เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และพูดอย่างสงบนิ่งว่า: “ผมจะไปรู้ได้ยังไง?”“นี่ท่าทีอะไรของคุณเนี่ย? คุณทำให้ตระกูลหลี่ขุ่นเคืองใจ จนทำให้ประธานซูถูกจับตัวมา ตอนนี้ยังจะมาทำท่าทางที่ดูไม่แยแสอีก คุณนี่มันเลวจริงๆ!” หลี่เซียวลี่พูดด้วยความโกรธ และชี้หน้าด่าเซียวเป่ยสีหน้าของเซียวเป่ยเปลี่ยนไป กล่าวพร้อมขมวดคิ้วว่า “คุณไม่เห็นหรือว่าผมพาซูหว่านออกมาจากบ้านของตระกูลหลี่”หลี่เซียวลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้ว แล้วตำหนิทันทีว่า: “มันเกี่ยวอะไรกับคุณ! เห็นได้ชัดว่าประธานฉินใช้เส้นสาย ตระกูลหลี่ถึงได้ยอมปล่อยคน ไม่อย่างนั้น คุณคิดว่าคุณจะนำตัวประธานซูออกมาได้อย่างปลอดภัยเหรอ?”“ตระกูลหลี่อยากฆ่าคุณใจจะขาด!ถ้าคุณเดินดุ่มๆเข้าไปแบบนี้ ไม่ตายก็คงจะโดนถลกหนัง! ถ้าไม่ได้เป็นเพราะประธานฉิน คุณจะยังยืนอยู่ที่นี่ ทะเลาะกับฉันเหมือนอย่างตอนนี้ ได้อีกไหม?”เซียวเป่ยขมวดคิ้วลึกขึ้นเรื่อยๆ หัวเราเยอะเย้ย แล้วพูดว่า “คุณว่าอะไรนะ? ผมสามารถออกมาจากตระกูลหลี่ เพราะเส้นสายของฉินเฟิง?”“ถูกต้อง! ถ้าไม่ใช่ฉัน นายคงตายไปแล้ว!” ในเวลานี้ฉินเฟิงลุกขึ้นมา แล้วจ้องมองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
เซียวเป่ยพ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างจนใจ แล้วกล่าวว่า “ใช่ฉินเฟิงหรือเปล่า พวกคุณรู้ดีว่ากว่าผมเสียอีก ตระกูลฉิน ไม่มีพลังอำนาจมากพอ ที่จะสามารถทำให้ตระกูลหลี่ปล่อยคนได้หรอก?”“หุบปาก! ถ้าไม่ใช่เสี่ยวฉิน จะเป็นเศษสวะที่ไม่มีความสามารถอะไรอย่างแกเหรอ!”หยางเหม่ยหลันดุด่าหลี่เซียวลี่กล่าวอย่างเหยียดหยามว่า: “เซียวเป่ย คุณมาเร็วขนาดนี้ ก็เพื่อจะมาแย่งความดีความชอบ แสดงความดีต่อหน้าประธานซู ให้ประธานซูเปลี่ยนใจมาหาคุณ และทำลายงานแต่งงานของเธอกับประธานฉินในวันมะรืนนี้ใช่ไหม? อย่าคิดว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่!”เมื่อได้ยินดังนี้ ซูหว่านที่เดิมทีมีสีหน้าที่แย่อยู่แล้ว ก็มีสีหน้าที่แย่มากยิ่งขึ้นเธอคิดไม่ถึงว่า เซียวเป่ยจะเป็นคนเช่นนี้!“เซียวเป่ย คุณไม่มีอะไรจะอธิบายเลยเหรอ?” ซูหว่านถามเซียวเป่ยเลิกคิ้ว พ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างช่วยไม่ได้: “ผมไม่มีอะไรจะต้องอธิบาย ถ้าคุณเต็มใจที่จะเชื่อเขา ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด”“ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า ตระกูลฉินไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดตระกูลหลี่ได้!”“ครั้งนี้สามารถช่วยชีวิตออกมาได้ เป็นเพราะผมติดต่อผู้บัญชาการเทพมังกรบิน”ทันทีที่พูดเหล่านี้ออ
สีหน้าของฉินเฟิง ก็ดูแย่ลงมากสิ่งที่เซียวเป่ยพูดเมื่อสักครู่นี้ ยังคงดังก้องอยู่ในหูหรือว่าไอ้สารเลวคนนี้ จะรู้จักกับผู้บัญชาการเทพมังกรบินจริงๆ?ซูหว่านมองดูฉินเฟิงด้วยสายตาที่สงสัย และถามว่า: “ฉินเฟิง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? คุณบอกว่าคุณใช้เส้นสายเพื่อให้ตระกูลหลี่ปล่อยตัวฉันไม่ใช่เหรอ?ทำไมเซียวเป่ยถึงบอก ว่าเป็นผู้บัญชาการเทพมังกรบินได้ล่ะ?”ฉินเฟิงรู้สึกประหม่า และพูดตะกุกตะกัก: “คือว่า ...”ก่อนที่ฉินเฟิงจะพูดอะไร หลี่เซียวลี่ก็ตัดบทไปว่า:“ประธานซู ไม่จำเป็นต้องถามหรอกค่ะ จะต้องเป็นคุณพ่อของประธานฉิน ใช้เส้นสายที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งมณฑล ติดต่อกับผู้บัญชาการเทพมังกรบินแน่ๆ!หรือว่า คุณเชื่อคำพูดของไอ้สารเลวเซียวเป่ยคนนั้น ว่าเขาเป็นคนติดต่อผู้บัญชาการเทพมังกรบินจริงๆอย่างนั้นเหรอ?”“ถ้าเขามีความสัมพันธ์และมีอำนาจที่จะทำอย่างนี้ได้ ทำไมถึงไม่มีใครรู้จักเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาล่ะ?แล้วทำไมเขาถึงต้องหย่ากับคุณด้วย?”ฉินเฟิงหัวเราะขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า: “ใช่ใช่ใช่ เลขาหลี่พูดถูก ครั้งนี้อาจจะเป็นไปได้ที่พ่อของผมใช้เส้นสายสำคัญ ติดต่อกับผู้บัญชาการเทพมังกรบิน”“บอกตามตรง ผมเองก็
ซูหว่านไม่ได้พูดอะไร และขึ้นไปนั่งบนรถฉินเฟิงและหลี่เซียวลี่ก็รีบขึ้นไปบนรถด้วยซูหว่านไม่ได้กลับไปที่บริษัท แต่ตรงกลับไปที่วิลล่าหยางเหม่ยหลันก็ถูกเมินเช่นกันตอนนี้เธอไม่อยากเจอใครเลย แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆในห้องนอน ซูหว่านนอนอยู่บนเตียง จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก หลงเสี่ยวหานเดินเข้ามา เหลือบมองซูหว่านที่นอนอยู่บนเตียง แล้วพูดว่า“ฉันได้ยินเรื่องของบริษัทแล้วนะ คุณไม่คิดที่จะทำอะไรหน่อยเหรอ?”ซูหว่านเช็ดน้ำตา ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อน”“คุณไม่เหมือนซูหว่านที่ฉันรู้จัก ซูหว่านที่ฉันรู้จักจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆขนาดนี้?นั่นคือบริษัทที่คุณดูแลมากับมือจนเติบโตมาถึงทุกวันนี้ คุณจะมอบมันให้กับน้องชายที่ไม่เอาไหน ไร้ความสามารถ ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารอย่างนั้นเหรอ?”หลงเสี่ยวหานพูดอย่างตรงไปตรงมาในสายตาของเธอ หากเอาปิงฉิ้นกรุ๊ปให้ซูเทียนห้าวบริหาร อาจจะล้มละลาย ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งปีเลยด้วยซ้ำซูหว่านถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ยังไงซะเขาก็เป็นน้องชายของฉัน ทางด้านของคุณย่าเอง ก็เตรียมพร้อมที่จะให้เขารับช่วงต่อบริษัทตั้งนานแล้ว”“แล้วยังไง? คุณยอมแพ้แล้วเหรอ?” หลงเสี่ยว
เซียวเป่ยตกใจ แล้วรีบผลักกู้โย่เสวี่ยออกไปทันทีแต่ว่า สาวน้อยคนนี้จริงจังมาก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะกัดริมฝีปากของเซียวเป่ยไม่ปล่อยต้องดันออกไปสองสามครั้ง เซียวเป่ยถึงผลักกู้โย่เสวี่ยออกไปได้กู้โย่เสวี่ยนั่งอยู่บนตัวของเขาอยู่อย่างนั้น จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ขุ่นเคืองใจ จากนั้นก็เช็ดริมฝีปาก แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า:“ทำไมต้องผลักฉันออกไปด้วย?”“ไร้สาระ!ลุกขึ้นเร็ว!”สีหน้าของเซียวเป่ยดูไม่พอใจ แล้วรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเขารีบไปที่กระจก แล้วก็พบว่าริมฝีปากของตนถูกกัดจนเป็นแผลแต่กู้โย่เสวี่ยกับทำเหมือนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่ข้างๆ แล้วพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเห็นเซียวเป่ยหายาเพื่อมาเช็ดริมฝีปาก กู้โย่เสวี่ยก็รู้สึกผิด แล้วกล่าวว่า“ฉันขอโทษ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ”เซียวเป่ยไม่ได้สนใจ หลังจากทายาแล้ว ก็พูดกับเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า: “คุณกลับไปก่อนเถอะ”“ฉันไม่กลับ!ฉันจะอยู่ที่นี่กับคุณ”กู้โย่เสวี่ยเริ่มดื้อรั้น และปฏิเสธที่จะจากไปเซียวเป่ยถอนหายใจด้วยความจนปัญญา เหนื่อยเกินกว่าจะไปควบคุมเขา จากนั้นก็หยิบหินหยกออกมาแล้วทำหินแคล้วคลาดต่อไปกู้โย่เสว
ฮั่วเจิ้งซานรีบยื่นมือออกไปรับมันทันที มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นหินหยกสีเขียวขนาดเล็ก ขนาดครึ่งนิ้วหัวแม่มือ แม้ว่าจะดูธรรมดา แต่ทันทีที่เข้าไปอยู่ในมือ ก็อบอุ่นพอๆกันกับหยก จากนั้นความอบอุ่นอันสดชื่น ก็ไหลเวียนทั่วทั้งร่างกายของเขาทันทีฮั่วเจิ้งซานไม่ใช่คนโง่ เขารู้โดยธรรมชาติว่าหยกนี้คือของดี เขาโค้งคำนับประสานมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า“ขอบคุณครับปรมาจารย์เซียว”...........ในขณะเดียวกันในห้องห้องชุดเพรสซิเดนเชียลสวีทของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเมืองเจียงจงหวังป้าเทียนยืนอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูตึกสูงที่อยู่ด้านนอก แล้วถามด้วยเสียงที่ต่ำทุ้มว่า: “ติดต่อได้หรือยัง?เฮยไป๋อู๋ฉางปรมาจารย์ทั้งสองท่านจากสำนักภูตเวทมนตร์ จะมาถึงเมื่อไหร่?”ข้างหลัง มีบอดี้การ์ดคนหนึ่งตอบว่า: “รายงานหัวหน้าตระกูล ติดต่อได้แล้ว และมาถึงในคืนนี้ครับ”“ดีมาก! คืนนี้ จะต้องฆ่าเด็กคนนั้นให้ได้!” หวังเทียนป้าพูดอย่างเย็นชา นัยน์ตาของเขาเต็มไปจิตสังหารบอดี้การ์ดถามว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูล แล้วฮั่วเจิ้งซานล่ะ?”หวังเทียนป้าหันกลับมา แล้วพูดด้วยสีหน้าดุร้ายว่า: “ถ้าไอ้เด็กคนนั้นตาย
หลังจากมองดูเจียงคุนจากไปแล้ว เซียวเป่ยก็ขมวดคิ้ว มองกู้โย่เสวี่ยที่อยู่ข้างๆแล้วถามว่า “เขาหยิ่งยโสและงี่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”กู้โย่เสวี่ยกางมือออกแล้วยักไหล่: “นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่ชอบเขา”เซียวเป่ยส่ายหัว รู้สึกว่าคนรวยรุ่นที่สองเหล่านี้ ชอบคิดว่าครอบครัวของตนเองมีเงินและมีอำนาจ ถึงได้วางอำนาจบาตรใหญ่จนชินตระกูลที่ร่ำรวยอย่างแท้จริง ล้วนได้รับการศึกษาและอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีจะไม่เป็นคนที่กระโชกโฮกฮากเหมือนคนรวยรุ่นที่สองอย่างเจียงคุน ที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่นสิ่งสำคัญก็คือ เซียวเป่ยเป็นคนที่รังแกได้ง่าย?เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ฮั่วเจิ้งซานยิ้มแล้วเอ่ยปากถามว่า: “ปรมาจารย์เซียว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า อยากให้ผมยื่นมือเข้าไปช่วยแก้ปัญหาไหม?”“ไม่จำเป็น มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยน่ะ” เซียวเป่ยกล่าวอย่างสงบนิ่งในขณะที่สองสามคนกำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย ละครแย่งชิงฉากใหญ่ก็เกิดขึ้นภายในปิงฉิ้นกรุ๊ปหลังจากที่ซูหว่านและหลงเสี่ยวหานกลับมาที่บริษัท ในห้องประชุม ซูเทียนห้าวกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งของประธานบริษัท แล้วสั่งการกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของบริษัทที่อยู่ด้านล่
ซูหว่านมีบุญคุณกับพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะถูกไล่ออก พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับซูหว่านในเวลานี้ ซูหว่านขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับซูเทียนห้าว หันกลับมา แล้วพูดกับผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของบริษัทว่า พวกคุณเต็มใจจะติดตามฉัน หรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา ผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นเหล่านี้ก็เข้าใจพวกเขาทั้งหมด ลุกขึ้นยืนขึ้นทันที แล้วตะโกนว่า: “พวกเราเต็มใจที่จะติดตามประธานซูอย่างแน่นอน! ซูเทียนห้าวคนนี้ช่างโง่เขลา ไม่เข้าใจอะไรเลยและต้องการเข้าไปแทรกแซงทุกอย่าง!ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง มีคนถูกไล่ออกไปแล้วสิบหกคน!ทำให้บริษัทเริ่มวุ่นวายไปหมด! “ใช่แล้ว!พวกเราเต็มใจที่จะติดตามประธานซู เพื่อเริ่มต้นธุรกิจใหม่!”ทันใดนั้น ผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นของบริษัท ต่างก็แสดงทัศนคติที่ชัดเจนออกมาซูเทียนห้าวเริ่มวิตกกังวล มองไปที่คนกลุ่มนี้ แล้วตะโกนว่า:“พวกแก! พวกอกตัญญู! บริษัทสนับสนุนพวกแก นึกไม่ถึงว่าพวกแกจะกล้าต่อต้าน?”“อยากจะไปใช่ไหม ได้เลย ฉันไล่ออก ไล่ออกทั้งหมดเลย!ไสหัวออกออกไป!รีบไสหัวออกไปสิ!”“หุบปาก!” ทันใดนั้น ก็มีเสียงเกรี้ยวโกรธดังมาจากประ
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?