LOGINสามปีผ่านไป
ภายในงานเกษตรแฟร์เอ็กซ์โป 2026 ออกาไนซ์สาวร่างอวบผิวขากำลังวิ่งประสานงานตามบูธต่าง ๆ ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย
"คุณโรจน์คะ ประมาณช่วงสิบโมงของวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มไลฟ์สดเริ่มที่บูธคุณโรจน์ก่อนนะคะ ยังไงเตรียมข้อมูลกับผลิตภัณฑ์ที่จะโปรโมตไว้ล่วงหน้าได้เลยค่ะ อาจจะมีทีมงานมาบรีฟให้เบื้องต้นก่อนสักหนึ่งชั่วโมงค่ะ"
"โอเคครับ ขอบคุณมากครับคุณเหนือ"
"พี่เหนือ ๆ ทางโน้นมีเรื่องกัน เหมือนว่าจะเจ้าหน้าที่ของเราจะติดป้ายผิด ทำให้บูธของผู้ประกอบการสลับกัน พี่เหนือไปเจรจาหน่อย เพราะอีกเจ้าเขาไม่ยอมย้าย"
"ได้เดี๋ยวพี่ไปคุยเอง" หัวหน้าทีมดูแลบูธอย่างเหนือฟ้ารีบสับขาตรงไปจุดเกิดเหตุ แต่เพราะช่วงที่ผู้ประกอบการแต่ละบูธกำลังเดินพลุกพล่านทำให้หญิงสาวเผลอไปชนเข้ากับใครบางคน
ปั้ก!
"โอ้ย" เหนือฟ้ากุมแขนที่โดนตัวของอีกฝ่ายกระแทก
"เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ" เสียงเข้มที่คุ้นเคยทำให้เจ้าหน้าที่จัดงานที่กำลังทำหน้าบิดเบ้ต้องรีบตวัดหน้าไปมอง
วินาทีที่ดวงตาสบประสานกับชายใต้แว่นสีดำสนิท หัวใจของเธอก็แทบจะหล่นวูบไปกองอยู่ที่พื้น ดวงตากลมสั่นระริกเมื่อเขาทำท่าทางเคร่งขรึมเมินเฉยเหมือนไม่รู้จักกัน
"พี่คี ไม่ได้เจอกันนานเลย สบาย..."
เขาไม่อยู่ฟังเธอพูดจนจบกลับเดินตรงไปข้างหน้าแล้วหยุดที่บูธขนาดใหญ่ที่ยาวเกือบสี่เมตร ที่แท้เขาก็คือหนึ่งในผู้ประกอบการสิบคนด้านการเกษตรที่น่าจับตามองของปีนี้นั่นเอง บูธถึงได้ใหญ่โตโชว์ความอลังการกว่าชาวบ้าน
"พี่เหนือ จะตบกันแล้วครับ" คั่วกลิ้ง น้องคนสนิทหนึ่งในทีมออแกไนซ์สะกิดให้หัวหน้าสาวตื่นจากภวังค์
"เออ พี่ลืมเลยโทษที" เหนือฟ้าวิ่งไปยังบูธที่มีปัญหากันอยู่ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบูธของภาคีมากนัก
ออแกไนซ์สาวรีบเข้าไปแยกคุณป้าในชุดผ้าไหมพื้นเมืองสองคนที่กำลังขยุ้มหัวกันไม่หยุด "ป้าคะ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะคะ"
ป้าทั้งสองยังคงกระชากหนังหัวของกันและกันอย่างไม่ยอม เหนือฟ้าจึงตัดสินใจแทรกตัวเข้าไปห้ามทำให้ฝ่ามือของป้าอีกคนที่เหวี่ยงลงมาเผลอฟาดเข้าไปที่หน้าออแกไนซ์สาวเต็ม ๆ
เผียะ!
ภาคีที่กำลังช่วยลูกน้องยกของมาจัดวางในบูธหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตคนรักของตน
"เอ่อหนู ป้าขอโทษจ้ะ" ป้าชุดผ้าไหมพื้นเมืองรีบยกมือขอโทษ ขณะที่ป้าชุดชมพูก็ยอมสงบจิตใจลงไม่ตอบโต้ใด ๆ อีก
"หนูไม่เจ็บค่ะ ยังไงถือซะว่าหนูโดนตบเป็นการไถ่โทษที่ทีมงานแปะป้ายสลับกันได้ไหมคะ" เหนือฟ้ายกมือไหว้ผู้ประกอบการทั้งสอง
"ได้ ๆ พวกป้ายกโทษให้นะ ขอโทษด้วยนะหนู ยังไงเอาน้ำมันเขียวจากไร่ป้าไปใช้ดูนะ ตัวนี้สกัดจากใบเสลดพังพอนจากสวนของป้าโดยตรงเลย" คุณป้าชุดน้ำเงินรีบล้วงน้ำมันขวดใหม่เอี่ยมออกมาจากล่องแล้วส่งให้เหนือฟ้า
"ขอบคุณค่ะ"
"ส่วนของป้าเป็นผลิตภัณฑ์จากใบเตยจ้ะ อันนี้เป็นขนมลืมกลืนนะ ส่วนนี่เป็นสบู่ใบเตยจ้ะ ใช้ดีแล้วก็มาเล่าสู่กันฟังบ้าง" คุณป้าชุมชมพูหยิบของใส่ถุงแล้วส่งให้เหนือฟ้า
"ขอบคุณ คุณป้าทั้งสองคนมาก ๆ ค่ะ ยังไงหนูขอให้ได้ลูกค้าเยอะ ๆ นะคะ เดี๋ยวยังไงหนูจะให้ทีมงานช่วยย้ายข้าวของของคุณป้าทั้งสองคนแล้วก็ช่วยจัดบูธจนกว่าจะเสร็จ หนูขอตัวก่อนนะคะ"
ภาคียืนมองยืนฟังอยู่ไกล ๆ จังหวะที่เหนือฟ้ากลับมาต้องผ่านบูธของเขา พอเธอจะเข้าไปทักทาย เขากลับเดินหนีไปทางอื่น หญิงสาวจึงทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลังเขาแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อจนเสร็จ
เหนือฟ้าประสานงานและช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในฮอลล์จัดงานจนไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง ลูกน้องทุกคนจึงไล่ให้เธอกลับขึ้นมาพักผ่อนที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดงาน
"คั่วกลิ้งไงพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปหาข้าวกินด้วย" เหนือฟ้าโบกมือลาแล้วคว้ากระเป๋าสานหวายใบใหญ่ยัดข้าวของที่ผู้ประกอบการหลายคนหยิบยื่นน้ำใจด้วยของกินของใช้มากมายมาให้เธอ
"ไปเถอะพี่ ฝันดีครับ" คั่วกลิ้งตะโกนบอก
เหนือฟ้าเดินเข้าลิฟต์มาด้วยสภาพหมดเรี่ยวแรง ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้าง เสียงของชายหญิงที่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็ดังมาจากโถงทางเดิน พอเธอก้าวขาออกไปยังไม่ทันจะออกเดินไปยังห้องพักตัวเองด้วยซ้ำ กลับพบว่าชายหญิงคู่นั้นก็คือ ภาคี กฤตกล้าธนาดร กับ คุณปูเป้ พิธีกรสาวสวยคนดังที่กำลังยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่หน้าห้อง
"เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ทำไมถึงพักชั้นเดียวกัน เอาวะใจดีสู้เสือ" เหนือฟ้ากำมือแน่นแล้วพยายามกัดฟันเดินผ่านพวกเขาไปให้ได้
หนุ่มผมยาวหยักศกตัวสูงคล้องเอวของปูเป้กลับแล้วรั้งให้แนบชิดกับแผ่นอกของเขา เป็นจังหวะเดียวกับที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเธอต้องเดินผ่านมาพอดิบพอดี
"เป้ดีใจจังที่จะได้อยู่คุยเล่นกับคีตั้งสิบวัน" ปูเป้ยกมือโอบหลังคอของภาคีกลับ ฉีกยิ้มโปรยเสน่ห์ให้หนุ่มโสด
เหนือฟ้ารีบสับขาเดินไปถึงห้องพัก เธอสังเกตเห็นภาคีช้อนตามองเล็กน้อยแต่พอเธอสบตากลับเขาก็หันกลับไปมองปูเป้เหมือนเดิม สาวอวบล้วงหาคีย์การ์ดห้องด้วยความรีบเร่ง เพราะไม่อยากได้ยินเสียง และเห็นภาพบาดตาบาดใจไปมากกว่านี้
"พรุ่งนี้ช่วงเย็นผมจะพาคุณไปร้านอาหารริมแม่น้ำ ดีไหม หรือถ้าคุณอยากไปที่ไหนก็บอกผม"
"เป้ไปได้หมดค่ะ ถ้ามีคุณอยู่ด้วย งั้นเป้ไปนอนก่อนนะคะ" ปูเป้เขย่งปลายเท้าหอมแก้มภาคี ชายหนุ่มก้มลงหอมกลับ
ขณะที่เหนือฟ้ายังคงตัวแข็งอยู่แบบนั้น ที่เธอยังยืนอยู่หน้าประตูห้องและยังไม่ได้เข้านั่นก็เพราะว่าคีย์การ์ดห้องพักไม่ได้อยู่ในกระเป๋า แต่เธอลืมไปว่าฝากไว้ที่คั่วกลิ้งลูกน้องคนสนิท
"จะยืนเสือกไปถึงพระอาทิตย์ขึ้นเลยไหม หน้าเลื่อมต๋าหล๊อกเรื่องชาวบ้านเป็นงานอดิเรกเหรอแม่คุณ" ภาคีแดกดันเป็นภาษาเหนือ เพราะเขาคิดว่าอดีตคนรักคงจะไม่เข้าใจแน่นอน
แต่กลับคิดผิดเพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ขาดการติดต่อกันไป เธอตั้งเรียนภาษาเหนืออย่างจริงจังเพื่อไว้คุยกับเขาเพียงคนเดียว
"เหนือไม่ได้เสนอหน้าค่ะ ก็แค่เข้าห้องไม่ได้" ออแกไนซ์สาวตอกกลับ หมุนกายกลับมาเผชิญหน้าอย่างท้าทาย
"ก็บ่อลวกจะอี้!" เขาเบะปากแล้วรีบแตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง
"เหนือฉลาด ฉลาดมากด้วย อ้ายนั่นแหละ อ้ายมันควายสตวง"
ภาคีชะงักแล้วเดินถอยหลังกลับมา "ด่าใครว่าโง่ดักดาน"
"ก็พูดอยู่กับใครล่ะคะ" เหนือฟ้าเชิดหน้าบอกด้วยความมั่นใจ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเป็นคนขี้อาย แต่ตอนนี้กลับพยายามรุกเขาอย่างสุดกำลัง ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
ภาคีขมวดคิ้วติดกันแล้วตัดสินใจเดินกลับมา มองเธอด้วยแววตาเย็นชา "เดี๋ยวนี้เก่งภาษาเหนือแล้วนี่ เอาไว้คุยกับหนุ่มเหนือที่ไหนล่ะ"
"ก็อ้ายคีไงล่ะ" เหนือฟ้าพยายามจะสานสัมพันธ์กับภาคีอีกครั้ง
"สุมาเต๊อะ เปิ้นบ่าอู้กับคนหยั่งวอก" ภาคีย้ำเสียงแข็งแล้วรีบกลับเข้าห้องอย่างหัวเสีย ปล่อยทิ้งให้เหนือฟ้ายืนตัวชาอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ภาคีคนอ่อนโยน นุ่มนวล คนนั้นได้หายไปจากชีวิตเธอแล้ว ตอนนี้มีเพียงภาคีปากเสีย แข็งกระด้าง และหยาบคายเข้ามาแทนที่
*หน้าเลื่อมต๋าหล๊อก = เสนอหน้า บ่อลวก = ไม่ฉลาด *ควายสตวง = โง่ดักดาน *หยั่งวอก = ปลิ้นปล้อน
วันนี้ภาคีออกจากโรงพยาบาลมาสจึงส่งโก๋กับเฮงไปรับเพราะวันนี้เขามีสอบออนไลน์ช่วงบ่าย เหนือฟ้าจึงรีบทำข้าวผัดทะเลให้เด็กชายกินก่อนทุกคนและสั่งให้เขารีบขึ้นไปอ่านหนังสือติวสอบ"ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ วันนี้แม่ไม่รบกวนน้องมาสแล้วจะเอาอะไรเพิ่มบอกแม่นะครับ อะนี่เค้กกับนมจ้ะเผื่อหิว" เหนือฟ้าวางแก้วกับจานลงข้างมือเด็กชาย พลางทาบมือลงบนหัวของมาส พลันนั้นความรู้สึกอบอุ่นความคิดถึงก็ชำแรกเข้ามาในจิตใจจนอธิบายไม่ถูก"ขอบคุณครับแม่เหนือ" มาสยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม เหนือฟ้ารู้สึกตื้นตันใจเสมือนได้ลูกชายมาเพิ่มอีกคนแม่ลูกหกเดินลงชั้นล่างตรงเข้าครัวแล้วเตรียมมื้อเช้าให้สมาชิกคนอื่น ๆ ขณะที่ลูกอีกห้าคนของเธอก็ทยอยกันลงมาจากห้องนอนในสภาพยังไม่ได้อาบน้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงแป๋น! แป๋น!เสียงบีบแตรรถดังขึ้นสาวอวบชะโงกหน้าออกไป แล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อดูว่ามีใครแวะมาหาแต่เช้าตรู่"เอามะต๋าวไปเลี้ยงด้วย" เมียคนที่สามของอินเหลาส่งทารกในห่อผ้าให้หนุ่มชาวดอย"แล้วน้องแสนดีของอ้ายจะไปตี้ไหน ไปกับไผ" อินเหลาฟูมฟายคว้าหัวไหล่ภรรยา"แสนจะไปกับมิสเตอร์โจชัวผัวใหม่แสนเอง ก็อ้ายอินไม่ได้ทำตามที่สัญญากับแสน ไหนบ้
เมื่อคืนเด็กหญิงหอบผ้าและหมอนมานอนให้กำลังใจแม่ทั้งคืน ทำให้เหนือฟ้ารู้สึกกระชุ่มกระชวยที่มีลูกอยู่ใกล้เพราะลูกเสมือนตัวแทนของสามี เหมือนมีพี่คีของเธออยู่ใกล้ ๆช่วงเช้ามาส โก๋และเฮงช่วยกันเตรียมมื้อเช้าซึ่งมาสสั่งให้บอดี้การ์ดทั้งสองของเขาขับรถไปซื้อเนื้อสัตว์ที่ตลาดมาเพิ่มเติม เนื่องจากของในตู้เย็นเริ่มร่อยหรอ วัตถุดิบทำอาหารเริ่มหมดไปทีละอย่างที่เหลือก็มีแต่ผักและผลไม้พวกเขาจึงออกไปตลาดสดในตัวเมืองตั้งแต่เช้ามืดและกลับมาถึงบ้านช่วงหกโมงส่วนน่านฟ้าคอยดูแลน้องแฝดสามให้อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ขณะที่นิ่มฟ้าเพิ่งจะตื่นนอนเด็กหญิงเหลือบตามองแม่ที่ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงานพ่อ เด็กหญิงจึงหยิบผ้าไปห่มให้แม่"ปี้นิ่ง" น้ำเงี้ยววิ่งถลาเข้ามาในห้องทำงาน"ชู่ว!" นิ่มฟ้ายกนิ้วทาบลงบนปากส่งสัญญาณให้น้องสาวเงียบ น้ำเงี้ยวรีบพยักหน้ารับแล้วจูงมือพี่ออกไปนอกห้อง "มีอะหยังกับปี้""ผ่อสิ" หนูน้อยชี้ไปนอกหน้าต่างให้พี่สาวดูรถบรรทุกเล็กที่ทยอยขนของเล่นมากมายเอามาลงที่หน้าบ้านเธอโดยมีมาสกำลังยืนคุมงาน นิ่มฟ้าฉงนไม่เข้าใจว่าเด็กชายกำลังทำอะไร "งิ้วฉะไปผ่อก๋องเย่น"หนูน้อยม้าเต่อบอกแล้วกำข้อมือพี่สาวฉุดกระชากใ
ทันทีที่ทุกคนเดินทางถึงบ้านเหนือฟ้าจึงเตรียมห้องพักให้มาสกับบอดี้การ์ดโก๋และเฮง โดยพักอยู่ชั้นที่สองของบ้านซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เป็นห้องรับรองแขกและวงศาคณาญาติ"นิ่มฟ้า น่านฟ้าหนูดูแลแขกด้วยนะจ๊ะส่วนกับข้าวเดี๋ยวแม่สั่งจากร้านอาหารของไร่มา เพราะแม่คงไม่มีเวลาทำ" เหนือฟ้าบอกแล้วเดินเก็บตุ๊กตุ่นตุ๊กตาของแฝดสามที่วางระเกะระกะอยู่ตามพื้น"ลำบากเกินไป๋หรือเปล่าอี่แม่ นิ่มยะกับข้าวเป๋นเน้อแต่นิ่มทำได้ไม่กี่อย่าง" นิ่มฟ้าอมยิ้ม"น่านก็ทำเป๋นแต่ส้มตำ" น่านฟ้าบอกพี่สาวฝาแฝด"บ่าท่องห่วงงิ้วยะให้กิ๋นเอง" น้ำเงี้ยวเสนอตัวเป็นแม่ครัว"ปอเลยปอ" แป้งจี่เท้าสะเอวใส่น้องสาว "ต้างิ้วยะขับก้าวฉี่ว่ากุ๊โคนไค่ขี้แน่ ฉี่กองเฟิม" แป้งจี่ยืนยัน"ดอเห็นโตยขี้ยะเบิด" หมูยอเห็นด้วย"ฮ่าฮ่า" น้ำเงี้ยวหัวเราะ"เดี๋ยวมาสทำเองครับตอนอยู่บ้านมาสทำกับข้าวให้พ่อกับแม่กินบ่อย" มาสเสนอตัว"อุ๊ย จะดีเหรอจ๊ะให้แขกมาทำกับข้าวให้เจ้าบ้านกินเนี่ยนะ" เหนือฟ้าเกาหัว แต่ถ้าบะแต๋งไม่อยู่สักคนเด็กพวกนี้ก็ทำได้ไม่กี่เมนู โดยเฉพาะส้มตำหมูปิ้งเป็นอาหารที่ลูก ๆ ของเธอชำนาญที่สุด"มาสมาอยู่บ้านแม่เหนือก็อยากแบ่งเบาภาระครับให้มาสทำเถอะครั
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องพัก ภาคีก็รีบคลุมโปงนอนเพราะเขาเห็นสายตาของเหนือฟ้าที่จ้องเขม็งมาที่เขาตลอดเวลาก็เดาได้แล้วว่าเธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว"ไม่ต้องมาทำเป็นหลับเลยค่ะ" เธอบอกแล้วขยำแก้มก้นเขาสองสามที "ถ้าพี่คีไม่เปิดอกคุยกับเหนือดี ๆ เหนือจะอดข้าวให้นมเหี่ยวเลย""เฮ้ย...ไม่นะไม่เอาแบบนี้ครับ" คนป่วยรีบเปิดผ้าห่มออกแล้วรวบกอดรอบเอวหนาของภรรยา"งั้นก็เลิกปิดบังปัญหาสักที เราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ หรือเปล่าคะ" เหนือฟ้าบอกแล้วซุกหน้าลงกับแผ่นอก "พี่คีไม่รักเหนือเหรอคะ"เขารวบกอดรอบตัวเธอจูบซับลงบนหน้าผากมน "รักสิครับ รักมากด้วย""ถ้ารักก็ต้องเชื่อใจว่าเหนือจะผ่านอุปสรรคทุกเรื่องไปพร้อม ๆ กับพี่คีสิคะ" เสียงสั่นเครือเอ่ยแนบกับซอกคอ ริมฝีปากนุ่มจรดจูบลงไปเพื่ออ้อนขอให้เขาเชื่อว่าเธอจะรับมือสถานการณ์ลำบากเหล่านี้ได้คนป่วยหลุบตามองสองแขนโอบกอดร่างอวบแน่นขึ้น เรียวปากพรมจูบไปทั่วดวงหน้ากลมหวานที่เขาหวงแหน นัยน์ตาอ่อนล้าเหลือบมองรอยเย็บที่หางคิ้วด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบ "สุมาเต๊อะหนุนน้อย""สุมาเต๊อะอีกแล้ว พูดเป็นคำเดียวเหรอคะ" เจ้าของเสียงหวานกระซิบข้างแก้ม ตามด้วยการจุมพิตนุ่มนวลลงบนกลีบปากซ
เมื่ออุษมันทราบข่าวอาการป่วยของภาคีเขาจึงจัดการโทรให้วารีเลขาส่วนตัวจัดห้องพักรักษาตัวที่ดีที่สุดให้ และส่งลูกชายหอบหิ้วกระเช้าผลไม้มาฝาก ขณะที่เหนือฟ้าฝากบะแต๋ง นิ่มฟ้าและน่านฟ้าคอยดูแลน้องแฝดสามอยู่ที่โรงพยาบาลระหว่างที่เธอขับรถจี๊ปของสามีกลับบ้านสาวอวบรีบกลับมาเก็บเสื้อผ้าของตนเองเพื่อไปอยู่เฝ้าสามีที่โรงพยาบาล จังหวะที่กำลังจะวนรถออกจากไร่เดือนเพ็ญกับอินเหลาก็กำลังยืนคุยกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่รัฐสี่ห้าคนหญิงสาวรีบดับเครื่องและลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น "ทุกคนคะมีอะไรกันหรือเปล่า""อ้าวคุณนายป้อเลี้ยงเป๋นอะหยังร้ายแรงก่อ" อินเหลารีบเปลี่ยนประเด็นทันที เพราะมีบางเรื่องที่ภาคีสั่งไว้ว่าห้ามให้ภรรยาของเขารู้"เป็นลมแดดค่ะแต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่มากันเยอะแยะขนาดนี้คะ มีเรื่องอะไรที่เหนือไม่รู้หรือเปล่าคุณอินเหลา" เหนือฟ้าพยายามแค่นเอาคำตอบ เพราะสีหน้าท่าทางของอินเหลาที่พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยดูไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่"คืองี้ค่ะคุณเหนือ มีชาวบ้านตำบลข้างเคียงไปร้องเรียนกับนายอำเภอว่าไร่เราเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคระบาดของกระบือ แล้วก็มีคนเอาไปใส่สีตีไข่พูดผิด ๆ
รถจี๊ปคันดำจอดส่งเหนือฟ้าหน้าบ้านขณะที่ลูกทั้งหกกำลังปูเสื่อทำกิจกรรมอยู่ใต้ต้นนางพญาเสือโคร่ง โดยมีบะแต๋งกำลังนั่งอ่านดูอนิเมะเรื่องโปรดผ่านทางโทรศัพท์ ส่วนนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็กำลังเล่นเป็นควายให้แป้งจี่กับน้ำเงี้ยวขี่หลัง มีเพียงหมูยอที่กำลังนั่งละเลงสีเทียนลงบนกระดาษปอนด์ขนาดเท่าเอสี่เพียงคนเดียว"กลับมาแล้วจ้ะ" เหนือฟ้าทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อ "เดี๋ยวแม่จะสอนภาษาอังกฤษนะคะ ใครพร้อมเรียนแล้วบ้างยกมือขึ้น" แม่ลูกหกขอแนวร่วมทว่ากลับไม่มีลูกคนไหนเลยที่สนใจเธอบะแต๋งชำเลืองมองแม่ที่ทำสีหน้าผิดหวังจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วลุกไปนั่งข้างแม่ "อี่แม่ไปฟินมาซะนานเลยนะ" เด็กชายแซว เหนือฟ้าคลี่ยิ้มเขินอาย"ก็แม่กับพ่อไม่ได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนานแล้วนี่ อ้อ..ทำไมน้องแฝดสามของลูกถึงทำเย็นชากับแม่จัง" เธอถามพลางเหล่มองหน้าหมูยอ แป้งจี่ น้ำเงี้ยว"น้องงอนอี่แม่น่ะสิ" เด็กชายถอนหายใจแรง "นี่ก็จะได้เวลาข้าวตอนแล้ว เฮาไปทำกับข้าวกั๋นเต๊อะเดี๋ยวแต๋งเป๋นลูกมือเองครับ""แต่แม่ยังไม่ได้ง้อน้องของลูกเลย" เหนือฟ้ากลัวว่าถ้าเธอไม่รีบง้อเดี๋ยวลูกจะงอนไม่หาย"บ







