พราวรวีกำลังจะปิดร้านเครื่องเขียน ก็ได้รับสายจากณิชามนว่าวันนี้เพื่อนๆ นัดกันไปนั่งดื่มถือโอกาสจัดปาร์ตี้สละโสดให้กับเอวา เพราะอีกหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงงานแต่งงานของเธอแล้วเพื่อนๆ นัดกันหลายวันแล้วแต่เพราะมีเรื่องให้คิดเธอจึงลืมไปจนสนิท“พราวจะมาเองหรือให้นิไปรับ” เพราะรู้ว่าเพื่อนคออ่อนดื่มไม่กี่แก้วเมาแล้วจึงไม่อยากให้ขับรถไปเอง“ไม่ต้องมารับหรอก ไปเจอกันที่ร้านเลยส่งโลเคชั่นมาอีกทีนะ เดี๋ยวพราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน อาจจะถึงช้าหน่อย พอดีวันนี้มาขายของที่ร้าน”“ได้ๆ แต่ยังไงก็ต้องมานะพราว พวกเราไม่ได้เจอกันทั้งกลุ่มแบบนี้นานแล้ว”“ไปอยู่แล้วรวมกลุ่มกันทั้งทีพราวจะพลาดได้ยังไงว่าแต่ครั้งนี้วีวี่มาได้ใช่ไหมคิดถึงนางอะ”“มาได้สิ แต่อยู่ได้ไม่นานนะสามีนางหึง”“ถ้านางจะกลับนิถ่วงเวลาให้หน่อยนะไม่ได้เจอนานแล้วคิดถึงอยากเมาส์”“จ้ะ รีบมานะ”พราวรวีกลับมาถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีชุดที่เลือกสวมวันนี้เป็นสายเดี่ยวสีดำตัดกับผิวขาว ด้านหลังเป็นสายไขว้เว้าลงไปเกือบถึงบั้นท้าย ด้านหน้าก็คว้านลึกมีฟองน้ำในตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องสายบราให้ยุ่งยาก ผมมวยไว้แบบหลวมๆ ยิ่งใส่ส้นสูงสีแดงก็ดูเป็นสาวเ
กว่ากวีวัธน์จะพาพราวรวีเข้ามาในบ้านได้ก็แทบแย่หญิงสาวเมาเกินกว่าเดินเองได้ พอเข้ามาถึงในบ้านเธอก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา ในขณะที่เขาเดินกลับไปเอากระเป๋าในรถและล็อกประตูรั้วเขากลับเข้ามาอีกทีก็ตกใจทนแทบจะหงายหลังเมื่อคนที่คิดว่านอนอยู่บนโซฟายืนอยู่ตรงประตูพอดี“นึกว่าคุณวัธน์จะทิ้งไปพราวไปแล้ว ดีใจจังที่คุณกลับมา” หญิงสาวสวมกอดเขาแน่น ท่อนแขนเรียวคล้องไปบนลำคอแกร่ง ก่อนยืดตัวขึ้นมาจูบเขาจนแทบตั้งตัวไม่ทันจากที่คิดว่าคืนนี้จะไม่ทำอะไรเพราะเธอเมาความคิดก็ถูกครอบงำด้วยตัณหาอีกครั้ง ร่างนุ่มนิ่มบดเบียดจนอารมณ์ของเขาเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด“พราวครับ คุณเมาแล้วนะ”“เมาแล้วไง ครั้งแรกที่นอนด้วยกันก็เมาแบบนี้ ดีออกจะตาย” เสียงพูดยิ่งตอกย้ำว่าเธอเมามากแค่ไหน“พูดอะไรออกมาเนี่ย”“ก็พูดอย่างที่รู้สึก งายคะ หรือว่าคุณวัธน์ไม่อยากนอนกับพราว”มือที่คล้องอยู่บนลำคอเปลี่ยนมาลูบไปตามกล้ามหน้าท้อง แล้วเลื้อยต่ำลงไปยังเป้ากางเกงที่ตอนนี้มันตุงทนแทบจะปริ“ทำไม่ยั่วเก่งแบบนี้”“แล้วชอบไหม ชอบให้ยั่วหรือเปล่า”“ชอบสิ แต่คุณต้องทำแบบนี้กับผมคนเดียวนะพราว”เสียงพูดของคนโดนยั่วเริ่มขาดช่วงเพราะตอนนี้คนช่างยั่วปล
กว่าพราวรวีจะตื่นนอนก็เกือบจะเที่ยง เธอมองไปรอบห้องแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จำได้ว่าคุยกับกวีวัธน์อยู่ที่หน้าห้องน้ำที่บาร์แห่งหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับมาที่บ้านได้ยังไงแต่มองรอบๆ เตียงแล้วก็พอเดาออกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าตอนเมาเผลออะไรไปหรือเปล่า แต่ใครจะสนใจเมื่อเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับเขา ถึงจะพูดอะไรออกไปเขาก็คงไม่ใส่ใจเท่าไหร่หญิงสาวรีบเก็บกวาดห้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ส่งเข้าเครื่องจากนั้นเข้ามาอาบน้ำ พอส่องกระจกก็เห็นร่องรอยเต็มตัวไปหมด มันมากกว่าทุกครั้งและคงสวมเสื้อคอกว้างไม่ได้อีกหลายวันเธอรู้สึกระบมช่วงล่าง นึกโกรธที่ดื่มมากจนแทบไม่ได้สติ พราวรวีสัญญากับตัวเองแล้วว่าจากนี้จะดื่มจนขาดสติอีกเด็ดขาดการดื่มเหล้ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเลยแต่กลับเลวลงด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะดื่มจนเมาเธอคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้ ถ้าย้อนกลับไปได้เธอจะไม่ดื่มมันอีกอย่างแน่นอนขณะกำลังเบื่อสุดขีดก็ได้รับสายจากวีวี่ชวนไปลองชุดสำหรับเพื่อนเจ้าสาว พราวรวีรีบจัดการปกปิดร่องรอยตามตัวด้านหน้าจนแทบมองเห็น ส่วนด้านหลังก็ใช้รองพื้นแบบสเปรย์ที่ซื้อมาตั้งนานแล้วแต่เพิ่
พราวรวีกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีกครั้ง ตื่นเข้าออกกำลังกาย หาอะไรรองท้องตอนเช้านิดหน่อย กลางวันและเย็นก็สั่งอาหารมาทานอย่างเคยรู้สึกใจหายที่มองไปรอบบ้านก็ไม่เห็นเงาของใครอีก ความว่างเปล่าคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด เขาจากไปแล้วคู่นอนที่เธออยากให้มาเป็นคู่ชีวิตได้จากไปแล้วเธอทนอยู่ที่บ้านหลังเดิมได้เพียงแค่สองวันเพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพผู้ชายตัวโตตามหลอกหลอนพอดีว่าห้องที่หอพักว่างพราวรวีจึงย้ายไปอยู่ที่นั่น การเปลี่ยนสถานที่คงจะทำให้ลืมเขาได้ง่ายขึ้น“คุณพราวจะอยู่ยาวถึงเปิดเทอมเลยก็ได้นะคะ” น้าแก้วตาที่มาช่วยเธอจัดของใช้ดีใจที่เจ้าของหอจะมาพักอยู่ด้วยเพราะเธอจะได้มีเพื่อนคุย“พราวก็ยังไม่แน่ใจค่ะ ว่าจะอยู่นานไหม พอดีข้างบ้านกำลังก่อสร้างค่ะ เสียงมันดังพราวเลยไม่มีสมาธิเท่าไหร่”“มาอยู่ที่นี่ถูกแล้วค่ะ ที่นี่กลางวันเงียบมากเลย เด็กบางคนก็กลับบ้านกัน”“มีห้องไหนที่ย้ายออกเลยไหมคะน้าแก้ว”“มีห้องที่คุณพราวอยู่กับอีกห้องชั้นบนค่ะ เรียนจบแล้วก็เลยย้ายออก ชั้นสองกับชั้นสามเป็นคนทำงานเลยอยู่เต็มเหมือนเดิมค่ะ”“ห้องที่เป็นนักเรียนก็ไปๆ มาๆ ค่ะเพราะบางคนก็มาเรียนพิเศษบางคนก็ขี้เกียจกลับไปฟ
ประตูห้องที่กำลังจะปิดถูกฝ่ามือใหญ่ดันตามเข้ามาพร้อมกับร่างที่คุ้นเคย“คุณวัธน์ เข้ามาได้ยังไงออกไปนะ” พราวรวีพยายามดันตัวเขาออกไปจากห้อง“ออกไปแน่แต่คุณต้องไปกับผม”“ฉันไม่ไปและก็ไม่ต้องมาบังคับ”“ไม่ได้บังคับ แต่จะขอร้อง ออกไปกับผมนะ”“ทำไมฉันต้องทำตามที่คุณขอด้วย ฉันไม่ใช้ทาสของคุณ”“ผมรู้ ผมแค่อยากคุยด้วย”“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย เราจบกันแล้วคุณไม่ควรมาเจอฉันอีก รีบกลับไปเถอะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็น”“ทำไม กลัวตัวเองขายไม่ออกเหรอ”“มันเรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง”“ถ้าไม่กับผม ผมก็จะเข้าไป อยากจะรู้จักไอ้คู่นอนที่คุณมากับมันจะทำหน้ายังไงถ้าเห็นคุณกับผมกำลังสนุกกันอยู่บนเตียง”คนตัวโตเดินเข้ามาประชิด หญิงสาวถอยกรูดจนตัวชนกับผนังอีกด้าน ใจเธอเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน“ถ้าคุณไม่ออกไปฉันจะเรียกรปภ.”“เอาสิ คนเขาจะได้รู้ว่าคุณกับผม เราเป็นอะไรกัน”“ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ”“หึ ยังจะปากแข็งอีก” เขาหัวเราะในลำคอสายตามองเธออย่างเหยียดหยาม“ฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย ผู้หญิงสำส่อนแล้วคุณจะมาสนใจฉันทำไม จะตามมาทำไม หรือผู้หญิงที่คุณพามาด้วยมันไม่ถึงใจคุณกันล่ะ”“คุณกำลังหึงผมอยู่ใช่ไหมพราว”“ฉัน
ตั้งแต่คืนนั้นพราวรวีก็ไม่เจอกับกวีวัธน์อีกเลย เธอบล็อกทุกช่องทางการติดต่อเพราะอยากลืมเขาให้เร็วที่สุดวันนี้เธอมาที่สำนักพิมพ์อีกครั้งเพื่อพบกับพี่ญาดาเพราะอยากจะคุยกับเธอถึงนิยายเรื่องต่อไป“ทำไมล่ะพราว เรื่องล่าสุดที่พราวแก้ไขมันดีมากเลยนะ ดีจนพี่คิดว่าที่ผ่านมาพราวมีความรัก”“ไม่มีหรอกค่ะ พราวก็แค่เจอคนมากขึ้น ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนอื่นมากขึ้น”“นั่นสิ พี่เห็นแฟนเพจมีคนติดตามพราวเยอะเลย แล้วทำไม่เรื่องต่อไปถึงจะเปลี่ยนแนวล่ะ”“พี่ดาจำวีวี่ได้ไหมคะ”“จำได้สิ เพื่อนสนิทพราวนี่ ถามทำไมมีอะไรหรือเปล่า”“วีวี่อยากเป็นนางเอกนิยายสักเรื่องพราวเลยจะคิดว่าจะลองแต่งแนววายบ้าง”“เอาแน่เหรอพราว เรื่องนี้ข้อมูลมันค่อนข้างละเอียดและเปราะบาง พราวจะถามใครได้”“ก็พราวมีวีวี่นี่คะ”“คนเดียวมันจะพอที่ไหนล่ะ”“แต่พราวสัญญากับเพื่อนไว้แล้วค่ะ เขามีเพื่อนทำงานที่บาร์โฮสต์อยู่หลายคน คงพอหาข้อมูลได้บ้าง”“พี่ไม่เห็นด้วยเลย งานด้านนี้กำลังไปได้สวย”“พราวไม่ได้ทิ้งนะคะ แค่จะเขียนคู่กันไปที่ปรึกษาพี่ดาก็เพราะสำนักพิมพ์ของเราไม่รับนิยายแนวนี้เลย พราวก็เลยจะถามว่าจะเป็นอะไรไหมถ้าพราวจะส่งเรื่องให้ที่อื่
กวีวัธน์มองตามร่างระหงที่คุ้นเคยไปจนสุดสายตา เขายังคงลืมพราวรวีไม่ได้เลยสักนิด แม้เวลาจะผ่านเกือบหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม ทุกอย่างยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำไม่คิดมาก่อนว่าคนที่ตัวเองให้สถานะแค่คู่นอนจะมีอิทธิพลกับหัวใจได้มากขนาดนี้“พี่วัธน์ขา เนยเลือกไม่ถูกเลยค่ะพี่วัธน์ช่วยเนยเลือกหน่อยได้ไหมคะ” ณัฐณิชายื่นกระเป๋าหรูรุ่นใหม่ล่าสุดให้กับคนชำระเงินช่วยเลือก“เลือกไม่ถูกก็ซื้อสองใบเลยสิครับ” กวีวัธน์ไม่ชอบเลยที่ต้องมาช้อปปิ้งกับผู้หญิงแบบนี้ แต่เพราะณัฐณิชาเป็นลูกสาวของรุ่นน้องมารดาเขาจึงปฏิเสธไม่ลงใช่ว่าจะไม่รู้ว่าตอนนี้มารดากำลังจะจับคู่เข้ากับผู้หญิงคนนี้ เขายอมตามใจมารดา ด้วยการพาเธอออกมาทานข้าว มาเดินซื้อของ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแต่งงานอย่างที่ท่านคาดหวังแต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสเลยดีเดียว เขาจะให้โอกาสณัฐณิชาเข้ามาในชีวิต แต่เธอก็ต้องทำให้เขามั่นใจว่าจะไม่ถูกหักหลังอีกและที่สำคัญที่สุดต้องทำให้เขาลืมพราวรวีได้“พี่วัธน์ใจดีที่สุดเลยค่ะ” ณัฐณิชารีบให้พนักงานนำกระเป๋าท้องสองใบใส่กล่อง แล้วมอบหน้าที่ชำระเงินให้กับชายหนุ่มตัวโตที่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างๆ“กลับกันเลยไหมครับ” ตอนนี้สอง
กวีวัธน์กลายเป็นคนติดโซเชียลไปแล้ว ทุกครั้งที่มีเวลาว่างเขาจะเข้าไปติดตามความเคลื่อนไหวของพราวรวีทั้งเพจและหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวแค่เห็นว่าเธออัปเดตรูปกาแฟสองแก้วเขาก็รู้สึกราวกับคนอกหัก อยากรู้ว่าเธอไปกับใคร ตอนนี้เขายอมรับอย่างไม่อายเลยว่าตัวเองกำลังหึงพราวรวี อิจฉาเธอที่มีความสุขในขณะที่ตัวเขาเองนั้นยังต้องทนทุกข์กับความรู้สึกของตัวเองอยู่แบบนี้และเขาก็ไม่ใช่คนดีที่จะยอมเจ็บอยู่คนเดียว เขาไม่มีความสุขเธอก็ไม่ควรจะมีความสุข ไม่ว่าจะกับผู้ชายคนไหนก็ตามเมื่อเช็กกับเลขาแล้วว่าบ่ายนี้ไม่มีงานด่วนอะไร เขาจึงออกจากบริษัทตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานชายหนุ่มรู้ว่าร้านที่พราวรวีไปดื่มกาแฟนั้นอยู่ที่ไหนเพราะเธอกับเคยไปด้วยกันอยู่หลายครั้งเขาให้รปภ. เรียกวินมอเตอร์ไซด์เพราะกลัวจะไปไม่ทันพราวรวีใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงร้านกาแฟเล็กๆ เขาชำระเงินค่าเงินแล้วเดินเข้าไปโดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้สภาพของตัวเองนั้นมันดูแย่มากแค่ไหน ทั้งควันจากท่อไอเสีย และอากาศที่ร้อนระอุพอเปิดประตูเข้าไปลมเย็นจากเครื่องรับอากาศทำให้รู้สึกดีขึ้น เอามองไปยังมุมในสุดที่พราวรวีมักจะเลือกนั่ง เห็นเธอกำลังคุยกับผู้ชายคนหนึ
คุณอนงค์รีบเข้ามายังบริษัทหลังจากมีคนส่งข่าวว่าวันนี้กวีวัธน์เข้ามาทำงานและกำลังร่วมประชุมวางแผนสำหรับโครงการใหญ่ที่บริษัทกำลังยื่นซองประมูล“คิดถึงผมเหรอครับแม่” ชายหนุ่มทักทายมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขก“ใครจะคิดถึงลูกไม่รักดีกัน”“อ้าว แล้วมาทำไมครับ”“ก็จะมาดูว่าแกมาทำงานหรือเปล่า”“วันนี้ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะพราวขอร้อง แต่แม่อย่าลืมขอตกลงที่ให้กับเธอนะครับ”“ทวงจริงเลยนะกลัวไม่ได้แต่งหรือยังไง”“คนที่กลัวไม่ได้แต่งคือผมครับไม่ใช่พราว”“เชอะ เบื่อพวกหลงผิด”“แม่ครับ ผมว่าแม่ยอมให้เราแต่งงานกันเถอะห้ามเราเลย ถ้าไม่อย่างนั้นผมกับพราวคง...”“จะทำอะไรอีก แม่ก็ยอมแล้วไง”“ผมไม่แน่ใจว่าแม่จะยอมจริงไหม ถ้าแม่ประกาศว่าเราสองคนจะแต่งงานกันในงานวันเกิดคุณแม่ที่จะถึงในสัปดาห์หน้าผมถึงจะเชื่อครับ”“อย่ามาบังคับแม่นะ”“ผมไม่ได้บังคับ ผมแค่อยากให้มาทำตามสัญญา วันประมูลโครงการสร้างศูนย์ราชการที่ผมเพิ่งประชุมไปเมื่อกี้คือหลังวันเกิดคุณแม่สองวันนะครับ แล้วตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดก็อยู่ในมือผม”“นี่แกกล้าขู่แม่”“เปล่าครับ ผมแค่ทวงสัญญาเท่านั้น แม่ครับ คนที่จะแต่งงานและอยู่กับพราวคือผมนะครับ คนอื่นก
คุณอนงค์กลับมาถึงบ้านก็เด็กรับใช้ช่วยยกหนังสือทั้งหมดเขาไปในห้องหนังสือ เธอสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งระหว่างที่เธอกำลังอ่านหนังสือหญิงสูงวัยอ่านหนังสือไปได้เพียงไม่กี่หน้าก็ต้องรีบวางเพราะเนื้อหาส่วนใหญ่มันเกินกว่าที่เธอคิดไว้จากที่คิดจะเปิดใจให้กับว่าที่ลูกสะใภ้ก็ต้องเปลี่ยนใจ เธอเชื่อว่าคนที่เขียนแบบนี้ได้ก็คงผ่านประสบการณ์เรื่องแบบนั้นมาอย่างโชกโชนและด้วยเหตุผลนี้กวีวัธน์ถึงได้หลงผู้หญิงคนนี้อย่างหัวปักหัวปำเรื่องนี้คงต้องเรียกลูกชายมาคุยอีกครั้ง เธอจะไม่บังคับให้เขาแต่งงานกับณัฐณิชา แต่ก็ไม่ยอมให้แต่งงานกับพราวรวีเพราะอับอายเกินกว่าจะมีลูกสะใภ้จัดจ้านแบบนั้นกวีวัธน์พาคนรักมาทานอาหารเย็นที่บ้านของมารดาตามคำชวน วันนี้พี่ชาย พี่สะใภ้และหลานสาวทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงค่อนข้างเงียบและดุอึดอัดกว่าทุกครั้งหลังทานอาหารท่านเรียกให้ทั้งสองคนเข้ามาที่ห้องหนังสือ พราวรวีมองกองหนังสือบนโต๊ะแล้วก็หน้าซีด เธอไม่คิดว่ามารดาของคนรักจะอ่านหนังสือของตัวเอง“แม่มีอะไรจะคุยกับเราเหรอครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย เพราะวันนี้ดูท่าทางมารดาของตนเองเครียดอยู่ไม่น้อย“เรื่องแต่งงาน”“ค
คำว่ารอบเดียวไม่เคยมีจริงสำหรับคู่รักที่เร่าร้อนทั้งสองคน กว่าสงครามตัณหาจะสงบก็เกือบจะเที่ยง“เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมครับ แล้วพี่ค่อยไปส่งพราว”“ได้ค่ะ”ทั้งสองคนมาร้านอาหารที่อยู่ระหว่างทางกลับบ้าน นั่งทานจนอิ่มขณะกำลังจะออกจากร้านชายหนุ่มก็รับโทรศัพท์จากเลขาแจ้งว่ามีเอกสารเร่งด่วนที่ต้องรีบเข้าไปเซ็น“พราวนั่งแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วง”“ตรงนี้แท็กซี่ไม่ค่อยผ่าน ถึงจะเรียกรถจากแอปก็คงต้องรออีกหลายนาที พี่ว่าพราวไปกับพี่ก่อนได้ไหม พอถึงบริษัทแล้วก็เอารถพี่กลับบ้านก็ได้”หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องกังวลจึงยอมตามไปที่บริษัทด้วย“ไหนๆ ก็มาถึงแล้วขึ้นไปข้างบนหน่อยไหม”“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ยังต้องทำงาน”“พี่ชักน้อยใจแล้วนะครับทำไมพราวทำเหมือนไม่อยากไปไหนกับพี่ ไม่อยากเข้ามาในโลกของพี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็แค่ไม่อยากกวนเวลางาน”“ไม่ได้กวนอะไรเลย นะครับที่รักขึ้นไปด้วยกันนะ”แล้วเขาก็ทำให้พราวรวีใจอ่อนยอมเดินตามเขาไปในบริษัทพราวรวีเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตอนนั้นเธอมาในฐานะล่าม แต่ครั้งนี้มันเปลี่ยนไปเพราะกวีวัธน์จับมือเธอไปตลอดทาง หญิงสาวจึงกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนอย่างเลี
กวีวัธน์อุ้มคนรักเข้ามาในบ้านที่มืดสนิท เขาวางเธอลงบนโซฟาเพราะตอนนี้เขาเองก็เหนื่อยจนเดินต่อไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองไม่ไหวรอจนเริ่มดีขึ้นก็เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาส่งให้คนรัก ในขณะที่ร่างกายยังเปลือยเปล่าอากาศเย็นจากฝนที่ตกอย่างหนักทำให้พราวรวีเริ่มหนาว ยิ่งได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปเธอก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว“พี่วัธน์คะ พราวหนาว เราขึ้นข้างบนกับเธอค่ะ”“เดินไหวแน่นะครับ ให้พี่อุ้มไหม”“ไหวค่ะ”“มองเห็นไหมให้พี่เปิดไฟดีหรือเปล่า”“ไม่ต้องค่ะ” หญิงสาวรีบร้องห้ามเพราะตอนนี้เธอกับเขาต่างไม่มีเสื้อผ้าด้วยกันทั้งคู่“เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาเสื้อคลุมมาให้พราวนอนรอตรงนี้ก่อนนะครับ”“พี่วัธน์ พราวไม่อยากอยู่คนเดียว” เธอขยับเข้าใกล้จนความนุ่มหยุ่นสัมผัสกับท่อนแขนของอีกคน“ขอโทษครับ พี่ลืมว่าพราวไม่ค่อยชอบความืด พี่มีวิธีคลายหนาว”กวีวัธน์พลิกให้พราวรวีขึ้นมานั่งบนตัก ร่างที่เปลือยเปล่าแนบชิดอีกครั้ง ท่อนเอ็นร้อนขยายตัวทีละนิดจนพราวรวีรู้สึกว่ามันกำลังดันบั้นท้ายของเธอ“พี่วัธน์ นี่ห้องรับแขก”“จะกลัวอะไรล่ะครับ บ้านของเรามีแค่เรา ในโรงรถก็เคยมาแล้ว”“พี่วัธน์จะหื่นไปถึงเมื่อไหร่”“หื่นจนกว่า
เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะดูหนังเรื่องไหนพราวรวีก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็ถึงเวลาที่ต้องเข้าไปในโรงหนังพอดี“ทำไมไม่ดูโรงธรรมดาค่ะ”พราวรวีบอกคนข้างที่เลือกโรงหนังแบบวีไอพีซึ่งทีที่นั่งแบบโซฟาตัวโตที่ปรับเอนได้ถึง 180 องศาเพราะเธอคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช้เหตุ“พี่อยากนั่งแบบสบายๆ นี่ครับ” กวีวัธน์รีบบอกอากาศในโรงหนังค่อนข้างเย็นพราวรวีไม่ได้เตรียมเสื้อคลุมมาด้วยจึงได้แต่นั่งกอดแขนตัวเองเพราะความหนาวกวีวัธน์เลยถอดเสื้อตัวนอกมาคลุม ให้และจับมือเธอส่งผ่านไออุ่นจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเพราะเป็นหนังรักโรแมนติก พระนางของเรื่องจึงแสดงความรักต่อกันมากกว่าปกติ มือที่จับอยู่กระชับแน่นมากขึ้น เขาอยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงพอบีบมือเธอแน่นขึ้นหญิงสาวก็หันมามองหน้าเขา เธอขยับเข้าใกล้ก่อนกระซิบเบาๆ“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“พราวพี่อยากจูบ” เขากระซิบกลับ“นี่มันในโรงหนังนะคะ”“พี่รู้ แต่แถวที่เรานั่งไม่มีใครเลย ข้างหลังก็ไม่มี นะครับขอจูบนิดเดียว”“แต่ อื้ม”เสียงค้านถูกกลืนหายไปเมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ลิ้นสอดเข้ามาหยอกล้อ พราวรวีตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ พอจูบจนหนำใจเขาก็ป
กวีวัธน์รีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวรวีหลังจากที่มารดาของตนเองกลับไปได้ไม่นาน“พี่วัธน์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน“คิดถึงครับ” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเธอที่หน้าโซฟา พิงศีรษะลงบนไหล่ แขนโอบเอวบางพลางหอมแก้มคนรักอีกฟอดใหญ่“บอกพราวมาเถอะค่ะ เรื่องคุณแม่ใช่ไหมคะ”“ครับ”“ทะเลาะกับท่านมาหรือเปล่า พราวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่กับแม่มีปัญหากัน”“ขอโทษทำไมครับ พี่กับแม่เข้าใจกันดีแล้ว”“จริงเหรอคะ” หญิงสาวดีใจที่ได้ยินแบบนั้น“จริงสิครับ พี่ถึงรีบกลับมาบอกข่าวดีกับพราวไง”“โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นจะต้องเสียเวลามาเลยนี่ค่ะ”“ไม่เสียเวลาเลยพี่จะมารับพราวออกไปข้างนอกด้วยกัน”“ไปไหนคะ”“ไม่พาไปขายหรอกครับ”“รอแป๊บนะคะ พราวขอไปเปลี่ยนชุดก่อน ใส่กางเกงยีนได้ไหมคะ” เพราะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนเธอจึงต้องถาม อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่จะไปเจอหรือสถานที่“แต่งตัวตามสบายครับ” กวีวัธน์มองคนรักที่เดินหายเข้าไปในห้องนอนด้วยสายตารักใคร่ เขาไม่เคยรักใครมากเท่าพราวรวีมาก่อน แม้กระทั่งพรลภัสเขาไม่ได้รับมากขนาดนี้ ชายหนุ่มแอบขอบคุณอดีตคนรักที่ทิ้งเขาไปในวันนี้ เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับพร
เช้าวันรุ่งขึ้นกวีวัธน์ก็ไปทำงานตั้งแต่เช้าเหมือนเคย เขานั่งทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมงประตูห้องก็เปิดออกทั้งที่ยังไม่ได้ยินเสียงเคาะ“แม่ มาได้ยังไงครับ แล้วมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาแต่เช้าแบบนี้“แม่ว่าเราต้องคุยกันนะวัธน์”“เรื่องอะไรครับ ค่อยคุยกันตอนเย็นได้ไหม ผมว่าจะพาพราวไปทานข้าวที่บ้านพอดีเลย”“แม่ถามเลขาแล้ว เช้านี้เราไม่มีงานด่วนอะไรทั้งนั้น” คุณอนงค์รู้ว่าลูกชายจะต้องเอางานมาอ้างเธอจึงถามเลขาก่อนจะเข้ามาพบเขา“แม่ครับ”“ไปโรงพยาบาลกับแม่เดี๋ยวนี้เลยนะ”“แม่ไม่สบายเหรอครับ” เขาวางแฟ้มในมือแล้วรับเดินเข้ามาหามารดาที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานอย่างร้อนใจ“เปล่า แม่จะพาเราไปหาหมอ ไปตรวจให้แน่จะว่าเป็นอย่างที่หนูเนยพูดหรือเปล่า”“น้องเนยไปพูดอะไรกับแม่ล่ะครับ”“น้องบอกว่าลูกเสื่อมสมรรถภาพ มันไม่จริงใช่ไหมวัธน์” สีหน้าเธอดูหนักใจอย่างเห็นได้ชัด“แม่ครับ ผมว่าเรานั่งคุยกันก่อนดีกว่าไหม” เขาพามารดามานั่งยังมุมรับแขกที่อยู่ในห้องทำงานกวีวัธน์บอกมารดาว่าสิ่งที่ญัฐณิชาพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด“ไปหาหมอกันดีไหม รีบรักษาเผื่อมันจะหายนะ แม่อยากอุ้มหลาน”“แม่ก็มีน้องแพรกับน้องไหมแล้วนี่ค
ขณะที่พราวรวีนั่งกระวนกระวายอยู่นั้นณัฐณิชาก็เดินกลับเข้ามายังโซฟาที่พวกเธอนั่งอยู่“คุณเนยหายเมาแล้วเหรอครับ” ภากรถามพลางยกแก้วขึ้นดื่มปิดบังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่“ค่ะ เนยขอตัวก่อนนะคะ”“จะกลับยังไงครับ ไม่รอไอ้วัธน์ก่อนเหรอ” อิศเรศถามบ้าง“ไม่ละค่ะ ลาก่อนนะคะ”หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าถือของตัวเองแล้วสะบัดหน้า ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากำลังหนีอะไรบางอย่างพอเธอออกไปได้ไม่นานกวีวัธน์ก็เดินกลับเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มอย่างผู้ชนะ เขานั่งลงข้างพราวรวีดึงคนรักให้เขามานั่งชิดแขนแกร่งโอบลงบนไหล่เปลือยเปล่า“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่วัธน์ พี่ทำอะไรเธอหรือเปล่า” พราวรวีถามอยากไม่ไว้ใจเพราะทั้งสองหายไปด้วยกัน แต่อีกกลับมาก่อนและรีบกลับด้วยท่าทางที่รีบร้อนจนเห็นได้ชัด“นั่นสิ ดูเธออารมณ์เสียมากเลยนะ บอกว่าเมาแต่เดินตัวตรงเชียว” ฐากูรอดขำกับท่าทางของณัฐณิชาที่ตอนแรกเมาจนต้องให้เพื่อนของเขาประคอง แต่พอกลับมาอีกทีดูยังไงก็ไม่เหมือนคนเมาเลยสักนิด“พวกมึงก็น่าจะเดาออกนะ” กวีวัธน์หันมาตอบเพื่อน“อย่าบอกนะว่ามันไม่ขัน” ภากรมองเพื่อนแล้วทำสีหน้าตกใจ“อือ” กวีวัธน์พยักหน้าพลางหัวเราะร่วน นึกไม่ถึงว่
กวีวัธน์กับณัฐณิชาสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม เขามักจะพาเธอไปช้อปปิง ไปทานอาหารอยู่หลายครั้ง จนหญิงสาวคิดว่ายังไงเสียชายหนุ่มก็คงต้องยอมหมั้นกับเธออย่างแน่นอนมีคนบอกณัฐณิชาว่ากวีวัธน์มีผู้หญิงอีกคนซ่อนอยู่ที่บ้าน แต่พอเธอมาที่บ้านของเขา ก็ไม่เจอใครเลยนอกจากป้าอุ่นเท่านั้น เธอจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่ากวีวัธน์มีเธอเพียงแค่คนเดียวแม้จะออกไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งแต่เธอกับเขาก็ยังไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง กวีวัธน์อยากรอเวลาอีกนิดเพื่อจะทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้“พี่วัธน์ขา ทำไมต้องสนิทกันขนาดนั้นด้วยล่ะคะ”พราวรวีไม่ค่อยสบายใจที่เห็นคนรักทำตัวสนิทสนมกับคนที่มารดาจะให้แต่งงานด้วย แม้จะมั่นใจว่าเขารักเธอแต่การใกล้ชิดกันก็อาจทำหลงลืมตัวได้“อย่ากลัวเลยครับ พี่กำลังทำตามแผนอยู่”“นานเป็นเดือนแล้วนะคะ พราวไม่เห็นว่าน้องเนยจะถอยห่างจากพี่เลย”“ที่รักหึงเหรอครับ”“ถ้าพราวไปสนิทกับผู้ชายแบบนั้นบ้างพี่จะหึงไหมล่ะคะ”“ไม่หึงครับ”“พี่วัธน์” พราวรวีหน้าบึ้งเมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มรีบเข้ามากอดประจบก่อนจะพูดต่อ“ที่บอกไม่หึงเพราะพี่ไม่มีทางยอมให้พราวของพี่ไปสนิทกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น”“แต่พี่ก็ยอมให้พราวอ