ห้องประชุมภายในสถานที่ออดิชั่นฉางเจียงหมิงกล่าวกับกู้โย่เสวี่ยด้วยใบหน้าที่เคารพว่า “คุณหนูกู้ เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว”กู้โย่เสวี่ยพยักหน้า มองดูขั้นตอนการรักษาของเซียวเป่ยบนโทรศัพท์มือถือ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม“หล่อมาก”กู้โย่เสวี่ยกล่าวพร้อมยิ้มอย่างหลงใหล“อะไรนะ?” ฉางเจียงหมิงงงงวยกู้โย่เสวี่ยเก็บโทรศัพท์มือถือ หัวเราะฮิฮิแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร”ฉางเจียงหมิงยิ้ม รู้แต่ไม่พูดอะไร แล้วพูดว่า “คุณหนูกู้ อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องดูแลปรมาจารย์เซียวเป็นพิเศษก็ได้ ด้วยศาสตร์ทางการแพทย์ของเขา การแข่งขันระดับในเมืองไม่สมกับความสามารถของเขาเลยด้วยซ้ำ”“จริงเหรอ?”นัยน์ตาของกู้โย่เสวี่ยเป็นประกายแน่นอน ผู้ชายที่ตนเองชอบนั้น จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา“ศาสตราจารย์ฉาง สามรายชื่อที่จะไปแข่งขันระดับเมืองในครั้งนี้ กำหนดแล้วหรือยัง?” กู้โย่เสวี่ยถามทันทีฉางเจียงหมิงพยักหน้าและพูดว่า “กำหนดแล้ว ยังคงเป็นมาตรฐานเดียวกันกับเมื่อสองปีก่อน หวังซงหมิงที่ลี่เหรินกรุ๊ปแนะนำ ซ่งเจิงที่ไห่หมิงกรุ๊ปแนะนำ และเฉียวฮุ่ยที่ปิงฉิ้นกรุ๊ปแนะนำ”พอพูดถึงเฉียวฮุ่ย ใบหน้าขอ
คำถามนี้ ทำให้หัวใจของเซียวเป่ยก็เต้นตุบตับสายตาของเขารีบมองไปที่ซูหว่านทันทีสีหน้าของซูหว่านในตอนนี้ ดูแย่เล็กน้อย กวาดสายตามองไปที่แขนของเซียวเป่ยที่กู้โย่เสวี่ยเอามือคล้องไว้อยู่พฤติกรรมการเอามือคล้องแขนนี้ ในมุมมองของซูหว่าน เหมือนเป็นการท้าทายและการแสดงเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ!เมื่อได้ยินดังนี้ ฉินเฟิงก็รีบอธิบายว่า “ไม่ใช่อย่างที่...”เขารู้ว่าซูหว่านยังไม่ยอมรับตนเองแต่ว่า ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็พบว่าแขนของตนเองแน่นขึ้นซูหว่านเอามือคล้องแขนของเขาเอาไว้!จากนั้น ซูหว่านยกคางขึ้นแล้วยั่วยุแบบเดียวกัน หัวเราะเหอะๆแล้วพูดกับกู้โย่เสวี่ยว่า “ใช่แล้ว พวกเรามาดูห้องหอกัน”การกระทำนี้ ดูเหมือนจะพูดว่า ก็แค่คล้องแขนไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ทำเป็น?เมื่อได้ยินดังนี้ หัวใจของฉินเฟิงก็เต้นตุบตับทันที!วินาทีต่อมา เขาก็รีบฉีกยิ้มออกมาทันที อกผายไหล่ผึ่ง เอามือล้วงกระเป๋า มองไปที่เซียวเป่ยด้วยความภาคภูมิใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยั่วยุลักษณะท่าทาง เหมือนกับว่าเป็นไก่โต้งที่ได้รับชัยชนะทันใดนั้น บรรยากาศในลานจอดรถเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันทีผู้หญิง
ซูหว่านหยุดเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร ทำเสียงฮึดฮัด เดินผ่านหน้าเซียวเป่ย แล้วออกจากสำนักงานขายไปฉินเฟิงงุนงง จึงรีบตามไป แล้วตะโกนว่า “ซูหว่าน รอผมด้วย”เมื่อเห็นทั้งสองเดินออกไปได้ไกลแล้ว กู้โย่เสวี่ยก็พ่นลมหายใจออกมาทางปาก แล้วมองไปที่เซียวเป่ย รวบผมอันเงางามที่ข้างหู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซียว เมื่อกี้ฉันแสดงเป็นยังไงบ้าง? คุณได้ระบายความโกรธในใจบ้างมั้ย ?”ท่าทางการเสยผมนี้ ในสายตาของผู้ชายคนอื่น คงจะรู้สึกว่ามีเสน่ห์และเย้ายวนใจมากแต่ เซียวเป่ยกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ส่ายหัวถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ระหว่างผมกับเธออีก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไปแล้ว”“นอกจากนี้ ซูหว่านไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ยิ่งคุณทำแบบนี้ เธอก็จะยิ่งอยากแข่งขันกับคุณเพื่อให้รู้แพ้รู้ชนะมากขึ้น”กู้โย่เสวี่ยกางแขนแล้วยิ้ม “ไม่แคร์หรอก ตั้งแต่เล็กตนโต ฉันไม่เคยพ่ายแพ้เลย”เซียวเป่ยยิ้มอย่างจนปัญญา พร้อมส่ายหัวกู้โย่เสวี่ยกะพริบตาโตๆอันปราดเปรียว แล้วถามด้วยรอยยิ้มมีเลศนัยว่า “คุณเซียว ถ้าวันนี้ ประธานซูมาดูห้องหอกับอีตาฉินเฟิงนั่นจริง
“อีกอย่าง ต้นที่เขียวชอุ่มอยู่ตลอดทั้งปีที่ปลูกไว้ในสวน ใบของมันก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และกำลังจะเฉาตาย”“สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าแม่กวนอิมหยกหนึ่งองค์ที่เคยเอามาสักการะอยู่ในบ้านก่อนหน้านี้ เจ้าแม่กวนอิมหยกองค์นั้นเพิ่งจะแตกระแหงไปเมื่อกี้นี้เอง... นี่ เป็นลางร้ายบอกเหตุชัดๆ!”พอเซียวเป่ยฟังจบ ก็ขมวดคิ้วแมวดำกระโดดลงบ่อน้ำ ถือเป็นลางร้ายบอกเหตุจริงๆ!แสดงว่า จะมีคนในครอบครัวสองคนที่จะต้องเสียชีวิตนอกจากนี้ หากต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปีเฉาตาย ก็หมายความว่าโชคลาภของตระกูลถังกำลังจะหมดลงส่วนเจ้าแม่กวนอิมหยกแตก ก็หมายความว่า ลูกหลานของตระกูลถัง จะมีประสบกับปัญหาใหญ่!สัญญาณแห่งการไร้ทายาทสืบสกุล!ตระกูลถังนี้ ไปก่อเหตุอะไรมากันแน่ ทำไมถึงได้ประสบกับภัยพิบัติเช่นนี้?“ปรมาจารย์เซียว ตระกูลถังของพวกเรายังมีทางรอดมั้ย? แม้ว่ากระผมจะไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่โหดร้ายผิดศีลธรรมอะไร กระผมอุทิศตนเพื่อการกุศลมาโดยตลอด ปรมาจารย์เซียวได้โปรดยื่นมือเข้ามาช่วย ตระกูลถังของพวกเราด้วย…"ถังจิ้งจือกลัวมากจริงๆ จนแทบจะขอร้องอ้อนวอนหลัง
ไม่ช้า เซียวเป่ยและกู้โย่เสวี่ยก็มาถึงเรือนรับรองตระกูลถังพอลงจากรถ เซียวเป่ยก็ตกตะลึงกับทำเลที่ตั้งและฮวงจุ้ยเรือนรับรองตระกูลถังที่อยู่ตรงหน้าต้องบอกว่า เรือนรับรองของตระกูลถังถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรามากโดยเฉพาะทำเลที่ตั้งนี้ ฮวงจุ้ยเยี่ยมมาก!ด้านหน้ามีห้องโถงสว่าง ด้านหลังมีภูเขาเขียวๆ เป็นสถานที่หลบลมรับน้ำตามแบบมาตรฐานอาศัยอยู่สถานที่แห่งนี้ สามารถยืดอายุขัยให้ยาวนาน เก็บกักความมั่งคั่งได้ และเมื่อดูผังโดยรอบแล้ว ดูก็รู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นฝีมือของปรมาจารย์ทางด้านฮวงจุ้ยโดยเฉพาะสิงโตหินสองตัวที่อยู่หน้าประตูนี้ อยู่ตรงจุดสองเป็นจุดรวมพลังของฮวงจุ้ยพอดี เพื่อข่มฮวงจุ้ยของที่นี่เอาไว้แต่ว่า เพียงแวบเดียวเซียวเป่ยก็มองเห็นปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ กระแสพลังงานฮวงจุ้ยของที่นี่ ใกล้จะหมดลงแล้ว จนแทบจะแห้งขอดอีกทั้ง ฮวงจุ้ยของที่นี่ ได้เปลี่ยนไปแล้ว!ตอนนี้ มันเป็นสถานที่อันตรายมาก!สาเหตุหลักคือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมีคนกำลังเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลถังเหรอ?เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และพากู้โย่เสวี่ยเข้าไปในเรือนรับรองเพีย
แค่ความสำเร็จในด้านฮวงจุ้ยของลู่เหิงเซิงคนนี้ ก็สูงมากๆแล้วนอกจากนี้ สถานะในเจียงจงก็สูงมากเช่นกันผู้คน ให้ฉายานามว่านักพรตลู่แต่ลู่เหิงเซิงอ่อนน้อมถ่อมตัว จึงให้คนเรียกเขาว่าปรมาจารย์ ส่วนนามนักพรตเต๋านั้น เขาไม่กล้าใช้มัน คิดไม่ถึงว่า ถังเทียนห้าวจะเชิญเขามาจริงๆปรมาจารย์ลู่ยิ้มเบาๆ โบกมือแล้วพูดว่า “หัวหน้าตระกูลถังไม่ต้องเกรงใจ วันนี้มาที่นี่ ก็เพื่อแก้ปัญหาฮวงจุ้ยให้ตระกูลถังของคุณ”พูดจบ นัยน์ตาของลู่เหิงเซิงก็มองไปที่เซียวเป่ย สายตาแฝงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม จึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “ แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องเตือนหัวหน้าตระกูลถังสักอย่างว่า คำพูดของเด็กหนุ่มประเภทนี้ อย่าได้ไปหลงเชื่อเลย”“มุมสะกดวิญญาณชั่วร้ายทั้งสี่อะไร ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี!”พอพูดจบ ถังจิ้งจือก็ขมวดคิ้วอันขาวหงอก นั่งคั่นอยู่ตรงกลาง จึงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย“คือว่า ปรมาจารย์ลู่ ความสามารถของปรมาจารย์เซียว กระผมได้ได้เห็นมากับตาตนเองแล้ว น่าจะไม่ใช่นักต้มตุ๋นอะไร”ถังจิ้งจือรีบพูดไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน“หึ! ในเมื่อหัวหน้าตระกู
กู้โย่เสวี่ยพยักหน้าคล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แล้วตะโกนบอกลู่เหิงเซิงทันทีว่า “เฮ้ ชายชราที่แซ่ลู่ คุณเซียวบอกว่า สิ่งที่คุณพูดไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด! ปัญหาของตระกูลถัง ไม่ได้อยู่ที่นี่”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ภายในห้องโถงกลาง ก็เงียบลงอย่างรวดเร็วทุกคนในตระกูลถัง รวมถึงลู่เหิงเซิง ต่างมองมาที่เซียวเป่ยด้วยความประหลาดใจหนึ่งในนั้น สายตาของลู่เหิงเซิง ไม่พอใจมากที่สุด!ถังเทียนห้าวเป็นคนแรกที่แสดงตัวออกมา ชี้ไปที่เซียวเป่ยพร้อมดุด่าว่า “ไอ้สารเลว! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดอยู่ที่นี่? ไม่เข้าใจก็อย่าแสร้งทำเป็นเข้าใจ! มิฉะนั้นพอถึงตอนนั้น จะอับอายขายขี้หน้า!”ลู่เหิงเซิงก็ทำเสียงฮึดฮัดใส่ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้เด็กโง่เขลา! แกมีคุณสมบัติอะไรมาบอกว่าสิ่งที่ฉันไม่ถูกต้อง?”“ถ้าอยากจะใช้สิ่งนี้เพื่อเอาใจมวลชน ฉันคิดว่าแกดีดลูกคิดคำนวณผลผิดแล้ว!”ถังจิ้งจือรีบไกล่เกลี่ยให้ทุกคนเข้าใจกันใจว่า “ปรมาจารย์เซียว สิ่งที่ปรมาจารย์ลู่พูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง น่าจะไม่ได้พูดผิดอะไร”เซียวเป่ยยิ้มเบาๆและพูดว่า “หัวหน้าตระกูลถัง อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว ปรมาจารย์ลู่คนนี้พูดถูก
คนรับใช้หลายคนที่แต่งตัวปอนๆ ถามพร้อมเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากถังจิ้งจือไม่ได้พูดอะไร มองดูเซียวเป่ยที่นิ่งสงบอยู่ข้างๆแล้วถามว่า “ปรมาจารย์เซียว ยังจะให้ขุดอยู่มั้ย?”“หัวหน้าตระกูลถัง คุณยังเชื่อสิ่งที่เด็กคนนี้พูดอีกเหรอ? แม้ว่าคุณจะขุดจนทะลุ มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดเจออะไร!” ลู่เหิงเฉิงกล่าวอย่างไม่พอใจเซียวเป่ยกลับกล่าวว่า “ขุดต่อไป หากมีปัญหาอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง”“ขุด? ขุดเหี้ยอะไรอีก! แกคิดว่าตระกูลถังเป็นลิง ที่แกจะมาหยอกล้อได้ตามอำเภอใจเหรอ?”ถังเทียนห้าวตะเบ็งเสียงอย่างไม่พอใจถังจิ้งจือขมวดคิ้ว และพูดว่า “ขุดต่อไป!”“คุณปู่ คุณปู่เชื่อนักต้มตุ๋นคนนี้จริงๆเหรอ?” ถังเทียนห้าวถามอย่างร้อนใจถังจิ้งจือถลึงตาใส่เขา แล้วพูดว่า “หุบปาก! ถ้ายังกล้าพูดมากอีก ปู่จะกักบริเวณหลานสามเดือน!”ลู่เหิงเซิงยิ้มและพูดว่า “ไอ้เด็กนี่ เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองดีนี่ ในเมื่อแกอยากจะขุด ฉันก็จะขุดเป็นเพื่อนแกให้ถึงที่สุด! หากแกขุดเจออะไรบางอย่างจริงๆ ฉันลู่เหิงเซิง จะไหว้แกเป็นอาจารย์เลย”เซียวเป่ยยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรไม่ช้า คนรับใช้หลายคนก็ขุดลึกลงไปอี
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?