10ทางเลือก…อีกครั้ง“สรุปว่านายจะขอคบกับลี?”เมื่ออยู่กันตามลำพังปานชีวาก็ถามปรีติเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ถ้าคำตอบคือใช่ เธอจะได้คิดว่าควรจะจัดการกับคำขู่ของวราลียังไง อดีตที่อยากจะลืม ไม่คิดเลยว่ามันจะย้อนกลับมาเล่นงานเธอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานถึงเจ็ดปี“อืม ถ้าเธอกับทิวาไม่มาขัดซะก่อน ก็คงได้คบกันไปแล้ว”“แน่ใจเหรอว่าลีจะตอบตกลง? รู้จักเขาดีแล้วเหรอ?” ปานชีวาอดคิดไม่ได้ว่าบางทีวราลีอาจเข้าหาปรีติเพราะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนกับเธอและก็ยังอดคิดไม่ได้อีกเช่นกันว่าสายตาของวราลีกับทิวากรนั้นมองกันแปลก ๆ เธอสัมผัสได้ถึงเคมีบางอย่างระหว่างสองคนนั้นแต่ก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรกันแน่“คิดว่าดีนะ ฉันว่าตัวเองมองคนออกประมาณนึง ว่าแต่เธอเถอะ…ทำไมถึงมากับทิวา เธอจีบมันเหรอ?”“นี่! ต้องเป็นเขาสิที่จีบฉัน คิดว่าฉันจะตามจีบผู้ชายเหรอ?” ไม่แปลกที่ปานชีวาจะคิดว่าทิวากรตามจีบเธอ เพราะเขาพยายามติดต่อขอนัดเจอมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแต่เธอก็ปฏิเสธมาตลอด จนมาพักหลังที่เขาแสดงความจริงใจโดยการส่งของมากมายมาให้เธอ ทั้งดอกไม้ ขนมอร่อย ๆ ยังมีภาพวาดราคาแพงอีก ก็ในเมื่อเขาชัดเจนเสียขนาดนั้นว่าอยากจะกินข้าวกับเธอสักม
หมับ!ทิวากรรั้งข้อมือมากำไว้แน่นในตอนที่วราลีคิดอยากจะออกไปจากห้องน้ำ ดันคนตัวเล็กจนหลังประชิดกับผนังกระเบื้อง ส่งมืออีกข้างไปคว้าลำคอเล็กเอาไว้ ไม่ได้ออกแรงให้เธอเจ็บ เพียงแค่ต้องการบังคับให้เธออยู่ใต้อำนาจเขา“ลีเจ็บ!” นิ่วหน้ามองเขา“ยังไม่ได้ออกแรงสักนิดจะเจ็บได้ยังไง? ไม่ต้องมาทำเป็นสำออยวราลี!”“ฮึก! เป็นคนแบบนี้เหรอคะคุณทิวากร? เป็นคนชอบใช้กำลัง! ชอบกดขี่ข่มเหงคนไม่มีทางสู้!”“ใช่ ผมเป็นแบบนี้แหละ มาดูกันสิว่าคุณไม่มีทางสู้จริงไหม ถ้าคิดจะคบกับไอ้ปลื้ม…ก็เอาเงินสองล้านมาคืนผม!” เมื่อไม่รู้จะเอาชนะเธอยังไง เขาก็ใช้เงินเป็นตัวช่วย ในความคิดทิวากร เขาเชื่อว่าเงินเป็นสิ่งเดียวที่วราลีไม่มีและต้องการมากที่สุด“คุณรู้ว่าลีไม่มีปัญญา ก็เลยใช้มันมาขู่ คุณบีบบังคับให้ลีไม่มีทางเลือก!”“ใช่ คุณคิดถูก ไปหาเงินสองล้านมาคืนผมภายในวันพรุ่งนี้! แล้วจะไปคบกับไอ้ปลื้มหรือจะไปตายที่ไหนก็ไป!”“…”“แต่ถ้าหามาไม่ได้ ก็ใช้ร่างกายของคุณชดใช้มาซะ! กลับมารองรับแรงกระแทกจากผมจนกว่าจะใช้หนี้ครบ!” ทิวากรให้ทางเลือกกับวราลีอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยมือจากเธอแล้วออกไปจากห้องน้ำ“บ้าจริง! ไอ้ทุเรศเอ๊ย!” ทิ้งตัวลง
11เปลี่ยนสถานะส่งเลขบัญชีให้ปานชีวาทางอินบ็อกซ์เสร็จ วราลีกลับมาที่โต๊ะแล้วพบว่าปรีติหายไปเหลือแต่ทิวากรที่นั่งหัวโด่อยู่คนเดียว ไม่คิดจะพูดอะไรกับคนที่ชอบกดขี่ข่มเหงคนอื่นอีก อยากจะออกไปจากร้านอาหารนี้เต็มทน แต่จะให้ทิ้งปรีติไปแบบไม่บอกไม่กล่าวก็ไม่ได้ เลยจำใจนั่งที่โต๊ะตามเดิม ใบหน้าซีกซ้ายยังร้อนผ่าวจากการถูกตบอย่างแรง ก็ยังรู้สึกเจ็บชา ๆ แต่คิดว่ามันคุ้ม อย่างน้อยเธอจะได้คำตอบว่าปานชีวากลัวถูกแฉหรือไม่ ถ้าโอนเงินสามหมื่นมาคำตอบคือใช่ วราลีก็มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน แล้วยังมีเงินใช้ชีวิตไปจนกว่าเงินเดือนของงานใหม่จะออก แต่ถ้าปานชีวาไม่โอนเงินมาตามที่เธอบอก ก็แสดงว่าการขู่อาจใช้ไม่ได้ผลเรื่องเงินสองล้านที่ทิวากรขู่ก็อีกเรื่อง ยังไงเสียวราลีก็ไม่มีปัญญาหามาคืนเขาอยู่แล้ว จะให้กลับไปนอนกับเขาเพื่อใช้หนี้ก็ไม่อยากทำ แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าไม่ใช่แค่กลับไปนอนเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาแค่อย่างเดียวล่ะ? ถ้าเธอสร้างความสัมพันธ์กับเขาด้วยล่ะ? ทำให้เขารักมันคงยาก เห็น ๆ กันอยู่ว่าทิวากรนั้นไร้หัวใจแค่ไหน แต่ถ้าทำให้เสพติดจนถอนตัวไม่ขึ้นก็ไม่แน่ ถ้าแค่เขาขาดเธอไม่ได้ก็เท่ากับว่าปานชีวาหมดสิทธิ์
“ให้ผมโทรหาคุณลีบ้างได้ไหม? มารับคุณไปกินของอร่อย ๆ ไปดูหนังกันบ้าง…ไปเดินเล่นที่ที่คุณอยากไป แบบนั้นได้ไหม?” แบบนั้นแล้วมันต่างอะไรจากการจีบกันไม่ทราบ? “ในฐานะเพื่อนก็ได้ ก็ถ้าคุณลีไม่อยากเป็นแฟนผมน่ะนะ”“…”“คุณลีลาออกจากเลาจน์แล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปหาที่สบายใจที่ไหนได้อีก รู้ไหมว่าผมมีแค่คุณลีคนเดียวที่อยู่ด้วยแล้วหายเหนื่อย ถือว่าสงเคราะห์ให้ผมเถอะนะ เป็นพื้นพี่ปลอดภัยให้ผมได้พักใจได้ไหม?”ปรีติขอมาแบบนี้แล้วคนอย่างวราลีจะทำอะไรได้ ขนาดปฏิเสธไปแล้วเขาก็ยังหาลู่ทางในการได้มาเจอเธออีก แล้วเธอจะใจร้ายใจดำกับเขาได้ลงคอหรือ? แล้วถ้าทิวากรรู้ขึ้นมาจะว่ายังไง? แต่ทำไมวราลีจะต้องแคร์คนซาดิสม์คนนั้น…ก็นี่ไง พรุ่งนี้เธอจะเอาตัวไปรองรับแรงกระแทก จะชดใช้หนี้ด้วยร่างกาย แล้วอย่างนั้นทิวากรยังจะมามีสิทธิ์สั่งห้ามเธอคบค้าสมาคมกับใครได้?“ก็ได้ค่ะ ลีจะรับสายคุณปลื้ม ถ้าเราว่างตรงกันแล้วคุณปลื้มอยากหาเพื่อนกินข้าว ลีก็จะไปเป็นเพื่อน”“เน้นคำว่าเพื่อนจังเลยนะคุณลี แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ ขอบคุณนะที่ไม่ใจร้ายกับลูกหมาที่น่าสงสารตัวนี้” ในที่สุดปรีติก็เผยรอยยิ้มออกมา“แต่ว่า…”“แต่อีกแล้วเหรอ?”“ค่ะ แต่
12ขาดไม่ได้ทิวากรคนขรึมที่จะไม่ขรึมก็เฉพาะตอนอยู่คนเดียวกำลังนอนแกว่งเท้ารอเวลาให้วราลีมาถึง พอได้รับสายของรสาที่โทรมาบอกว่าคนที่เขารอคอยนั้นจะมาหาในคืนนี้ ไอ้ความฉุนเฉียวที่เคยมีก็หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง อารมณ์ไม่ดีมาทั้งวัน พอได้ในสิ่งที่ต้องการก็นอนผิวปากสบายใจ เขาคนนี้เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะวางท่านิ่ง ทำตัวเย็นชา เคร่งขรึม แต่แท้จริงแล้วเขามันก็แค่คนกวนประสาท ชอบแกล้ง ชอบหาเรื่องสนุกใส่ตัว ก็ถ้าไม่ต้องมานั่งคุมคนนับพันนับหมื่น ไม่มีธุรกิจหมื่นล้านให้ต้องดูแล เขาก็คงไม่ต้องวางตัวแบบนั้น สร้างกำแพงสูงใหญ่ขึ้นมาปกป้องตัวเอง เพราะคิดว่าทุกคนที่เข้าหานั้นต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะบรรดาผู้บริหาร เพื่อนฝูงที่อยากมีเขาเป็นคอนเนคชัน เมียสามคนที่หย่าร้างหรือแม้แต่แม่แท้ ๆสิ่งแวดล้อมทำให้เขากลายเป็นคนไร้หัวใจ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ใครกันล่ะที่จะไม่มีหัวใจ ที่มีก็แค่คนปากแข็งไม่รู้ใจตัวเองก็เท่านั้น เพราะถูกหล่อหลอมและสั่งสอนมาให้เป็นคนแบบนี้ ทิวากรก็เลยไม่เคยรู้ตัว ว่าถ้าหากแค่เปิดใจก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เข้าหาเขาเพราะหวังสิ่งตอบแทน และเพราะเมื่ออยากได้ก็ต้องให้ก่
“ยังมีอีกข้อนะ ตอนนี้ลีทำงานอยู่ที่ร้านเลอลิซ สาขาห้างคุณ อย่าได้คิดจะใช้อำนาจมาทำให้ลีต้องเด้งออกจากงานเด็ดขาด! ถึงจะไม่ต้องใช้หนี้นอกระบบแต่ลีก็ยังต้องกินต้องใช้ ยังมีพี่ชายที่ต้องดูแล ให้พื้นที่กันได้หายใจบ้าง!”“สุดท้ายคุณก็ยังวนเวียนอยู่ใกล้ผม นี่ไม่ได้คิดจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้เลยใช่ไหม? ถ้าผมไม่ได้บังเอิญไปเจอคุณกับไอ้ปลื้มก็คงไม่รู้ว่าคุณมันเชื่อใจไม่ได้”“ก็ลีไม่มีทางเลือก คิดว่าจะอยากจะไปเหยียบห้างคุณนักเหรอ? ไปสมัครงานแล้วเขาให้ไปทำที่สาขานั้น ให้ทำยังไงอะ! ไม่เกิดมาบนกองเงินกองทองนี่!”“ผมผิดหรือไงที่ผมรวยแล้วมีทางเลือกมากกว่าคุณ? เลิกเอาความจนของตัวเองมาอ้างในการเป็นคนปลิ้นปล้อนสักทีเถอะ ผมบอกว่าห้ามยุ่งกับไอ้ปลื้มคุณก็ไม่ฟัง บอกให้อยู่ให้ห่างจากผมคุณก็ไม่ทำตาม ทั้งที่รับเงินสองล้านไปแล้ว ถามหน่อยเถอะว่าในเมื่อคุณผิดสัญญา ผมจะทวงเงินคืนไม่ได้หรือไง?”“ให้หาสองล้านภายในวันเดียวน่ะเหรอ? รู้ไหมว่าถ้าคุณมาเป็นลี คุณก็ไม่มีปัญญาเหมือนกันนั่นแหละ!”“โชคดีที่ผมไม่ใช่คุณ!”“แต่โชคไม่ดีที่ต่อให้ทั้งคุณเกลียด ทั้งเหยียบย่ำกันยังไงก็ขาดลีไม่ได้อยู่ดี” จบคำนั้นวราลีก็จัดการถอดเครื่องบด
13จูบ…คุณคิดว่าไม่สำคัญวราลีลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่แล้วพบว่าตัวเธอนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนของเพนท์เฮาส์ ยังรู้สึกเพลียและปวดหัวนิดหน่อย แต่พอรู้ตัวว่าต้องไปทำงานก็รีบลุกจากเตียง ทำเอาถึงกับซวนเซเพราะร่างกายปรับสภาพไม่ทัน“ฮึก!” เธอรีบเข้าไปค้ำพยุงตัวเองไว้กับผนังห้องนอน รู้สึกมึนหัวไปหมด นึกย้อนกลับไปเมื่อคืน จำได้ว่าสิ่งสุดท้ายที่ประสาทสัมผัสรับรู้ได้ก็คือ เธอร้องขอให้ทิวากรพอแต่เขาไม่ฟัง ซ้ำแล้วยังด่าว่าเธอสำออย กระทุ้งกระแทกความเป็นตัวตนเข้าปากเธอไม่หยุด วราลีจำได้เพียงแค่นั้น “ไอ้คนใจร้าย!”เขาคงไม่คิดว่าเธออาจจะตายได้ ก็บอกไปแล้วว่าไม่มีแรง ทำไมถึงได้ไร้หัวใจถึงขนาดนั้น อยากจะด่าเขามากแต่ไม่มีเวลา ตอนนี้ไม่รู้ว่ากี่โมงแล้ว เกิดไปทำงานสายขึ้นมาตั้งแต่วันที่สองของการเริ่มงาน มีหวังได้โดนเฉดหัวไล่ออกแน่ รวบรวมแรงที่มีเดินออกมาจากห้องนอน เดินผ่านห้องหับสองสามห้องมาจนถึงห้องรับแขก เห็นกระเป๋าย่ามเน่า ๆ วางอยู่บนโต๊ะ ในตอนที่คิดจะไปหยิบมันแล้วรีบออกไป อยู่ ๆ จมูกก็ได้รับกลิ่นหอมลอยออกมาจากที่ไหนสักแห่ง“ตื่นแล้วเหรอ?” เป็นทิวากรที่เปิดประตูบานเลื่อนของห้องครัวออกมาพร้อมกับตะหลิวใน
“ปิด!”“ค่ะ ปิด ๆ ปิดก็ปิด” วราลีลนลานปิดเพลงทันที อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ อยู่ ๆ เพลงลูกรุงต้นฉบับก็ดังขึ้นมา แล้วภาพที่เขาจูบเธอเมื่อคืนก็ชัดเจนในโสตประสาทการรับรู้อีกครั้ง ภาพรสชาติ ทั้งสัมผัส ทั้งความรู้สึกประหลาดที่มันวิ่งพล่านอยู่ในใจ แต่ประเด็นคือ…เธอเพิ่งรู้รสนิยมการฟังเพลงของทิวากรก็วันนี้เอง ช่าง…น่าสนใจมากทีเดียว“อย่าได้เข้าใจผิด! ผมไม่ได้ฟังเพลงนี้” เหมือนเขารู้ว่าเธอคิดอะไร “คนรถคงจะเปิดทิ้งไว้!”“ลี…ลียังไม่ได้ว่าอะไรเลย รสนิยมมันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาตัดสนกันหรอก เพลงก็เพราะดี…ถึงจะเก่าไปนิดแต่ก็ดังมาจนถึงทุกวันนี้”“วราลี!”“โอเค…ลีเชื่อก็ได้ว่าคุณไม่ได้ฟัง” วราลีแอบยิ้ม วินาทีนั้นก็รู้สึกได้ว่าทิวากรก็มีมุมน่ารัก เขาคงจะเขินที่ถูกจับได้ว่าฟังเพลงเก่า ก็ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน เธอไม่ได้คาดหวังให้เขาต้องเป็นหนุ่มฟังเพลงร็อก“แล้วยิ้มทำไม? ผมเห็นว่าคุณยิ้ม”“แล้วยิ้มไม่ได้เหรอ?” พูดไปก็มองเรียวปากของเขาไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าอยากลองอีกครั้ง อยากลองจูบกับเขาอีกสักหน สองหนก็ได้“คุณลงข้างหน้านะ เข้าไปข้างในด้วยกันเดี๋ยวคนจะสงสัย” พอใกล้ถึงห้างโมเมนตัมทิวากรก็ตบไฟเลี้ยวตีรถเข้าข้
พอแดดร่มลมตก สามคนพ่อ แม่ ลูกก็ออกมานั่งที่ริมชายหาด คุณแม่คอยนั่งมองลูกสาวขี่หลังคุณพ่อ พากันวิ่งเล่นไปมาอยู่ริมทะเล เป็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ มองออกไปยังสองคนที่เธอรักเท่าชีวิต ที่ตรงนี้…บนพื้นที่ดินของพ่อแม่ คิดแล้วน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงก็รื้นขึ้นมา“พ่อขา…แม่ขา…พี่วิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนนี้ลีสบายดีมากเลยนะ ยังคิดถึงทั้งสามคนอยู่เสมอนะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะรู้ไหม ลีมีความสุขมาก ได้กินอย่างดี ได้นอนหลับอย่างดี ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน คุณทิวาเขาดูแลลีกับลูกเป็นอย่างดีเลยนะคะ” แหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็ไหลริน คนที่จากไปแล้วยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเธอเสมอ และเมื่อคิดถึงพวกเขาก็ต้องมีน้ำตาอยู่ทุกครั้ง แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง“หม่ามี๊! มาเล่นกันเถอะ!” เสียงลูกน้อยตะโกนมาแต่ไกล วราลีก็รีบปาดน้ำตาแล้วลูกขึ้นไปหาทันที “เดินไปตรงโน้น! ด่าดี๊พาจะกายไปตรงโน้น”“ตรงไหนคะ?” ทิวากรมองตามมือที่น้องสกายชี้นิ้วไป ขณะที่ส่งมือตัวเองไปรอรับมือภรรยาสาวมากุมไว้“ตรงโน้นค่ะ ตรงที่มีท้องฟ้ากับทะเลเชื่อมต่อกัน”“โถ่ลูก…เ
32พ่อ แม่ ลูก“พ่อชื่อทิวากรแปลว่าพระอาทิตย์ แม่ชื่อวราลีแปลว่าพระจันทร์ อย่างนั้นลูกก็ต้องชื่อดวงดาวสิ อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกัน”อีกสองเดือนลูกจะคลอดแล้วแต่พ่อกับแม่ยังเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกไม่จบ คนเป็นพ่อดูเหมือนจะชอบของโบราณเป็นพิเศษ ฟังเพลงเก่าไม่พอยังสรรหาชื่อเก่า ๆ ของคนยุคก่อนมาตั้งให้ลูกอีก นวดเท้าให้เมียไปเขาก็พูดชื่อลูกไป เงยหน้าแหงนมองทางนั้นที ทางนี้ทีแต่ไม่คิดจะหันมองหน้าเมียที่ตอนนี้ทำตาเขียวใส่เขาอยู่“หรือจะชื่อดวงดารา?”“พอได้ไหมคะที่รัก? จะดวงดาวหรือดวงดาราน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะแต่ว่าลองหาดูสิ…ลีว่าคนล่าสุดเด็กที่ชื่อดวงดาวตอนนี้น่าจะอายุสี่สิบไปแล้ว” ก็ไม่อยากจะบู้บี้คนชื่อดวงดาว แต่นี่มันยุคไหนแล้ว…ตั้งไปแบบนั้นลูกสาวเธอได้ร้องไห้ไม่หยุดเพราะอายเพื่อนที่โรงเรียนพอดี ตอนเด็กน่ะไม่เท่าไร แต่พอโตขึ้นมาล่ะก็โดนล้อแน่ ๆ“ก็แล้วที่รักจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ? ลูกเราจะคลอดอยู่อีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ยังหาชื่อไม่ได้เลย” เมียท้องโตขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน พอเดินมาก็ปวดเท้า เขาต้องมานวดให้ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็นวดด้วยความเต็มใจ เพราะวันนี้ได้รู้ว่าลูกในท้องนั้นเป็นลูกสาว มั
“ครางดังขนาดนี้ลูกต้องตื่นแล้วล่ะ”“งื้อ! แบบนั้นน่าอาย…” พอคิดว่าไม่อยู่กันสองต่อสองแต่มีลูกน้อยในท้องอยู่ด้วย วราลีก็อดจะเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่?”“ไว้ผมจะถามตอนเขาคลอดออกมา”“งื้อ! อ๊ะ! คุณทิวา…ฮื่อ…อย่าหยุดนะคะ อ๊ะ! ลีเสียวมากเลย…เสียวเหมือนจะเสร็จ” วราลีเกร็งหนักเพราะความกระสันเสียว เธอร้องขอให้เขาทำต่อไป ครวญครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าสั่น แน่นอนอยู่แล้วว่าทิวากรไม่คิดจะหยุด ที่ผ่านมาให้เธอบำเรอสุขให้เขามามาก ต่อจากนี้ไปเขาเป็นคนบำเรอเธอเอง “อื้อ! อ๊ะ! ใกล้แล้วค่ะ อ๊าห์! คุณทิวา…อื้อ! อึก!”“จุ๊บ! ชอบตอนคุณครางเสร็จ” จูบแก้มเธอพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่ทำให้เมียเสร็จได้ เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดว่าชอบอะไร แต่เดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาไม่หยุด เดี๋ยวชอบนั่น เดี๋ยวชอบนี่ บอกตลอดเหมือนกลัวเธอจะไม่รับรู้“อึก! เลียให้ลี…” วราลีไม่เขินอายแล้ว เอาจริง ๆ ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่ ร้องขอให้เขาทำแบบนั้น…ทำแบบที่เคยทำ “นะคะ เลียตรงนั้นให้ลีหน่อย”“อ้อนผมอีก”“คุณทิวาขา…ลีอยากเสร็จอีกแล้ว ช่วยเลียให้ลีหน่อยได้ไหมคะ?” เขาอยากให้เธออ้อน เธอก็อ้อน…ก็ตอนนี้มีสิ่งที่
31ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้อีลี! ไอ้ลี! อีนังชั้นต่ำวราลี!คำจิกหัวเรียกที่โดนมาเกือบทั้งชีวิตถูกแทนที่ด้วยคำว่าคุณวราลี อนันต์ธีรกุล ภรรยาสาวคนสวยของทิวากร อาจพูดได้ว่าเมื่อสถานะเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย วราลีไม่ต้องคอยเอาใจใคร ไม่ต้องก้มหัวทำตัวนอบน้อมให้กับใครอีกต่อไปแล้ว ทุกคนพากันยกย่องเธอ ยกเธอขึ้นให้อยู่สูง ทว่าเธอเกลียดวัฒนธรรมแบบนั้นเป็นเมียทิวากรผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง?มีเงินมากกว่าแล้วยังไง…สุดท้ายก็มีวันต้องตายจากโลกใบนี้เหมือนกันทุกคนอยู่ดี กินน้อย กินเยอะ กินหรู กินแพง กินเข้าไปแล้วก็อิ่ม อิ่มแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นก้อนเหมือนกันหมด สิ่งที่วราลีตั้งใจว่าจะไม่ทำก็คือสิ่งที่เธอโดนมาทั้งชีวิต อะไรที่เคยต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย เธอจะทำ จะให้เกียรติ จะพูดจาดี ๆ จะมองว่าทุกคนก็มีคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากเธอเมื่องานแต่งงานสุดอลังการจบลงคุณสามีก็พาภรรยาสาวของเขากลับมาที่บ้าน บ้านซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเป็นยังไง บ้านที่เขาไม่เคยเปิดต้อนรับใครหน้าไหนแม้กระทั่งพิมพ์ประภาผู้เป็นแม่ พอมาถึงก็พาเธอเดินชมรอบตัวบ้าน ช่างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางและปลอดโปร่ง ทว่าไร้ชีวิตชีวา ก
รสากลับไปได้สักพักปรีติที่ได้รู้เรื่องก็ตามมาเยี่ยม เขาบอกกับวราลีว่าหากเธอจะตอบรับความรักของทิวากรเขาก็เข้าใจ และหากว่าสุดท้ายเธอจะลาคลอด หรือแม้แต่ลาออกเขาก็ยินดียอมรับการตัดสินใจของเธอ เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่าเขายังชอบที่ได้มีเธออยู่ในชีวิต จะในฐานะเพื่อนหรือพี่สะใภ้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น และเขาไม่ได้เกลียดอะไรทิวากร แค่ยังโกรธที่ญาติเวรตะไลมันชอบวางท่าหวงก้างใส่เขาก็เท่านั้นกระทั่งปรีติขอตัวกลับไปได้พักใหญ่แล้วทิวากรก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา วราลีนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง กุมมือหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากการกระทบกระแทกที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไปโดนเส้นประสาทสำคัญจนทำให้เขาไม่ฟื้นหรือกลายเป็นคนไข้ติดเตียงเธอจะทำยังไง ต้องมาเลี้ยงเขาไปทั้งชีวิตหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก คอยดูสิว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็…เธอทิ้งเขาแน่ จะทิ้งจริง ๆ ด้วย“อื้อ!” คิดได้ไม่เท่าไร คนนอนหลับก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงอู้อี้“ฟื้นแล้วเหรอ?”“ลี…”“ฮึก! ค่อย ๆ ลุกค่ะ ค่อย ๆ นะ” วราลีรีบเข้าไปช่วยเขาปรับท่านั่ง ดึงหมอนขึ้นมารองรับแผ่นหลังของเขาไว้“ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?” ตื่นมาก็ได้เห็นน้ำตาเธอเลย นิ่วหน้าไม่ชอบใจ เคยเห็
30จะรักษาไว้อย่างดีทิวากรตีรถจากหัวหินมาถึงกรุงเทพภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะอยากไปรับเมียให้ทันเที่ยงคืน เขาบอกไว้แล้วว่าเธอคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทิ้งงานไปเลย ยังไงเขาก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน พอจัดการปัญหาเสร็จก็รีบบึ่งมาถึงที่ โชคดีที่มาทัน เวลาสี่ทุ่มบาร์ยังไม่ปิด รีบเข้ามาข้างในทำตัวเป็นลูกค้า เพื่อรอเมียกลับบ้าน วันนี้เขาไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน คิดถึงจนใจจะขาด พอได้เจอก็อยากจะเข้าไปกอดไปหอมให้หายคิดถึง แต่แค่เดินเข้ามาในบาร์…เขากลับต้องยืนนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เวลานี้เป็นเวลาทำงาน…พนักงานไม่ได้รับการอนุญาตให้ดื่ม” ไฟความเป็นผัวมันพลุ่งพล่านเมื่อทิวากรได้เห็นภาพที่ไม่ต้องการจะเห็นไปอีกตลอดชีวิต คือภาพเมียเขาต้องมาคอยก้มหัวเอาใจใคร เวลานี้วราลีกำลังถูกพวกเมาแล้วหื่นลวนลามทางสายตาและคำพูด มันยื่นแก้วเหล้าให้เธอ คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม“ดื่มหน่อยเถอะน่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ฉันอนุญาตแล้วใครจะมาว่าอะไรเธอได้? ดื่ม! ฉันสั่งให้เธอดื่ม!”“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วย
ทิวากรโยนงานของตัวเองให้คนอื่นทำ จะรับพิจารณาเฉพาะเรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการตามเมียตามลูก เขามาส่งวราลีที่บาร์ แล้วก็นั่งเฝ้าเธออยู่ในร้าน แม้ว่าเธอจะไล่แล้วไล่อีกแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น วันนี้เขารู้ว่าปรีติติดงานที่บริษัทก็เลยไม่ได้เข้ามาที่ร้าน เพราะแบบนั้นก็แปลว่าทางสะดวก ไม่มีหมาตัวอื่นมาวนเวียนอยู่ใกล้เมียเขาแล้ว“ผมทำเอง” เห็นวราลียกถาดรองแก้วเตรียมเอาออกมาจัดเรียก ทิวากรก็รีบเข้าไปแย่งถาดมาถือไว้เอง ที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไร รู้ว่ายังไงวราลีก็ยกไหวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้…เขาจะไม่ให้เธอทำงานใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว“นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”“จะรอรับคุณกลับด้วยกัน ให้ยกไปไหนครับ?” เขาพูดครับกับเธอแทบทุกคำ แบบนี้ต่อไปคงได้ตำแหน่งคนกลัวเมียไปครอง“ยกไปไว้ตรงนั้น” วราลีชี้ไปยังพื้นที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันไปหยิบไม้ถูพื้นเตรียมจะถูพื้นต่อ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทิวากรก็รีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นจากมือเธอไป“ผมทำเองครับ คุณไปนั่งพักเถอะนะ เดี๋ยวผมจะถูพื้น เช็ดกระจก จัดโต๊ะทั้งหมดนี่เอง”“งั้นไปล้างห้องน้ำด้วยเลยสิ”“โอเคครับ” เธอประชด
29ผมจะเป็นคนที่เหนื่อยเองตุบ!วราลีเปิดประตูห้องออกมาในตอนสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ ตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นทิวากรนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้อง พอเปิดประตูตัวเขาที่หลับไม่รู้เรื่องก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่พื้น เมื่อคืนเธอไล่ให้เขากลับไป ก็คิดว่าเขากลับไปแล้ว…ไม่รู้เลยว่าที่แท้ชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบนี้“ลี…” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา พอเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ รีบคว้าถุงอะไรสักอย่างลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมันให้เธอ“อะไรคะ? แล้วทำไมคุณไม่กลับไปนอนที่บ้าน? มานั่งหลับอยู่หน้าห้องลีทำไม?”“ในถุงมีโจ๊กหมูพิเศษแบบใส่ไข่แล้วก็มีของกินสำหรับบำรุงครรภ์” ทิวากรเฝ้าวราลีตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปสั่งงานรสาตอนตีสอง บอกว่าอยากได้หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการดูแลแม่ตั้งครรภ์ สั่งตอนตีสอง! แล้วบอกว่าอยากได้ตอนตีสาม! เป็นงานที่ยากไม่น้อยแต่รสาก็หาให้จนได้ เขาเลยได้นั่งอ่านหนังสือรอเวลาหกโมงเช้า เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อโจ๊ก แต่ไม่คิดว่าวราลีจะออกจากห้องมาในตอนสิบเอ็ดโมง“ลีกินมื้อเช้าไปแล้วค่ะ นี่จะออกไปทำงาน แล้วนั่นหนังสืออะไร?” เห็นหนังสือวางอยู่ที่พื้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้“หนังสือความรู้เรื่องแม่ตั้งครรภ์ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าช่วงเ
ติ๊งต่อง!เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นมาในเวลาตีหนึ่งครึ่งทำเอาวราลีสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาแล้วออกไปที่ประตู ส่องตาแมวแล้วก็ได้เห็นว่ารปภ. ของคอนโดยืนอยู่ด้านหน้า“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เปิดประตูห้องออกมาถาม ทว่ากลับต้องชะงักงันเมื่อรปภ.หันไปมองทางด้านขวาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “คุณทิวากร?!”“ผมเอง…ผมรอคุณนานมาก ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่ากลับดึก ๆ มันอันตราย? ผมซื้อกวยจั๊บเจ้าที่คุณชอบมาด้วยนะ” ทิวากรจ้างให้รปภ. กดกริ่งให้ เพราะรู้ว่าถ้าเขากดเองไม่มีทางที่วราลีจะยอมเปิดประตู เขามารอเธอตั้งแต่สี่ทุ่ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับดึกขนาดนี้ แล้วที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มาจากพนักงานเสิร์ฟร้านนั่นแหละ“มาทำไมคะ? ใครบอกว่าลีอยากกินกวยจั๊บ?! กลับไปเถอะ!” วราลีทำท่าจะปิดประตูห้องใส่หน้าทิวากร ทว่าเขาเอาตัวเองเข้ามาแทรกไว้ได้ทันเวลา“อย่างน้อยก็ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อย! รอคุณนานมาก…ผมปวดฉี่จะราดแล้วลี”“ไม่! ไปเข้าที่อื่นสิ! ห้องน้ำยามก็มี!”“ไม่ครับ ผมไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครยกเว้นกับคุณ โอ๊ย! ฉี่จะราดแล้วลี…ขอผมเถอะนะ”“ไม่ได้! ออกไปนะ! บอกให้ออกไปไง!” ยังไงก็ให้เขาเข้าห้องน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ตรว