จู่ๆ หลินเฟยก็ได้ยินเสียงที่คลุมเครือเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากด้านในห้อง มันเป็นเสียงที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมากเมื่อตั้งใจฟัง ดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังออกมาจากห้องของซูเสี่ยวโหรวนั่นเอง"อืม...อืม..."ซึ่งเสียงนี้ราวกับมีเวทมนตร์ และสามารถดึงดูดความสนใจของหลินเฟยได้ในทันทีด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลินเฟยจึงใช้สายตาที่มีญาณทิพย์มองไปยังห้องของซูเสี่ยวโหรวในทันทีและเขาก็ได้ว่าซูเสี่ยวโหรวกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยห่มผ้าห่มครึ่งตัวภายใต้ผ้าห่มนั้นมีความเคลื่อนไหวบางอย่างหลินเฟยยังคงใช้ตาทิพย์ดูต่อไป และฉากนั้นก็ทำให้หลินเฟยประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อยเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ในยามค่ำคืนแบบนี้ ซูเสี่ยวโหรวกำลังนอนห่มผ้าและให้รางวัลกำลังตัวเองอยู่อย่างนี้ซูเสี่ยวโหรวบิดตัวไปมาเล็กน้อย ราวกับกลัวว่าจะรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และยังคงเรียกชื่อของหลินเฟยต่อไป"หลินเฟย...หลินเฟย...""อืม อืม... ฉันทนไม่ไหวแล้ว หลินเฟย ช่วยฉันที…""ฉัน...ทรมานเหลือเกิน..."ซูเสี่ยวโหรวยังคงร้องเรียกชื่อของหลินเฟยอย่างไม่ขาดสาย และเสียงที่ดังออกมาจากห้องนั้นก็ไพเ
หลินเฟยได้พูดกำชับไปสองสามประโยค และก็วางสายไปซึ่งก็เท่ากับว่าปล่อยให้เธอจัดการก็เพียงพอแล้วหลังมื้ออาหารเช้า พานเสี่ยวเหลียนก็ได้พูดเสนอขึ้นมาว่า"ถึงเวลาที่ต้องรดน้ำผักแล้ว เดี๋ยวเราไปรดน้ำผักกันเถอะนะ"หลินเฟยพยักหน้า"แปลงผักค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ฉันก็จะไปด้วยนะ"ถังรั่วเสวี่ยพูดสมทบขึ้นมาว่า "ฉันก็จะช่วยเหมือนกัน"หลินเฟยกังวลเล็กน้อยและพูดว่า "อาเล็กครับ แล้วตาของอา...""ไม่เป็นอะไรหรอก"ถังรั่วเสวี่ยวางมือไว้บนมือของหลินเฟย ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดขึ้นมาบริเวณแปลงผักหลินเฟยร่างกายกำยำ และงานหาบน้ำก็ตกเป็นของเขาไปโดยปริยายหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้หาบน้ำมาหลายถังแล้วถังรั่วเสวี่ย พานเสี่ยวเหลียน พร้อมทั้งซูเสี่ยวโหรวก็มาช่วยกันอย่างขะมักเขม้นเพียงแต่ว่าผักในแปลงนั้นเจริญงอกงามเป็นอย่างดี โดยถังรั่วเสวี่ยไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ขณะรดน้ำ เธอก็ได้สะดุดกิ่งไม้ที่ยื่นมาขวางเอาไว้ และล้มลงไปที่พื้นเสียงดังสนั่นและน้ำที่ถือเอาไว้ในมือก็สาดกระเซ็นออกมาจนหมดซึ่งมันก็ทำให้โคลนกระเซ็นติดตามมือและใบหน้าของเธอไปหมด"ว้าย…"เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หลินเ
แต่จางซินเยว่กลับพูดออกมาว่า"อย่าเพิ่งร้อนใจไป แม้ว่าตัวยาจะพบแล้ว แต่ทางนี้ยังมีปัญหาเล็กน้อย ยังไม่สามารถออกไปได้ น่ากลัวว่าคงไม่สามารถนำตัวยาส่งให้พวกคุณได้แล้วนะ"และหลินเฟยก็รีบถามขึ้นมาทันทีว่า"เกิดอะไรขึ้น? ทางคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?"ผ่านทางสายโทรศัพท์ หลินเฟยสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของจางซินเยว่ และน้ำเสียงนั้นดูจะหงุดหงิดอยู่เล็กน้อยจางซินเยว่ทนต่อการรบเร้าของหลินเฟยไม่ไหว เธอจึงบอกเรื่องราวทั้งหมดออกมาว่า"เฮ้อ... หลังจากที่ฉันได้เป็นประธานใหญ่ของเภสัชกรรมหนานผิงแล้วนั้น มีผู้ถือหุ้นอาวุโสของบริษัทหลายรายที่ไม่ชอบฉัน และก็มักจะมาระรานฉันอยู่เสมอๆ""เดิมทีภายในเภสัชกรรมหนานผิงก็มีเรื่องมากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องเจอกับการระรานแบบนี้ของพวกเขาอีก หากเกิดความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยขึ้นมา ฉันก็จะถูกพวกเขาขยายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที""ตอนนี้ฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ฉันว่าพวกนั้นจะต้องดึงฉันลงจากตำแหน่งอย่างแน่นอน"ในช่วงเวลานี้ จางซินเยว่ถูกระรานจนทำให้ปวดหัวและยากลำบากมากหากไม่ใช่เพราะเธอไม่เต็มใจที่จะยกเภสัชกรรมหนานผิงให้กับคนอื่นๆ แล้วละก็ ด้วยเภสัชกรรม
"โดยเหล่าบรรดาลูกค้าที่ซื้อยาปลอมไปต่างก็ดำเนินการคอมเพลนแล้ว!""จางซินเยว่ไม่สามารถควบคุมระบบการตรวจสอบของบริษัทและพนักงานระดับล่างเหล่านี้ให้ดีได้ การอนุญาตให้บุคคลเหล่านี้ซึ่งมีเจตนาแอบแฝงใช้แบรนด์เภสัชกรรมหนานผิงของเราเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตนเองนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทของเราเป็นอย่างมาก จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมแต่อย่างใด""การชดเชยนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่การที่เภสัชกรรมหนานผิงมีชื่อเสียงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วเกิดจากความมุ่งมั่นของทุกคน แล้วจะปล่อยให้คนคนหนึ่งมาทำลายลงไปได้อย่างไรกัน?"หุ้นส่วนอาวุโสที่อยู่ข้างๆ คนหนึ่งยังคงโหมเพลิงต่อไป"ผมคิดว่าคนที่เล็งเห็นผลประโยชน์ส่วนตัว เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงแค่พนักงานระดับล่างเท่านั้น หากคานบนตรง คานล่างจะคดได้อย่างไร"แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถแสดงหลักฐานสำคัญใดๆ ที่แสดงว่าจางซินเยว่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่คนที่เขาได้เอ่ยถึงอย่างแปลกๆ แบบนี้คือใคร ทุกคนก็สามารถคาดเดาได้อยู่แล้วในกลุ่มคนเหล่านี้ หม่าเฉวียนและจ้าวหลินได้คัดค้านเสียงดังที่สุดจ้าวหลินกวาดตามองไปยังจางซินเยว่แ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าจ้าวหลินและหม่าเฉวียนได้สมรู้ร่วมคิดกัน แต่จางซินเยว่กลับไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไรดีซึ่งเธอก็ทำได้เพียงพูดอย่างทื่อๆ ออกมาว่า"ทุกท่าน อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลยนะคะ แม้ว่าเรื่องนี้จะดูแปลกไปบ้าง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว พวกเราควรที่จะหารือเรื่องการแก้ไขมากกว่า คิดหาวิธีจัดการถึงจะถูกต้องนะคะ""แม้ว่าฉันอายุยังน้อย แต่ฉันก็เป็นสมาชิกของเภสัชกรรมหนานผิงคนหนึ่ง ฉันจึงหวังให้เภสัชกรรมหนานผิงดำเนินไปได้ดียิ่งขึ้นอยู่แล้ว หวังว่าทุกท่านจะให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ""ต่อไปเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดค่ะ"โดยที่หม่าเฉวียน จ้าวหลินและคนอื่นๆ ก็สามารถสังเกตได้ว่า จางซินเยว่ถูกต้อนจนจนมุมแล้วแล้วจางซินเยว่จะได้รับโอกาสอีกครั้งได้อย่างไรกันจากนั้นเขาก็พูดกดดันจางซินเยว่ต่อไปหม่าเฉวียนพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันว่า"ท่านประธานจาง นั่นเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ต่อให้พวกเราจะยอมตกลง เกรงว่าคนในเภสัชกรรมหนานผิงจะไม่พอใจเอาได้นะ"จ้าวหลินพูดขึ้นมา"ประธานจาง เภสัชกรรมหนานผิงไม่ใช่ของเล่นเด็กนะ มันจะมีโอกาสอีกครั้งได้อย่างไรกัน""คุณอายุยังน้อย ยังม
และผู้ถือหุ้นที่อยู่ในห้องประชุมก็เพิกเฉยต่อจางซินเยว่อย่างสิ้นเชิงจากนั้นก็เริ่มยกมือโหวตโดยพลการหลังจากการโหวตของผู้ถือหุ้น รวมถึงการงดออกเสียงของผู้ถือหุ้นเพียงไม่กี่รายผลการโหวตก็ได้ระบุออกมาว่าจ้าวหลินได้คะแนนโหวตสี่สิบหกคะแนน โดยที่หม่าเฉวียนนั้นมากกว่าจ้าวหลินไปหนึ่งคะแนนซึ่งเขาได้รับคะแนนโหวตสี่สิบเจ็ดคะแนนนั่นเอง"ผลการโหวตจากผู้ถือหุ้นในที่ประชุมใหญ่มีดังนี้ ผู้จัดการหม่าได้คะแนนทั้งหมดสี่สิบเจ็ดคะแนน มากกว่าผู้จัดการหลินไปหนึ่งคะแนน ดังนั้นท่านประธานใหญ่คนใหม่ของเภสัชกรรมหนานผิงก็คือผู้จัดการหม่า"จ้าวหลินมองไปยังหม่าเฉวียนด้วยความประหลาดใจ ดูแล้วไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่"เหลาหม่า คุณ…"ที่แท้ก่อนที่จะบังคับจางซินเยว่ให้ลงจากตำแหน่งนั้น จ้าวหลินได้ติดสินบนหุ้นส่วนคนอื่นๆ ด้วยเงื่อนไขต่างๆ เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และพวกนั้นก็ทำการโหวตให้กับเขา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหม่าเฉวียนจะมีอุบายรอบด้านแบบนี้ด้วยและหม่าเฉวียนกลับได้คะแนนมากกว่าตัวเขาไปหนึ่งคะแนนด้วย"ที่มองไม่เห็น ยังมีใครจะสละคะแนนอีกไหม? ฉันไม่เต็มใจ ควรมีการยกมือโหวตอีกครั้งนะ"จ้าวหลินมองไปที่ผู้ถือหุ้นที่ง
จางซินเยว่ได้นั่งเป็นคนไร้ตัวตนมาเป็นเวลานาน ในที่สุดหลินเฟยก็มาสนับสนุนเธอแล้วในตอนนี้เธอรีบวิ่งไปหาหลินเฟยด้วยความตื่นเต้น พร้อมกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฟย และพูดด้วยน้ำตาคลอว่า"หลินเฟย ในที่สุดคุณก็มาสักที"หลินเฟยลูบผมดำขลับของเธอ พร้อมกับพูดปลอบโยนขึ้นมาว่า"อย่ากังวลไปเลย มีผมอยู่ เรื่องตลกแบบนี้มันไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก"หม่าเฉวียนมองหลินเฟยขึ้นลง พร้อมกับพูดอย่างดูแคลนว่า"แกเป็นใคร โผล่มาจากไหน?""นี่มันเป็นเรื่องภายในของหนานผิง แกไม่ใช่คนของหนานผิงด้วยซ้ำ การคัดค้านของแกไม่เป็นผล"หลินเฟยชำเลืองมองท่าทางที่เจ้าเล่ห์ของหม่าเฉวียน พร้อมกับพูดอย่างไม่แยแสขึ้นมาว่า"ตำแหน่งท่านประธานใหญ่ของหนานผิงคือพี่ซินเยว่ ห้ามใครมาปรากฏตัวในตำแหน่งนี้ นอกจากเธอแล้ว ไม่มีใครสามารถมาแย่งเอาไปได้"เมื่อได้ยินเสียงประกาศของหลินเฟย หม่าเฉวียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา"แกเป็นใคร ที่นี่แกมีสิทธิ์มาพูดอย่างนั้นเหรอ?""คิดจะคัดค้านฉัน? แกไม่มีแม้แต่สิทธิ์นี้ พวกรปภ.ทำห่าอะไรอยู่? คนบ้าแบบนี้ก็ปล่อยเข้ามาได้อย่างงั้นเหรอ? รีบเรียกรปภ.มาไล่ตะเพิดคนบ้าออกไปเดี๋ยวนี้"และผู้ถือ
รปภ.หลายสิบคนที่อยู่นอกห้องประชุมต่างก็กลิ้งราวกับลูกบอล โดยทั้งหมดถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างเต็มแรงเนื่องจากแรงกระแทกที่มหาศาล มันจึงทำให้กระดูกของพวกเขาแตกหัก จนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาได้อีกจากนั้นหลินเฟยก็ได้เดินไปรอบๆ ห้องประชุม พร้อมกับชกหมัดที่ทรงพลังนี้ออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่หมัดเหล่านี้ได้จู่โจมไปที่ผู้ถือหุ้นและรปภ.อย่างแม่นยำทุกครั้งไปและในระยะเวลาอันสั้นนี้ ร่างที่ติดตาของหลินเฟยก็ได้คลุมไปทั้งสถานที่เกือบภายในไม่กี่วินาที ผู้คนที่กล้าต่อต้านนับร้อยก็ได้ล้มลงไปที่พื้นอย่างเกลื่อนกลาดโดยระดับกระดูกที่แตกและหักนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคนโดยภาพรวมแล้วไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลยหลินเฟยได้กลับมาที่จุดเดิม และสะบัดข้อมือของตัวเองเล็กน้อยๆ"ยังมีใครอยากจะลงมืออีกไหม? ฉันจะทำให้สมหวังเอง"มีผู้ถือหุ้นที่อายุค่อนข้างจะมากอีกยี่สิบสามสิบคนที่ไม่ได้ลงมือแต่อย่างใดเมื่อเห็นฉากที่น่าสังเวชและน่าสะพรึงแบบนี้ต่อหน้าต่อตา พวกเขาก็รู้สึกสั่นสะท้านพร้อมกับนับถือความสามารถของหลินเฟยไปในคราวเดียวกันต่างก็นั่งอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ออกมาและสายตาท
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได