ดีที่เมื่อครู่องค์ชายรองหลบหลีกทัน คนร้ายจึงไม่ได้แทงเข้าจุดสำคัญ แต่หน้าอกก็ถูกแทงด้วยมีดสั้นเกือบจะมิดด้ามหมิงเจ๋อไต้ซือตรวจดูอย่างละเอียด จึงวางร่างขององค์ชายรองลง พลางเงยหน้าขึ้นมองเฉินกุ้ยเฟย “พระสนม เคราะห์ดีที่องค์ชายรองไม่ถูกแทงในจุดสำคัญ ข้าจะรีบดึงมีดออกมาเดี๋ยวนี้”กล่าวจบก็หันไปทางองค์ชายรอง “องค์ชาย อาจจะเจ็บบ้าง ท่านต้องอดทนหน่อยนะ”ตอนนี้องค์ชายรองเจ็บจนแทบสิ้นสติอยู่แล้ว แต่ยังคงกัดฟันพูด “ไต้ซือเชิญลงมือได้เลย”หมิงเจ๋อไต้ซือเห็นสภาพเขาแล้ว จึงได้หันไปมองเฉินกุ้ยเฟย “ยาสมานแผลที่ข้ามีอยู่ ยังไม่นับว่าเป็นยาชั้นดี...”เฉินกุ้ยเฟยไม่คิดห่วงเรื่องธรรมเนียมใดๆ รีบพูดขัดจังหวะ “ยาสมานแผล...ถ้ามาจากเมืองอวิ๋นโจวถือว่าดีที่สุดแล้ว”กล่าวจบก็รีบตะโกนไปทางด้านนอก “ฉู่เยี่ยน”ตั้งแต่หมิงเจ๋อไต้ซือเข้าไปด้านใน เผยฉู่เยี่ยนก็เฝ้าอย่างระมัดระวังอยู่นอกประตู ครั้นได้ยินเสียงเรียกของเฉินกุ้ยเฟย จึงรีบผลักประตูเข้ามา “พระสนม”“รีบไปจวนกวนฉินโหวหาฮูหยินของกว่นหลางสือ พร้อมขอยาสมานแผลของเมืองอวิ๋นโจวมาขวดหนึ่ง บอกว่าวันหน้าข้าจะไปขอบคุณด้วยตัวเอง” เผยฉู่เยี่ยนฟังจบ รีบหันหลัง
เมื่อออกมาอีกครั้ง ก็ย่อมต้องเชื้อเชิญเขาไปยังห้องโถงด้วยความนอบน้อมกลับพบกวงฉินโหว กวงฉินโหวฮูหยิน ใต้เท้ากวน และกวนฮูหยินต่างก็อยู่พร้อมหน้า กำลังรอให้เผยฉู่เยี่ยนเดินเข้ามาเผยฉู่เยี่ยนไม่มีเวลาจะพูดคุย หลังจากคารวะทุกคนแล้ว ก็ประสานมือไปทางต้วนอวิ๋นอี “ที่มาวันนี้เพราะมีเรื่องจะรบกวนกวนฮูหยิน องค์ชายรองได้รับบาดเจ็บถึงเลือดเนื้อ ได้ยินว่าพื้นเพของฮูหยินมาจากเมืองอวิ๋นโจว ซึ่งผลิตยาสมานแผลล้ำเลิศในแผ่นดิน หากยังพอมีอยู่ในมือบ้าง ก็อยากขอฮูหยินมอบให้ข้าน้อยสักขวด”กล่าวจบก็มองหน้าต้วนอวิ๋นอีอีกครั้ง “วันหน้าองค์ชายจะมาขอบคุณด้วยตัวเอง”ต้วนอวิ๋นอีแม้จะไม่พอใจต่อความสัมพันธ์ในอดีตของสามีกับเฉินกุ้ยเฟย แต่เมื่อเชื้อพระวงศ์เอ่ยปาก ก็ย่อมไม่อาจปฏิเสธ พลางหันหน้าไปมองดูสามีเห็นกวนหลางสือพยักหน้า จึงได้กล่าวตอบ “ข้ายังมีอยู่สองขวด จะให้สาวใช้ไปเอามาเดี๋ยวนี้”เผยฉู่เยี่ยนคารวะอีกครั้ง “ขอบคุณฮูหยินมาก”กวงฉินโหวจึงได้เอ่ยปาก “ซื่อจื่อเผย อาการองค์ชายรองสาหัสหรือไม่”“ขอบคุณท่านโหวที่เป็นห่วง เจ็บเพียงภายนอกเท่านั้น ยิ่งถ้าได้ยาสมานแผลของกวนฮูหยินไปรักษา คาดว่าคงจะหายเร็วขึ้น”ไม
หลายวันก่อนมีจดหมายมาถึงมือเจิ้งจงแล้วส่งต่อไปยังองค์ชายสาม บอกว่าขอเชิญเขาไปพบ เพื่อหารืองานใหญ่แต่เพราะถูกเสด็จพ่อสั่งกักบริเวณ และมารดาก็ถูกเสด็จพ่อถอดออกจากตำแหน่ง ทั้งยังพัวพันกับการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนครอบครัวท่านตาต้องถูกกวาดล้างจนสิ้น จึงทำให้องค์ชายสามไม่คิดเรื่องชิงตำแหน่งรัชทายาทอีก แต่หลายวันมานี้ เจิ้งจงพยายามล้างสมององค์ชายสาม ไม่นึกว่ากลับทำให้เขาฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งดังนั้นวันที่รัชทายาทออกจากวังไป เขาจึงแอบไปพบคนผู้นั้นและสถานที่นัดหมายก็อยู่ในภูเขาจำลองของอุทยานหลวง คนๆ นั้นแอบอยู่หลังเขาไม่ยอมโผล่หน้า จนแม้แต่เสียงพูดก็แสร้งกดให้แหบแห้งลง “ในเมื่อองค์ชายสามมาตามนัดหมาย ก็คงเข้าใจจุดประสงค์ดีแล้ว”องค์ชายสามเห็นอีกฝ่ายระวังตัวเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจ “ทำไมท่านไม่ยอมเผยโฉมที่แท้จริงล่ะ”“องค์ชายไม่ต้องห่วง ในเมื่อมาแล้ว ข้าจะมีของขวัญชิ้นใหญ่มอบให้ ท่านแค่รอดูไว้ก็พอ”“นี่มันหมายความว่ายังไง” องค์ชายสามรีบถามแต่กลับไม่มีเสียงตอบอ้อมไปทางหลังภูเขา กลับไม่เห็นร่องรอยใดๆ ราวกับเมื่อครู่ตนได้ฝันไปกระนั้นไม่นึกว่าข่าวที่ได้มาวันนี้ คือคนผู้นั้นลงมือกับรัชทาย
แต่พระอาจารย์หมิงซื่อกลับคารวะ "อามิตตาพุทธ พระสนมมีจิตใจเมตตากรุณา อาตมาจะให้ความร่วมมือกับพระสนมสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดแน่นอน"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยชี้ผู้ลอบสังหารบนพื้น "พระอาจารย์รู้จักเขาไหม?"พระอาจารย์หมิงซื่อก้าวขึ้นมา มองดูอย่างละเอียดแล้วส่ายหัว จากนั้นก็สั่งลูกศิษย์ที่อยู่ข้างหลัง "ฉางชิง เจ้าเข้ามาดูสิ"พระที่ถูกเปลี่ยนเป็นฉางชิงก้าวขึ้นมา "อามิตตาพุทธ เรียนอาจารย์ คนผู้นี้มิใช่คนในอารามของข้า"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า นางรู้อยู่แล้ว่าผู้ลอบสังหารไม่มีทางเป็นคนของอาราม แม้จะคิดว่าตอนนี้คงสืบอะไรไม่ได้แต่ยังคงถามอย่างไม่ตายใจพระอาจารย์หมิงเจ๋อถึงค่อยเดินขึ้นมา ย่อลงไปแตะเลือดข้างริมฝีปากของผู้ลอบสังหารเบา ๆ แล้วดมใต้จมูก "พระสนม มันคือพิษ"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า "ขอบคุณพระอาจารย์มาก"จากนั้นก็มองไปที่พระอาจารย์ฉางชิง "ขอพระอาจารย์ฉางชิงช่วยระบุหน่อยว่า คนที่ถูกองครักษ์ควบคุมตัวได้ใช่คนของอารามไหม?"พระอาจารย์ฉางชิงจึงเดินวนดูหนึ่งรอบ มองดูอย่างละเอียดแล้วจึงหันหน้าไปตอบพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "เรียนพระสนม เป็นลูกศิษย์อารามอาตมา"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองไปทางรัชทายาท รัชทายาทอ
เมื่อถึงยามเหม่า ไข้ขององค์ชายสองก็ลดลงสักที พวกเขาถึงค่อยโล่งอกแล้วต่างคนต่างค่อยฟุบหลับพักผ่อนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตื่นเพราะเสียงเด็กเล็กบ่นของลู่ซิงหว่าน[คืนนี้ไม่ง่ายเลยจริง ๆ พี่ชายสองตื่นขึ้นมาสักที เห็นทีชาตินี้พี่ชายใหญ่จะมีชีวิตรอดมาได้แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลยทีเดียว!][ทุกคนลำบากขนาดนี้ มีแต่ข้าที่สุขสบายใจ เกรงใจจังเลย][ถ้าข้ามีพลังวิญญาณล่ะก็...]ขณะที่พูดประโยคนี้นางก็ไหลลงมาจากแหย่ง แล้วคลานไปหาพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแม้องค์ชายสองจะสลบแต่ก็รับรู้ได้ รู้ว่าตนเป็นไข้สูงตลอดทั้งคืนและทำให้ทุกคนเหนื่อย ตอนนี้เขามีบาดแผลที่หน้าอกข้างซ้ายจึงไม่กล้าขยับ เพียงแค่นอนมองทุกคนที่หลับอยู่รอบตัวของตนเองแต่กลับเห็นลู่ซิงหว่านคลานไปทางพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเขาตะลึงอึ้งไปทันที หวานหว่านอายุแค่สี่เดือนคลานได้แล้วหรือ?เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยตื่นขึ้นมาลู่ซิงหว่านก็คลานมาถึงเท้านางแล้ว"หวานหว่าน?" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตกใจมาก "เจ้าคลานได้แล้วหรือ"ช่างสมเป็นลูกสาวของตนจริง ๆ ไม่สิ สมเป็นเทพธิดามาจุติ แค่สี่เดือนก็คลานเป็นแล้วเมื่อหันไปเห็นองค์ชายสองตื่นแล้วก็รีบเอ่ยปากถามทันที "จิ่นห
คนอื่นภายในรถม้าไม่ตอบอะไร เมื่อกลับเมืองหลวงการต่อสู้แย่งชิงก็จะดำเนินต่อไปส่วนฝั่งขององค์ชายสาม เมื่อวานเมื่อกลับมายังตำหนักฉางชิวก็ได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างดี สุดท้ายก็ตัดสินใจฟังคำแนะนำของซิ่นเทียนบัดนี้ตนไม่มีอำนาจเส้นสายในวังหลัง การที่มีคนเต็มใจสนับสนุนตนก็โชคดีแค่ไหนแล้ว จะกล้าเลือกมากได้อย่างไรดังนั้นเมื่อวานก่อนมื้อค่ำเขาจึงมายังหน้าห้องทรงอักษร ยกชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าลงไป จนทหารรักษาพระองค์ที่อยู่หน้าประตูตกใจกันหมด"เสด็จพ่อ ลูกชายอกตัญญูจิ่นเฉินได้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน บัดนี้ได้สำนึกผิดแล้วจึงมาขอเสด็จพ่อโปรดประทานอภัยให้" พูดจบก็คุกเข่าอยู่หน้าห้องทรงอักษรไม่ยอมลุกขณะที่เมิ่งฉวนเต๋อเข้ามารายงาน ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับไม่เข้าใจ "จิ่นเฉินอย่างนั้นหรือ?""กราบทูลฝ่าบาท คือองค์ชายสาม จะให้เชิญพระองค์เข้ามาไหมพะย่ะค่ะ?"ฮ่องเต้ต้าฉู่ครุ่นคิดสักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้า"เสด็จพ่อ" เมื่อองค์ชายสามเข้ามาก็คุกเข่าทันที "กระหม่อมมาทำความเคารพเสด็จพ่อโดยเฉพาะ"ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้ององค์ชายสามที่พื้นองค์ชายสามก็ไม่รีบร้อน เพียงแค่คุกเข่าอย่างสงบเสงี่ยมรอฮ
เมื่อเห็นว่าขบวนเสด็จของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยใกล้ถึงแล้ว องค์ชายสามก็รีบเดินมาหน้ารถม้า"ทำความเคารพพระสนมเฉิน พี่รัชทายาท พี่ชายสองเป็นอย่างไรบ้าง? " องค์ชายสามไม่สนใจอย่างอื่นมีเพียงแค่ความห่วงใยที่มีต่อองค์ชายสองหลายคนในรถม้าสบตากันแต่ไม่ได้พูดอะไรรัชทายาทจึงเปปิดม่านรถม้าออกแล้วลงมา "น้องชายสามเป็นห่วงแล้ว"แต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความห่างเหินองค์ชายสามกลับทำเป็นมองไม่เห็น "ข้ากำลังคุยเรื่องงานกับเสด็จพ่อที่ห้องทรงอักษร เมื่อได้ยินว่าพี่ชายสองบาดเจ็บและขบวนเสด็จของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยจะกลับวังวันนี้ จึงคอยอยู่ที่นี่แต่เช้าแล้ว พี่รัชทายาทสบายดีไหม?""ขอบใจน้องชายสามมาก ข้าสบายดี แค่ทำให้จิ่นหยูเดือดร้อนต้องรับมีดนี้แทนข้า" พูดจบก็ถอนหายใจองค์ชายสามรีบปลอบ "ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พี่รัชทายาทไม่ต้องคิดมากหรอก"จิ่นอวี้ประคองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยลงรถม้าจากข้างหลังองค์ชายสามเข้าไปทำความเคารพด้วยความเดารพทุกคนแสร้งถามไถ่กันอีกสักครู่ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงค่อยเอ่ย "จิ่นเหยา ส่งจิ่นหยูกลับตำหนักเหยียนเหอก่อนเถิด พระสนมหลานของเจ้าคงเป็นห่วงแทบแย่แล้ว"ตำหนักเหยียนเหอ คือตำหนักที่องค์ชายสอง
พูดจบก็โบกมือให้เมิ่งฉวนเต๋อให้เขาดูแลฮ่องเต้ต้าฉู่ให้ดี แล้วตนก็ออกจากตำหนักหลงเซิง ไปยังตำหนักเหยียนเหอที่พระสนมหลานพำนักเดินไปไม่กี่ก้าวก็เปลี่ยนใจกะทันหัน หมุนตัวไปยังตำหนักชิงอวิ๋นส่วนพวกพระสนมเฉินกุ้ยเฟpเมื่อมาถึงตำหนักเหยียนเหอ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็รีบลงจากเกี้ยวแล้วอุ้ลู่ซิงหว่านที่อยู่ในอ้อมอกให้จิ่นซินข้าง ๆ แล้วรีบเข้าไปประคองหพระสนมหลานเฟยและทำความเคารพอย่างจริงจังพระสนมหลานเฟยตื่นตกใจรีบประคองนางขึ้นมา "น้องหญิงทำอะไรกัน?""พี่หญิง ข้าไม่ได้ดูแลจิ่นหยูให้ดีเอง" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองพระสนมหลานเฟยอย่างรู้สึกผิด"น้องหญิงก็พูดไป ถ้าจะบอกว่าไม่ปวดใจก็คงเกินจริง แต่น้องหญิงดีกับจิ่นหยูมากคงปวดใจไม่น้อยไปกว่าข้า" พระสนมหลานเฟยรีบปลอบใจพระสนมเฉินกุ้ยเฟย "พวกเราล้วนไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยังดีที่ไม่ได้บาดเจ็บถึงแก่อันตรายมาก พักฟื้นไม่กี่วันก็หายแล้ว"เพราะองค์ชายสองบาดเจ็บดังนั้นเกี้ยวจึงช้าเล็กน้อย ทั้งสองพูดปลอบใจกันและกันอยู่สักพักถึงค่อยเห็นเกี้ยวขององค์ชายสองเข้ามายังตำหนักเหยียนเหอทั้งสองรีบเข้าไปประคององค์ชายสอง องค์ชายสองพูดปลอบใจพระสนมหลานเฟยก่อน "เสด