ผู้บริหารหนุ่มหล่อแห่งราชเวคิน กรุ๊ปที่เพิ่งรับหน้าที่แทนพี่ชายคนโตถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเพื่อนของเจ้าตัวโทร.มา เขารับสายอย่างงงๆ และยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำถาม
“เด็กคนนั้นเป็นใคร? ใช่หลานของกันต์หรือเปล่า เมื่อกี้พี่โทร.ไปหาธีร์ แต่ธีร์ไม่รับสายของพี่เลย”“พี่แพทถามถึงเด็กที่ไหนครับ”“รูปถ่ายของเด็กที่ธีร์โพสต์ลงในไอจีไง”ชนกันต์วางมือจากงาน แล้วเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันอินสตาแกรม เมื่อเห็นรูปที่พี่ชายโพสต์ลงไป เขาก็แทบหงายหลังตกเก้าอี้“เฮ้ย!”“มีอะไรหรือกันต์ ทำไมร้องเสียงดัง กันต์ตกใจอะไร สรุปว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของธีร์ใช่ไหม”“พี่แพทรู้เรื่องหลานแล้วใช่ไหม”“พี่พอจะรู้มาบ้าง แต่พี่ไม่เคยเห็นหลานว่าหน้าตาเป็นยังไง สรุปว่าเด็กคนนี้ก็คือหลานชายของกันต์ใช่ไหม หน้าคล้ายธีร์มาก คิ้วเข้ม ผมดกดำ จมูกโด่ง หางตาเรียวรี ไม่รู้ว่าถ้าลืมตาตื่นมาแล้วจะเหมือนธีร์มากแค่ไหน”“ใช่ครับ เด็กคนนี้เป็นหลานของผม แต่ผมว่าหน้าตาคล้ายแม่ของแกมากกว่า”รูปถ่ายของเด็กชายตัวกลมที่ถูกโพสต์ขึ้นบนไอจีของธีทัตทำให้เพื่อนของเขาฟันธงไปในทางเดียวกันว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาเอง แทบไม่มีใครสงสัยว่าเด็กชายอาจเป็นใครอื่น พวกเขาแค่ประหลาดใจว่าทำไมธีทัตถึงปิดเรื่องนี้ไว้เงียบกริบจนไม่มีใครรู้เลยคงมีเพียงแพทริเซียที่พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ซึ่งเธอไม่ได้บอกให้ใครรู้เกี่ยวกับครอบครัวนี้ เธอสมัครใจที่จะปิดปากเงียบเอาไว้“แพทว่าการที่ธีร์โพสต์รูปถ่ายของลูกลงไอจี เขาคงต้องการประกาศว่าเขาพร้อมจะเอาลูกและเมียคืน...แพทไม่ยุ่งเรื่องนี้ดีกว่า แพทกลัวจะทำให้ธีร์เสียเรื่อง”แพทริเซียเปรยขึ้นมาขณะนั่งอยู่ในห้องพักผ่อนกับสามี ซึ่งคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับซีรีส์จีนบนหน้าจอโทรทัศน์ถึงกับหันมามองภรรยาคนสวย“ไม่มีใครแย่งลูกเมียของเขาไปเลยนะ มีแต่เขาที่ทิ้งเมียไปโดยไม่รู้ว่าเธอกำลังท้อง วันดีคืนดีพอได้เจอหน้าเมียกับลูก เขาก็แสดงความเป็นเจ้าของว่าตัวเองเป็นพ่อของเด็กคนนี้...เพื่อนของคุณเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ”“แหม! คุณป๊อบคะ คนเราทำผิดพลาดกันได้นะ”“ไม่รู้ละ ถ้าใครมาทำกับลูกสาวของผมเหม
“นมน้องพร้อมจะหมดแล้ว”ชีวาพรเปรยกับพี่เลี้ยงของลูก...นมผงของลูกกินได้อีกสักสามวันก็จะหมดกระป๋อง เธอกำลังคิดว่าควรออกไปซื้อมาตุนไว้ให้เรียบร้อย เธอตั้งใจจะฝากลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่กลับได้ยินเสียงห้าวทุ้มดังแทรกเข้ามาเสียก่อน“งั้นออกไปซื้อนมให้ลูกด้วยกัน พี่กำลังจะชวนกวางไปซื้อของสดเข้าบ้านพอดี”ชีวาพรหันไปมอง พลันต้องเบิกตาโตกับภาพตรงหน้า...น้องพร้อมอยู่ในเป้อุ้มเด็กที่ธีทัตกำลังอุ้ม ลูกหันหน้ามาทางเธอ เธอจึงเห็นว่าหน้าตาของลูกผุดผ่อง แถมลูกยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว“คุณอาบน้ำให้ลูกเหรอ แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกด้วย...กวางยังไม่ได้บอกให้คุณทำ”ไม่ได้ดีใจหรือปลื้มใจ แต่ชีวาพรกลัวว่าคนไม่เคยเลี้ยงลูกอย่างเขา จู่ๆ มาจับลูกของเธอเป็นหนูทดลอง ถ้าเกิดเขาทำพลาดพลั้ง แล้วลูกเป็นอะไรขึ้นมา...เธอรับไม่ได้“กวางเป็นอะไร ทำไมต้องเสียงดัง พี่ไม่ได้อาบน้ำให้ลูก พี่แค่เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าให้ลูก เพราะมีคราบนมติดบนแก้ม ส่วนเสื้อผ้า พี่ก็ให้พี่กบช่วยเปลี่ยนให้”พอรู้คำตอบ ชีวาพรก็รู
รถสปอร์ตคันสีดำแล่นไปจอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งอยู่ชานเมืองซึ่งวางขายสินค้าคุณภาพดี ธีทัตเลือกที่แห่งนี้เพราะผู้คนไม่พลุกพล่าน เขาไม่อยากให้น้องพร้อมต้องเข้ามาอยู่ในสถานที่แออัด เพราะลูกยังมีภูมิต้านทานต่ำ ลูกจะติดเชื้อโรคได้ง่ายแล้วอาจไม่สบายได้“ไปซื้อนมให้ลูกก่อน”ธีทัตบอกขณะเดินขนาบข้างหญิงสาวโดยไม่ยอมห่าง คนที่อุ้มลูกน้อยไว้แนบอกพยายามถอยจากเขาอยู่หลายหน แต่เขาก็ยังเดินตามมาประชิดตัว จนเธอต้องข่มใจเอาไว้...ที่ตั้งกว้าง คนก็ไม่เยอะ แต่เขามาเดินเบียดเราอยู่ได้ชีวาพรดึงรถเข็นออกมาใช้ ท่าทางทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะเธอกำลังอุ้มลูกอยู่ด้วย ลูกของเธอตัวเล็กเสียเมื่อไรกัน จนชายหนุ่มทนมองไม่ไหว“ส่งลูกมาเถอะ”“ไม่ต้อง กวางอุ้มลูกเอง”“กวางเข็นรถเข็น”“งั้นคุณเอารถเข็นไปก็แล้วกัน”“พี่เข็นรถเข็นให้กวางได้ แต่กวางส่งลูกมาให้พี่ด้วย กวางต้องเดินซื้อของ แล้วจะอุ้มลูกให้เหนื่อยทำไม ดูแขนขาของลูกเสียก่อน อวบล่ำขนาดนี้ เหมือนเดินแบกก้อนหินทั้งก้อน”อยากทุบเขาให้เจ็บ
เมื่อลูกได้อยู่ในอ้อมแขน ธีทัตก็อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ เขาเพียรกอดและหอมเจ้าตัวกลมอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่เคยรู้เลยว่าคนเราสามารถรักและพร้อมที่จะทุ่มเทให้คนคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเงื่อนไขและพร้อมจะให้จนหมดทั้งตัวดวงตาคมทอดมองดวงหน้าเล็กกลม ในจังหวะที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นไปมองพ่อ ดวงตาสองคู่ประสานกัน พลันเกิดเงาแวววาวขึ้นในนัยน์ตาของคนเป็นพ่อ...ภาพอบอุ่นและงดงามระหว่างสองพ่อลูกอยู่ในสายตาของผู้คนที่มาซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต ธีทัตอุ้มลูกไปยืนรอแม่อยู่ใกล้ประตูทางออก ซึ่งบริเวณนี้นานๆ ถึงจะมีคนเดินผ่าน ทั้งสองคนจึงดูโดดเด่นและกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยายชีวาพรรวมอยู่ในกลุ่มคนที่หันไปมองสองพ่อลูก ภาพนั้นสะกดสายตาของเธอ น้องพร้อมตัวเล็กนิดเดียวเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของธีทัต ลำแขนล่ำสันของเขาโอบอุ้มลูกเอาไว้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย เธอมองแล้วจึงเข้าใจว่าทำไมลูกถึงชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขาหญิงสาวทอดมองภาพนั้นนิ่งนานเกือบนาที ก่อนเธอจะถอนสายตากลับมาเมื่อนึกถึงความจริงบางอย่าง...ธีทัตไม่ได้รักเธอ...ก่อนที่เขาจะมาแต่งงานกับเธอ เขาเคยคบหากับนาตาลีมาก่อน
การเชิญธีทัตให้ออกไปจากบ้านนั้นเป็นเรื่องยากแสนยากหลังจากที่เขาแย่งทำหน้าที่ป้อนข้าวมื้อเย็นให้ลูกไปจากเธอ พอถึงอาหารมื้อเย็นของผู้ใหญ่ เขายังเจ้ากี้เจ้าการสั่งพี่เลี้ยงที่กำลังช่วยเธอทำอาหารให้ตั้งโต๊ะไว้สองที่...สำหรับเธอและตัวเขาเอง“พี่กบกินมื้อเย็นแล้วใช่ไหม ไปดูแลน้องพร้อมได้แล้ว”เขาสั่ง ทั้งที่เพิ่งบอกว่ายกพี่เลี้ยงของลูกให้เป็นคนของเธอ ซึ่งพี่เลี้ยงก็ทำตามคำสั่งเขาแต่โดยดี ชีวาพรจึงได้แต่มองตามหลัง แล้วตวัดสายตามามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะกินข้าว“ลูกเข้านอนกี่โมงเหรอ”“สองทุ่มค่ะ”แต่บางวันกว่าลูกจะยอมนอนก็ปาเข้าไปสามทุ่ม ซึ่งชีวาพรกำลังจะบอกเขา เพราะเพิ่งคิดได้ว่าเขาถามทำไม ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว“วันนี้พี่จะพาลูกเข้านอนเอง”“”อย่าเลยค่ะ ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่า คุณกินข้าวเสร็จก็กลับบ้านของคุณไปได้ กวางต้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนด้วยเหมือนกัน”“กวางทำธุระของตัวเองไปสิ พี่ดูแลลูกให้ ไม่ดีเหรอ”“น้องพร้อมมีพี่เลี้ยงแล้วนี่คะ”&ldqu
“เอิ้กๆ”เสียงแรกเป็นเสียงของผู้ใหญ่ ส่วนเสียงเล็กๆ ที่ตามมานั้นเป็นเสียงของเด็กตัวกลมที่นอนคว่ำหน้า โดยมีสองมือใหญ่ประคองร่างเล็กกลมให้บินร่อนอยู่กลางอากาศธีทัตพาลูกบินร่อนรอบๆ ห้องเด็ก พี่เลี้ยงนั่งอยู่ตรงมุมห้องโดยไม่ขวางการเล่นของสองพ่อลูก ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงประตูเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าตนควรเข้าไปขัดพวกเขาดีไหม เพราะลูกควรอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอนได้แล้วธีทัตเหลือบไปเห็นแม่ของลูก เหมือนกับเขาอ่านความคิดของเธอได้ เขาจึงค่อยๆ หยุดการเล่นกับลูก“เครื่องบินลงจอดแล้วครับ”น้องพร้อมหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเมื่อพ่อยกตัวเองขึ้นสูงมากกว่าเดิม ก่อนจะพาบินโฉบลงต่ำและทำท่าจะลงจอดบนโซฟา เจ้าตัวกลมคงรู้ทันว่าพ่อจะหยุดเล่นกับตนแล้ว จึงตีสองขาเล็กอวบไปมาเพราะต้องการประท้วง“แอะ...แอ๊...”“พอแล้วนะครับ”น้องพร้อมตั้งท่าจะออกฤทธิ์...อาการเด็กห่วงเล่นเป็นเช่นนี้เสมอ ชีวาพรจึงรีบไปรับลูกจากธีทัต แต่ลูกก็ไม่ยอมมาหาเธอ กลับโผไปหาธีทัต“หนูมาหาแม่นะคะ แม่จะพาไปอาบน้ำ เดี๋ยวเข้านอนกับแม่”
เสียงตีน้ำจนแตกกระจายสลับกับเสียงพูดอ้อแอ้ของลูกดังมาจากห้องน้ำ คนที่ถือวิสาสะนั่งอยู่ตรงปลายเตียงนอนได้แต่ยิ้มจนหุบไม่ลงเขามีความสุข...ความสุขมันเป็นเช่นนี้เอง“พอได้หรือยังคะ แม่เปียกหมดแล้วนะ”เสียงแม่ดุ แต่คงไม่น่ากลัว เพราะเจ้าตัวแสบร้องอ้อแอ้สวนขึ้นมาทันควัน แถมยังตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจเสียอีก จนธีทัตต้องลุกขึ้นจากปลายเตียงแล้วเดินไปดูในห้องน้ำเด็กตัวกลมนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำสำหรับเด็ก เขาเห็นคนงานขนอ่างใบนี้มาจากคอนโดมิเนียม เมื่อดูจากสภาพของมัน มันก็คงผ่านการใช้งานมาพอสมควร มีความเป็นไปได้สูงว่ามันคงเดินทางไกลมาจากเชียงรายชายหนุ่มถอนสายตาจากเจ้าจ้ำม่ำเนื้อกายล่อนจ้อนที่นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วมองแม่ของลูก แล้วได้ตระหนักถึงความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกขึ้นมาชีวาพรคงไม่ได้มีเงินมากพอ คุณนพอาจไม่ได้ให้เงินกับลูกสาวคนเล็กสักเท่าไร เพราะทันทีที่ขายหุ้นของบริษัทได้ เช็คเงินสดสองใบก็ถูกยื่นให้กับลูกสาวคนโตและลูกชายคนรองที่มารอรับถึงที่หลังจากเคลียร์หนี้สินของบริษัทและหนี้สินส่วนตัวแล้ว คุณนพเหลือเงินติดตัวไม่มาก
แค่เดินพ้นบานประตูเข้าไปในบ้านราชเวคิน ธีทัตก็แทบสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินสองเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ที่ร้ายกว่านั้นก็คือมันช่างรับส่งกันได้จังหวะจริงๆ“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วถึงเพิ่งกลับบ้าน งานการก็ไม่ทำ โยนให้น้องนุ่งหมดแล้ว ไม่เปลี่ยนจริงๆ...นิสัยไม่เปลี่ยน”“ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย จากสี่ทุ่มลดเหลือสองทุ่มเศษ”เจ้าของเสียงทั้งคู่เดินผ่านประตูด้านในมายืนประจันหน้ากับเขาตรงกลางห้องโถง แล้วกวาดสายตามองเขาตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าอย่างสำรวจตรวจตรา“ไปไหนมาเฮีย ทำตัวหายสาบสูญไปทั้งวัน”“กูลาพักร้อน กูก็พักผ่อนและทำธุระของกูสิ พวกมึงทำงานไป ไม่ต้องยุ่งกับกู”“ไม่ได้หรอก ตั้งแต่เมียหายคราวก่อน เฮียเสียผู้เสียคนจนพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจ ต้องฝากผมกับไอ้พีทให้คอยสอดส่อง”ชนกันต์กอดอก ทำท่าเหมือนครูฝ่ายปกครองที่กำลังประเมินพฤติกรรมเด็กเกเรหนีเรียน จนพี่ชายใหญ่ชักหมั่นไส้ตงิดๆ เพราะที่ผ่านมาเขามีหน้าที่ดูแลน้องๆ ทั้งสามคน ไม่เคยเลยที่พ่อกับแม่จะให้เจ้าพวกนี้ย้อนมาสอดส่องเขา“มึงพูดเองหรือเปล่า&rdquo
นาตาลีรู้สึกคาใจกับเด็กหน้ากลมผมดกดำคนนั้นมาทั้งวัน ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงที่พักในตอนค่ำ หญิงสาวจึงติดต่อไปหาเพื่อนที่อยู่เมืองไทยซึ่งเคยส่งรูปถ่ายของเด็กคนนั้นมาให้เธอ“มีอะไรเหรอแพม”“เด็กคนนั้นเป็นใคร”“เด็กคนไหน?”“คนที่เธอเอารูปจากไอจีของคุณธีร์ส่งมาให้ฉันดูไง”“ไหนเธอบอกว่าไม่สนใจไง แล้วมาถามอะไรอีก”“อย่าเรื่องมากนะจูลี่”อารมณ์ของนาตาลีเริ่มขุ่นมัว แต่เพื่อนไม่ได้ถือสาหาความเธอ ได้แต่ตอบเธอไปตามความรู้สึกแท้จริง“ฉันมั่นใจว่าเด็กเป็นลูกของคุณธีร์ ฉันไม่ได้มีข้อมูลลับอะไรหรอก ฉันแค่ประมวลจากคอมเมนต์จากเพื่อนและคนใกล้ชิดของเขาตอนที่เห็นรูปถ่ายบนไอจี รวมถึงข่าวเมื่อวานที่บอกว่าเด็กเป็นทายาทราชเวคิน อ้อ! เขามีรูปถ่ายของเด็กอีกชุดหนึ่ง คราวนี้ลงในข่าวออนไลน์เลย ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นหรือยัง”“เห็นแล้ว”เพราะเห็นว่ารูปถ่ายของเด็กคนนั้นถูกนำไปลงเป็นข่าวบนสื่อออนไลน์ เธอจึงไม่อาจวางเฉย อีกทั้งฉากหลังของรูปถ่ายยังเป็นบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เ
ธีทัตเปิดประตูรั้วด้วยกุญแจที่ตนถือไว้ จากนั้นจึงนำรถไปจอดในโรงจอดรถ แล้วเข้าไปในบ้านโดยใช้รหัสเปิดประตูบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เขาเดินเข้าไปในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่าง แต่ลูกไม่อยู่ในนี้ ชะรอยว่าลูกยังอยู่ในห้องนอนชั้นบน เมื่อคิดจะตามขึ้นไป หากต้องชะงักเท้า เพราะฉุกคิดได้ว่าชีวาพรได้สั่งห้ามเขาไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปก่อนที่จะได้รับอนุญาตธีทัตจำใจถอยออกมา หากเมื่อกลิ่นอาหารลอยมาเตะจมูก เขาจึงเบนทิศทางไปยังห้องครัวชีวาพรยืนอยู่หน้าเตา เธอกำลังทำอาหาร เขาได้กลิ่นขิงจากอาหาร มันชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากลับติดรสมือของเธอ อาหารธรรมดาแต่เธอมักคิดไว้แล้วว่าแต่ละเมนูนั้นทำเพื่ออะไร‘กวางทำไก่ผัดขิงให้พี่ธีร์ค่ะ ช่วงนี้เริ่มหนาว เมื่อวานพี่ธีร์จามตั้งหลายหน เสียงขึ้นจมูกเหมือนคนเป็นหวัดด้วย เช้านี้กวางเลยทำไก่ผัดขิงให้กินไล่หวัด ไม่รู้ว่าพี่ธีร์กินเป็นมื้อเช้าได้หรือเปล่า ตอนแรกจะทำโจ๊กใส่ขิงเยอะๆ แต่แม่บ้านบอกว่าพี่ธีร์ไม่ชอบกินโจ๊ก’อยากได้ความใส่ใจนี้คืนมา ตลอดหนึ่งปีกว่าที่เธอหายไป เขาได้รู้ว่าบางอย่างในชีวิตข
ร่างสูงใหญ่ของคนที่นั่งบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำอยู่ในสายตาของน้องชายทั้งสองคนที่เดินมาหยุดยืนฟังการพูดคุยทางโทรศัพท์ของเขาสักพักใหญ่ ทั้งสองคนหันไปสบตากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหาเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวมีท่าทางแปลกไปธีทัตนิ่งเงียบ ท่าทางเหมือนคนกำลังเศร้า...มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อกี้พี่ชายใหญ่เพิ่งเล่านิทานให้ลูกฟัง เขาควรมีความสุขมากกว่านั่งคอตกเช่นนี้“กลับมานานแล้วหรือเฮีย แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”ชนกันต์ถาม...คนถูกถามสะดุ้ง เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่ายังมีคนอื่นอยู่แถวนี้ แต่เขายังไม่เงยหน้าขึ้นมา ภพธรจึงถามซ้ำไปด้วย เพราะเห็นท่าทางของพี่ชายชักน่าเป็นห่วง“เมื่อกี้เฮียคุยกับลูกไม่ใช่เหรอ แล้วนั่งคอตกทำไม ผมไม่ได้แอบฟังนะ แค่จะมาชวนเฮียให้ไปกินเบียร์ด้วยกัน แต่เห็นเฮียติดสายก็เลยรอ แล้วมันก็ได้ยินเอง”“น้องพร้อมไม่ยอมนอน กูเลยเล่านิทานให้ลูกฟัง”ธีทัตเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาจากก่อฤกษ์ แต่เขาจำเนื้อหานิทานไม่ได้หรอก เพราะเขาได้แต่ฟังผ่านๆ ในตอนที่น้องชายเล่านิทานให้หลานๆ ฟัง อาศัยการฟังหลายครั้งก็เลยปะติดปะต่อเข้าด้
ค่ำนั้นชีวาพรคุยผ่านวิดีโอคอลกับนิสา เธอตั้งใจจะให้น้องพร้อมทักทายแม่ทูนหัว แต่น้องพร้อมไม่ร่าเริงเท่าที่ควร เธอรู้ดีว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร เธอจึงต้องวางสายจากเพื่อนเร็วกว่าปกติ ทั้งที่ยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังอย่างครบครัน“หนูเล่นลูกบอลกับแม่นะครับ แม่โยนลูกบอลให้หนูนะ หนูส่งกลับมาให้แม่เร็ว”ลูกบอลสีชมพูกลิ้งไปหาเจ้าตัวกลมที่ชะเง้อมองไปทางประตูห้องนอน น้องพร้อมเป็นอย่างนี้ตั้งแต่อาบน้ำเสร็จ เจ้าตัวน้อยคอยแต่ชี้นิ้วให้เธอพาลงไปชั้นล่าง ในทีแรกชีวาพรคิดว่าน้องพร้อมคงอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่ เธอจึงพาลูกลงไปเลือกของเล่นด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าลูกชี้ไปทางประตูหน้าบ้านเหมือนอยากออกไปข้างนอก‘น้องพร้อมคงอยากไปหาคุณพ่อค่ะ วันนี้น้องพร้อมเล่นกับคุณพ่อทั้งวัน คงคิดถึงกันค่ะ’มันเป็นข้อสันนิษฐานของพี่เลี้ยง...ชีวาพรไม่อาจมองข้ามความรู้สึกของลูก เมื่อเธอวางลูกให้นั่งบนพื้นบ้าน เจ้าตัวกลมก็คลานไปทางประตูหน้าบ้านในทันที จนเธอต้องดึงความสนใจของลูกกลับมาที่ของเล่นสารพัดชิ้นที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบในห้องเด็กที่อยู่ชั้นล่า
ธีทัตกลับมาถึงบ้านราชเวคินในเวลาหกโมงเย็นสี่สิบนาที บ้านเงียบกริบ น้องชายทั้งสองคนคงยังไม่กลับมา เขาเดินไปนอนทอดกายบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำ เมื่อหลับตาลง ภาพของลูกน้อยก็ลอยเข้ามาในหัว“ลูก...”เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากเรียวปากหยัก...ธีทัตขับรถออกมาจากบ้านของชีวาพรยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่เขากลับคิดถึงลูกเหลือเกิน จนต้องหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูรูปถ่ายของลูก...เขาดูรูปถ่ายของลูกซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้เบื่อ กระทั่งเห็นข้อความจากน้องชายฝาแฝดปรากฎขึ้นมาก่อฤกษ์ : คิดจะทำยังไงต่อธีทัต : อะไร?ก่อฤกษ์ : เปิดตัวลูกออกสื่อ...มั่นใจแล้วใช่ไหมมั่นใจอะไรวะ?คำถามผุดขึ้นมา ธีทัตจึงโทร.ไปหาน้องชายเสียเลย เพราะถ้าขืนส่งข้อความโต้ตอบกันอยู่อย่างนี้ คืนนี้ทั้งคืนเขาคงไม่รู้เรื่องกันพอดี“อะไรของมึง”“มึงคืนดีกับกวางหรือยัง”“กูกำลังง้อเมีย กวางคงไม่ใจอ่อนง่ายๆ กูเตรียมใจไว้แล้ว แต่ช่วงสองวันมานี้กูหยุดทำงาน แล้วไปอยู่ช่วยกวางที่บ้านโน้น...กวางยอมให้กูอยู่ด้วย แต่อยู่นานไม่ได้ เขาเพิ่งไล่กูกลับมา ส่วน
เมื่อเมียไม่ให้เข้าใกล้ ธีทัตก็ไหวไหล่ เขายอมตามใจเธอ ดังนั้นจึงเหลือแต่ลูกชายตัวกลม วันนี้ทั้งวันน้องพร้อมให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ลูกเปิดใจรับเขา ลูกไม่ต่อต้านและไม่เมินหนี ลูกยอมให้เขาอุ้ม แถมลูกยังสนุกกับการพาเล่นของเขา...เพียงแค่นี้ธีทัตก็เห็นช่องทางสะดวกสำหรับตัวเองแล้วชายหนุ่มหันไปทางลูกชายที่นั่งเล่นลูกบอลสีฟ้าและสีชมพูอย่างเพลิดเพลิน แล้วบอกเสียงอ่อนโยน“ไปครับน้องพร้อม ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพ่อจะป้อนข้าวให้หนูเองนะครับ”ข้าวตุ๋นฝีมือแม่อร่อยจริงๆ เรียกได้ว่าตักเข้าปากน้อยๆ ช้อนแล้วช้อนเล่า เจ้าตัวป้อมก็กลืนหายทุกคำ คนป้อนได้แต่ยิ้มปลื้ม...ลูกกินง่ายอย่างนี้สิเล่า ท่อนแขนท่อนขาถึงได้อวบอ้วนเป็นมัดๆ“อื้อ...หม่ำๆ”คนที่อ้าปากรอแล้วไม่มีข้าวตุ๋นป้อนเข้าปากส่งเสียงประท้วง เพราะคนป้อนเผลอใจลอยปล่อยความคิดไปไกล กำปั้นน้อยๆ ตีลงไปบนโต๊ะกินข้าวอย่างเร่งเร้า จนแม่ต้องรีบจับเอาไว้ เพราะกลัวลูกเจ็บมือ“คุณป้อนข้าวให้ลูกสิ”"ครับๆ พ่อป้อนแล้วครับ"เมื่อข้าวตุ๋นเข้าปาก เจ้าตัวกลมจึงกลับมาเป็นเด็กอา
“พี่แพมรู้เรื่องของนายธีร์หรือยัง”เจ้าของสายเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือถามทันทีหลังจากที่นาตาลีตื่นขึ้นมารับสาย แม้ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก หากเธอรู้สึกตาสว่างโดยพลันแค่เพียงได้ยินชื่อของคนคนนั้น“ไม่อยากรู้”“ไม่อยากรู้...แสดงว่าพี่แพมรู้แล้ว”เสียงหัวเราะของน้องชายเรียกอารมณ์หงุดหงิดของสาวสวยที่เพิ่งตื่นนอนได้ดีนักเชียว แม้ข้างนอกจะมีหิมะโปรยปราย แต่หัวใจของเธอร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับ“เธอมีอะไร”“ไอ้นั่นย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของเราแล้ว”“เรียกเขาดีๆ หน่อย ถ้าเธอจะโทร.มาจิกด่าเขาเพื่อระบายความเกลียดก็ไปหาคนระบายเอาข้างหน้า หรือไม่ก็โทร.ไปด่าเขาเองเลย”“คร้าบ! ต่อไปผมจะเรียกไอ้นั่นว่าคุณธีร์...ว่าแต่พี่รู้หรือยังว่าเขาเปิดตัวลูกชายออกสื่อว่าเป็นทายาทราชเวคิน และเขาก็อยู่ที่บ้านของเราด้วยนะ”“เธอรู้ได้ยังไง”“ผมเห็นข่าว ผมจำฉากหลังในรูปถ่ายของเด็กคนนั้นได้”“เด็กหรือ?”“พี่เคยเห็นเด็กหรือย
พี่เลี้ยงของน้องพร้อมออกไปตามคำสั่ง ชีวาพรจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วโทร.ไปหาเจ้าของสายมิสคอล“เธอมีอะไรจะบอกฉันไหม”นิสาถามทันทีที่รับสาย...ชีวาพรเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เธอมองเพื่อนผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถืออย่างค้นหา“นิสารู้เรื่องอะไรมา”“ยังจะถามฉันอีก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้เรื่องนี้ แต่คนรู้ทั้งประเทศแล้วมั้ง...ไม่ใช่สิ ป่านนี้คงรู้กันทั้งโลกแล้วว่าบูบุ๊ยเป็นทายาทรุ่นที่สามของราชเวคิน มันเกิดอะไรขึ้นหรือกวาง ทำไมแค่ไม่กี่วันที่ฉันกลับเชียงราย ถึงได้มีข่าวเปิดตัวบูบุ๊ยออกสื่อ เธอคืนดีกับคุณธีร์แล้วหรือ เธอเจอกับเขาได้ยังไง เธอติดต่อไปหาเขาหรือ”“นิสาพูดอะไร? เปิดตัวอะไรกัน? ฉันงงไปหมดแล้ว”“ฉันเจอข่าวของบูบุ๊ยในเว็บไซต์ของข่าวสังคม ฉันไม่ได้เจอเองนะ แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่จำบูบุ๊ยได้บังเอิญเห็นข่าว เขาเลยถามฉัน ข่าวไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร เขาเรียกเจ้าอ้วนของเราว่า ‘น้องพร้อม’ แล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นทายาทของราชเวคิน”“ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย”“เธ
เงินสองแสนบาทถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมกับบัตรเครดิตถูกยื่นมาให้ ชีวาพรยื่นมือไปรับอย่างงงๆ หากพอรู้ตัว เธอก็หดมือกลับเสีย“รับไปสิ บัตรเครดิตวงเงินหนึ่งล้านบาท กวางเอาไว้ใช้จ่ายให้น้องพร้อม ค่าใช้จ่ายจากบัตรใบนี้ พี่จะรับผิดชอบเอง”“พอแล้วค่ะ เงินรายเดือนเดือนละสองแสนบาท มันมากพอแล้ว กวางไม่กล้ารับอะไรจากคุณอีก”“พี่เป็นทายาทคนโตของราชเวคิน กรุ๊ป ส่วนน้องพร้อมก็เป็นลูกชายของพี่ ไม่มีอะไรที่มากเกินไปสำหรับลูกชายคนเดียวของพี่”เธอเข้าใจเขา แต่พอหันไปมองลูกชายตัวป้อมที่นั่งไถขวดน้ำพลาสติกไปมาบนพื้น เธอก็ตัดสินใจอย่างไม่ลังเลว่าต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นมาอย่างเด็กธรรมดาคนหนึ่ง...ไม่ใช่เด็กที่มีทุกอย่างเหนือกว่าใคร“กวางไม่รับบัตรเครดิตของคุณ กวางมีบัตรเครดิตเองแล้ว วงเงินมีมากพอ กวางไม่เคยรูดซื้อของถึงครึ่งของวงเงินสักที”วงเงินบัตรเครดิตจำนวนหนึ่งแสนบาท...ชีวาพรเคยใช้ซื้อของมากที่สุดก็คือสองหมื่นกว่าบาท เธอมีบัตรไว้เพื่อให้อุ่นใจเท่านั้น สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เธอไม่ได้ต้องการวงเงินเพิ่มอีก“ได้สิ...