"คุณ!!!!" เธอเอ่ยออกมาด้วยความตกใจวายุภักษ์ที่ได้เห็นสีหน้าจากการตกใจของหญิงสาวในตอนนี้ก็เกิดมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นแต่เขาก็พยายามสลัดมันออกไปเพราะเธอไม่สมควรที่จะได้รับมันนอกจากความแค้นที่พี่ชายของเธอได้กระทำกับน้องสาวของเขา
"หึๆๆ คุณไม่ต้องกลัวไปหรอก ผมยังไม่คิดที่จะทำมันตอนนี้หรอก" "หมายความว่ายังไง" "หึๆผมก็จะปล่อยคุณไปก่อนไง" "ปล่อย นายจะปล่อยฉันจริงๆใช่ไหม"หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงปนดีใจก่อนที่กลับมารู้สึกโมโหชายหนุ่มอีกครั้ง "ใช่ แต่แค่ชั่วคราว" "ว่าไงนะ.....ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันยอม" "หึๆเดี๋ยวก็รู้ว่าจะยอมหรือไม่ยอม" สิ้นคำพูดปากหยักหนาก็ฉกลงมาที่ปากเล็กนิ่มของหญิงสาวด้วยความไวจากที่ชายหนุ่มตั้งใจเพียงแค่ต้องการสั่งสอนหญิงสาวแต่เมื่อได้ชิมริมฝีปากเล็กนุ่นแล้วมันยิ่งทำให้เขายิ่งอยากได้มากว่านั้นวายุภักษ์อาศัยช่วงจังหวะที่หญิงกำลังจะอ้าปากเขาใช้ลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากยิ่งได้ชิมความหวานจากข้างในมันยิ่งทำให้เขายิ่งติดใจยิ่งนัก ทางด้านของน่านฟ้าในตอนแรกหญิงสาวพยามต่อต้านสารพัดแต่ก็ไม่เป็นผล จากนั่นหญิงสาวที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในด้านนี้มาก่อนเมื่อได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะเริ่มคล้อยตามชายหนุ่ม วายุภักษ์เมื่อเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมแขนเริ่มที่จะไม่ต่อต้านก็สึกซะใจเล็กน้อยในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มก็ถอดริมฝีปากหนาหยักออกจากปากเล็กนิ่มทันทีน่านฟ้าเมื่อโดยชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกก็ยังหลงเหลือความมึนๆเคลิ้มๆอยู่ถึงแม้มันจะไม่เท่าไรแต่มันก็นานพอที่จะทำให้หญิงสาวได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันในลำคอจากชายหนุ่ม "หึๆๆ" เมื่อดึงสติกลับมาได้หญิงสาวทั้งโกรธทั้งอายที่โดนชายหนุ่มตรงหน้ากระทำเช่นนี่เพราะนั้นมันคือจูบแรกของเธอจูบแรกที่เธอเก็บเอาไว้ให้พี่ชายที่ใจดีคนนั้นซึ่งมันไม่ใช้เขา "เพี๊ยะ" เสียงของฝ่ามือน้อยๆ กระทบกับแก้มสากๆ ของใบหน้าหล่อคมพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มจะคลอเบ้าและพร้อมที่จะไหลได้ทุกเมื่อบวกกับแววตาที่ตัดพ้อนั้นก่อนที่เธอจะวิ่งจากตรงนั้นไป มันทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาอย่างท่วมล้นหัวใจแต่ความคิดอีกด้านกลับตีตื้นขึ้นมาว่าเขาจะสงสารหรือใจอ่อนกับน้องสาวของศัตรูไม่ได้เด็ดขาด น่านฟ้าเมื่อกลับมาถึงที่พักหญิงสาวจัดการเก็บของเครื่องใช้ลงในกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านในวันรุ่งขึ้น เช้านี้น่านฟ้าตื่นเช้ามากๆ อาจจะเรียกว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็ได้เพราะเมื่อเธอคิดหาวิธีการต่างๆ ที่จะต้องรับมือกับซาตานอย่างเขา "พี่แก้วพี่น้ำอยู่ไหนคะ" "คุณน่านน้ำอยู่ในห้องค่ะคุณหนู" หญิงสาวถามเด็กในบ้านก่อนจะยื่นกระเป๋าให้แก้วแล้วรีบดึงไปหาพี่ชายอย่างร้อนใจ "ก๊อกๆ ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูที่ดังทำส่งให้เสียงของคนในห้องดังตามมา "ใคร" "ฟ้าเองค่ะพี่น้ำ" "ฟ้าเหรอ เข้ามาสิ" น่านฟ้าเปิดประตูเข้าไปในห้องของพี่ชายแต่เมื่อเธอได้เห็นสภาพของชายทำให้คำถามที่เตรียมมาเยอะแยะหายไปในพริบตาเพราะสีหน้าที่ซีดเซียวบวกกับแววตาที่อ่อนล้าคู่นั้นมันให้เธอจุกจนพูดอะไรไม่ออกนอกจากประโยคที่เป็นห่วงออกมา "พี่น้ำ! พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าพี่ซีดจังไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ" "เปล่าหรอกเพียงแต่พี่ยังไม่ได้นอนเพราะเคลียร์งานยังไม่เสร็จ ว่าแต่เราเถอะไหนบอกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนสามสี่วันแล้วนี่ทำไมถึงกลับเร็วจัง" เฮ้อ!! จะให้เธอตอบยังไง ถ้าเธอตอบว่าไปเจออะไรมาพี่ชายของเธอก็ยิ่งเป็นห่วงเธอเข้าอีกหญิงสาวได้ถอนหายใจแล้วเลี่ยงตอบคำถามโดยให้เหตุผลว่า "อืมก็มันไม่สนุกเท่าไรนั้นสิ ฟ้าเลยขอกลับก่อน ว่าแต่พี่น้ำเถอะอย่ามาเป็นห่วงฟ้าเลยดูแลตัวเองบ้างนะเดี๋ยวหากไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง" หลังจากที่บ่นพี่ชายอยู่เป็นนานสองนานหญิงสาวก็เงียบและวนกลับไปคิดถึงคำพูดของวายุภักษ์พี่ชายของเธอแสนดีขนาดนี้ทุกวันก็มีแต่งานและงานแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำเรื่องเลวร้ายอย่างที่เขากล่าวหาได้ไม่ทางเขาต้องเข้าใจพี่ชายของเธอผิดแน่นๆ น่านน้ำเมื่อเห็นว่าน้องสาวนิ่งไปพักหนึ่งก็เหยหน้าก็มาจากงานที่กองอยู่ตรงหาก็พบว่าเวลานี้หน้าตาของหญิงเหมือนกำลังทะเลาะอยู่กับความคิดของตัวเองก่อนจะเอ่ยถามคนเป็นน้องด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะเบา "หึๆ เป็นอะไรไปละเราทำไมทำหน้าแบบนั้น ไหนลองบอกพี่ว่าสิว่าใครคนไหนที่มาแกล้งน้องสาวคนนี้ของพี่" "ปะ เปล่าค่ะไม่มีใครมาทำอะไรฟ้าหรอกค่ะ" "เห็นยืนทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรไม่ตก มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ" พี่น้ำพี่ก็ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอเสมอ แล้วเขาคนนั้นต้องการอะไรกันแน่ทำไมถึงมาใส่ร้ายคนในครอบครัวของเธอแบบนี้ น่านฟ้าเดินไปด้านหลังของโต๊ะทำงานก่อนจะสวมกอดพี่ชายไว้แน่น "ฟ้ารักพี่น้ำนะคะ พี่น้ำอย่าหักโหมงานให้มันมากนะเดี๋ยวจะไม่สบาย ฟ้าเป็นห่วงนะคะ" "จ้รารู้แล้วพี่ก็รักเราเหมือนกัน"ก่อนจะยื่นมือหนาออกไปขยี้ศีรษะผู้เป็นน้องด้วยความเอ็นดู "ว่าแต่พี่น้ำมีอะไรให้ฟ้าช่วยไหมคะ" "ทำไมเราจะช่วยพี่ว่างั้น" "ใช่ค่ะฟ้าอยากจะช่วยพี่น้ำ เพราะฟ้าอยากให้พี่ชายของฟ้าได้พักผ่อนไวๆ ไงคะ" "แต่เราเพิ่งกลับมาถึงบ้านเองนะ ไม่เหนื่อยเหรอ" น่านน้ำถามน้องด้วยความเอ็นดูเพราะตลอดที่ผ่านมาน้องสาวก็มักจะมาขอช่วยงานเขาตลอด "ไม่เหนื่อยค่ะ ให้ฟ้าช่วยนะคะ" "งั้นจะรออะไรละลงมือเลยละกัน" "เจ้าค่ะพี่ชายยยย" หลังจากนั้นทั้งสองพี่น้องก็ช่วยกันเคลียร์เอกสารกองโตที่วางอยู่ตรงหน้า กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปเกือบเที่ยงจึงแยกย้ายกันกลับห้องพักของตัวเอง ภายในห้องนอนกว้างโทนสีฟ้าพาสเทลอ่อนๆ ให้ความรู้สึกรู้ถึงการผ่อนคลายของท้องฟ้าในวันปลอดโปร่งที่จับคู่กับชุดเฟอร์นิเจอร์สีเบจน้ำตาลอ่อนชวนให้นึกถึงหาดทรายภายใต้แผ่นฟ้าที่กว้างใหญ่ ร่างบางของเจ้าของห้องย่อกายลงบนเตียงที่หนานุ่มอย่างหมดแรงเหตุเพราะตอนนี้สมองน้อยๆ ของเธอกำลังคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับคำพูดของวายุภักษ์ มือบางน้อยๆ ค่อยๆ นำผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าออกจากกล่องมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทำไมความรู้สึกถึงไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม "วายุภักษ์" พี่ชายใจดีคนนั้นที่เคยช่วยเหลือเธอและใจดีกับเธอในวันนั้นไม่มีอีกแล้ว จากสุภาพบุรุษที่เธอคอยเฝ้าฝันหากแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นซาตานที่ใจร้ายไปแล้ว เธอจะทำอย่างไรดี หากวายุภักษ์ไม่หยุดแค่นี้เธอกลัวว่าเขาจะนำเรื่องเลวร้ายเข้ามาสู่ครอบครัวของเธอเป็นแน่ เพราะเพียงแค่เจอกันครั้งแรกเธอก็สูญเสียจูบแรกของเธอไป หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นอย่างใช้ความคิดแล้วหากเธอหนีไปละเขาก็ต้องหาเจอเธอแน่เพราะขนาดประวัติของครอบครัวเธอทุกคนเขาก็ยังสืบจนเสาะหาข้อมูลจนพบว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร เฮ้อยิ่งคิดยิ่งปวดหัว และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้ตลอดทั้งคืนเพราะคิดแต่เรื่องที่วายุภักษ์พูดออกมาซ้ำๆ ทางด้านของวายุภักษ์ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ได้จ้างนักสืบคอยติดตามข่าวสารของเธอตลอดไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร โดยไม่ให้คลายสายตาแม้แต่วันเดียว เช้าของวันต่อมาวายุภักษ์ได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นย่าที่โทรมาสั่งให้เขาไปงานเลี้ยงการกุศลของท่าน ส.ส. กับท่านแต่ชายหนุ่มได้ปฏิเสธไปเพราะเขารู้ดีว่างานการกุศลมันเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าที่พวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายจัดขึ้นมาเพื่อที่จะจับคู่ให้กับลูกหลานของตัวเองทั้งนั้นแล้วยิ่งย่าโทรมาแบบนี้ยิ่งเป็นแบบอื่นไม่ได้เลยนอกจากจะจับคู่กับเขากับหลานสาวของเพื่อนเป็นอีกแน่ๆ ไม่มีวันหรอกเขาไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้เด็ดขาด"ผมไม่ไปนะครับคุณย่า""ไม่ได้""โธ่คุณย่าครับมันก็แค่งานการกุศลเองนะครับทำไมผมต้องไปด้วยละครับ" วายุภักษ์โอดครวญกับผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าเต็มที่ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าย่าของเขาคิดจะทำอะไรอยู่"ไม่ได้แกต้องไป ถ้าแกไม่ไปก็ไม่ต้องเรียกย่าว่าย่า" พูดจบผู้เป็นย่าก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไปดื้อๆ เฮ้อคนแก่ทำไมถึงได้ขี้งอนได้ขนาดนี้ คุณย่าของเขานิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆในเวลาต่อมาทางด้านน่านฟ้าที่ตอนนี้กำลังนั้งทำท่าทางฟิดฟัดด้วยอาการที่ไม่พอใจกับคำสั่งของผู้เป็นพ่อที่บังคับให้ไปร่วมงานกุศลอะไรก็ไม่รู้เธอไม่ชอบใจเลยสักนิด"พ่อคะหนูไม่อยากไปค่ะ""ยัยฟ้าทำไมพูดไม่รู้เรื่อง""ก็หนูไม่อยากไป""พ่อครับเดี๋ยวผมพูดกับยัยฟ้าให้เองพ่อไปพักผ่อนเถอะครับ"มานพหันมามองหน้าบุตรชายก่อนจะพยักหน้าแล้วเปิดประตูเดินออกไปทิ้งให้สองคนพี่น้องพูดคุยกันเคลียร์ปัญหากันเองตามลำพังเพราะเขาคิดว่ายังไงน่านน้ำก็จัดการน่านฟ้าได้อยู่แล้วทางด้านวายุภักษ์หลังจากที่วางสายจากผู้เป็นย่าได้ไม่นานชายหนุ่มก็ได้รับรายงานว่าหญิงสาวที่เขาให้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวไปร่วมงานการกุศลด้วย"ว่าไง""นายครับคุณน่านฟ้าเธอไปร่วมงานการ
เมื่อเกิดความเงียบขึ้นเป็นเวลานานก็ทำให้บรรยากาศแถวนี้เริ่มจะมีความอึดอัดเข้ามาแทนที่แต่ในที่สุดรัชชานนท์ก็เป็นคนทำลายความเงียบด้วยการชวนน่านฟ้าพูดคุยเพื่อให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย"น้องฟ้าครับพี่ว่าเราไปนั่งที่โต๊ะกันไหมครับ""ก็ดีเหมือนกันค่ะ""งั้นเชิญครับ""ค่ะ"เมื่อตั้งสองมาถึงโต๊ะการพูดคุยก็เริ่มต้นขึ้นและก็ยังคงเป็นรัชชานนท์ที่เป็นคนชวนน่านฟ้าพูดก่อนเสมอเพราะดูจากท่าทางแล้วจะให้หญิงสาวเป็นคนชวนคุยก็ท่าจะยาก"น้องฟ้าทำตัวตามสบายนะครับไม่ต้องเกร็งคิดซะว่าพี่เป็นพี่ชายอีกคนก็ได้นะครับ"เมื่อได้ฟังในสิ่งที่รัชชานนท์พูดออกมามันทำหญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยทั้งที่ในตอนแรกเธอคิดว่าผู้ชายอย่างรัชชานนท์จะต้องเป็นแบบผู้ชายเจ้าชู้เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยการงานไม่สนใจเที่ยวแตร่ไปวันๆแต่รัชชานนท์ที่เธอเจอวันนี้มันแต่ต่างกันมากภายนอกดูเหมือนเพย์บอยแต่เมื่อได้พูดคุยมาสักระยะเธอจึงรู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่หาตัวจับยากระดับต้นๆคนหนึ่ง "นี้แหละน่าทีเขาบอกว่ามองคนอย่ามองเพียงแค่ภายนอก" หญิงคิดค่อนอยู่ในใจก่อนที่จะระบายรอยยิ้มเบาๆเพียงน้อยนิดออกมาให้กับความคิดของตัวโดยที่หญิงสาวไม่ร
ทางด้านของน่านน้ำเมื่อแยกตัวออกมาจากน่านฟ้าผู้เป็นน้องได้ไม่นานก็โดนผู้เป็นพ่อจับคู่ให้กันหลานสาวของคุณกันยาทันที "สวัสดีครับคุณกันยา" "สวัสดีค่ะคุณมานพวันนี้พาใครมาด้วยค่ะอย่าบอกนะคะว่าเป็นลูกชาย" "ใช่ครับนี้น่านน้ำลูกชายคนโตของผมเองครับ""อุ้ยตายจริงหน้าตาหล่อเหมือนคุณมานพตอนหนุ่มๆเลยนะคะเนี้ย""ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณกันยามาคนเดียวหรือครับ""คนเดียวที่ไหนกันคะ ดิฉันมากับหลานสาวค่ะพอดีหลานสาวดิฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศยังไม่ค่อยรู้จักเส้นทางดีเท่าไรเดี๋ยวก็คงจะถึงแล้วละค่ะ ""อ่อครับ"พูดยังไม่ทันจะขาดคำหลานสาวของคุณกันยาก็เดินหน้าบึ้งเข้ามาแต่ไกล แต่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นป้าไม่ได้อยู่คนเดียวแถมคนที่ยืนอยู่ด้วยก็คือคนที่ตัวเองอยากได้แต่ไม่ได้นั้นเองแล้วในหัวของหญิงสาวก็มีแผนขึ้นมาทันทีก่อนจะปรับสีหน้าให้สดใสเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม "สวัสดีค่ะคุณยายพู่ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาสายปล่อยให้คุณยายรอนานค่ะ" คุณกันยาเมื่อได้ยินในสิ่งที่หลานสาวพูดก็เข้าใจได้ทันทีว่าหลานสาวต้องการสื่ออะไรเธอจึงผสมโรงเล่นละครกับหลานสาวตัวดีไปด้วยโดยที่ผู้เป็นยายไม่รู้เลยสักนิดว่าหลานสาวที่เธอต้องการจะจับลงตะ
ณ ฟาร์มสเตย์ เช้านี้อากาศภายในไร่ออกจะหนาวหน่อยๆทำให้ร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่ภายใต้ผ้าห่มบนเตียงขนาดคิงไซร์หลับอย่างสบายตัวซึ่งต่างจากอีกคนที่ตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องด้วยความอาการที่ไม่สดชื่นและกำลังหาวิธีที่จะจัดการกับหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยอาการที่หลับอย่างสบาย ใจหนึ่งเขาเองก็อยากให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่แต่อีกใจหนึ่งคือเขาต้องการรีบๆแก้แค้นให้มันจบๆไปเมื่อคิดได้แบบนั้นวายุภักษ์ก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินสาวเท้าออกจากโซฟาเพื่อไปยังเตียงที่มีหญิงสาวนอนอยู่ก่อนจะกระชากผ้าห่มออกมาพร้อมกับคำพูดที่ห้วนด้านล่างและแข็งกระด้าง"คุณหนูน่านฟ้าผมว่าคุณควรตื่นได้แล้วนะ!!""งื่อพี่แก้วฟ้าขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะวันนี้ฟ้าไม่มีงานที่ไหนเอาผ้าห่มมาคืนฟ้ามา"เจ้าของร่างบางที่กำลังใช้มือคว้าผ้าห่มอยู่ในขณะที่ตาก็ยังปิดอยู่แต่คว้าเท่าไรก็ยังไม่เจอ"ผมว่าคุณลืมอะไรไปหรือเปล่าที่นี้มันบ้านผมไม่ใช้บ้านของคุณตื่นได้แล้ว"วายุภักษ์พูดไปด้วยและเดินเข้าไปกระชากแขนของหญิงสาวเพื่อให้รู้สึกตัวด้วยความง่วงนอนบวกกับการกระทำที่โดนขัดใจยิ่งทำให้อารมณ์ของคนที่สะลึมสะลืออยู่ตอนนี้ลืมตาขึ้นมาดูและทำให
ในช่วงระหว่างทางที่เดินไปดูงานต่างๆน่านฟ้าก็พยายามใช้สายตาสอดส่องเพื่อหาช่องทางหนีกางเกงยีนไล่ออกจากไร่จนเดินมาถึงออฟฟิศที่เธอต้องทำงานเมื่อเปิดประตูเข้าไปด้านในก็พบว่าภายในห้องนี้มีโต๊ะทำงานแค่ 3 โต๊ะ โต๊ะแรกเป็นของวายุภักษ์น้าชาติอธิบายให้เธอฟังว่าเจ้านายจะเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศอาทิตย์ละ3-4 วันที่เหลือก็จะเข้าไปดูงานบริษัทแถวๆกรุงเทพฯบางครั้งก็อาจจะไปเป็นอาทติย์และหลักๆที่อยู่ในนี้ก็จะมีเธอและน้าชาติแค่สองคนแต่ในบางครั้งน้าชาติก็ต้องไปออกงานกับเจ้านายอาจจะมีแค่เธอที่ต้องอยู่คนเดียวเมื่อได้ฟังในสิ่งที่น้าชาติอธิบายหญิงสาวก็แอบยิ้มในใจเพราะคิดว่าอีกไม่นานเธอจะต้องหนีออกจากไร่นี้ได้สำเร็จแน่เพราะเมื่อตอนที่เดินไปทางท้ายไร่เธอแอบเห็นทางหมาลอดเล็กๆและเธอคิดว่าเธอสามารถหนีออกไปทางเส้นทางนั้นได้หลังจากที่น้าชาติอธิบายเรื่องงานและหน้าที่ต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาดูสถานที่ทานข้าวในตอนเที่ยงน้าชาติอธิบายว่าทางไร่มีอาหารและเครื่องให้ทานฟรีในช่วงพักเที่ยงและจะมีแม่ครัวคอยทำกับข้าวให้ทานทุกวันนั้นก็คือป้านวล ป้านวลจะรับหน้าที่เป็นแม่ครัวจัดสรรเรื่องอาหารการกินให้กับทุกคนรวมถึง
"รีบๆกินซะเดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ"หลังจากที่ทานข้าวเช้าเป็นที่เรียบร้อยชายหนุ่มก็พาหญิงสาวเดินมามายังสถานที่แห่งหนึ่งหากดูเพียงผิวเผินก็จะคล้ายๆกำแพงธรรมดาที่มีต้นไม้และเถาวัลย์เลื่อยเกาะรอบๆทางเข้าชายหนุ่มจัดการไขคุณแจก่อนจะใช้มือผลักประตูให้เปิดออกเบาๆแล้วเดินเข้าไปข้างในห้องนี้ตกแต่ด้วยสีขาวหม่นๆภายในของห้องมีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเล็กน้อยมีไฟไว้กกมีมุมของโต๊ะทำงานและถัดจากโต๊ะทำงานห่างออกไปมีมันกล่อง อคลิลิคใสขนาดใหญ่วางอยู่สองกล่องข้างๆภายในกล่องก็มีจำพวกขี้เลี้อย เปลือกไม้สน และ ซังข้าวโพดรวมไปถึงถ้วยเล็กที่มีน้ำอยู่ข้างในห้องนี้ถือว่าเป็นห้องที่อากาศถ่ายเทได้ดีมากห้องหนึ่ง ซึ่งทั่งกล่องอะคิลลิกทั้งสองกล่องนั้นมันมีงูต่างสายพันธ์อาศัยอยู่โดยในกล่องอะคิลลิกกล่องแรกจะเป็นงูข้าวโพด (Corn Snake) ซึ่งงูข้าวโพดเป็นงูจิ๋วที่มีขนาดเล็กและมีสีสันที่ดูฉูดฉาดลวดลายน่ารักสาเหตุที่ได้ชื่อว่างูข้าวโพดก็เพราะว่างูคอร์นมีถิ่นกำเนิดมาจากในแถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอเมริกาและส่วนใหญ่พวกมักอาศัยอยู่ในทุ่งข้าวโพด หรือตามไร่ต่างๆซึ่งตามยุ้งฉางเหล่านี้ยังเป็นสถานที่สุดโปรดของเหล่าบรรดาหนูๆก็ว่าได้เจ้างู
จากที่ตอนแรกเขาคิดว่าจะทำดีกับเธอสักหน่อยแต่ตอนนี้เห็นทีคงไม่จำเป็นแล้ว"คุณคิดว่าคุณจะหนีผมพ้นก็ลองดู""คุณ!!""ใช่ผมเอง""เมื่อไรคุณจะปล่อยฉันไปสักทีและอีกอย่างนะฉันไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าพี่น่านน้ำจะทำเรื่องที่มันร้ายแรงและเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างที่คุณพูดออกมาแน่เพราะฉะนั้นพาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ"หญิงสาวตวาดลั้นด้วยความโกรธ ทำไมนะทำไมวายุภักษ์ต้องใส่ร้ายพี่ชายของเธอแบบนี้ด้วย"คุณไม่ต้องพูดให้มันมากความหรอกเพราะถึงยังไงคุณก็ต้องอยู่ที่นี่กับผมจนกว่าคุณจะท้อง"ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังพลางสาวเท้าเข้าไปชิดเตียงที่เธออยู่ก่อนจะกระชากให้เธอลุกขึ้นทำให้ทั้งเขาและเธอตอนนี้ใกล้ชิดกันมากขึ้นน่านฟ้าอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นกับเธอจริง"ไม่มีวันและขอบอกเอาไว้เลยนะว่าไม่มีทางได้ในสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอนเพราะฉันจะหนีไปจากที่นี่""หึๆถ้าคิดว่าคุณจะหนีรอดก็ลองดู เอาสิผมไม่ห้ามหรอกเพราะต่อให้คุณมีปีกบินคุณก็ไม่มีวันหนีไปจากที่นี่ได้""ฉันเกลียดคุณได้ยินไหมว่าฉันเกลียดๆๆๆคุณ"หญิงสาวสลัดแขนออกจากการจับกุมก่อนจะลุกขึ้นยืนประชันหน้ากับชายหนุ่มอย่างถ
ปากหยักหนาฉกลงมาด้วยความเร็วแสงจนทำให้หญิงสาวที่ไม่ทันตั้งตัวเกือบจะสำลักน้ำลาย ชายหนุ่มจูบอย่างป่าเถื่อนจูบแบบทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บ มือบางพยายามจะผลักออกดันอกแกร่งให้ห่างออกไปเพราะเธอทนความป่าเถื่อนและความบ้าบิ่นของเขาไม่ได้ความหอมความหวานจากโพรงปากบางๆนั้นทำให้วายุภักษ์เปลี่ยนจากการจูบแบบหนักหน่วงกลายเป็นนุ่มนวลและรัญจวนจนทำให้ร่างบางที่ไร้ประสบการณ์ในอ้อมแขนตอนนี้อ่อนเปลี้ยดังขี้ผึ้งที่ ลนไฟมือน้อยที่ไม่รู้ว่าเอาไปวางที่ไหนจึงพาดไว้บนไหล่กว้างเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวไว้แน่นหนา จากที่ตอนแรกที่เขาคิดแค่จะสั่งสอนแต่ต่อมาเขาเองก็เริ่มจะอดใจไม่ไหวเขาไม่ชอบให้เธอพูดว่าเกลียดเพราะมันรู้สึกแปลกๆจี๊ดๆในใจอย่างบอกไม่ถูกมือหนาจากที่โอบกอดเอวบางอยู่ข้างหลังเริ่มลูบไล้ไปมามากขึ้นร่างบางถูกจับวางไว้บนเตียงอย่าเบามือ ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาไว้บนเตียงตอนไหนไม่อาจทราบได้เพราะในหัวของเธอตอนนี้ขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก มือหนาเริ่มอยู่ไม่สุขนิ้วแกร่งเริ่มสำรวจสิ่งต่างๆที่อยู่บนร่างกายอรชรอย่างกับเป็นเจ้าของเสียเองปากหยักเริ่มผละจากบางๆอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะขบเม้นคอขาวระหงอย่างช่าส์ซ่านทำให้เธอคล้อยตามอย่างว่าง่
ทางด้าน ของมานพ ตอนนี่เขาตามจับคนร้ายที่ยิงน่านฟ้าได้แล้ว และมันก็ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือคู่แข่งทางธุรกิจของเขานั้นเองในตอนแรกมันกะจะยิงวายุภักษ์แล้วจะโยนความผิดทุกอย่างให้ มานพ แต่มันดันพลาดตรงที่น่านฟ้าลูกสาวของเขาเอาตัวเองไปเป็นโล่กำบังให้กับวายุภักษ์แต่มันก็สะใจดีในเมื่อเล่นงานคนเป็นพ่อไม่ได้ก็เล่นงานลูกสาวมันแทนก็แล้วกันเลยทำให้ผลออกมาเป็นตามที่เห็น แต่มันคงไม่รู้ว่ามันเล่นผิดคนซะแล้วเพราะวายุภักษ์เองก็ใช่คนธรรมดาที่ไหนเขาคือซาตานดีๆ นี้เองในเมื่อมันกล้าทำกันคนที่เขารักขนาดนี้งั้นมันก็ไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่บนโลกในนี้แล้ว และในตอนนี้คู่แข่งทางธุรกิจของ มานพ ก็ได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยโดยเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก่อนณ โรงพยาบาลเช้าวันรุ่งขึ้นรัชชานนท์มาเยี่ยมน่านฟ้าในขณะที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นจะเคาะประตูก็มีเสียงดังลอดออกมาก่อนเสียงที่ดังออกมาจากในห้องนั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย เปลือกตาค่อยๆ กะพริบตาปริบๆ ขึ้นลงเพื่อค่อยปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงหญิงไล่สายตาไปรอบๆ ก่อนจะมาสะดุดกับร่างหนาก็ใครบางคนที
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพูดเท่าไรก็คงไม่ยอมแน่ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปอุ้มหญิงสาวออกจากเตียงก่อนจะพาเดินออกไปจากห้อง น่านฟ้าพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของวายุภักษ์แต่ไม่ว่าเธอพยายามดิ้นแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ จนวายุภักษ์ต้องพูด ออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆ''หากคุณไม่กลัวตกบันไดก็ดิ้นต่อไป''หลังจากที่วายุภักษ์พูดจบน่านฟ้าก็ไม่ดิ้นอีกเลย อีกอย่างเธอกลัวว่าลูกในท้องจะเป็นอัตรายด้วยหากเธอตกลงไปชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวมาถึงรถก่อนจะวางลง''ทำไมถึงไม่อยากไปหาหมอ'' วายุภักษ์ถามออกมาอย่างใจเย็น''ก็ฉันไม่ได้เป็นอะไร อ่อ...ถ้าคิดว่าฉันท้องละก็เสียใจด้วยนะคะเพราะว่าวันไม่มีวันที่จะเป็นความจริง''หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียสั่นๆตอนนี้น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมาอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!''mเสียงสะอื้นที่ดังออกมาจากคนตัวเล็กทำให้หัวใจของวายุภักษ์เจ็บปวดยิ่งนัก''น้องฟ้าครับพี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ยอมรับผิด" ชายหนุ่มก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอยิ่งนัก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขารักผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนเขาไม่อยากเสียเธอไปอีกแล้ว''อื่อ! อื่อ! อื่อ!"ยังคงมีแต่เสียงสะอื้นที่ตอบกลับมาเป็นระยะๆ"น้องฟ้าครับพี่ขอโอกาสอีกครั้งได้ไหมคร
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่น่านน้ำและแพรวาปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย พ่อและแม่ของแพรวาต่างก็ยอมรับในตัวของลูกเขยคนนี้แต่กว่าจะยอมรับน่านน้ำใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่เกือบเดือน ทุกอย่างดูเหมือนจะลงเอ่ยด้วยดีณ โรงพยาบาลxxx น่านฟ้าที่รู้สึกว่าตัวเองจะไม่สบายและมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ พะอืดพะอม เป็นๆหายๆมาสักพักแล้วทานยาก็ไม่หายแถมช่วงนี้เธอยังง่วงนอนบ่อยด้วยหญิงสาวเลยตัดสินใจพาตัวเองมาหาหมอ"เชิญคุณเนตรนภา อัครเสนารักษ์ ที่ห้องตรวจเบอร์ 2 ค่ะ""จากที่หมอดูอาการเบื้องต้นหมอคิดว่าหมอพอจะทราบแล้วว่าคุณเป็นอะไรมาแต่เพื่อความแน่ใจหมอขอตรวจปัสสาวะและเลือดเพิ่มเติมหน่อยนะคะ""ได้ค่ะ"หลังจากที่เจาะเลือดและเก็บตัวอย่างปัสสาวะเสร็จหญิงสาวก็ลงไปนั่งรอผลเลือดร้านคาเฟ่ข้างๆโรงพยาบาลเพราะมันต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงผลเลือดถึงจะออกหญิงสาวจึงสั่งเค้กและน้ำผลไม้ปั่นมาทานเพื่อฆ่าเวลา ณ ห้องตรวจ"คุณเนตรนภา เชิญนั่งค่ะ""คุณค่ะ""ผลตรวจออกมาแล้วนะคะ""ค่ะ""หมอยินดีด้วยนะคะตอนนี้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์แล้วค่ะ""ท....ท้อง!""คะ ต่อไปคุณแม่ทำอะไรต้องระวังตัวด้วยนะคะ ห้ามยกของหนัก พยายามอย่างใส่รองเท้า
หลังจากที่นั่งดื่มกันได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือของรัชชานนท์ดังขึ้นเมื่อหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นเบอร์แปลกๆชายหนุ่มปิดเสียงแล้ววางลงไว้ที่เดิมบนโต๊ะ"พี่นนท์ทำไมไม่รับสายละคะ""เบอร์แปลกครับพี่เลยไม่รับเพราะนี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของพี่ครับ""อ่อ...ค่ะ"ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของรัชชานนท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ"พี่นนท์รับสายก่อนก็ได้ค่ะคนที่โทรมาเขาอาจมีธุระอะไรสำคัญก็ได้""ครับงั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวออกรับไปโทรศัพท์ก่อนนะครับน้องฟ้าห้ามลุกไปไหนคนเดียวนะครับ"หลังจากที่รัชชานนท์ไปรับโทรศัพท์ได้ไม่นานน่านฟ้าก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำทางด้านฝั่งของรัชชานนท์หลังจากที่คุยโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อยชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะเมื่อไม่เห็นคนตัวเล็กเขาก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อจะโทรแต่พนักงานของทางร้านก็เดินมาแจ้งว่าหญิงสาวที่มาด้วยตอนนี้กำลังเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันสายตาไปมองโต๊ะข้างๆเลยทำให้เห็นว่าตอนนี้วายุภักษ์ก็ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ชายหนุ่มจึงเกิดความรู้สึกเป็นห่วงน่านฟ้าขึ้นมาทันทีในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้น น่านฟ้าก็เดินกลับมาพอดีแต่สีหน้าของเธอในตอนนี้มันไม่ค่อยดีนัก"พี่นนท์คะเรากลับบ้านกันเถอ
ณ ไร่วายุภักษ์เช้านี้บรรยากาศภายในไร่ ท้องฟ้าสดใสแสงแดดยามเช้าตรู่ค่อยๆ สากกระทบเข้ากับต้นองุ่นนาๆชนิดเสียงร้องของนกยามเช้าร้องกระซิบไปมาทำให้ร่างของใครบางคนที่กำลังหลับไหลต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องของนาฬิกาในเครื่องมือสือสารค่อยๆ ดังขึ้นชายหนุ่มจึงใช้มือควานหาเพื่อจะปิดมัน แล้วนอนต่ออีกหน่อยเพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกือบสว่างแล้ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเขาคิดถึงสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มผู้เป็นเจ้าของผ้าเช็ดหน้าที่เขากำลังนอนกอดอยู่ เมื่อวานชายหนุ่มตั้งใจที่จะนอนที่โฮมสเตย์แต่เขานอนไม่หลับเพราะทุกๆ คืนที่ผ่านมาชายหนุ่มมักจะมานั้งดื่มเหล้ากับน้าชาติและคนงานจนเมาแล้วก็หลับไปแต่เมื่อคืนน้าชาติไม่อยู่คนงานก็ลากลับบ้านทำให้ชายหนุ่มเจ้าของไร่ไม่คนนั้งดื่มเหล้าด้วยครั้งจะโทรหาภาคภูมิมันก็เกรงใจ อีกอย่างมันก็ดึกมากแล้วเขาเลยต้องข่มตานอนให้หลับแต่ให้ตายเถอะพยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนมันก็ไม่ยอมหลับจนกระทั่งสุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ต้องขับรถกลับมาบ้านท้ายไร่เพื่อมาเปิดกล่องแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา กอดเพียงแค่นั้นแหละเขาก็หลับมาจนถึงตอนนี้ในเวลาต่อมาเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นก่อ
เวลาต่อมาหลังจากที่น่านน้ำพาน่านฟ้าไปส่งที่ห้องและชายหนุ่มก็ฝากให้แก้วเป็นคนดูแลต่อก่อนที่เขาจะเดินไปคุยกับพ่อในห้องทำงาน“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น“ผมเองครับพ่อ”“อืม”ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นพ่อก่อนที่ถามคำถามที่มันค้างคาใจเขามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” พ่อครับ ทำไมพ่อทำแบบนั้นครับ “ชายหนุ่มพยายามบังคับน้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นไม่ให้สั่นทั้งที่ตอนนี้หัวใจของเขามันเจ็บจนไม่มีเหลือชิ้นดีแล้ว” ทำอะไร “คนเป็นพ่อถามออกมาทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายหมายถึงอะไร” พ่อทำแบบนั้นกับเมียและลูกของผมได้อย่างไร! “ชายหนุ่มถามออกมาอย่างเหลืออด” ฉันยังไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างที่ฉันทำตั้งหมดก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น “มานพบอกลูกชายอย่างไม่เดือดร้อน” แต่นั้นมันลูกเป็นผมละครับ “” ลูกแกแล้วทำไมในเมื่อผู้หญิงคนนั้นมันง่ายเองและอีกอย่างมันอาจจะเป็นแผนที่นางนั้นมันคิดจะจับแกก็ได้ “ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อมาก“ผมจะบอกกับพ่อเป็นครับสุดท้ายว่าแพรวาคือผู้หญิงที่ผมรักและอยากสร้างครอบครัวด้วย เพราะฉะนั้นพ่อเลิกจับคู่ผมกับหลานสาวคุณป้ากันยาได้เพราะมันไ
บ้าน เอกอัครภิภพ ตั้งแต่วันที่รัชชานนท์กลับมาจากบ้านของน่านฟ้าชายหนุ่มก็พยายามสืบเสาะหาข้อมูลและปัญหาต่างๆที่ทำให้หญิงสาวหายตัวจนเขาเจอจุดเชื่อมโยงที่น่าสงสัยในคืนงานเลี้ยงเต้นรำนั้นมีช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาเห็นสีหน้าของน่านฟ้าเปลี่ยนไปเธอมีสีหน้าเป็นกังวลเหมือนกำลังกลัวอะไรสักอย่างในตอนแรกเขาไม่ได้เอะใจอะไรเขานึกว่าเธอรู้สึกประหม่าที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเขาสองต่อสองแค่นั้น โชคดีที่วันนั้นเขาไปขอดูกล้องวงจรปิดกับทางโรงแรมจึงได้รู้ว่าหญิงสาวหายไปเธอหายตัวไปตอนที่เธอเข้าห้องน้ำรัชชานนท์ใช้คนของเขาเองในการตามสืบเรื่องนี้เพราะหากเขาใช้คนของพ่อมีหวังกลายเป็นข่าวดังแน่ ตลอดเวลาที่หญิงสาวหายตัวไปเธอไม่ได้ไปไหนไกลเลยเธออยู่แค่วังน้ำเขียวแต่ที่ไม่มีใครตามหาเธอเจอนั้นเพราะเจ้าของไร่ไม่ต้องการให้ใครพอเจอเธอเองต่างหาก แต่ก็ยังถือว่าเขายังไม่ใจร้ายจนเกินไปเพราะเขายังส่งข้อความมาแจ้งกับทางบ้านของเธอว่าหญิงสาวสบายดีไม่ต้องเป็นห่วงวายุภักษ์ เศรษฐารักษ์ (ลม) ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก จบปริญญาโทรด้านการบริหารด้วย เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและเป็นเจ้าของไร่องุ่นและโฮมสเตย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นรายเดียว
"อื้มม!"เสียงทุ้มแหบพร่าคำรามในลำคออย่างฮึกเหิมก่อนจะค่อยๆลากลิ้นสากลงมาบริเวณหน้าท้องอันแบบราบแล้วจูบวนไปมาอย่างเบาๆในขณะที่มือทั้งสองข้างก็ยังทำหน้าที่บีบขย้ำและคลึงเม็ดทับทิมแบบไม่ลดละอาการวูววาบที่หน้าท้องทำให้ตอนนี้พื้นที่สงวนของหญิงมีน้ำหวานค่อยๆไหลเยิ้มออกมาชายหนุ่มไม่รอช้าจับขาทั้งสองขาแยกออกจากกันจากนั้นก็ซุกหน้าลงไปยังพื้นที่สงวนก่อนค่อยใช้ปากขบเม้นกับกลีบของดอกปทุมมา"พ..พี่ลมช่วยฟ้าด้วย""ช่วยยังไงครับ""พี่ลมฟ้าอึดอัดช่วยฟ้าหน่อย"ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนตวัดลิ้นสากลากผ่านดอกกลีบปทุมเข้าไปเพื่อดูดและเลียน้ำหวานที่กำลังไหลเยิ้มอย่างหลงใหล"อะ..อ้าา"เสียงหวานครางดังออกมาเรื่อยๆ ร่างกายสั่นสะท้านจนแทบจะหมดแรงเมื่อติ่งกระสันถูกเรียวลิ้นร้อนชื้นตวัดเลียและดูดน้ำหวาน ชายหนุ่มกระดกลิ้นขึ้นลงอย่างรัวและเร็ว สองมือบางตอนนี้เปลี่ยนจากขย่ำผ้าปูที่นอนมาสอดเข้าไปที่ท้ายทอยของชายหนุ่มก่อนจะกดให้ใบหน้าของเขาแนบชิดไปกับพื้นที่สงวน"พ....พี่ลม ฟ...ฟ้าไม่ไหวแล้ว""ปลอดปล่อยมันออกมาครับ""อ๊ะ...อ้าาาาา!"ชายหนุ่มส่งหญิงสาวขึ้นสวรรค์ไปก่อนหนึ่งรอบสมองของหญิงสาวในตอนนี้ขาวโพลนเบาหวิวเหมือ
"อ๊ายยยย!"หญิงสาวร้องลั้นไม่เป็นภาษาสองมือที่พยายามต่อต้านก่อนหน้านี้กลับกลายมาเป็นจิกกดไปที่ท้ายทอยของวายุภักษ์แทนยิ่งไปกว่านั้นเอวของเธอร่อนเข้าหาใบหน้าของชายหนุ่มอย่างอัตโนมัติจนบั้นท้ายอันกลมกลึ่งของเธอลอบขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม การโต้ตอบของเธอแบบนี้มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบของเขายิ่งนักเขาจึงเร่งรัวลิ้นไปที่ตำแหน่งเดิมอย่างเร็วขึ้นและเน้นๆมากที่สุดเท่าที่ทำได้"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ่าสส์!!!"น่านฟ้าสูดปากเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอเริ่มเสียววาบไปทั้งตัวแล้วจากนั้นลำตัวของหญิงสาวจึงกระตุกเป็นจังหวะตามผิวหนังของเธอเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทั้งตัวสมองของเธอตอนนี้ของขาวโพลนเบาหวิวราวดังปุยนุ่น หญิงสาวหายใจหอบถี่ พร้อมด้วยหัวใจที่สูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงเป็นจังหวะจนจะทะลุออกมาเต้นอยู่ข้างนอกจากนั้นชายหนุ่มก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองจนหมดสิ้นก่อนจะก้มลงกระซิบลงข้างๆใบหูขาวด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบพร่า"พี่ขอนะครับ"ชายหนุ่มก้มจูบหน้าผากมนก่อนจะไล่ลงมาเรี่อยๆจนถึงริมฝีปากบางอันอวบอิ่มก่อนจะค่อยๆประกบปากหยักลงมาอีกครั้งอย่างเบาๆแล้วเริ่มบดขยี้ริมฝีบางอันอวบอิ่มนั้นอีกครั้งชายหนุ่มมอบจุมพิตที่ดูดดื่มอย่า