เมื่อเห็นท่าทางที่หวาดกลัวและน่าสงสารนั้นของกู้โย่เสวี่ย เซียวเป่ยก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เซียวเป่ยลุกขึ้น ปูผ้าห่มบนพื้นทันที แล้วพูดว่า “ผมจะนอนบนพื้น” กู้โย่เสวี่ยก็ไม่ได้บังคับ นอนอยู่บนเตียง นอนตะแคงข้าง มองเซียวเป่ยที่กำลังนอนหลับอยู่บนพื้น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เขินอาย แล้วถามว่า: “เซียวเป่ย คุณคิดว่า พวกเราเป็นแบบนี้นับว่ากำลังคบกันอยู่ไหม?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว แล้วตอบกลับทันทีว่า: “ไม่นับ”“อ้อ”สีหน้าของกู้โย่เสวี่ยเปลี่ยนไปทันที เธอทำเสียงฮึดฮัด ตะแคงตัวกลับไป แล้วหันหลังให้กับเซียวเป่ยและด่าทอในใจว่าผู้ชายซื่อบื้อ!เซียวเป่ยจนใจ พ่นลมหายใจออกมาทางปาก มองไปที่กู้โย่เสวี่ย ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลกู้โย่เสวี่ยที่นอนตะแคงข้าง มีรูปร่างที่มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะตอนที่สวมเสื้อเชิ้ตที่ยาวถึงแค่บั้นท้าย เพิ่มความยั่วยวนของเธอมากขึ้นไปอีกเล็กน้อยส่วนโค้งของรูปร่างอันงดงามนั้น ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายก็คงจะต้านทานเอาไว้ไม่อยู่เซียวเป่ยจึงรีบท่องคาถาสงบจิตอย่างเงียบๆ พลิกตัวกลับไป และบังคับตนเองนอนวันต่อมาหลังจากที่เซียวเป่ยตื่นขึ้นมาแล้ว ทันทีท
“ทนไม่ไหวเหรอ? เป็นไปไม่ได้! ไม่ว่าฉันจะลำบากหรือเหนื่อยแค่ไหนฉันก็จะเรียน!”กู้โย่เสวี่ยตบหน้าอกของตนเอง ราวกับว่าสนใจเป็นอย่างมากก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่ากู้โย่เสวี่ยจะไม่เคยเรียนรู้มาก่อน แต่หลังจากเรียนไปได้สองสามวันก็ไม่เรียนแล้วประการแรกอาจารย์ที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอล้วนแก่ชราแล้ว จึงรู้สึกเบื่อประการที่สองคือ กู้โย่เสวี่ยไม่ค่อยอยากเรียนแต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เซียวเป่ยเป็นคนสอนตนเอง แม้ว่าเธอจะถูกฝึกให้จนต้องร้องโอ๊ยโอ๊ยทุกวัน เธอก็จะเรียน“ผมเป็นบอดี้การ์ดให้คุณ แล้วคุณจะเรียนไปเพื่ออะไร?”เซียวเป่ยถามกลับกู้โย่เสวี่ยที่ปราดเปรียว กล่าวว่า: “มันต้องมีตอนที่คุณไม่ได้อยู่ข้างกายฉันบ้างสิน่า จึงต้องเรียนรู้เพื่อป้องกันตนเอง”เซียวเป่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะสอนคุณในภายหลัง”ราวกับว่านึกถึงอะไรบางอย่างออก เซียวเป่ยลุกขึ้น หยิบจี้หยกอันหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักในห้องโถงด้านหลังออกมาแล้วมอบให้กู้โย่เสวี่ย“นี่คืออะไร?” กู้โย่เสวี่ยรับจี้หยกมา แล้วพินิจพิจารณาสักพักหนึ่งด้วยความแปลกใจเล็กน้อย“สำหรับการป้องกันตัว ผมได้วาดค่ายกลเวทมนตร์รูปแบบ
สีหน้าของเซียวเป่ยเคร่งขรึม เขายกมือขึ้น แล้วจับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “ลงไม้ลงมือตบตีคนอย่างนี้ไม่ควรเลยนะ?”กู้โย่เสวี่ยกลัวจนต้องหลบไปอยู่ที่ด้านหลังของเซียวเป่ย“ไอ้เวร! แกกล้าโต้ตอบเหรอ?”ผู้หญิงที่สวมหมวกกันแดดก็เกรี้ยวโกรธขึ้นมาทันที ยกมือขึ้น หมายจะตบไปที่เซียวเป่ยเซียวเป่ยขมวดคิ้ว แล้วตบไปที่บนหน้าของผู้หญิงที่สวมหมวกกันแดด“เพียะ!”“ตบนี้ ลงโทษที่คุณไม่รู้จักปฏิบัติตามกฎจราจร กลับรถย้อนศรฝ่าไฟแดง!”“เพียะ!”“ตบนี้ ลงโทษที่ไร้เหตุผลเอาแต่ใจตนเอง ไม่เคารพกฎหมาย!”“เพียะ!”“ตบนี้ ลงโทษที่เหตุผลของคุณ แถมยังคิดที่จะตบตีคนอื่นอีก!”เซียวเป่ยก็โมโหเช่นกัน เขาพลางต่อว่า พลางตบหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง ทำให้หมวกกันแดดและแว่นกันแดดของผู้หญิงคนนั้นลอยกระเด็นออกไปผู้หญิงที่เย่อหยิ่งอวดดี และเบ่งอำนาจคนนี้ ถูกเซียวเป่ยตบจนตกตะลึง แก้มทั้งสองข้างก็บวมขึ้นมาทันทีจมูกคางและโหนกแก้ม ที่เพิ่งจะทำมาใหม่ ก็บิดเบี้ยวปากก็เต็มไปด้วยเลือดทันใดนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็เกรี้ยวโกรธจนกรีดร้องเสียงดังตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอจะเป็นคนรังแกผู้อื่นมาโดยตลอด และไม่เคย
เมื่อประตูรถเปิดออก หยางเหม่ยหลัน ซูเทียนห้าวและคนอื่นๆก็รีบลงมา ตามมาด้วยอันธพาลสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังทันทีที่เห็นคนสองคนนี้ เซียวเป่ยก็เลิกคิ้วขึ้น“เสวี่ยเวย หลานไม่เป็นไรใช่ไหม? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”หยางเหม่ยหลันรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ ก็รีบวิ่งไปที่ข้างหน้าหยางเสวี่ยเวย แล้วถามว่า “โดนชนตรงไหน? แล้วอีกฝ่ายล่ะ?”“ไม่ต้องกังวล ป้าพาคนมาแล้ว”“ป้าคะ ป้าดูหน้าหนูสิ ถูกตบจนมีสภาพเป็นอย่างนี้! ถ้าเป็นแบบนี้ หนูจะไปร่วมงานแต่งงานของพี่สาวได้ยังไงกันคะ!” หยางเสวี่ยเว่ยพูดออดอ้อนเมื่อหยางเหม่ยหลันเห็นอาการบาดเจ็บที่อยู่บนหน้าของหยางเสวี่ยเวย ก็เกรี้ยวโกรธทันที แล้วกล่าวว่า: “ไม่ต้องห่วง วันนี้ป้าจะออกหน้าแทนหลานเอง!ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร ที่กล้ามาทำความเลวในเมืองเจียงจง ป้าจะสับเขา!”ตอนนี้ซูเทียนห้าวก็แสดงท่าทางที่อวดดีออกมา และตะโกนว่า: “เชี่ยแม่ง! ใครกัน? ที่กล้าตบน้องสาวของฉัน! รนหาที่ตายเหรอ?”“พี่คะ ก็คือไอ้คนนั้น!”หยางเสวี่ยเวยยกมือขึ้น แล้วชี้ไปที่เซียวเป่ยกับกู้โย่เสวี่ยที่อยู่ตรงนั้นแถมยัง รีบวิ่งไปที่ตรงหน้าเซียวเป่ย และตะโกนว่า: “ไอ
เมื่อได้ยินว่าหยางเหม่ยหลันอยากจะแจ้งตำรวจ หยางเสวี่ยเวยก็ร้อนใจ แล้วตะโกนว่า “ป้าคะ แจ้งตำรวจไม่ได้นะคะ...”“มีอะไรเหรอเสวี่ยเวย หลานบอกว่าเขาเป็นคนชนหลานไม่ใช่เหรอ?แถมยังตบตีหลานด้วย พวกเราแจ้งตำรวจ ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หลานจะกลัวอะไร?”หยางเหม่ยหลันตะโกน และตะคอกใส่เซียวเป่ยว่า: “ไอ้คนแซ่เซียว ถ้าแกแน่จริง ก็รีบแจ้งตำรวจสิ!”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ทำท่าว่าจะแจ้งตำรวจหยางเสวี่ยเวยร้อนใจเธอรู้ว่า เธอเป็นคนละเมิดกฏหมายเอง ถ้าแจ้งตำรวจ ตนเองจะต้องถูกจับกุมอย่างแน่นอน!“แจ้งตำรวจไม่ได้!” หยางเสวี่ยเวยตะโกนหยางเหม่ยหลันและซูเทียนห้าวต่างก็มองหยางเสวี่ยเวยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย และถามว่า “เสวี่ยเวย เป็นอะไรกันแน่? หลานกลัวอะไร? มีป้าอยู่ทั้งคน ป้าจะออกหน้าแทนหลานเอง!”หยางเสวี่ยเวยดึงหยางเหม่ยหลันอย่างน่าสงสาร ร้องไห้พร้อมกล่าวว่า: “ป้าคะ หนู หนู...”“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ หลานรีบพูดมาเร็วเข้า ป้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!”หยางเหม่ยหลันตะโกนในเวลานี้เซียวเป่ยก็ยิ้ม แล้วพูดว่า: “จะเป็นเพราะอะไรอีกล่ะ ก็คือกลับรถย้อนศรฝ่าไฟแดง ถ้าแจ้งตำรวจ
หยางเหม่ยหลันและซูเทียนห้าวก็ร้อนใจ จึงตามไปด้วยพอมาถึงสถานีตำรวจ เซียวเป่ยก็ลงบันทึกประจำวัน แล้วมอบเครื่องบันทึกภาพรถยนต์อันใหม่ให้ตำรวจ จากนั้นก็ออกมาพร้อมกับกู้โย่เสวี่ย ส่วนหยางเสวี่ยเวย เขาขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจทางด้านนอก เขาก็เห็นหยางเหม่ยหลันและซูเทียนห้าว ที่กำลังโทรศัพท์ติดต่อหาผู้คนอย่างร้อนอกร้อนใจ“ไอ้สารเลว! ฉันจะบอกแกให้นะ เรื่องนี้ พวกเราไม่ปล่อยให้จบง่ายๆแน่!”หยางเหม่ยหลันจ้องมองพร้อมต่อว่าเซียวเป่ย“อีกพักหว่านเอ๋อร์ก็จะมาถึง พอเธอมาถึงแล้ว ฉันจะดูว่าแกจะอธิบายให้เธอฟังยังไง!”หยางเหม่ยหลันต่อว่าเซียวเป่ยขมวดคิ้วทันใดนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงที่ทั้งคมชัดและร้อนใจก็ดังมาจากประตูจากนั้นก็เห็นร่างอันงดงามร่างหนึ่งที่สวมหน้ากากและแว่นกันแดดเดินเข้ามา“แม่คะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมเสวี่ยเวยถึงถูกจับ?”ซูหว่านวิ่งเข้ามาพร้อมกับหลี่เซียวลี่ ด้วยสีหน้าที่ร้อนใจหยางเหม่ยหลันดึงซูหว่านมา ร้องไห้แล้วพูดว่า: “หว่านเอ๋อร์ ในที่สุดลูกก็มาแล้ว จะอะไรเสียอีกล่ะ เป็นเพราะไอ้สารเลวเซียวเป่ยคนนี้เป็นคนทำ! เขาจงใจแก้แค้นพวกเรา!”เซียวเป่ย?ซูหว่านตกตะลึง พอหันกลับไป ก็
ซูเทียนห้าวเข้ามา แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว พี่ครับ สิ่งที่เลขาหลี่พูดสมเหตุสมผลมาก ผมกับแม่ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”“พี่ว่าไอ้เซียวเป่ยนั่น จะชนเร็วกว่านี้ หรือจะชนช้ากว่านี้ก็ไม่ชน แต่ดันมาชนก่อนที่พี่จะแต่งงาน แถมยังมาชนรถลูกพี่ลูกน้องของพวกเราอีก!”“พี่ว่าถ้าเขาไม่ตั้งใจแล้วมันคืออะไร?”“เขาแค่อยากทำให้งานแต่งงานของพี่ในวันมะรืนนี้ไม่สมบูรณ์พร้อม ทำให้พี่อับอาย ทำให้พี่โกรธ และทำให้พี่คิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา!”หยางเหม่ยหลันกล่าวเสริมอีกว่า: “หว่านเอ๋อร์ ตอนนี้ลูกเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าไอ้สารเลวเซียวเป่ยนั่นเป็นคนยังไง? ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่คนดี!”“ทั้งๆที่รู้ว่าลูกจะแต่งงานวันมะรืนนี้ ตอนนี้ยังมาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีกออกมาอีก ตั้งใจทำให้ลูกอับอายชัดๆ!”นัยน์ตาของซูหว่านที่อยู่ภายใต้แว่นกันแดดกะพริบไปมา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ หยุดพูดได้แล้ว หนูเข้าใจแล้ว”“เสวี่ยเวยล่ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”หยางเหม่ยหลันกล่าวอย่างร้อนใจว่า: “เสวี่ยเวยยังลงบันทึกประจำวันอยู่ข้างใน”ซูหว่านขมวดคิ้ว หันกลับไปมองหลี่เซียวลี่แล้วพูดว่า “เลขาหลี่ คุณช่วยไปสอบถามหน่อยว่า สามารถใช้เส้นสายได้ไห
เจียงคุนขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่น่าเกลียดเล็กน้อยเขาเป็นนายน้อยของตระกูลเจียงในเมืองหลวงแห่งมณฑล มีฐานะที่ร่ำรวยมาก และยังเป็นคนที่ตามจีบกู้โย่เสวี่ยอย่างบ้าคลั่งเมื่อรวมกับไป๋วั่งชวนนายน้อยคนที่สองของตระกูลไป๋ในเมืองหลวงแห่งมณฑลแล้ว พวกเขาถูกเรียกว่าดูโอ้หนุ่มในเมืองหลวงแห่งมณฑลเหตุผลที่พวกเขาถูกเรียกดังนี้ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็กำลังไล่ตามจีบกู้โย่เสวี่ย และได้ต่อสู้กันอยู่หลายครั้งเพื่อกู้โย่เสวี่ย ไม่ว่าจะเป็นที่ลับหรือในที่แจ้ง“หนุ่มหน้ามน? ไม่มีทาง หญิงสาวเย่อหยิ่งอย่างกู้โย่เสวี่ย แม้แต่นายน้อยเจียงและนายน้อยรองไป๋ก็ยังไม่ชื่นชอบ จะไปชื่นชอบหนุ่มหน้ามนที่อยู่เมืองเล็กๆอย่างเจียงจงได้ยังไง?”หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มหล่อผมทองโอบกอดอยู่ พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“ใครจะไปรู้ ถ้ากู้โย่เสวี่ยชอบล่ะ?”หนุ่มหล่อผมทองยิ้มเจียงคุนเลิกคิ้ว ถลึงตาใส่เขา และพูดอย่างเย็นชาว่า: “อย่าไปใส่ร้ายผู้อื่นโดยพลการ”“และอย่ามาใส่ร้ายกู้โย่เสวี่ยต่อหน้าฉัน!”หนุ่มหล่อผมทองชะงักไปครู่หนึ่ง หุบยิ้มอย่างรวดเร็ว แสดงท่าทีที่สุภาพเรียบร้อย: “ขอโทษครับ นาย
ซูเทียนห้าวตอบว่า: “ฉันรู้แล้ว! พี่สาวของฉันเป็นยังไงบ้าง?”เสียงเย้าแหย่ดังมาจากอีกด้านของโทรศัพท์: “คุณวางใจได้ ไม่ตายหรอก พอคุณควบคุมบริษัทได้สำเร็จ และได้รับเงินสองร้อยห้าสิบล้านบาทมาเมื่อไหร่ พี่สาวของคุณก็จะกลับไปได้แล้ว”“ได้! แต่ฉันขอเตือนพวกแกนะ อย่าแตะต้องพี่สาวของฉัน!”ซูเทียนห้าวกล่าวอย่างเย็นชาชายฉกรรจ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราทำงาน เชื่อถือได้แน่นอน”พูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายโทรศัพท์ทันทีซูเทียนห้าวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับไม่ได้ผ่อนคลายเลย“พี่ครับ ผมขอโทษ... แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้! ผมอยากจะพิสูจน์ตนเองว่า ผมไม่ใช่เศษสวะ! ผมมีความสามารถ!” ซูเทียนห้าวกล่าวเบาๆ ความเย็นชาแวบขึ้นมาในนัยน์ตา............ตัดภาพมาที่เซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานอยู่ในร้าน พอมองดูเวลา ก็พบว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วเห็นได้ชัดว่าเขากังวลมาก จึงถามว่า: “ปรมาจารย์เซียวเป่ย ไป๋อู๋ฉางนั่นจะกลับมาจริงๆเหรอ?”“ถ้าเธอยังไม่อยากตาย เธอก็จะมา ” เซียวเป่ยพูดอย่างสงบนิ่งทันทีที่พูดจบ ที่ประตูร้านขายของชำ ก็มีร่างลับๆล่อๆร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างนั้นเดินโซเซเล็
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พิษศพที่อยู่บนมือของชายชราในชุดดำ ในเวลานี้ได้ย้อนกลับ กระจายไปตามแขนของชายชรา และบุกเข้าไปจนถึงหน้าอก!เนื่องจากมีพิษศพอยู่บนร่างกายของเขามากเกินไป ในชั่วพริบตาเดียว ชายชราในชุดดำก็ล้มลงกับพื้น คร่ำครวญไม่สายขาด ผิวหนังทั้งตัวเปลี่ยนไปเป็นสีดำ และเริ่มเปื่อยเน่าทางด้านฝั่งนี้ เมื่อหญิงชราในชุดขาวเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกใจจนมีสีหน้าที่ซีดเผือด ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ก็หันหลังกลับและวิ่งหนี!เธอรู้ดีว่า คืนนี้ได้พบกับยอดฝีมือแล้ว“คิดจะหนี มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”เมื่อเซียวเป่ยเห็นหญิงชราในชุดขาวคิดจะวิ่งหนี ก็ยกมือขึ้นแล้วยิงเข็มเงินออกไปอีกสองสามเล่มหญิงชราในชุดขาวตอบสนองกลับแบบมีเงื่อนไข เธอเหวี่ยงไม้อาดูรที่อยู่ในมือ จากนั้นก็เกิดเสียงดังตึกตึกตึก และมีประกายไฟขึ้นมาเล็กน้อยทันทีแม้ว่าเข็มเงินส่วนใหญ่จะถูกสกัดกั้น แต่ก็มีเข็มเงินสองสามเล่มที่เจาะเข้าไปที่หน้าของหญิงชราชุดขาว และมีอีกเข็มหนึ่งในนั้นเจาะไปที่ตาของเธอ ทำให้มีเลือดไหลออกมาทันทีแต่หญิงชราชุดขาวกลับไม่คิดที่จะต่อสู้กลับเลยแม้แต่น้อย หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป พร้อมกับเสียงดังฟรึ่บ
เซียวเป่ยพยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “มาเร็วดีนี่”“แกจะตายเอง หรือว่าให้ฉันลงมือ?” ชายชราในชุดดำ ถามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในสายตาของเขา จัดการกับเด็กหนุ่มอย่างเซียวเป่ยนั้น เป็นอะไรที่ง่ายมากเดิมคิดว่าจะเป็นยอดฝีมือที่มีความแข็งแกร่งอะไร คิดไม่ถึงว่า จะเป็นเด็กเหลือขอที่อ่อนหัดคนหนึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางที่อยากจะต่อสู้อย่างจริงจัง รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเซียวเป่ยยิ้มด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งรอยยิ้มนี้ ทำให้เฮยไป๋อู๋ฉางขมวดคิ้วแน่นเด็กคนนี้ กำลังยิ้มเยาะเย้ยอยู่เหรอ?“ดูเหมือนว่า แกจะเลือกให้พวกเราลงมือ” เฮยอู๋ฉางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย เผยให้เห็นฟันเหลืองของเขาและในเวลานี้ กู้โย่เสวี่ยที่นั่งคว่ำหน้านอนอยู่บนโต๊ะก็ตื่นขึ้นมา ขยี้ตาอย่างงัวเงีย มองไปที่ร่างของทั้งสองคนที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในร้าน และถามอย่างงุนงงว่า: “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ในเวลานี้ เฮยอู๋ฉางก็ลงมือทันที เขาใช้ฝ่ามือ โจมตีเซียวเป่ยผ่านทางอากาศ!ฝ่ามือนี้ ลมที่อยู่ตรงฝ่ามือแฝงไปด้วยหมอกควันสีดำ และมีกลิ่นเหม็นมากระทบมาที่ใบหน้า!กู้โย่เสวี่ยตกใจมากจนร้องเสียงดัง และลืมที่จะหลบหลีกเซียวเป่ย
พอรับสาย เสียงซักถามด้วยความเกรี้ยวโกรธของซูหว่านก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “เซียวเป่ย คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”เซียวเป่ยชะงักไป รู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ประธานซู ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่?”“ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเหรอ?เป่ยเสวี่ยมาส์ก คุณจะอธิบายยังไง!” ซูหว่านซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เป่ยเสวี่ยมาส์ก? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“เซียวเป่ย! คุณไม่คิดว่าตนเองในตอนนี้ ไร้ยางอายมากเหรอ?” ซูหว่านโกรธมากตอนนี้การที่เซียวเป่ยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มันเหมือนกับว่าเขาจงใจโอ้อวด“ผมไร้ยางอาย?”เซียวเป่ยขมวดคิ้ว และรู้สึกโกรธขึ้นมามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยซูหว่านกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ยังจำสิ่งที่คุณพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ไหม?คุณบอกว่าตนเองจะไม่พึ่งพาใคร เพื่อจะพิสูจน์ให้ฉันเห็น! แล้วตอนนี้ล่ะ? สุดท้ายคุณก็พึ่งพาคุณหนูตระกูลกู้คนนั้น แล้วแอบทำอะไรกับมาส์กหน้านั่น!”“ไม่อย่างนั้น อาศัยแค่ตัวคุณเอง จะมีคุณสมบัติไปถึงอันดับที่สี่ของรายการยอดขายระดับประเทศเหรอ?”หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวเป่ยก็เพิ่งตอบ
“หัวหน้าตระกูลฮั่ว คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เศษสวะอย่างไอ้เซียวเป่ยเนี่ยนะ ช่วยชีวิตคุณ?”ฉินเฟิงถามด้วยความประหลาดใจทันใดนั้นสีหน้าของฮั่วเจิ้งซานก็เปลี่ยนไปเป็นแย่มากทันที และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ประธานฉินใช่ไหม ผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ ได้โปรดให้เกียรติปรมาจารย์เซียวด้วย!”พูดจบ ฮั่วเจิ้งซานก็เฉยเมยต่อสีหน้าที่ประหลาดใจของฉินเฟิง และกล่าวกับเซียวเป่ยว่า: “ปรมาจารย์เซียว พวกเราไปกันเถอะ”เซียวเป่ยพยักหน้า เดินตามฮั่วเจิ้งซานไปขึ้นรถแล้วจากไปซูหว่านกับฉินเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยงุนงงสงสัย“แม่งเอ๊ย! ทำเป็นวางมาด? ไม่รู้ว่าใช้วิธีการสกปรกอะไรในการหลอกลวงหัวหน้าตระกูลฮั่ว!” ฉินเฟิงบ่นอย่างไม่พอใจสายตาของซูหว่าน มองดูรถที่กำลังจากไปอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดอยู่ใจเป็นอย่างมากไม่รู้เป็นเพราะอะไร พอเห็นท่าทีที่ฮั่วเจิ้งซานมีต่อเซียวเป่ย ทำให้ซูหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากตนเองเป็นคนผิดอย่างนั้นเหรอ?ตนรู้สึกเกรงใจและชื่มชมฮั่วเจิ้งซาน แต่เขากลับเคารพนบนอบต่อเซียวเป่ยเป็นอย่างมาก“หว่านเอ๋อร์ เป็นอะไรไปเหรอ?”เมื่อฉินเฟิงเห็นซูหว่านจ้องมองรถที
“พ่อหนุ่มคิดว่า ยาอายุวัฒนะแค่เม็ดเดียว สามารถพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าฉันฉินเทียนหู่ได้อย่างนั้นเหรอ?”ในขณะนี้พอหลิวเซียนเหนียงได้ยินคำพูดของเซียวเป่ย ก็ขมวดคิ้วอันสวยงาม และรู้สึกว่าเซียวเป่ยใจกล้าเกินไปแล้วสีหน้าของเซียวเป่ยไร้ซึ่งความหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า: “พักนี้ท่านฉินรู้สึกแน่นหน้าอกตลอดเวลาใช่ไหม ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับเป็นเวลานาน?”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “ช่างนี้ฉันนอนไม่หลับ มีปัญหาอะไรไหม?”เซียวเป่ยส่ายหัวแล้วกล่าวว่า: “ท่านฉิน นี่ไม่ใช่อาการนอนไม่หลับ แต่เป็นเพราะพลังงานรั่วไหล และสูญเสียพลังชีวิต ถ้าผมดูไม่ผิด ท่านฉินไม่เพียงแต่นอนไม่หลับเท่านั้น แต่ยังรู้สึกชาที่แขนขาด้วย บางครั้งอาจจะเป็นลมหมดสติไปชั่วขณะ”ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของฉินเทียนหู่ก็เปลี่ยนไปทันทีทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้พูดได้แม่นยำขนาดนี้?แต่ว่า แพทย์ที่อยู่ข้างกายตนบอกว่าตนเองไม่เป็นไร แค่ทำงานหนักจนเกินไป พักผ่อนให้เยอะๆก็พอแล้วดังนั้น ฉินเทียนหู่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เอาล่ะ ฉันมีหมอประจำตัวอยู่ข้างกาย ถ้ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องให้พ่อหนุ่มมาเตือนฉั
หลิวเซียนเหนียงหันกลับมา จ้องมองเซียวเป่ยด้วยสีหน้าท่าทางที่สงสัยและประหลาดใจแล้วถามว่า “นี่คือยาที่คุณทำเหรอ?”“ใช่” เซียวเป่ยตอบอย่างเรียบง่ายบนใบหน้าที่สวยงามของหลิวเซียนเหนียงเต็มไปด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “คุณหลิวเห็นอะไรไหม?มันเป็นของจริงหรือของปลอม?”ผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็พากันเอ่ยปากสอบถามกันเป็นแถว“หลิวเซียนเหนียง คุณพูดมาตามตรงเถอะ”“ตามความคิดของผม ยาอายุวัฒนะบ้าอะไรเนี่ย เป็นของปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์!”“ท่านฉิน ท่านสามารถดำเนินการได้เลย”เมื่อได้ยินเสียงเย้าแหย่ของคนที่อยู่รอบข้าง สีหน้าของเซียวเป่ยก็ยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมยสีหน้าของฉินเทียนหู่ก็เคร่งขรึมสุดขีดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าหลิวเซียนเหนียงไม่ได้พูดเป็นเวลานาน ตัดสินด้วยตนเองในใจ เขามองไปที่เซียวเป่ยด้วยสีหน้าที่แย่มาก โบกมือแล้วพูดว่า: “ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวเด็กคนนี้เอาไว้เดี๋ยวนี้!”ทันทีที่พูดจบ บอดี้การ์ดสองก็กำลังจะลงมือ“เดี๋ยวก่อน”ทันใดนั้น หลิวเซียนเหนียงก็เอ่ยปากพูด“คุณหลิว?” ฉินเทียนหู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหลิวเซียนเหนียงมองไปที่เซียวเป่ยอีกครั้ง ดูเหมือนจ
“พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มรู้ไหมว่า คนที่หลอกลวงฉันฉินเทียนหู่จะต้องมีจุดจบอย่างไร!”ฉินเทียนหู่โกรธ!เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่เคยมีใครกล้าเย้าแหย่ตนเอง ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยาอายุวัฒนะ?ยืดอายุขัยได้อีกห้าปี?ยาล้ำค่าเช่นนี้ จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อได้อย่างไร?เซียวเป่ยกลับยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ออกมาผมรีบมาก ผมหากล่องไม่เจอ ก็เลยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อ”ฉินเทียนหู่ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งขรึมสุดขีด ราวกับว่าเป็นเสือร้ายที่กำลังจะบ้าคลั่ง!ใครก็ได้มานี่ที! จับตัวไอ้หนุ่มที่มาก่อความวุ่นวายคนนี้ให้ฉันหน่อย!”ฉินเทียนหู่ตะคอกด้วยความโกรธทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังฉินเทียนหู่ก็แสดงตัวออกมา เอามือจับตรงสะเอว และจ้องมองเซียวเป่ยด้วยสายตาที่เย็นชาเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านฉิน ดูยาอายุวัฒนะของผมก่อนค่อยว่ากัน?”“ยังต้องดูอีกเหรอ?”ฉินเทียนหู่พูดอย่างย็นชาฮั่วเจิ้งซานรีบเกลี้ยกล่อมว่า: “ท่านฉิน ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย ปรมาจารย์เซียวไม่มีเจตนาอื่น ถ้าคุณยอมที่จะเชื่อผม โปรดให้โอกาสปรมาจารย์สักครั้ง ดูยาอายุวัฒนะนี้หน่อย
ทันทีที่เซียวเป่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทันที“ยาอายุวัฒนะ?”“ยาอายุวัฒนะอะไร? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”“พ่อหนุ่ม รู้ไหมว่านี่เป็นวาระโอกาสแบบไหน? ถ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ก็ไสหัวออกไปซะ!”ทุกคนดูไม่เป็นมิตรมาก และพากันตำหนิเซียวเป่ยฮั่วเจิ้งซานก็ตกตะลึง และตื่นตระหนกเล็กน้อย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วอธิบายว่า: “ทุกท่าน ต้องขออภัยด้วย ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เซียวกล่าวถึง... เป็นยาที่เขาเพิ่งจะกลั่นทำด้วยตนเองเมื่อสักครู่นี้”หลังจากพูดประโยคนี้จบ สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เปลี่ยนไป ตอนแรกรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกสงสัย สุดท้ายพวกเขาก็รู้สึกโกรธ!เพียะ!ซุนฝูลู่วางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาที่อยู่ด้านขวามืออย่างแรง และกล่าวอย่างไม่พอใจว่า: “ท่านหัวหน้าตระกูลฮั่ว ผมให้คุณพาไอ้หนุ่มคนนี้เข้ามา ก็ถือว่าแหกกฎแล้ว ตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระ และจะใช้ยาอายุวัฒนะที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อนอะไรนั่นแลกกับหินจิตวิญญาณ แถมยังเป็นของที่เขาทำขึ้นมาด้วยตนเองอีกด้วย”“ปรมาจารย์ฮั่ว คุณคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ โง่เขลาเบาปัญญามากหรือยังไง?