ตอนที่ 9[9/1]“เอีย! มีสาวมาหา” ต๋องเดินเปิดประตูเข้ามาในออฟฟิศของเจ้าของอู่ พลันตะโกนบอกเสียงดังจนเจ้าของห้องสะดุ้งตื่นทำหน้าผงะอยู่บนเก้าอี้ฉีกำลังจะงีบได้ที่เลย ทว่าดันมีลูกน้องมาปลุกก่อนจนได้ และมันจะปลุกเขาแบบธรรมดาได้ที่ไหนกัน ดีเท่าไหร่แล้วที่อยู่กับคนละมุม ไม่อย่างนั้นรองเท้าสนิกเกอร์ไซซ์ 12 UK ของฉีนี่แหละจะได้ฟาดเข้าหน้าลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงประตูแทน“มึงนี่นะ... ฝากไว้ก่อนเถอะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปทางประตูที่ต๋องยืนอยู่ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องไหล่แกร่งของคนที่ตัวใหญ่กว่าอย่างฉี ก็ไม่ลืมที่จะเอาคืนโทษฐานที่มีลูกน้องมายืนแหกปากตะโกนเสียงดังใส่เมื่อครู่นี้ตุบ!“อั่ก! ไม่ต้องฝากแล้วมั้ง โอ๊ย... เฮียนะเฮีย” ต๋องมุ่ยหน้าด้วยความเจ็บที่โดนเจ้านายกระแทกไหล่ใส่ แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ยืนหัวเสียกับตัวเองต่อไป นึกแล้วก็ยังไม่ได้บอกเฮียเขาเลยว่าใครมาหาฉีเดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อไปหาคนที่ต๋องบอก เขาลืมถามลูกน้องคนสนิทเลยด้วยซ้ำว่าคนที่มาหานั้นเป็นใคร หนำซ้ำยังคิดว่าคงจะเป็นอิ้งค์ ทว่าคงจะลืมไปเลยว่าถ้าเป็นอิ้งค์ เธอจะไปรอที่หน้าร้านทำไมกันทันทีที่เดินมาถึงฉีมองเห็นแค่แ
[9/2]ฉีพาฟ้าใสมาหาของทานถึงตลาด ซึ่งต้องยอมรับว่าอันที่จริงจะไปร้านหรูกว่านี้ก็ได้ทว่ากลับไม่พาไป ฉีรู้ว่าฟ้าใสคงจะไม่ได้อยากมาที่นี่เท่าไหร่นัก เพราะดูจากการแต่งตัวของเธอแล้ว การพามาที่ที่แบบนี้มันไม่เหมาะเอาเสียเลย“ขอโทษนะที่ฉีพามาที่นี่”“ไม่เป็นไร นานๆ ทีฟ้าจะได้มาแถวนี้บ้าง” เธอเด็กๆ เธอก็เคยมาตลาดแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นก็ดูเหมือนจะชอบมาบ่อยๆ ด้วยความที่รู้ว่าเจ้าของที่นี่คือใคร ทว่าตอนนี้อะไรหลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว และในเมื่อฉีเป็นคนพามาถึงถิ่นของเขา เธอจะปฏิเสธได้อย่างไร“ร้านนี้เพิ่งเปิดใหม่ ฉีจำได้ว่าฟ้าชอบกินพวกเส้น ก๋วยจั๊บร้านนี้เห็นเค้าว่าเด็กนะ คนเยอะดี”“เห็นฟ้าแต่งตัวดูแพงแบบนี้แต่กินง่ายนะขอบอก” ว่าพลางยิ้มหัวเราะใส่คนที่พามา จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในร้านขนาดวันนี้ที่เขามาเป็นวันธรรมดาแท้ๆ แต่ลูกค้ากลับเนืองแน่นจนแทบจะไม่เหลือที่นั่งเลยด้วยซ้ำ แม่ค้าสาวสวยทั้งสองคนก็ต่างช่วยกันทำออเดอร์เสิร์ฟให้ทัน จนไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังมีลูกค้ามาใหม่อีกสองคน ฉียกยิ้มอย่างมีเลสนัยก่อนจะจูงมือฟ้าใสไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับจุดรับส่งออเดอร์ของแม่ค้า คราวนี้แม่ค้าทั้งสองจึงไ
[9/3]“ว่ามาสิ!”ผิงประเมินดูท่าแล้วว่าคนตรงหน้าเธอคงกล้าทำจริง เพราะตอนนี้ฉีไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว ถ้าหากเงื่อนไขที่เขากำลังจะบอกมา มันไม่ได้เหนือบากกว่าแรงจนเกินไป เธออาจจะอย่าทำก็ได้“หึหึ ว่าง่ายๆ แบบนี้สิ” ฉียกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับนัยน์ตาส่อแววราวกับผู้ชนะ คราวนี้เขาจะไม่เล่นๆ กับผิงอีกแล้ว เตรียมรับมือเขาไว้ได้เลย“ผิงไม่มีเวลามาเล่นกับเฮียหรอกนะ”“แต่ก็เห็นมีเวลาว่างไป ‘เล่น’ กับคนอื่นหนิ” เขาเน้นคำชวนให้เธอคิด“เฮียหมายถึงอะไร ผิงไม่เข้าใจ”ผิงไม่เข้าใจกับสิ่งที่ฉีพยายามจะสื่อออกมา ทว่าตอนนี้เธอไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลเกินกว่าเรื่องกุญแจรถแล้ว ถ้าหากกลับบ้านค่ำกว่านี้เธอก็จะมีเวลาพักผ่อนน้อยลง และถ้าพักผ่อนน้อยลงก็จะไม่มีแรงทำงานต่อในวันพรุ่งนี้“อยากได้? งั้นขึ้นรถสิ” ฉีไม่รีรออีกต่อไป ก่อนจะบอกให้อีกคนไปรอที่รถของเขาซึ่งก็ถูกจอดไว้ในลานจอดรถแล้วเหมือนกันผิงนึกแปลกใจว่าทำไมเขายังอยู่ที่ตลาดต่อ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเที่ยงยังเห็นเขาอยู่กับเจ้ฟ้าเลย แล้วตอนนี้กลับไม่เห็นอีกคนที่มาด้วยกันเสียแล้ว หรือว่าเขากลับมาที่ตลาดนี้อีกรอบก็อาจจะเป็นไปได้ร่างบางต้องจำใจยอ
[10/1]20.00 น.เป็นเวลาหลายชั่วโมงได้แล้วที่ผิงยังติดอยู่ที่อู่ของฉี ตั้งแต่ตอนเลิกงานจนถึงตอนนี้ตัวเธอยังไม่กลับบ้านเสียที ไม่รู้ว่าป่านนี้เตี่ยกับม๊าของเธอจะเป็นห่วงมากแค่ไหนแล้วร่างบางยังนอนอยู่บนโซฟาภายในห้องทำงานของคนใจร้ายที่เพิ่งจะลงมือขืนใจของเธอไป ร่างกายของผิงไม่ได้คุ้นชินหรือพร้อมรับมือกับเรื่องอย่างว่าแบบนี้เลย เธอไม่เคยมีอะไรกับใครมาก่อนทั้งนั้น ถึงแม้จะเคยมีแฟนมาก่อนแล้วก็ตามไม่รู้ว่าโซฟาที่เอาไว้ใช้รับแขกตอนนี้มันแปรเปลี่ยนเป็นโซฟาเบดตอนไหนแล้ว พอรู้ตัวหลังจบเสร็จเห็นการณ์ป่าเถื่อนของเขาไปเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ เธอก็มีพื้นที่นอนกว้างขวางมากกว่าเดิมแล้วและตอนนี้ขนมผิงแทบจะลุกขยับตัวไปที่ไหนไม่ได้เลย แม้แต่แรงจะเปร่งเสียงออกมากร่นด่าเขาก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาในตอนนี้หันฟุบลงเข้าหาหมอนพิงบนโซฟา เพราะว่าไม่อยากจะเห็นหน้าคนใจร้ายที่กำลังนั่งเปลือยท่อนบนมองมายังเธอ อย่างนึกพอใจที่ได้เห็นชีวิตของเธอบัดซบเช่นนี้“เห็นหน้าตาใสซื่อแบบนี้แล้ว ไม่คิดว่าจะเด็ดเหมือนกันนะ อ่า! เสียดายจัง ถ้าตอนนั้นที่ยังคบกันอยู่นะ จะไม่รอให้โตก่อนแล้วโดนหมาคาบไปแดกเลย
[10/2]หลังจากที่ฉีขับรถไปส่งผิงถึงบ้านเอง โดยที่ได้ให้กุญแจรถคืนกับเธอไปแล้ว ทว่าดูจากสภาพเธอคงไม่น่าจะขับกลับบ้านเองไหว เพราะฉะนั้นก็จอดมันทิ้งไว้ที่ตลาดนั่นแหละ ส่วนเธอก็คงต้องให้เขาไปส่งพอกลับมาจากส่งผิงแล้ว ฉีก็ต้องกลับมานอนที่อู่เหมือนเดิม โดยก่อนที่จะได้ขึ้นไปบนห้องชั้นลอยของที่นี่ เขาก็ต้องแวะเข้ามายังห้องทำงานก่อนร่างสูงเดินไปนั่งโซฟาตัวเดิมกับที่มีคนตัวเล็กนอนอยู่ก่อนหน้านี้ เขานั่งนิ่งพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นต่อการกระทำของตัวเอง‘เฮียอย่า... ปล่อยนะ ผิงเจ็บ อื้ออ~’‘อื้อออ~ อืมมม'‘ผ่อนคลายหน่อย อ่าส์ ...เข้าอยากจังวะ!?’สวบ!! ~~~‘อึกกกก 0_0!!’พั่บๆๆๆเอี๊ยดดดๆๆ~~~~‘ฮือออ~ ทำแบบนี้กับผิงทำไม?’‘ทิ้งกันไปแล้วไม่พอใช่ไหม? อ๊าส์ ฮึกกก’พั่บๆๆๆ‘เงียบๆ ไม่ได้เหรอไง? จะรอให้คนข้างนอกมาลงแขกเลยรึไง!?’‘ใจร้าย ฮึกก คนใจร้าย อ๊ะ! เบาๆ อ๊าส์’‘เจ็บ .... แต่ก็เสียวใช่ไหม? หืม? อ่าส์~ แน่นจังวะ? คXยไอ้เฟยมันเล็กจนรูฟิตเหมือนยังซิงอยู่เลยหรอวะ?’‘... ไอ้ทุเรศ!! คิดได้ยังไง อึกก~ ปล่อยผิงนะ’'บอกให้ปล่อยแต่ตรงนั้นยังตอดรัดไม่หยุดเนี้ยนะ? หึ! จ๊วบบ~ คิดถึงเฮียไหมผิง? ...'“ยั
[10/3]3 วันต่อมาวันนี้ผิงได้ฤกษ์มาขายของแล้ว หลังจากที่เธอประกาศปิดร้านไป 3 วันที่แล้ว ขนมผิงปิดร้านของตัวเองอย่างกะทันหันโดยที่ให้เหตุผลกับเพื่อนร่วมงานอย่างแฟนท์ไปว่าตนเองรู้สึกไม่สบายอาจจะต้องการพักผ่อนให้มากกว่านี้ ดังนั้น 3 วันที่ผ่านมาจึงไม่มีลูกค้าเจ้าประจำคนไหน ได้มานั่งอุดหนุนแม่ค้าสาวสวยที่ร้านอีกเลยนอกจากจะเดินออกไปร้านขายยาตอนดึกหลังจากที่คนในบ้านนอนกันหมดแล้ว ผิงก็ยังไม่อยากออกไปข้างนอกในตอนนี้เลย เพราะรอยช้ำต่าง ๆ ที่โดนอีกคนตั้งใจทำให้มันเกิดยังคงไม่จางหายไปจากร่างกายของเธอเลย ถ้าหากยังออกไปขายของตามปกติก็คงจะไม่ไหวแน่ ๆแล้วยังโชคดีที่ช่วงนี้เตี่ยกับม๊าผิงก็กำลังวุ่น ๆ กับการขายของที่ร้านบะหมี่ของพวกเขา ก็เลยไม่ค่อยได้มาวุ่นวายกับเธอเท่าไหร่ ประจวบเหมาะกับช่วงนี้พวกท่านรู้แล้วว่าเธอเลิกกับแฟนหนุ่มอย่างพอร์ชไปเรียบร้อยแล้ว จึงคิดไปว่าลูกสาวคงอยากจะมีเวลาพักผ่อนทำใจให้สงบลงตามประสาคนอกหัก หารู้ไม่ว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องนั้นเลยผิงเพิ่งเลิกกับพอร์ชเมื่อไม่นานมานี้ก็จริงอยู่ แต่เธอรู้พฤติกรรมของแฟนหนุ่มมานาน จนทำใจเอาไว้หลายเรื่องแล้ว พอเอาเข้าจริงตอนที่เ
[11/1]“ไอ้จ๋อมงานมึงน่ะเมื่อไหร่จะเสร็จ!?” ฉียืนเท้าสะโพกมองดูลูกน้องที่มัวแต่ฮัมเพลงไปพร้อมกับทำงาน สายจนเกือบจะเที่ยงแล้ว สิ่งที่เขาสั่งให้จ๋อมไปทำยังไม่ได้ความคืบหน้าเลยด้วยซ้ำ เพราะลูกน้องคนสนิทอย่างจ๋อมทำงานของตัวเองยังไม่เสร็จ“โถ่เฮีย... เพิ่งห้าโมงเช้าเอง หิวแล้วเรอะ? จ๋อมไปอีกวันนี้จะไม่แห้วอีกแน่เหรอเฮีย?” พูดพลันโผล่หน้าออกมาจากใต้ท้องรถฉีสั่งให้จ๋อมไปซื้อก๋วยจั๊บที่ร้านในตลาดมาได้เกือบ 3 - 4 วันแล้ว ตั้งแต่วันก่อนที่เห็นแม่ค้าร้านก๋วยจั๊บมาที่อู่พร้อมกับเฮียของเขา หลังจากนั้นเฮียฉีของจ๋อมก็ออกคำสั่งให้ไปซื้อมื้อกลางวันที่ร้านนั้นตลอดทั้งที่ต้องกลับมารายงานเจ้านายพร้อมมือเปล่า เพราะร้านมันดันปิดติดต่อกันหลายวัน แต่กระนั้นเจ้าของอู่คนที่ยืนเท้าสะโพกและขมวดคิ้วอยู่ต่อหน้าจ๋อมคนนี้ก็ยังใช้ให้ไปทุกวันเลยไม่รู้ทำไมถึงได้อยากกินร้านนี้นักหนา ไหนเฮียของจ๋อมเคยบอกว่าแม่ค้าร้านนั้นก็แค่แฟนเก่าที่เลิกกันไปเป็นชาติแล้วไง แต่เท่าที่จ๋อมดูท่าทีแล้วคิดว่าคงไม่ใช่แน่นอน เพราะวันที่เธอมาที่อู่ก็หายเข้าไปในห้องทำงานกับเฮียฉีหลายชั่วโมง จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานแล้ว จ๋อมก็ยังไม่เห็นวี่แววส
[11/2]เฟยขับรถออกมาตามนัดตามที่ฉีทักมา อันที่จริงเขาจะไม่มาเลยก็ได้ เพราะระหว่างเขากับฉีมันไม่มีอะไรที่จะมาคุยกันได้อีกแล้วและอยู่ดี ๆ ร้อยวันพันปีอดีตเพื่อนรักไม่เคยจะทักมาหา พอมาวันนี้กลับบอกอยากเจอนี่ถ้ามันไม่มีเรื่องคุยที่ทำให้เขาตื่นเต้นได้เลยล่ะก็... เขาจะขอซัดหน้าให้มันหมดหล่อเลยเคยดูร่างสูงของเฟยเดินลงมาจากรถหลังจากที่ขับมาถึง ในข้อความของอดีตเพื่อนไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าในเขามาที่จุดใดของอ่างเก็บน้ำ ทว่าก็พอจะรู้ในใจอยู่แล้ว เพราะตรงนี้คือที่ที่พวกเขาสามคนเคยโดดเรียนมานั่งตั้งวงเล่นกีต้าร์ด้วยกันบ่อยครั้งและมันก็จริงอย่างที่เฟยคิดเอาไว้ ขณะที่เดินเข้ามาถึงก็เจอกับอีกคนที่ยืนรอเขาอยู่แล้ว แค่เห็นแผ่นหลังของฉี มันก็ปลุกอารมณ์ร้อนในใจของเขาให้เดือดขึ้นแล้วสิ่งที่มันเคยทำกับฟ้า เขาไม่เคยลืม“ไง... ได้ข่าวว่ามีอะไรจะคุยกับกู?” เฟยเอ่ยทักทายอดีตเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าฉียังคงยืนหันหลังให้ตัวเองอยู่“หึ! ไม่นึกเลยนะ ว่าจะมาจริง ๆ” ฉีเองก็ยังคงยืนอยู่แบบนั้น โดยที่ไม่หันมามองหน้าคนมาใหม่เลย เพราะถ้าเห็น ก็คงอดหงุดหงิดไม่ได้จริง ๆ“อยากได้คำตอบอะไรดีล่ะ?”“ก็รู้ตัวนี่ แล้วเป็นไงบ้าง?
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก