กู้โย่เสวี่ยพยักหน้าคล้ายจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ แล้วตะโกนบอกลู่เหิงเซิงทันทีว่า “เฮ้ ชายชราที่แซ่ลู่ คุณเซียวบอกว่า สิ่งที่คุณพูดไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด! ปัญหาของตระกูลถัง ไม่ได้อยู่ที่นี่”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกไป ภายในห้องโถงกลาง ก็เงียบลงอย่างรวดเร็วทุกคนในตระกูลถัง รวมถึงลู่เหิงเซิง ต่างมองมาที่เซียวเป่ยด้วยความประหลาดใจหนึ่งในนั้น สายตาของลู่เหิงเซิง ไม่พอใจมากที่สุด!ถังเทียนห้าวเป็นคนแรกที่แสดงตัวออกมา ชี้ไปที่เซียวเป่ยพร้อมดุด่าว่า “ไอ้สารเลว! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดอยู่ที่นี่? ไม่เข้าใจก็อย่าแสร้งทำเป็นเข้าใจ! มิฉะนั้นพอถึงตอนนั้น จะอับอายขายขี้หน้า!”ลู่เหิงเซิงก็ทำเสียงฮึดฮัดใส่ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้เด็กโง่เขลา! แกมีคุณสมบัติอะไรมาบอกว่าสิ่งที่ฉันไม่ถูกต้อง?”“ถ้าอยากจะใช้สิ่งนี้เพื่อเอาใจมวลชน ฉันคิดว่าแกดีดลูกคิดคำนวณผลผิดแล้ว!”ถังจิ้งจือรีบไกล่เกลี่ยให้ทุกคนเข้าใจกันใจว่า “ปรมาจารย์เซียว สิ่งที่ปรมาจารย์ลู่พูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง น่าจะไม่ได้พูดผิดอะไร”เซียวเป่ยยิ้มเบาๆและพูดว่า “หัวหน้าตระกูลถัง อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้ว ปรมาจารย์ลู่คนนี้พูดถูก
คนรับใช้หลายคนที่แต่งตัวปอนๆ ถามพร้อมเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากถังจิ้งจือไม่ได้พูดอะไร มองดูเซียวเป่ยที่นิ่งสงบอยู่ข้างๆแล้วถามว่า “ปรมาจารย์เซียว ยังจะให้ขุดอยู่มั้ย?”“หัวหน้าตระกูลถัง คุณยังเชื่อสิ่งที่เด็กคนนี้พูดอีกเหรอ? แม้ว่าคุณจะขุดจนทะลุ มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดเจออะไร!” ลู่เหิงเฉิงกล่าวอย่างไม่พอใจเซียวเป่ยกลับกล่าวว่า “ขุดต่อไป หากมีปัญหาอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง”“ขุด? ขุดเหี้ยอะไรอีก! แกคิดว่าตระกูลถังเป็นลิง ที่แกจะมาหยอกล้อได้ตามอำเภอใจเหรอ?”ถังเทียนห้าวตะเบ็งเสียงอย่างไม่พอใจถังจิ้งจือขมวดคิ้ว และพูดว่า “ขุดต่อไป!”“คุณปู่ คุณปู่เชื่อนักต้มตุ๋นคนนี้จริงๆเหรอ?” ถังเทียนห้าวถามอย่างร้อนใจถังจิ้งจือถลึงตาใส่เขา แล้วพูดว่า “หุบปาก! ถ้ายังกล้าพูดมากอีก ปู่จะกักบริเวณหลานสามเดือน!”ลู่เหิงเซิงยิ้มและพูดว่า “ไอ้เด็กนี่ เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองดีนี่ ในเมื่อแกอยากจะขุด ฉันก็จะขุดเป็นเพื่อนแกให้ถึงที่สุด! หากแกขุดเจออะไรบางอย่างจริงๆ ฉันลู่เหิงเซิง จะไหว้แกเป็นอาจารย์เลย”เซียวเป่ยยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรไม่ช้า คนรับใช้หลายคนก็ขุดลึกลงไปอี
บูม……ถังจิ้งจือตกใจมากจนหน้าถอดสี เสียงดังพลั่ก คุกเข่าลงกับพื้น และตะโกนว่า “ ปรมาจารย์เซียวได้โปรดลงมือ ช่วยตระกูลถังของกระผมด้วย”สมาชิกตระกูลถัง ตอนนี้ต่างก็พากันตื่นตระหนกตกใจ รีบคุกเข่าลงไป ตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ปรมาจารย์เซียวได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”พอเห็นความลังเลใจของเซียวเป่ย ถังจิ้งจือก็รีบตะโกนใส่ถังเทียนห้าวที่ยังคงยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเกรี้ยวโกรธทันทีว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ยังไม่คุกเข่าคำนับขอโทษปรมาจารย์เซียวอีก?”พอถังเทียนห้าวพอตั้งสติกลับมาได้ สีหน้าตระหนกตกใจ รีบคุกเข่าลง เอาหัวโขกพื้นแล้วกล่าวว่า “ปรมาจารย์ ปรมาจารย์เซียว กระผมมีตาหามีแววไม่ ท่านเป็นคนใจกว้างมีเมตตา ได้โปรดช่วยกระผมด้วย กระผมยังไม่อยากตาย ไม่อยากตาย!”ถังเทียนห้าวร้องไห้ด้วยความตกใจเมื่อเห็นสมาชิกตระกูลถังทุกคนต่างก็คุกเข่าขอร้องอ้อนวอน เซียวเป่ยก็พ่นลมหายใจออกมาทางปากแล้วพูดว่า “ในเมื่อผมได้ประสบพบเจอแล้ว จะยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน”จากนั้น เซียวเป่ยใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ขั้นแรกใช้ยันต์สีเหลืองเพื่อกำจัดพลังวิญญาณชั่วร้ายออกจาก “วัตถุสะกดวิญญาณ” ทั้งสี่นั่น
ถังจิ้งจือยิ้มต้องบอกว่า ชายคนนี้ยิ่งอายุมากยิ่งฉลาดหลักแหลมภายนอกเหมือนจะถามเซียวเป่ยว่ารู้จักโครงการนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วอยากจะรู้ว่าเซียวเป่ยคิดยังไงกับปิงฉิ้นกรุ๊ปหากยังไม่ได้หย่า หลังจากถังจิ้งจือได้รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเป่ยและปิงฉิ้นกรุ๊ปแล้ว แม้ว่าเขาจะขาดทุนก็ต้องให้โครงการดำเนินต่อไปถ้าหย่าแล้ว มันก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเทียบเท่ากับโยนอำนาจในการตัดสินใจนี้ ไปให้กับเซียวเป่ยเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ถังเหล่า ถ้าไม่รังเกียจช่วยเอาแผนโครงการมาให้ผมดูหน่อยได้มั้ย?”“ได้แน่นอน”ถังจิ้งจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่งสัญญาณให้หลิวหัวซินเอาเอกสารโครงการมอบให้กับเซียวเป่ยเซียวเป่ยดูไปได้สักพักหนึ่ง ก็ขมวดคิ้วเพราะว่า โครงการนี้เขาเป็นคนเสนอมาก่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ความสวยความงามเซียวเป่ยยังได้คิดค้นพัฒนายาเสริมความงามชนิดหนึ่งเพื่อโครงการนี้ แม้แต่สูตรก็มอบให้กับซูหว่านอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ซูหว่านเหมือนจะไม่ค่อยสนใจ แม้แต่สูตรหลักก็เปลี่ยนไปเซียวเป
เซียวเป่ยอ้าปาก อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ฉินเฟิงก็ขัดจังหวะเขา ดึงชุดสูท เยาะเย้ยอย่างเหยียดหยามว่า “ เซียวเป่ย ผมจะเล่าความจริงให้คุณฟังนะ เงินโครงการนั่นของซูหว่าน เป็นผมเองที่ไหว้วานให้คุณพ่อของผมหาคนมาจัดการให้”“ตอนนี้คุณกลับแสดงตัวออกมา บอกว่าคุณเป็นคนแจ้งท่านผู้เฒ่าตระกูลถังเอง?”“ทำไมเหรอ ท่านผู้เฒ่าตระกูลถังต้องทำตามความต้องการของคุณงั้นเหรอ?”“แต่ก่อนทำไมผมไม่ยักจะรู้เลยว่าคุณจะเก่งขนาดนี้?”เยาะเย้ย ดูหมิ่นเหยียดหยาม และประชดประชันสีหน้าท่าทางต่างๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเฟิงคิ้วอันสวยงามดั่งใบหลิวของซูหว่านก็ขมวดกัน มองไปที่เซียวเป่ยด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก พูดอย่างเย็นชาว่า “เซียวเป่ย หากคุณคิดที่จะดึงดูดความสนใจจากฉัน งั้นฉันขอบอกคุณไว้เลยว่า อย่าพยายามให้เสียเปล่าเลย!”“เรื่องนี้ คุณจะหาว่าใครก็ได้ที่ยื่นมือเข้าช่วยฉัน ยกเว้นคุณที่ทำไม่ได้”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจว่า “พูดแบบนี้ ไม่ว่าผมจะพูดอะไร คุณก็ไม่เชื่อแล้วเหรอ?”“ถูกต้อง” ซูหว่านกล่าวพร้อมเลิกคิ้วขึ้นซูหว่านรู้ดีว่า โครงการที่ร่วมมือกับถังซินกรุ๊ปนี้
ซูหว่านยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานขนาดใหญ่ เอามือกอดหน้าอก แววตาที่เย็นชาของเธอจ้องมองไปที่ตึกสูงที่อยู่ข้างนอกในขณะนี้ เธอมีความเด็ดขาด และเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมากเซียวเป่ย!คุณไม่ได้คิดว่าฉันทำไม่ได้เหรอ?ฉันซูหว่าน จะพิสูจน์ให้คุณเห็น!ความสวยความงาม......ฉันก็มีสูตรเป็นของตัวเอง!ฉันไม่เชื่อว่า สูตรของฉัน จะแย่ไปกว่าของคุณ!“ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว” หลี่เซียวลี่พยักหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน แล้วออกจากห้องทำงานไปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็โทรหาฉินเฟิง และถามว่า “คุณฉิน เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ตอนที่อยู่ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณเหรอ? พอประธานซูกลับมา ก็ดูผิดปกติไป ตอนนี้จะยกเอาโครงการความสวยความงาม มาอยู่ในระดับเดียวกันกับยาเม็ดโกลเด้นกา”“อ๋อ ผมรู้แล้วเรา พวกเราเพิ่งเจอเซียวเป่ยมา…” ฉินเฟิงยิ้มเบาๆ แล้วอธิบายไปสองสามประโยคหลังจากฟังแล้ว หลี่เซียวลี่ก็เข้าใจ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว ประธานซูอยากจะพิสูจน์ตัวเอง”…ทางด้านของเซียวเป่ย นั่งอยู่บนรถ หลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนกู้โย่เสวี่ยก็ไม่กล้ารบกวนเขา ตั
“โย่เสวี่ย...”เมื่อกู้โย่เสวี่ยได้ยินชื่อนี้ แก้มก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ใบหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยท่าทางที่เขินอายไม่ใช่มั้ง...คุณเซียวใช้ชื่อของเธอตั้งชื่อบริษัท หรือว่าเขาชอบตนเองนะ?เมื่อเห็นกู้โย่เสวี่ยเหม่อลอยอยู่กับที่ ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความเขินอาย เซียวเป่ยก็ขมวดคิ้วพูดอย่างสงสัยว่า “เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนมั้ย?”“ห๊า? ไม่ ไม่มีอะไร... ไว้สักพักฉันจะมารับคุณนะ ว่าจะไปช่วยคุณจัดการเรื่องบริษัทก่อน” กู้โย่เสวี่ยยิ้ม ไปหน้าเต็มไปด้วยความเขินอายพูดจบ เธอก็รีบขึ้นรถ และออกจากที่นี่ไปเซียวเป่ยชำเลืองมองไฟท้ายรถที่ขับจากไป แล้วส่ายหัวขณะนี้เหอเทาวิ่งเข้ามา สะกิดแขนของเซียวเป่ย ยกคางขึ้น และถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เป่ย พี่กับสาวสวยคนนั้นอยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไงบ้าง? ”เซียวเป่ยกลอกตา ขี้เกียจตอบคำถาม หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในร้านต้องบอกว่า คนที่เป็นมืออาชีพ ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมากผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน ก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปคือการตกแต่งรีโนเวทใหม่ตามที่ทีมงานก่อสร้างบอก ภายในสามวัน คุณจะได้ร้านใหม่กลับคืนมาอย่
หลี่เซียวลี่ยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันก็แค่อยากจะทำให้เซียวเป่ยเข้าใจช่องว่างระหว่างเขากับปิงฉิ้นกรุ๊ปของพวกเราค่ะ! ถ้าหากเฉียวฮุ่ยเข้าไปอยู่ในการแข่งขันรอบแรก แล้วเอาชัยชนะมาได้ คุณคิดว่าเซียวเป่ยจะรู้สึกยังไงล่ะคะ?”“ถึงตอนนั้น เขายังมีสิทธิ์อะไรมาอวดดีต่อหน้าคุณล่ะ?”“อีกอย่างใช้โอกาสในการคัดเลือกระดับจังหวัดนี้ เป็นการเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้กับเฉียวฮุ่ย ปิงฉิ้นกรุ๊ปของเราได้ผลประโยชน์มากแน่ ๆ”“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันคัดเลือกระดับจังหวัดในรอบนี้ ทีมรายการเดอะวอยซ์หัวเซี่ยเป็นผู้จัด! เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมีการถ่ายทอดสดทางช่องท้องถิ่นหลายช่องในเจียงจง รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย”“ถ้ารายการได้รับการตอบรับดี ก็จะมีโอกาสถ่ายทอดสดทั่วประเทศ เมื่อถึงตอนนั้นการแข่งขันการแพทย์แผนจีนทั้งหมดก็จะถูกถ่ายทอดสดบนทุกแพลตฟอร์มทั่วประเทศ”“ถ้าเฉียวฮุ่ยมีชื่อเสียงจากการแข่งขันในครั้งนี้ สำหรับบริษัทของเราแล้ว มันจะหมายความว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับคนในเจียงจงฟรี ๆ เลยค่ะ!”ซูหว่านขมวดคิ้ว คิดแล้วคิดอีก รู้สึกว่าสิ่งที่หลี่เซียวลี่พูดก็ดูมีเหตุผล เธอจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “งั้นเธอก็ไปจัดกา
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?