“อีกอย่าง ต้นที่เขียวชอุ่มอยู่ตลอดทั้งปีที่ปลูกไว้ในสวน ใบของมันก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และกำลังจะเฉาตาย”“สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าแม่กวนอิมหยกหนึ่งองค์ที่เคยเอามาสักการะอยู่ในบ้านก่อนหน้านี้ เจ้าแม่กวนอิมหยกองค์นั้นเพิ่งจะแตกระแหงไปเมื่อกี้นี้เอง... นี่ เป็นลางร้ายบอกเหตุชัดๆ!”พอเซียวเป่ยฟังจบ ก็ขมวดคิ้วแมวดำกระโดดลงบ่อน้ำ ถือเป็นลางร้ายบอกเหตุจริงๆ!แสดงว่า จะมีคนในครอบครัวสองคนที่จะต้องเสียชีวิตนอกจากนี้ หากต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปีเฉาตาย ก็หมายความว่าโชคลาภของตระกูลถังกำลังจะหมดลงส่วนเจ้าแม่กวนอิมหยกแตก ก็หมายความว่า ลูกหลานของตระกูลถัง จะมีประสบกับปัญหาใหญ่!สัญญาณแห่งการไร้ทายาทสืบสกุล!ตระกูลถังนี้ ไปก่อเหตุอะไรมากันแน่ ทำไมถึงได้ประสบกับภัยพิบัติเช่นนี้?“ปรมาจารย์เซียว ตระกูลถังของพวกเรายังมีทางรอดมั้ย? แม้ว่ากระผมจะไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องที่โหดร้ายผิดศีลธรรมอะไร กระผมอุทิศตนเพื่อการกุศลมาโดยตลอด ปรมาจารย์เซียวได้โปรดยื่นมือเข้ามาช่วย ตระกูลถังของพวกเราด้วย…"ถังจิ้งจือกลัวมากจริงๆ จนแทบจะขอร้องอ้อนวอนหลัง
ไม่ช้า เซียวเป่ยและกู้โย่เสวี่ยก็มาถึงเรือนรับรองตระกูลถังพอลงจากรถ เซียวเป่ยก็ตกตะลึงกับทำเลที่ตั้งและฮวงจุ้ยเรือนรับรองตระกูลถังที่อยู่ตรงหน้าต้องบอกว่า เรือนรับรองของตระกูลถังถูกสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรามากโดยเฉพาะทำเลที่ตั้งนี้ ฮวงจุ้ยเยี่ยมมาก!ด้านหน้ามีห้องโถงสว่าง ด้านหลังมีภูเขาเขียวๆ เป็นสถานที่หลบลมรับน้ำตามแบบมาตรฐานอาศัยอยู่สถานที่แห่งนี้ สามารถยืดอายุขัยให้ยาวนาน เก็บกักความมั่งคั่งได้ และเมื่อดูผังโดยรอบแล้ว ดูก็รู้ได้เลยว่าจะต้องเป็นฝีมือของปรมาจารย์ทางด้านฮวงจุ้ยโดยเฉพาะสิงโตหินสองตัวที่อยู่หน้าประตูนี้ อยู่ตรงจุดสองเป็นจุดรวมพลังของฮวงจุ้ยพอดี เพื่อข่มฮวงจุ้ยของที่นี่เอาไว้แต่ว่า เพียงแวบเดียวเซียวเป่ยก็มองเห็นปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ กระแสพลังงานฮวงจุ้ยของที่นี่ ใกล้จะหมดลงแล้ว จนแทบจะแห้งขอดอีกทั้ง ฮวงจุ้ยของที่นี่ ได้เปลี่ยนไปแล้ว!ตอนนี้ มันเป็นสถานที่อันตรายมาก!สาเหตุหลักคือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมีคนกำลังเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลถังเหรอ?เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และพากู้โย่เสวี่ยเข้าไปในเรือนรับรองเพีย
แค่ความสำเร็จในด้านฮวงจุ้ยของลู่เหิงเซิงคนนี้ ก็สูงมากๆแล้วนอกจากนี้ สถานะในเจียงจงก็สูงมากเช่นกันผู้คน ให้ฉายานามว่านักพรตลู่แต่ลู่เหิงเซิงอ่อนน้อมถ่อมตัว จึงให้คนเรียกเขาว่าปรมาจารย์ ส่วนนามนักพรตเต๋านั้น เขาไม่กล้าใช้มัน คิดไม่ถึงว่า ถังเทียนห้าวจะเชิญเขามาจริงๆปรมาจารย์ลู่ยิ้มเบาๆ โบกมือแล้วพูดว่า “หัวหน้าตระกูลถังไม่ต้องเกรงใจ วันนี้มาที่นี่ ก็เพื่อแก้ปัญหาฮวงจุ้ยให้ตระกูลถังของคุณ”พูดจบ นัยน์ตาของลู่เหิงเซิงก็มองไปที่เซียวเป่ย สายตาแฝงด้วยความดูถูกเหยียดหยาม จึงกล่าวเยาะเย้ยว่า “ แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องเตือนหัวหน้าตระกูลถังสักอย่างว่า คำพูดของเด็กหนุ่มประเภทนี้ อย่าได้ไปหลงเชื่อเลย”“มุมสะกดวิญญาณชั่วร้ายทั้งสี่อะไร ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี!”พอพูดจบ ถังจิ้งจือก็ขมวดคิ้วอันขาวหงอก นั่งคั่นอยู่ตรงกลาง จึงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย“คือว่า ปรมาจารย์ลู่ ความสามารถของปรมาจารย์เซียว กระผมได้ได้เห็นมากับตาตนเองแล้ว น่าจะไม่ใช่นักต้มตุ๋นอะไร”ถังจิ้งจือรีบพูดไกล่เกลี่ยให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน“หึ! ในเมื่อหัวหน้าตระกู
กู้โย่เสวี่ยพยักหน้าคล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แล้วตะโกนบอกลู่เหิงเซิงทันทีว่า “เฮ้ ชายชราที่แซ่ลู่ คุณเซียวบอกว่า สิ่งที่คุณพูดไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด! ปัญหาของตระกูลถัง ไม่ได้อยู่ที่นี่”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ภายในห้องโถงกลาง ก็เงียบลงอย่างรวดเร็วทุกคนในตระกูลถัง รวมถึงลู่เหิงเซิง ต่างมองมาที่เซียวเป่ยด้วยความประหลาดใจหนึ่งในนั้น สายตาของลู่เหิงเซิง ไม่พอใจมากที่สุด!ถังเทียนห้าวเป็นคนแรกที่แสดงตัวออกมา ชี้ไปที่เซียวเป่ยพร้อมดุด่าว่า “ไอ้สารเลว! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดอยู่ที่นี่? ไม่เข้าใจก็อย่าแสร้งทำเป็นเข้าใจ! มิฉะนั้นพอถึงตอนนั้น จะอับอายขายขี้หน้า!”ลู่เหิงเซิงก็ทำเสียงฮึดฮัดใส่ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้เด็กโง่เขลา! แกมีคุณสมบัติอะไรมาบอกว่าสิ่งที่ฉันไม่ถูกต้อง?”“ถ้าอยากจะใช้สิ่งนี้เพื่อเอาใจมวลชน ฉันคิดว่าแกดีดลูกคิดคำนวณผลผิดแล้ว!”ถังจิ้งจือรีบไกล่เกลี่ยให้ทุกคนเข้าใจกันใจว่า “ปรมาจารย์เซียว สิ่งที่ปรมาจารย์ลู่พูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง น่าจะไม่ได้พูดผิดอะไร”เซียวเป่ยยิ้มเบาๆและพูดว่า “หัวหน้าตระกูลถัง อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว ปรมาจารย์ลู่คนนี้พูดถูก
คนรับใช้หลายคนที่แต่งตัวปอนๆ ถามพร้อมเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากถังจิ้งจือไม่ได้พูดอะไร มองดูเซียวเป่ยที่นิ่งสงบอยู่ข้างๆแล้วถามว่า “ปรมาจารย์เซียว ยังจะให้ขุดอยู่มั้ย?”“หัวหน้าตระกูลถัง คุณยังเชื่อสิ่งที่เด็กคนนี้พูดอีกเหรอ? แม้ว่าคุณจะขุดจนทะลุ มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดเจออะไร!” ลู่เหิงเฉิงกล่าวอย่างไม่พอใจเซียวเป่ยกลับกล่าวว่า “ขุดต่อไป หากมีปัญหาอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง”“ขุด? ขุดเหี้ยอะไรอีก! แกคิดว่าตระกูลถังเป็นลิง ที่แกจะมาหยอกล้อได้ตามอำเภอใจเหรอ?”ถังเทียนห้าวตะเบ็งเสียงอย่างไม่พอใจถังจิ้งจือขมวดคิ้ว และพูดว่า “ขุดต่อไป!”“คุณปู่ คุณปู่เชื่อนักต้มตุ๋นคนนี้จริงๆเหรอ?” ถังเทียนห้าวถามอย่างร้อนใจถังจิ้งจือถลึงตาใส่เขา แล้วพูดว่า “หุบปาก! ถ้ายังกล้าพูดมากอีก ปู่จะกักบริเวณหลานสามเดือน!”ลู่เหิงเซิงยิ้มและพูดว่า “ไอ้เด็กนี่ เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองดีนี่ ในเมื่อแกอยากจะขุด ฉันก็จะขุดเป็นเพื่อนแกให้ถึงที่สุด! หากแกขุดเจออะไรบางอย่างจริงๆ ฉันลู่เหิงเซิง จะไหว้แกเป็นอาจารย์เลย”เซียวเป่ยยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรไม่ช้า คนรับใช้หลายคนก็ขุดลึกลงไปอี
บูม……ถังจิ้งจือตกใจมากจนหน้าถอดสี เสียงดังพลั่ก คุกเข่าลงกับพื้น และตะโกนว่า “ ปรมาจารย์เซียวได้โปรดลงมือ ช่วยตระกูลถังของกระผมด้วย”สมาชิกตระกูลถัง ตอนนี้ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ รีบคุกเข่าลงไป ตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ปรมาจารย์เซียวได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”พอเห็นความลังเลใจของเซียวเป่ย ถังจิ้งจือก็รีบตะโกนใส่ถังเทียนห้าวที่ยังคงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเกรี้ยวโกรธทันทีว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ยังไม่คุกเข่าคำนับขอโทษปรมาจารย์เซียวอีก?”พอถังเทียนห้าวพอตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าตระหนกตกใจ รีบคุกเข่าลง เอาหัวโขกพื้นแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์ ปรมาจารย์เซียว กระผมมีตาหามีแววไม่ ท่านเป็นคนใจกว้างมีเมตตา ได้โปรดช่วยกระผมด้วย กระผมยังไม่อยากตาย ไม่อยากตาย!”ถังเทียนห้าวร้องไห้ด้วยความตกใจเมื่อเห็นสมาชิกตระกูลถังทุกคนต่างก็คุกเข่าขอร้องอ้อนวอน เซียวเป่ยก็พ่นลมหายใจออกมาทางปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อผมได้ประสบพบเจอแล้ว จะยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน”จากนั้น เซียวเป่ยใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ขั้นแรกใช้ยันต์สีเหลืองเพื่อกำจัดพลังวิญญาณชั่วร้ายออกจาก “วัตถุสะกดวิญญาณ” ทั้งสี่นั่น
ถังจิ้งจือยิ้มต้องบอกว่า ชายคนนี้ยิ่งอายุมากยิ่งฉลาดหลักแหลมภายนอกเหมือนจะถามเซียวเป่ยว่ารู้จักโครงการนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วอยากจะรู้ว่าเซียวเป่ยคิดยังไงกับปิงฉิ้นกรุ๊ปหากยังไม่ได้หย่า หลังจากถังจิ้งจือได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเป่ยและปิงฉิ้นกรุ๊ปแล้ว แม้ว่าเขาจะขาดทุนก็ต้องให้โครงการดำเนินต่อไปถ้าหย่าแล้ว มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเทียบเท่ากับโยนอำนาจในการตัดสินใจนี้ ไปให้กับเซียวเป่ยเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ถังเหล่า ถ้าไม่รังเกียจช่วยเอาแผนโครงการมาให้ผมดูหน่อยได้มั้ย?”“ได้แน่นอน”ถังจิ้งจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่งสัญญาณให้หลิวหัวซินเอาเอกสารโครงการมอบให้กับเซียวเป่ยเซียวเป่ยดูไปได้สักพักหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วเพราะว่า โครงการนี้เขาเป็นคนเสนอมาก่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ความสวยความงามเซียวเป่ยยังได้คิดค้นพัฒนายาเสริมความงามชนิดหนึ่งเพื่อโครงการนี้ แม้แต่สูตรก็มอบให้กับซูหว่านอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ซูหว่านเหมือนจะไม่ค่อยสนใจ แม้แต่สูตรหลักก็เปลี่ยนไปเซียวเป
เซียวเป่ยอ้าปาก อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉินเฟิงก็ขัดจังหวะเขา ดึงชุดสูท เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามว่า “ เซียวเป่ย ผมจะเล่าความจริงให้คุณฟังนะ เงินโครงการนั่นของซูหว่าน เป็นผมเองที่ไหว้วานให้คุณพ่อของผมหาคนมาจัดการให้”“ตอนนี้คุณกลับแสดงตัวออกมา บอกว่าคุณเป็นคนแจ้งท่านผู้เฒ่าตระกูลถังเอง?”“ทำไมเหรอ ท่านผู้เฒ่าตระกูลถังต้องทำตามความต้องการของคุณงั้นเหรอ?”“แต่ก่อนทำไมผมไม่ยักจะรู้เลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้?”เยาะเย้ย ดูหมิ่นเหยียดหยาม และประชดประชันสีหน้าท่าทางต่างๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเฟิงคิ้วอันสวยงามดั่งใบหลิวของซูหว่านก็ขมวดกัน มองไปที่เซียวเป่ยด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พูดอย่างเย็นชาว่า “เซียวเป่ย หากคุณคิดที่จะดึงดูดความสนใจจากฉัน งั้นฉันขอบอกคุณไว้เลยว่า อย่าพยายามให้เสียเปล่าเลย!”“เรื่องนี้ คุณจะหาว่าใครก็ได้ที่ยื่นมือเข้าช่วยฉัน ยกเว้นคุณที่ทำไม่ได้”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า “พูดแบบนี้ ไม่ว่าผมจะพูดอะไร คุณก็ไม่เชื่อแล้วเหรอ?”“ถูกต้อง” ซูหว่านกล่าวพร้อมเลิกคิ้วขึ้นซูหว่านรู้ดีว่า โครงการที่ร่วมมือกับถังซินกรุ๊ปนี้
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?