดูสิ
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได