สามปีผ่านไป
ภายในงานเกษตรแฟร์เอ็กซ์โป 2026 ออกาไนซ์สาวร่างอวบผิวขากำลังวิ่งประสานงานตามบูธต่าง ๆ ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย
"คุณโรจน์คะ ประมาณช่วงสิบโมงของวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มไลฟ์สดเริ่มที่บูธคุณโรจน์ก่อนนะคะ ยังไงเตรียมข้อมูลกับผลิตภัณฑ์ที่จะโปรโมตไว้ล่วงหน้าได้เลยค่ะ อาจจะมีทีมงานมาบรีฟให้เบื้องต้นก่อนสักหนึ่งชั่วโมงค่ะ"
"โอเคครับ ขอบคุณมากครับคุณเหนือ"
"พี่เหนือ ๆ ทางโน้นมีเรื่องกัน เหมือนว่าจะเจ้าหน้าที่ของเราจะติดป้ายผิด ทำให้บูธของผู้ประกอบการสลับกัน พี่เหนือไปเจรจาหน่อย เพราะอีกเจ้าเขาไม่ยอมย้าย"
"ได้เดี๋ยวพี่ไปคุยเอง" หัวหน้าทีมดูแลบูธอย่างเหนือฟ้ารีบสับขาตรงไปจุดเกิดเหตุ แต่เพราะช่วงที่ผู้ประกอบการแต่ละบูธกำลังเดินพลุกพล่านทำให้หญิงสาวเผลอไปชนเข้ากับใครบางคน
ปั้ก!
"โอ้ย" เหนือฟ้ากุมแขนที่โดนตัวของอีกฝ่ายกระแทก
"เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ" เสียงเข้มที่คุ้นเคยทำให้เจ้าหน้าที่จัดงานที่กำลังทำหน้าบิดเบ้ต้องรีบตวัดหน้าไปมอง
วินาทีที่ดวงตาสบประสานกับชายใต้แว่นสีดำสนิท หัวใจของเธอก็แทบจะหล่นวูบไปกองอยู่ที่พื้น ดวงตากลมสั่นระริกเมื่อเขาทำท่าทางเคร่งขรึมเมินเฉยเหมือนไม่รู้จักกัน
"พี่คี ไม่ได้เจอกันนานเลย สบาย..."
เขาไม่อยู่ฟังเธอพูดจนจบกลับเดินตรงไปข้างหน้าแล้วหยุดที่บูธขนาดใหญ่ที่ยาวเกือบสี่เมตร ที่แท้เขาก็คือหนึ่งในผู้ประกอบการสิบคนด้านการเกษตรที่น่าจับตามองของปีนี้นั่นเอง บูธถึงได้ใหญ่โตโชว์ความอลังการกว่าชาวบ้าน
"พี่เหนือ จะตบกันแล้วครับ" คั่วกลิ้ง น้องคนสนิทหนึ่งในทีมออแกไนซ์สะกิดให้หัวหน้าสาวตื่นจากภวังค์
"เออ พี่ลืมเลยโทษที" เหนือฟ้าวิ่งไปยังบูธที่มีปัญหากันอยู่ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบูธของภาคีมากนัก
ออแกไนซ์สาวรีบเข้าไปแยกคุณป้าในชุดผ้าไหมพื้นเมืองสองคนที่กำลังขยุ้มหัวกันไม่หยุด "ป้าคะ ใจเย็น ๆ กันก่อนนะคะ"
ป้าทั้งสองยังคงกระชากหนังหัวของกันและกันอย่างไม่ยอม เหนือฟ้าจึงตัดสินใจแทรกตัวเข้าไปห้ามทำให้ฝ่ามือของป้าอีกคนที่เหวี่ยงลงมาเผลอฟาดเข้าไปที่หน้าออแกไนซ์สาวเต็ม ๆ
เผียะ!
ภาคีที่กำลังช่วยลูกน้องยกของมาจัดวางในบูธหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตคนรักของตน
"เอ่อหนู ป้าขอโทษจ้ะ" ป้าชุดผ้าไหมพื้นเมืองรีบยกมือขอโทษ ขณะที่ป้าชุดชมพูก็ยอมสงบจิตใจลงไม่ตอบโต้ใด ๆ อีก
"หนูไม่เจ็บค่ะ ยังไงถือซะว่าหนูโดนตบเป็นการไถ่โทษที่ทีมงานแปะป้ายสลับกันได้ไหมคะ" เหนือฟ้ายกมือไหว้ผู้ประกอบการทั้งสอง
"ได้ ๆ พวกป้ายกโทษให้นะ ขอโทษด้วยนะหนู ยังไงเอาน้ำมันเขียวจากไร่ป้าไปใช้ดูนะ ตัวนี้สกัดจากใบเสลดพังพอนจากสวนของป้าโดยตรงเลย" คุณป้าชุดน้ำเงินรีบล้วงน้ำมันขวดใหม่เอี่ยมออกมาจากล่องแล้วส่งให้เหนือฟ้า
"ขอบคุณค่ะ"
"ส่วนของป้าเป็นผลิตภัณฑ์จากใบเตยจ้ะ อันนี้เป็นขนมลืมกลืนนะ ส่วนนี่เป็นสบู่ใบเตยจ้ะ ใช้ดีแล้วก็มาเล่าสู่กันฟังบ้าง" คุณป้าชุมชมพูหยิบของใส่ถุงแล้วส่งให้เหนือฟ้า
"ขอบคุณ คุณป้าทั้งสองคนมาก ๆ ค่ะ ยังไงหนูขอให้ได้ลูกค้าเยอะ ๆ นะคะ เดี๋ยวยังไงหนูจะให้ทีมงานช่วยย้ายข้าวของของคุณป้าทั้งสองคนแล้วก็ช่วยจัดบูธจนกว่าจะเสร็จ หนูขอตัวก่อนนะคะ"
ภาคียืนมองยืนฟังอยู่ไกล ๆ จังหวะที่เหนือฟ้ากลับมาต้องผ่านบูธของเขา พอเธอจะเข้าไปทักทาย เขากลับเดินหนีไปทางอื่น หญิงสาวจึงทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลังเขาแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อจนเสร็จ
เหนือฟ้าประสานงานและช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในฮอลล์จัดงานจนไม่มีเวลากินข้าวเที่ยง ลูกน้องทุกคนจึงไล่ให้เธอกลับขึ้นมาพักผ่อนที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดงาน
"คั่วกลิ้งไงพี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวจะไปหาข้าวกินด้วย" เหนือฟ้าโบกมือลาแล้วคว้ากระเป๋าสานหวายใบใหญ่ยัดข้าวของที่ผู้ประกอบการหลายคนหยิบยื่นน้ำใจด้วยของกินของใช้มากมายมาให้เธอ
"ไปเถอะพี่ ฝันดีครับ" คั่วกลิ้งตะโกนบอก
เหนือฟ้าเดินเข้าลิฟต์มาด้วยสภาพหมดเรี่ยวแรง ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดกว้าง เสียงของชายหญิงที่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็ดังมาจากโถงทางเดิน พอเธอก้าวขาออกไปยังไม่ทันจะออกเดินไปยังห้องพักตัวเองด้วยซ้ำ กลับพบว่าชายหญิงคู่นั้นก็คือ ภาคี กฤตกล้าธนาดร กับ คุณปูเป้ พิธีกรสาวสวยคนดังที่กำลังยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่หน้าห้อง
"เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ทำไมถึงพักชั้นเดียวกัน เอาวะใจดีสู้เสือ" เหนือฟ้ากำมือแน่นแล้วพยายามกัดฟันเดินผ่านพวกเขาไปให้ได้
หนุ่มผมยาวหยักศกตัวสูงคล้องเอวของปูเป้กลับแล้วรั้งให้แนบชิดกับแผ่นอกของเขา เป็นจังหวะเดียวกับที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเธอต้องเดินผ่านมาพอดิบพอดี
"เป้ดีใจจังที่จะได้อยู่คุยเล่นกับคีตั้งสิบวัน" ปูเป้ยกมือโอบหลังคอของภาคีกลับ ฉีกยิ้มโปรยเสน่ห์ให้หนุ่มโสด
เหนือฟ้ารีบสับขาเดินไปถึงห้องพัก เธอสังเกตเห็นภาคีช้อนตามองเล็กน้อยแต่พอเธอสบตากลับเขาก็หันกลับไปมองปูเป้เหมือนเดิม สาวอวบล้วงหาคีย์การ์ดห้องด้วยความรีบเร่ง เพราะไม่อยากได้ยินเสียง และเห็นภาพบาดตาบาดใจไปมากกว่านี้
"พรุ่งนี้ช่วงเย็นผมจะพาคุณไปร้านอาหารริมแม่น้ำ ดีไหม หรือถ้าคุณอยากไปที่ไหนก็บอกผม"
"เป้ไปได้หมดค่ะ ถ้ามีคุณอยู่ด้วย งั้นเป้ไปนอนก่อนนะคะ" ปูเป้เขย่งปลายเท้าหอมแก้มภาคี ชายหนุ่มก้มลงหอมกลับ
ขณะที่เหนือฟ้ายังคงตัวแข็งอยู่แบบนั้น ที่เธอยังยืนอยู่หน้าประตูห้องและยังไม่ได้เข้านั่นก็เพราะว่าคีย์การ์ดห้องพักไม่ได้อยู่ในกระเป๋า แต่เธอลืมไปว่าฝากไว้ที่คั่วกลิ้งลูกน้องคนสนิท
"จะยืนเสือกไปถึงพระอาทิตย์ขึ้นเลยไหม หน้าเลื่อมต๋าหล๊อกเรื่องชาวบ้านเป็นงานอดิเรกเหรอแม่คุณ" ภาคีแดกดันเป็นภาษาเหนือ เพราะเขาคิดว่าอดีตคนรักคงจะไม่เข้าใจแน่นอน
แต่กลับคิดผิดเพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่ขาดการติดต่อกันไป เธอตั้งเรียนภาษาเหนืออย่างจริงจังเพื่อไว้คุยกับเขาเพียงคนเดียว
"เหนือไม่ได้เสนอหน้าค่ะ ก็แค่เข้าห้องไม่ได้" ออแกไนซ์สาวตอกกลับ หมุนกายกลับมาเผชิญหน้าอย่างท้าทาย
"ก็บ่อลวกจะอี้!" เขาเบะปากแล้วรีบแตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง
"เหนือฉลาด ฉลาดมากด้วย อ้ายนั่นแหละ อ้ายมันควายสตวง"
ภาคีชะงักแล้วเดินถอยหลังกลับมา "ด่าใครว่าโง่ดักดาน"
"ก็พูดอยู่กับใครล่ะคะ" เหนือฟ้าเชิดหน้าบอกด้วยความมั่นใจ ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเป็นคนขี้อาย แต่ตอนนี้กลับพยายามรุกเขาอย่างสุดกำลัง ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
ภาคีขมวดคิ้วติดกันแล้วตัดสินใจเดินกลับมา มองเธอด้วยแววตาเย็นชา "เดี๋ยวนี้เก่งภาษาเหนือแล้วนี่ เอาไว้คุยกับหนุ่มเหนือที่ไหนล่ะ"
"ก็อ้ายคีไงล่ะ" เหนือฟ้าพยายามจะสานสัมพันธ์กับภาคีอีกครั้ง
"สุมาเต๊อะ เปิ้นบ่าอู้กับคนหยั่งวอก" ภาคีย้ำเสียงแข็งแล้วรีบกลับเข้าห้องอย่างหัวเสีย ปล่อยทิ้งให้เหนือฟ้ายืนตัวชาอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ภาคีคนอ่อนโยน นุ่มนวล คนนั้นได้หายไปจากชีวิตเธอแล้ว ตอนนี้มีเพียงภาคีปากเสีย แข็งกระด้าง และหยาบคายเข้ามาแทนที่
*หน้าเลื่อมต๋าหล๊อก = เสนอหน้า บ่อลวก = ไม่ฉลาด *ควายสตวง = โง่ดักดาน *หยั่งวอก = ปลิ้นปล้อน
เหนือฟ้ารอให้คั่วกลิ้งเอาคีย์การ์ดห้องพักขึ้นมาให้แล้วตัดสินใจโทรไปสั่งอาหารเดลิเวรี่แทนที่จะลงไปหาข้าวที่ร้านสะดวกซื้อใต้โรงแรม หญิงสาวกดสั่งซูชิร้านโปรดที่ขายจนถึงห้าทุ่ม แล้วมานั่งกินคนเดียวที่บันไดหนีไฟ ขณะที่ภาคีเปิดประตูห้องพักออกมาเพื่อลงไปเช็กบูธที่ลูกน้องช่วยกันจัดว่าเป็นระเบียบดีหรือไม่พลันนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเจือยแจ้วดังมาจากทางบันไดหนีไฟ ซึ่งเสียงใส ๆ นี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินไปแอบฟัง"กินข้าวแล้วใช่ไหมเหนือ" ราตรีกรอกเสียงกลับมาผ่านทางโทรศัพท์"กินซูชิค่ะ""กินร้านนั้นมาสามปีแล้วนะ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนร้านมั่ง พี่เห็นจนจะเอียนแล้ว""ก็มันเป็นร้านโปรดพี่คีนี่นา"ภาคีตวัดมองแผ่นหลังที่อยู่ในชุดเสื้อฮู้ดตัวหนาทันควัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่บอกเลิกกลับพยายามจะพูดและนึกถึงเขาอยู่ตลอด ทั้งที่ตัวเองเป็นคนตัดสายสัมพันธ์นั้นก่อนแท้ ๆ"บอกเลิกเขาแล้วยังไม่รู้จักมูฟออน แล้วนี่ฮ้อนจะตายไป ทำไปถึงใส่ชุดกันหนาวแขนยาวตลอด"เหนือฟ้ารีบตวัดหน้าไปดู แล้วเดินไปหาอีกฝ่ายที่ยืนพิงประตูบันไดหนีไฟอยู่ "เหนือไม่ได้ตั้งใจบอกเลิกนะคะ เหนือมีเหตุผล ส่วนเรื่องการแต่งตัวเหนือแค่อยากเปลี่ยนสไตล์
คนตัวสูงเพียงแค่พูดขู่ แต่เหนือฟ้ากลับคว้าโทรศัพท์โทรหาพี่สาว "พี่ไนท์เหนือขอยืมห้าแสน"ภาคีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้อง"เดี๋ยวพี่คี ไอ้ภาคี ไอ้คน..." เหนือฟ้าเดินตามไป แต่เขากลับปิดประตูกระแทกใส่หน้าเธออย่างแรง"เหนือจะเอาเงินตั้งมากมายไปทำอะไร" ราตรีกรอกเสียงกลับมาอย่างกังวล"เหนือจะซื้อพี่คี ซื้อกิน""ฮะ..บ้าเปล่าเนี่ย แล้วเจอคีที่ไหน ที่งานเอ็กซ์โปใช่ไหม""ใช่ค่ะ""เอางี้นะ พี่จะโอนเงินให้พรุ่งนี้ แต่เหนือต้องใจเย็นแล้วกลับไปนอนซะ ถ้ายังดื้ออีกพี่จะบอกความจริงกับพ่อแม่ว่าสามปีก่อนเหนือเจออะไรมา""ก็ได้ค่ะ ตกลง"หลังจากวางสายจากน้องสาวราตรีที่หัวไว ไหวพริบเป็นเลิศก็คิดแผนการซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว "ยังไงคงต้องบอกความจริงแล้วล่ะ ก่อนที่น้องสาวฉันจะประสาทแดก"ราตรีกลอกตามองบน ไอ้เด็กสองคนนี้มันเป็นอะไรกันนักหนา นักธุรกิจสาวในชุดเสื้อยืดเอวลอยสวมกางเกงวอร์มผ้าร่มคว้ากระเป๋ากล่องเหล็กที่เก็บข้อมูลทุกอย่างแล้วโทรตามทนายพิมุกต์กลางดึก"คุณพิคะ ช่วยไนท์หน่อย ถ้าคุณพิไม่มาด้วยไนท์กลัวว่าภาคีจะไม่เชื่อ ดังนั้นไนท์รวบกวนคุณพิหน่อยนะคะ"ราตรีขับรถไปรับพิมุกต์ที่บ้านแล้วเหยียบมิด
ภาคีกลับไปที่ร้านสะดวกซื้ออีกรอบแล้วซื้อถุงยางอนามัยพร้อมกับเครื่องดื่มมึนเมาสองสามกระป๋อง หลังจากคุยกับราตรีจบเขาก็รู้สึกเบลอไปหมด เขาไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าคนที่เขารักสุดหัวใจปิดบังเรื่องเลวร้ายกับเขามาถึงสามปีเต็มภายในห้องพักของเหนือฟ้าเปิดไฟสว่างโล่ง หญิงสาวเอาแต่จ้องโทรศัพท์เผื่อว่าพี่สาวจะตัดสินใจโอนเงินมาให้ภายในคืนนี้ ตอนนี้เธอร้อนรุ่มไม่ใช่ว่าต้องการทำเรื่องอย่างว่า แต่กลัวยัยปูเป้นั่นฉกพี่คีของเธอไปกิน แต่ดูจากการที่พวกเขาแตะเนื้อต้องตัวกัน ป่านนี้น่าจะกินกันไปหลายรอบแล้วด้วยซ้ำผิดกับเธอถึงยังคงเก็บเวอร์จิ้นไว้ให้หนุ่มเหนือคนนี้เพียงคนเดียว ตึ๋ง!เงินจำนวน 500,000 บาทโอนเข้าบัญชีคุณเรียบร้อย"กรี๊ดดดด เงินมาแล้วโว้ย จะได้กินผู้ชายแล้วไอ้เหนือ" หญิงสาวกระดี๊กระด๊าเหลือบดูนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาตีหนึ่งพอดี "กินกันตอนตีหนึ่ง จะท้องอืดไหมนะ"เหนือฟ้าลูบวนไปทั่วหน้าท้องย้วย ๆ ของตนเองก๊อก! ก๊อก!สาวอวบรีบวาดขาลงจากเตียง หาวสองสามที ใบหน้าอ่อนเพลียเขย่งส่องตาแมว พลันนั้นหนังตาที่หนักอึ้งกลับเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นในทันที คนระริกระรี้รีบเปิดประตูห้องออกไปแล้วยิ้มแฉ่งให้หนุ่มชาวไ
ทันทีที่แผ่นหลังของเหนือฟ้าแตะลงกับเตียงนอน จูบดุดันจึงได้ผละออก ภาคีถัดกายลงจากเตียงเกี่ยวปราการสุดท้ายออก เหนือฟ้ารีบสะบัดหน้าหนี ขณะที่เขาคลานกลับขึ้นมา แล้วใช้สองแขนคร่อมชิดอยู่กับหัวไหล่อวบ ริมฝีปากแดงฉานจรดลงมาบนผิวขาว ดวงตาหวานคมสะดุดเข้ากับรอยแผลเป็นนูนเล็ก ๆ ที่ต้นแขน กรามแกร่งบดข่มอารมณ์เดือดดาลที่กำลังปะทุอยู่ภายใน"ไปโดนอะไรมา" เขาอยากลองใจดูว่าเหนือฟ้าจะยอมสารภาพความจริงไหม"โดนกระจกบาดค่ะ" เธอยังคงกลบเกลื่อนไปเรื่อย"เหรอ" ภาคีลุกขึ้นแล้วนั่งขัดสมาธิ เขาหยิบมือของเหนือฟ้าแล้วก้มลงหอมซ้ำ ๆ เหมือนที่เคยชอบทำ "บอกว่าให้มานั่งนี่" เขาตบขาตัวเอง"ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวพี่คีหนัก" เหนือฟ้าหยัดตัวขึ้นเหลือบมองแก่นกายที่กำลังแข็งตัวกลางซอกขา"งั้นก็มาลองดูว่าจะหนักแค่ไหน หรือคุณลูกค้าอยากให้คนอื่นมานั่งบนตักผม" เขาขู่แล้วยักคิ้วหลิ่วตาใส่"ไม่เอา" สาวอวบไม่ยอม สุดท้ายจึงต้องกัดฟันสู้แล้วลุกไปหาเขาทั้งที่ยังมีผ้าห่มปิดกายอยู่"ไม่ชอบผ้าเกะกะลูกตา" ภาคีดึงผ้าออก เหนือเบิกตาโตเมื่อผ้าห่มปลิวไปอยู่ข้างเตียง"พี่คีเดี๋ยวเหอะ เหนือเป็นลูกค้านะ ต้องตามใจลูกค้าสิคะ ว้าย..." ข้อมือขาวถูกฉุดใ
เหนือฟ้าขนลุกขนพองไปทั้งตัวเมื่อเนินขานุ่มของตนเองถูกเขาถ่างออก หญิงสาวดันตัวขึ้นส่งมือไปปิดรอยแยกสีชมพูที่กำลังถูกภาคีเชยชม ดวงตากลมเอ่อล้นด้วยน้ำใส ชายหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งคิดว่าเธอต้องไปเผชิญเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้ เขาก็ยิ่งแค้นจนอยากสับไอ้เวคินเป็นร้อย ๆ ชิ้น"เห็นใจ๋อ้ายเต๊อะคนดี"สาวพลัซไซซ์นึกถึงวันที่เธอให้พี่สาวเขียนจดหมายไปบอกเลิกเขาก็รู้สึกผิดอยู่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ถ้าร่างกายนี้ตอบแทนเขาได้ เธอก็ยอม มือนุ่มยกออกไม่ถึงสิบวิ ชิวหาแดงก็ทะแยงลงมาที่ตัวตนของเธอ ริมฝีปากเล็กขบเม้นเป็นเส้นตรง เสียวซ่านจนมือสองข้างต้องยันกับพื้นเตียงเพื่อประคองร่างกายที่กำลังอ่อนปวกเปียกลงไปทุกที"อ๊ะ...อ๊า" เสียงหวานครางระงม ดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วห้องพักในยามวิกาลลีลาการโบกสะบัดจากปลายลิ้นอุ่นหนาของภาคีละเลงลงมาที่กลีบดอกไม้สีชมพูสวยสดอย่างต่อเนื่อง พลางใช้นิ้วแหวกอ้านำทางเพื่อขบดูดเม็ดกระสันแวววาวดุดอัญมณีของเหนือฟ้า เสียงดื่มกลืนของเขาดังซู้ดซ้าดราวกับซดน้ำแกง"เต๋มปากเต๋มคำ" ภาคีผงกหัวขึ้นมอง ก้มลงดูดผิวที่เนินขาด้วยความลุ่มหลง แล้วจัดการดูดซับมวลน้ำป่าจากภายในกายที่ไหลทะลักท่วมออกมาราวเขื่อ
เช้าของงานเอ็กซ์โปวันแรกเหนือฟ้าต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าทั้งที่เธอเพิ่งนอนหลับพักไปได้แค่สองชั่วโมง เพราะเพิ่งเสียเวอร์จิ้นไปให้อดีตคนรัก สาวอวบเลือกสวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนทรงบอยตามด้วยการสวมสูทเบลเซอร์สีดำทับ ถักเปียข้างแล้วผูกโบว์สีฟ้า ระหว่างที่กำลังเดินเข้ามาในฮอลล์จัดงานคั่วกลิ้งที่เดินจับไม้จับมือมากับแฟนสาวก็ปรี่เข้ามาทักทาย"พี่เหนือ กินกาแฟยังเนี่ย" ลูกน้องหนุ่มเห็นว่าหัวหน้าของตนดูอิดโรยไม่สดชื่น"ยังจ้ะ งั้นพี่ไปหากาแฟจิบก่อนนะ ดูแลประสานงานแทนพี่ด้วย" เหนือฟ้าใช้นิ้วถ่างตาตัวเองแล้วเดินขาปัดตุปัดตุเป๋ไปหาที่นั่งข้างนอกฮอลล์ขณะที่ภาคีกำลังจูงควายเผือกแม่บ่ะผางเข้ามาในงานพร้อมกับลูกควายเผือกตัวน้อยพร้อมกับลูกน้องสองสามคน เหนือฟ้าจึงได้แต่นั่งมองอย่างมีหวัง หวังลึก ๆ ว่าเขาจะใจอ่อนกับเธอ"น้องเหนือ น้องเหนือเปล่าครับ""คะ" เหนือฟ้าหันไปยังต้นเสียงด้านข้าง แล้วพบว่าคนที่ทักทายคือเจ้าของสวนอินทผลัมที่เคยมาจัดงานเมื่อปีก่อน"จำผมได้ไหม ผมศัจกรที่เคยมาจัดงานเกษตรแฟร์ปีก่อน""จำได้ค่ะ แล้วคุณกรสบายดีไหมคะ""สบายดีครับ แล้วน
ภาคีให้เหนือฟ้าสั่งก๋วยเตี๋ยวแบบพิเศษมา เขารู้สึกว่าเธอผอมลงทั้งที่เมื่อก่อนมีน้ำมีนวลมากกว่านี้ เขากินไปสองชามแล้วนั่งมองออแกไนซ์สาวโซ้ยบะหมี่เหลืองน้ำตกอย่างเอร็ดอร่อย แค่เห็นเธอกินเขาก็มีความสุขแล้วครืด! ครืด!"ฮัลโหล ฉันพาเมียออกมาหาอะไรกิน เออมีแล้ว ไว้ค่อยบอก" เขาคุยกับใครบางคน แต่กลับทำให้ใครอีกคนยิ้มแก้มแตก"กิน ๆ ไปหยุดยิ้มได้แล้ว เดี๋ยวพี่มานะจะเดินไปดูขนมร้านข้าง ๆ หน่อย" เขาบอกแล้วควักแบงค์พันวางไว้ข้างมือเธอ "จะกินอะไรก็สั่งเพิ่ม ไม่ต้องเกรงใจ""แปลกแฮะ อยู่ดี ๆ ก็พ่อพระขึ้นมาเฉย"เหนือฟ้ากินก๋วยเตี๋ยวไปสามชามแล้วตามด้วยน้ำแข็งใสอีกสอง "น้ำแข็งใสถ้วยที่สองค่ะ"ทอฝันเจ้าของร้านวางขนมหวานให้เหนือฟ้า แล้วเก็บชามก๋วยเตี๋ยวที่เหลือพลางเช็ดโต๊ะทำความสะอาด"ขอโทษนะคะ เหนือขอถามอะไรหน่อยได้ไหม""ได้ค่ะ จะถามว่าทำไมสนิทกับพ่อเลี้ยงภาคีเหรอคะ" ทอฝันรู้ทันเพราะเห็นแววตาของเหนือฟ้าตั้งแต่เข้ามาในร้าน ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่าหวงพ่อเลี้ยงขนาดไหน"ใช่ค่ะ ถ้าไม่สะดวกใจตอบก็ไม่เป็นไรนะคะ""พ่อเลี้ยงไม่ได้สนิทกับฝันคนเดียวหรอกค่ะ แต่สนิทกับคุณพ่อแลละสามีของฝันด้วย เมื่อก่อนพวกเราลำบากมากค่ะ บ้
กล้ามแขนเป็นมัดกระหวัดโอบเหนือฟ้ากลับ ภาคีก้มลงจูบซับเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลซ้ำ ๆ ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มป่องพองลม"จะเป็นคุณนายของไร่พิทักษ์มหิงสา ก็ต้องส่งใบสมัครก่อน" อธิบายแล้วถอดเสื้อเบลเซอร์ของเธอออกไป หยิบกระเป๋าที่คล้องหัวไหล่เหนือฟ้าวางลงบนโต๊ะ"ส่งใบสมัครยังไง แล้วเอาประวัติการทำงานด้วยไหมคะ" เหนือฟ้าผู้อ่อนต่อโลกไม่ทันกับดักที่ภาคีวางไว้"ส่งง่ายมาก ก็แค่ส่งผ่านร่างกาย" เสียงเข้มกระซิบแนบใบหู แล้วบรรจงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกทีละเม็ดจนหมด"เป็นการส่งใบสมัครงานที่แปลกดีนะคะ แล้วเคยมีใครมาส่งใบสมัครกับพี่คีแบบนี้บ้างไหม" เหนือฟ้าทำหน้าหงิก แต่ก็ยืนเท้าสะเอวให้ผู้ชายแก้ผ้าตัวเองโดยไม่ปฏิเสธ"ไม่มี" เขาตอบแล้วบรรจงถอดชุดทำงานของเหนือฟ้าออกจนเหลือเพียงบราลูกไม้สีขาวและบิกินี่เข้าเซต ตามด้วยการแก้ผ้าตัวเองให้เหลือเพียงบ็อกเซอร์สีเทา ขณะที่ฝ่ามืออุ่นหนาไล้มาตามเนินอกขาวผ่องค่อย ๆ เคลื่อนไปดีดตะขอเสื้อใน และจัดการเกี่ยวทิ้งลงกับพื้นกวาดดวงตามองปทุมถันขาวเนียนเกลี้ยงเกลาไร้ตำหนิ บนหน้าอกสองข้างโดดเด่นด้วยสตรอว์เบอร์รี่ญี่ปุ่นลูกใหญ่ผลสดที่ประดับอยู่บนลำต้น
เช้าวันต่อมาหลังจบงานประกวดนางนพมาศ"เย้เย้ ชาหลองกั๋นตกกันเต๊อะ" นิ่มฟ้ากระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปรอบตัวมะแป่มกับยายนับเก้าหลังจากที่กรรมการประกาศว่าผู้ชนะการประกวดนางนพมาศรุ่นน้อยและรุ่นใหญ่ปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงก็ดีใจออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้เข้าแข่งขัน"จะกิ๋นหยั่งอีก" หม่อมเจ้าภูวสินทักหลานสาวขณะที่กำลังช่วยลูกชายจัดโต๊ะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของนพมาศสองรุ่น"กิ๋นกั๋นตกไงจ้าว ป้ออุ้ยบ่เคยกิ๋นก่อ" เด็กหญิงเดินไปถามปู่ใกล้ ๆ"ปู่กินขันโตกประจำ ปู่เป็นหนุ่มเหนือเน้อ" คุณปู่ยังหนุ่มอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งในวงแขนแกร่ง"นิ่มฟ้าคะมาอาบน้ำได้แล้วค่ะ น้ำกำลังอุ่นเลย" เหนือฟ้าทำน้ำสมุนไพรด้วยการต้มใบมะขามและหอมแดงบุบซึ่งเธอมักจะใช้วิธีนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ลูก ๆ เป็นไข้หวัดมะแป่มอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมประโปรงสีฟ้าออกมานั่งแกว่งขารออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนน่านฟ้ากับบะแต๋งกำลังช่วยปู่ย่าตายายหิ้วตะกร้าผักและเครื่องเคียงออกมาจากในครัวของบ้านแฝดหญิงที่เพิ่งอาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงเดินกระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาพร้อมกับแพะใส่เสื้อผ้าสองตัว บะแปปกับบะแว้งวิ่งไปทั่วรอบรั้วหน้าบ้าน
ถึงช่วงการประกวดนางนพมาศน้อยและนางนพมาศใหญ่ เมื่อพิธีกรในงานประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันซึ่งเป็นตัวแทนจนมาถึงรายชื่อของมะแป่มกับครูนับเก้า สาวงามในชุดไทยต่างรุ่นจึงเดินเยื้องย่างออกมาด้วยท่าทางงดงาม"นางนพมาศน้อยและนางนพมาศรุ่นใหญ่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงวาริชา มหาจันทร์ น้องมะแป่มอายุสี่ขวบควงคู่มากับคุณทวดนับเก้า.." พิธีกรหนุ่มไม่ทันพูดจบ"ฉันสวยขนาดนี้เป็นทวดเลยเหรอ ฉันคุณยายจ้ะ แค่คุณยาย" ครูนับเก้ารีบสวนกลับว่าตนเป็นยายไม่ใช่ทวด"ขอ ขอประทานโทษครับ" พิธีกรหนุ่มยิ้มเจื่อน "งั้นขอเชิญผู้ประกวดรุ่นใหญ่รุ่นเล็กแนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ" ไมค์อันเล็กถูกยื่นมาให้มะแป่มเป็นคนแรก เด็กหญิงมือสั่นเล็กน้อยแต่พอเห็นพี่น่านฟ้าชูสองนิ้วสู้ตายมาให้ ความหวาดหวั่นในหัวใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญทันที"ซาวัดดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงวายิชา ม๋าชัน ชื่อเย่นว่ามาแพ่ม อยู่อายุบานหยึ่งโรงเรียนอายุบานเวหะโชนยะกาน วันนี้หนูไม่ได้มาเย่น ๆ เพราะหนูมาเอาต้วยยางวันไปฝากปู้จายค่า""ว้ายตาเถร! ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้นี่ลูก" ครูนับเก้ายกมือปิดปาก แต่ผู้ชมด้านล่างกับปรบมือกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ แ
มะแป่มไม่สามารถอยู่เชียร์นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าได้จนจบ เพราะหนูน้อยต้องไปเตรียมตัวประกวดนางนพมาศที่จะเริ่มจัดช่วงเย็นจนถึงมืด แซมมี่จึงพาลูกสาวกลับไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้าน โดยมียายนับเก้าช่วยทำผมเพราะสาวใหญ่ก็ลงประกวดคู่กับมะแป่มเป็นนพมาศรุ่นใหญ่กับรุ่นเด็กที่จะต้องเดินจับมือขึ้นเวทีพร้อมกันปีนี้ภาคีเข้าประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นออกและเสนอไอเดียให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่ และห้ามให้มีการจุดพลุในไร่และพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องการสิงสาราสัตว์ในไร่แตกตื่น นอกจากนี้ยังห้ามให้มีการลอยกระทงใบตอง มีแต่การลอยกระทงด้วยผักและขนมปังเพื่อลดมลพิษและขยะที่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียและส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำแต่กระนั้นกิจกรรมเช่น การแสดงดนตรีสด เครื่องเล่นต่างที่มาให้บริการในไร่ก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการประกวดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนในงานและชุมชนก็ยังคงมีต่อไปเสร็จสิ้นการแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็แทบหมดเรี่ยวแรง เพราะแฝดพี่น้องต้องใช้สมองขบคิดค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดนิ่มฟ้าที่มัดผมสวยเกาหัวยุ่งจนเป็นยัยเพิ้ง"ปีหน้านิ่งบ่เอาแล้ว นิ่งไม่แก่งอารัยทั้งนั้น อิดขนาด นิ่งอยากขี่ฟายแก่งมากฟ่า" นิ่ม
ช่วงบ่ายนิ่มฟ้าและน่านฟ้าไปเตรียมตัวแข่งขันตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านโดยมีทุกคนตามไปให้กำลังใจ เด็กทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดหม้อฮ้อมสวมงอบชาวนาให้เข้ากับกติกาเครื่องแต่งกายที่กรรมการตั้งเงื่อนไขถึงแม้นี่จะเป็นโพรเจกต์แรกของโรงเรียนอนุบาลเวหะชลการที่นำโดยกรรมการบริหารอย่างครูนับเก้าเป็นคนไอเดีย แต่ทั้งผอ.ทัพฟ้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและภรรยากับเลือกที่จะไม่ขอเป็นกรรมการตัดสิน เพื่อให้ไม่เกิดข้อครหาและการซุบซิบนินทาในภายหลัง"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีก็แข่งแล้วหนูจะกินข้าวกินอะไรก่อนไหมแม่จะไปซื้อมาให้" เหนือฟ้ามัดผมของนิ่มฟ้าสองข้างแล้วใช้ยางหลากสีสันมัดเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหยิบกระจกให้ลูกสาวส่องดูทรงผม"โค๊ะ! กนอารัยงามย่มเมือง" นิ่มฟ้ากะพริบตาวิบวับใส่กระจกในมือแม่"ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยเนอะลูกฉัน แล้วสรุปจะกินอะไรไหม""กิ๋นสิจ้าว แต่นิ่งอยากทายิปฉีจุมออนแบบอี่แม่ นิ่งทาได้ก่อ" นิ่มฟ้าจิ้มไปที่ริมฝีปากบางเล็กของเหนือฟ้า"ได้สิคะ แต่แม่จะทาแบบลิปมันวาว ๆ ให้จะได้บำรุงริมฝีปากด้วย" เหนือฟ้าล้วงลิปกลอสแท่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วบรรจงละเลงบนปากลูกสาว "เสร็จแล้วค่ะ ส่องกระจกดูสิ"น
ถึงวันแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านของนิ่มฟ้าและน่านฟ้า แต่ช่วงเช้าทุกคนรวมตัวไปให้กำลังใจบะแต๋งทำภารกิจแสดงควายร่วมกับหุยหุยพร้อมกับพ่อและตาสำรวยก่อนที่จะไปเชียร์คู่แฝดในรอบบ่าย และรอบเย็นจะเป็นการประกวดนพมาศน้อยในโดมลานการแสดงประจำไร่พิทักษ์มหิงสาซึ่งชุดการแสดงรอบแรกนี้จะถูกเปิดตัวโดยเจ้าภาพจัดงาน และตามมาด้วยการแสดงของฟาร์มควายแคระอีกหลากหลายจังหวัดที่เข้าร่วมด้วยนับสิบรายบนที่นั่งสูงไล่ระดับสองฝั่งซ้ายขวามีป้ายไวนิลสกรีนรูปหุยหุยกับบะแต๋งคู่กัน เมื่อภาคีในชุดผ้าฝ้ายล้านนาพื้นเมืองประยุกต์สีกรมคอจีน และกาเกงผ้าฝ้ายขายาวเข้าคู่กัน โพกผ้าสีขาวสไตล์หนุ่มเหนือ เดินนำทีมจูงพ่อสะเดาควายแคระเผือกเข้ามาในลานการแสดง แถวกลางเป็นหุยหุยลูกของมันพร้อมกับบะแต๋งพี้เลี้ยงคนสนิท ท้ายแถวเป็นแม่บะผางที่จูงโดยตาสำรวยคนคุมควายประจำไร่เมื่อทั้งสามยืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมกับควายประจำตัวของตน เสียงกรี๊ดกร๊าดละม้ายเหนือฟ้านิ่มฟ้าดังขึ้นแซงหน้าเสียงชาวบ้านที่นั่งชมการแสดงอยู่ฝั่งตรงข้าม"กรี๊ดดด ปาขี้อ้ายแท๋งตาฉำกวย หย่อขนาด หย่อตี้ฉุดในนายกเวจี" นิ่มฟ้าใส่ชุดไทยล้านนาเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูโอรสสวมผ้าซิ่
ช่วงเช้าภาคีสอนลูก ๆ คัดแยกผักพื้นบ้าน สมุนไพรเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วไปสอนบะแต๋งกับหุยหุยเรื่องงานแสดงโชว์ควายแคระประจำไร่ โชคดีที่บะแต๋งคอยฝึกซ้อมกับตาสำรวยและอินเหลาอยู่เป็นประจำ ทำให้หุยหุยฟังคำสั่งเข้าใจ"เดี๋ยวนิ่มกับน่านอยู่บ้านกับป้ออุ้ยแม่อุ้ยนะครับ ป้อจะพาแม่ไปฝากครรภ์ครับ""ปาขี้ฉื้อหนมมาฝากนิ่งกับน่านโตยเน้อ หนุนน้อยเพย์เงินให้ป้อนะ ป้อจะได้มีเงินฉื้อหนม" นิ่มฟ้าตบลงบนก้นแม่"อะไรกันคะ ทำไมแม่ต้องเป็นคนเปย์ ป้อหนูก็มีเงิน" เหนือฟ้าค้อนตาใส่ลูกกับสามี"แต่น่านเห็นแม่เข็บเงินป้อไว้ในตู้เชฟเน้อ" น่านฟ้าชี้ขึ้นไปบนบ้าน"หนูเห็นตอนไหนครับน่านฟ้า หนูอาจจะฝันไปก็ได้" คุณแม่ปฏิเสธทั้งที่เธอเรื่องเก็บเงินของสามีไว้ในตู้เซฟคือเรื่องจริง"เห็นตาหยอดเลย" เด็กชายแหกตาตัวเองให้แม่ดู"ป้อ อี่แม่แต๋งเสร็จแล้ว" ไม่มีครั้งไหนที่แม่ไปโรงพยาบาลแล้วจะไร้เงาลูกชายคนนี้ เพราะเรื่องที่แม่เคยแท้งน้องไปมันยังฝังในใจของบะแต๋งอยู่เสมอ เด็กชายจึงกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป จึงพยายามเกาะติดแม่ทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลแม่ให้ดีที่สุด"แย้วอะหยังน่านเติงไปกับหนุนฟ้าบ่ได้ น่านอยากไปดูหมอฉวย ๆ ที่โฮงยา" เด็กชายตัวน้อ
"หนุนเหนือตึ่งได้แล้วจ้าว" นิ่มฟ้าเขย่าตัวแม่แล้วหันไปเขย่าพ่อต่อ "ป้อขี้ตื่ง นิ่งอยากปิ๊กเฮือน นิ่งกึ๊ดเติงหาอ้ายแท๋งกับน่าน"เหนือฟ้ากับภาคีลุกพร้อมกับยืดเส้นยืดสายกะพริบตาปริบ ๆ มองดูลูกสาวที่ตื่นแต่เช้าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น"ยังตีห้าอยู่เลยลูก ทำไมรีบตื่นจังคะ" คุณแม่เอื้อมมือกดเปิดสวิตซ์ไฟ นิ่มฟ้าจึงกระเถิบตัวลงจากเตียงไปหยิบผ้าขนหนูลายการ์ตูนของตนแล้วเดินเข้าห้องน้ำ"นิ่งฉันยากับน้องว่าชาซ้อมแก่ง นิ่งท่องไปให้ทงเวยา" เด็กหญิงแสนรู้เดินสับเท้าตรงไปยังซิงค์ล้างหน้า ดันเก้าอี้ตัวสั้นก้าวขึ้นไปยืนส่องกระจกยิ้มหวานสะบัดผมชื่นชมความงามของตนเอง "ต๊าย กนอายัยงามเฟ่อร์""ฮึ ๆ" ภาคีหัวเราะในลำคอเพราะลูกสาวมีท่าทางมั่นอกมั่นใจเกินวัย"พี่คีหัวเราะอะไรคะ" เหนือฟ้าเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม"ก็ลูกดูเป็นเด็กที่พกความมั่นใจเกินร้อย ผิดกับเหนือที่ขาดความมั่นใจ" เขาบอกแล้วเปรียบเทียบเธอกับลูกให้ฟัง"เหนือแค่ไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเอง แต่อย่างอื่นก็มั่นใจหมดนะ โดยเฉพาะเรื่องพี่คี" เจ้าของหุ่นเจ้าเนื้อคลานสี่ขาแล้วขึ้นคร่อมเอวสามีต่อหน้านิ่มฟ้าที่กำลังยืนแปรงฟัน"อี่แม่จะปาสมปันก๊ะ คิก ๆ
"โอ้ หัวใจ๋แหลวแหล้ะแหลวแล่น โอ้ อะหยังปี้ทำย้ายใจ๋น้องแหลวแฝ้ะแหลวแฟ่น" เด็กหญิงร้องเพลงขณะที่แม่กำลังใช้หวีสางผมหยักศกสีดำขลับ"เพลงอะไรของหนูคะนิ่มฟ้า แม่ไม่เคยได้ยินมาก่อน" เหนือฟ้าถามแล้วประแป้งบาง ๆ บนหน้านิ่มฟ้า"นิ่งแต่งเองจ้าว เพลงของนิ่งม่วนอ๋กม่วนใจ๋ดีก่อ" เด็กหญิงในชุดกระโปรงลายนกฟลามิงโก้สีชมพูเอี้ยวตัวไปถามแม่"ม่วนอ๋กม่วนใจ๋ขนาดจ้าว" ตอบด้วยรอยยิ้มยกมือบีบแก้มป่องของลูกทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว"แล้วป้อทำหยังอยู่จ้าว" หนูน้อยฉงนทำหน้ามึนงงเพราะเห็นพ่อกำลังซิทอัพอยู่นอกระเบียงสาวอวบชะโงกหน้าดูครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหลายนาทีก่อนที่เธอแกล้งอ่อยสามีให้ตบะแตก "สงสัยป้อจะแข็ง""แข็งกือหยัง อะหยังแข็งก๊ะ" มือเล็กสะกิดถามแม่"อ้อ แม่หมายถึงแข็งแรงจ้ะ ฮ่าฮ่า" เกือบหลุดบอกลูกในสิ่งที่ไม่ควรพูดไปซะแล้ว ขืนหลุดบอกไปว่าควายน้อยของพ่อแข็ง มีหวังต้อนถามยันสว่างแน่เลยนิ่มฟ้ากระดึ๊บตัวลงจากเตียงเดินไปรื้อถุงของเล่นและเครื่องสำอางเด็กและอุปกรณ์แต่งตัวที่ย่าต่ายซื้อให้ออกมาวางทีละชิ้น หนูน้อยหันไปพิจารณาแม่ แล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปยังพ่อที่กำลังออกกำลังกายอย่างแข็งขั
ระหว่างรอสามีอาบน้ำเหนือฟ้ารู้สึกหิวจนคลื่นไส้จึงตัดสินใจสั่งอาหารจากภัตตาคารชุดใหญ่ให้มาเสริฟ์ยังวิลล่าของไร่ ภาคีที่ผิวปากอารมณ์ดีออกมาในสภาพผ้าขนหนูพันรอบเอวผืนสั้นจนเห็นขาอ่อนขาวจั๊วะชะงักงันเล็กน้อย เพราะกลัวพวกพนักงานเห็นตนอยู่ในชุดเกือบเปลือยหลังจากคนที่ภัตตาคารทยอยออกไปจากวิลล่า พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงย่องออกไปหาภรรยาช้า ๆ ที่ระเบียงห้องริมสระว่ายน้ำ"หนุนน้อยสั่งอะไรมาเยอะแยะเลย หิวมากเลยเหรอ" เขายืนพิงต้นกล้วยไม้ทั้งที่ทั้งเนื้อตัวมีเพียงผ้าขนหนู"หิวขนาดค่ะ ก็พี่คีมัวแต่ขัดอะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน เหนือรอไม่ไหวก็เลยโทรสั่ง แต่เหนือสั่งของโปรดพี่คีมาด้วย""ไหนบอกมาสิว่าพี่ชอบอะไร" เขาสาวเท้าเข้ามาแล้วกอดไหล่เธอจากด้านหลังเกยคางแนบบ่า"พี่คีควรไปใส่เสื้อผ้าก่อนนะคะ ถึงนี่จะเป็นวิลล่าส่วนตัวแต่พี่คีก็ไม่ควรมาเดินนุ่งผ้าขนหนูโชว์ตัวแบบนี้" เหนือฟ้าบ่นอุบอิบแล้วตักแกงคั่วเห็ดถอบใส่ปาก"คืนนี้กะว่าจะไม่ใส่" เขายังคงหยอกย้อนกวนประสาท"ถ้างั้นเหนือจะเดินแก้ผ้าบ้างดีไหมคะ" นัยน์ตากลมมองขวางอย่างเอาเรื่อง"โอเคครับ อย่าแก้นะคนดี เดี๋ยวพี่จะขับรถกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนเอาชุดนอนมาเผื่อเหนือด้