“ใช่...เหมือนหนังจีนไงคุณ ที่เขาดื่มน้ำร่วมสาบานกันน่ะ แต่เราสาบานกันด้วยบะหมี่แทน” พชรพูดพลางยักคิ้วให้ข้างหนึ่ง ช่อมาลีหัวเราะคิกเมื่อได้เห็นอีกมุมหนึ่งที่น่ารักของเขา
“คารวะศิษย์พี่” หญิงสาวไหลตามน้ำ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมกันไว้ในระดับเดียวกับใบหน้า พลางค้อมศีรษะลงคารวะเขาเลียนแบบภาพยนตร์จีน ส่งผลให้พชรหัวเราะเสียงดังลั่นร้าน
ชายหนุ่มเผลอมองคนตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนเชื่อม นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงอย่างนี้มาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าผีเสื้อราตรีคนนี้จะให้ความรู้สึกที่หลากหลายอารมณ์กับเขาเหลือเกิน พลันนั้นจิตใจกระหวัดคิดไปถึงเลขาฯ คู่ใจ รายนั้นก็ไม่ต่างกัน ทั้งเอ๋อทั้งเปิ่นแต่ก็รู้ใจเขาเป็นที่สุดทั้งที่เพิ่งทำงานร่วมกันแค่อาทิตย์กว่าเท่านั้น
“คุณรู้ไหมว่าเวลาผมเจอคุณทีไร ทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมาทุกทีเลย” ชายหนุ่มพูดไปพลางคืบเส้นบะหมี่เข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ ทว่าคนฟังกลับรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที กระนั้นก็ยังอดถามเขาต่อไม่ได้
“ใครหรือคะ” ถามออกไปแล้ว ในใจก็วาดหวังว่าจะไม่ใช่ตัวเธอ แต่ทว่า...
“เลขาฯ ของผมเอง เธอชื่อช่อมาลีน่ะ”
หลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเสร็จ สองหนุ่มสาวจึงพากันเดินย่อย อาหารในตลาดนัดกลางคืน พชรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา สี่ทุ่มยี่สิบแล้ว ยังมีเวลาอีกสักพักที่จะอยู่กับหญิงสาวข้างกาย อารมณ์ที่อยากจะพาเธอขึ้นเตียงเริ่มเจือจางลงไป เหลือทิ้งไว้แต่ความรู้สึกพิเศษที่แม้แต่ตัวเขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร เขารู้แต่ว่าเขามองเธอเปลี่ยนไป และเขาอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้พชรหยุดยืนที่หน้าร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง เขายกมือขึ้นแตะข้อศอกของม็อทเบา ๆ เป็นการบอกให้เธอรู้ว่าเขาจะแวะร้านนื้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านใน ก้มลงมองไฟแช็กดูปองท์สีทองหม่นสไตล์วินเทจอย่างสนใจ เจ้าของร้านเห็นดังนั้นจึงรีบปรี่เข้ามาหยิบไฟแช็กยื่นส่งให้อย่างกระตือรือร้น“ดูปองท์ของแท้เลยครับพี่ สภาพใช้น้อย พี่ลองเปิดฟังเสียงได้เลยครับ เสียงป๊อง...ยังเพราะพริ้งอยู่เลย” ชายหนุ่มวัยประมาณยี่สิบปลาย ๆ พูดเชียร์สินค้าไม่หยุดปากพชรยื่นมือไปรับไฟแช็กมาแล้วทดลองเปิดฟังเสียงดู มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ จับมันพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อตรวจดูสภาพ ก่อนจะทดลองจุดดู ประกายตาฉายชัดถึงความพึงพอใจไม่น้อย“เท่
แต่นี่ไม่ใช่ เขารู้ว่าจารุวรรธก็แค่อยากได้ม็อทขึ้นเตียงเพื่อลบคำสบประมาทจากเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน และต้องการเอาชนะม็อทเท่านั้นเอง“เห็นทีงานนี้ต้องให้คริสช่วย” จิลหันไปทางเพื่อนเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้“เฮ้ย...จะดีหรือวะ คู่นี้ถูกกันที่ไหน เจอหน้ากันทีไรจะวางมวยกันทุกที พี่จากับไอ้คริสน่ะ” ว่านไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร แต่จิลกลับแค่นยิ้มออกมา“นั่นแหละที่ต้องการ เรารู้สึกว่าพี่จาไม่ค่อยกล้ากับคริสมันนะ ว่าแต่...คริสกับม็อทมันหายไปไหนของมันวะ หายไปทั้งคู่เลย ไปตามหน่อยดีกว่า”จิลพูดจบก็เดินออกจากห้องหลังเวที แล้วก้าวไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีเทาเข้ม ซึ่งเป็นทางเดินที่สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องล็อกเกอร์ และออฟฟิศได้เขาผลักประตูเข้าไปในส่วนที่เป็นโซนออฟฟิศ เพราะคาดว่าคริสน่าจะอยู่ที่ห้องล็อกเกอร์ เมื่อเดินมาจนถึงห้องนั้นแล้วผลักประตูเข้าไป สายตาก็ปะทะเข้ากับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลังนัวเนียกันอยู่ จิลผงะเล็กน้อยกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อเห็นว่าฝ่ายชายนั้นคือคนที่เขากำลังตามหา“ขอโทษทีว่ะเพื่อน เสร็จแล้วก็ไปเจอกันที่หลังเวทีละกัน”
“ใช่ นอกเสียจากว่าแกจะทำพิรุธให้เขาจับได้เอง” ว่านพูดเสริมขึ้นมาทันที คริสซึ่งเป็นหัวหน้าวง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาเต็มทีจึงบอกกับเพื่อนในวงด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ“ประชุมกันดีกว่าพวกเรา อีกสิบห้านาทีขึ้นเวทีแล้ว”พชรเดินฮัมเพลงขึ้นมาที่ออฟฟิศด้านบน พอเขาเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสารวัตรหนุ่มกำลังยืนมองลงไปที่ฮอลล์ด้านล่างอย่างสำรวจตรวจตราตามประสาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ พอได้ยินเสียงเปิดประตู เขาทำเพียงหันหน้ากลับมามองแล้วก็หันกลับไปตามเดิม พชรจึงเดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา“ไอ้ภีมล่ะครับพี่พล”“รับรองแขกสาว ๆ อยู่ข้างล่างนั่นแหละ โน่นไง” สารวัตรหนุ่มชี้ไปยังโซฟารูปครึ่งวงกลมที่ภีมพลนั่งแนบชิดกันอยู่กับอรอิน หม้ายสาวไฮโซทรงเสน่ห์ พชรจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ เพื่อจะได้ดูให้ถนัดยิ่งขึ้น ครั้นพอเห็นว่าสาวที่ภีมพลกำลังนัวเนียอยู่นั้นเป็นใคร ก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีและพึงพอใจ“บ๊ะ...ไอ้ภีมนี่มันรู้ใจผมจริง ๆ”พชรรู้ดีว่าอรอินเข้าหาเขาเพราะเรื่องอะไร ยิ่งเขากับเธอมีอะไรกันแล้ว เจ้าตัวก
“พี่จา! ปล่อยม็อทนะ” หญิงสาวมองเขาตาขุ่นขวาง ทั้งไม่ชอบทั้งรังเกียจ แต่ก็ต้องพยายามใช้สติไม่พูดจาอะไรที่เป็นการยั่วยุอารมณ์ของอีกฝ่าย ด้วยรู้นิสัยของจารุวรรธดี มือพยายามแกะท่อนแขนที่โอบรัดรอบกายแน่นราวกับงูเหลือม“กำลังจะกลับบ้านหรือจ๊ะม็อท ให้พี่ไปส่งไหม”จารุวรรธก้มหน้าลงมาจนจมูกกับปากเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของหญิงสาว ดีที่ช่อมาลีรีบเอี้ยวตัวหลบได้ทัน กลิ่นสุราที่คละคลุ้งปะปนออกมากับลมหายใจอุ่นร้อน ทำให้เธอรู้ทันทีว่าเขาคงเมาได้ที่แล้วช่อมาลีรีบมองหาตัวช่วยทันที ในใจภาวนาให้เพื่อนในวงออกมาที่ลานจอดรถไว ๆ จะได้หลุดพ้นไปจากเขา“เฮ้ย! มึงทำอะไรคุณม็อท มึงปล่อยเขาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน” เสียงตะคอกดังจากทางด้านหลัง ทำให้หญิงสาวรู้สึกโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง ทว่าพอเห็นว่าเป็นใคร กลับเพิ่มความหนักใจให้ถึงสองเท่า“คุณก้อง!” ช่อมาลีมองคนที่กำลังปรี่เข้ามาจับแขนอีกข้างหนึ่งของเธอไว้อย่างถือสิทธิ์ เขาไม่เพียงแค่จับเฉย ๆ เท่านั้น แต่กลับดึงกระชากอย่างสุดแรงเพื่อให้ตัวเธอหลุดพ้นจากจารุวรรธจนรู้สึกเจ็บแขนไปหมด“แล้วมึงเป็นใครวะ ถึงม
วันแรกของสัปดาห์แห่งการทำงาน ช่อมาลีเดินเข้าออฟฟิศมาด้วยท่าทางราวกับคนไร้วิญญาณเนื่องจากเมื่อคืนเธอต้องหาวิธีหลบหลีกก้องภพกับจารุวรรธจนเหนื่อย กว่าจะหลุดรอดสายตาของคนทั้งสองมาได้ ปาเข้าไปเกือบตีสาม ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นมาทำงานแต่เช้า เพราะส่วนใหญ่วันจันทร์ การจราจรมักหนาแน่นกว่าวันอื่น ๆเมื่อเดินเข้ามาในอาคาร ช่อมาลีสังเกตเห็นพนักงานฝ่ายขายที่ตั้งตัวเป็นแฟนคลับท่านประธานกำลังจับกลุ่มนั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ต่างคนต่างอวดรูปโฉมโนมพรรณของตนเองโดยไม่แคร์สายตาของพนักงานคนอื่น ช่อมาลีเอามือจับกรอบแว่นให้เข้าที่แล้วมองไปทางสาว ๆ กลุ่มนั้นด้วยความอึ้งระคนสงสัย แต่แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเคยพูดอะไรเอาไว้จริงสิ...เราเคยบอกผู้หญิงพวกนั้นว่าท่านประธานชอบผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่นี่นาช่อมาลีไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงกลุ่มนั้นแต่งตัวแข่งกันราวกับจะไปเที่ยวกลางคืน ชุดเดรสรัดรูปสั้นเต่ออวดเรียวขาขาว ช่วงบนเว้าหน้าเว้าหลังจนเห็นร่องอกวับ ๆ แวม ๆ หนำซ้ำยังประโคมแต่งหน้ากันมาอย่างพิถีพิถันด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยม“เดี๋ยวก็รู้”
“ไปได้ค่ะ ว่าแต่ไปกี่วันแล้วกลับวันไหนคะ” ยังไม่ทันที่พชรจะเอ่ยตอบ จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูรัวสามทีแล้วก็เปิดออกมาอย่างถือวิสาสะ ดูไร้มารยาทจนช่อมาลีอดแปลกใจไม่ได้ที่มีคนแปลกหน้าบุกมาหาท่านประธานถึงห้องทำงานด้านบนอย่างถือสิทธิ์“พี่โอมขา...ทำอะไรอยู่เอ่ย”เสียงแหลมกังวานดังมาจากบานประตูพร้อมกับร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดเดรสรัดรูปสีเปลือกมังคุด ใบหน้าที่สวยด้วยมีดหมอ และโบท็อกซ์เชิดขึ้นเล็กน้อยเมื่อมองเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้อยู่เพียงลำพังในห้อง เรียวปากสีแดงสดงอง้ำขึ้นขณะที่ใช้สายตากวาดมองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าพชรหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นกุมขมับทั้งสองข้าง ก่อนจะลอบระบายลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา เมื่อตัวปัญหาที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องหาเรื่องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ๆ เพราะไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ ให้ใครบางคนต้องมาคอยวิ่งไล่ตามกำลังมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า คาดไม่ถึงว่าเจ้าหล่อนจะกล้าบุกมาหาเขาถึงบนนี้“มาที่นี่ทำไม นี่มันที่ทำงานของผมนะ!”พชรพูดเสียงเข้มตีหน้ายักษ์ใส่คนที่เพิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ช่อมาลีเห็นท่าไม่ดีจ
“อุ๊ย! ที่ไหนคะเนี่ย”ช่อมาลีสะดุ้งตื่นขึ้นแล้วก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นใบหน้าของพชรอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไร หญิงสาวดันตัวเองไปข้างหลังจนแทบจะจมไปกับเบาะ มองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างคนเพิ่งตื่นนอน“พารากอน” พชรตอบ ก่อนจะขยับตัวกลับไปพิงเบาะตามเดิม“หืม...พารากอน ท่านประธานมาที่นี่ทำไมคะ หรือว่าหิวข้าว”ช่อมาลีพยายามหันเหความสนใจของเขาให้ละไปจากการมองสำรวจใบหน้าของเธอ แค่เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยคู่นั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบแล้ว“ก็...เดินเล่น กินข้าว แล้วก็...หาหนังสนุก ๆ ดูสักเรื่อง ไปกันเถอะ!”พูดจบเขาก็ปลดล็อกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที ทำให้ช่อมาลีต้องรีบปลดสายเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวตามลงไป ทว่ามือก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มงานติดมาด้วย“จะเอามาทำไมเล่าคุณช่อ เอาไว้ในรถนั่นแหละ จะถือทำไมให้เมื่อย”พชรเดินมาดึงแฟ้มไปจากมือของหญิงสาวแล้วเปิดประตูรถด้านหลังโยนแฟ้มงานเข้าไปวางแหมะอยู่บนเบาะ จากนั้นกึ่งจูงกึ่งลากเธอเข้าไปในห้างสรรพสินค้า“เอ่อ...ท่านประธานคะ ไม่ต้องจูงก็ได้ค่ะ ดิฉันเดินเองได้”ช่อมาลีละล่ำละลักบอกเขาพลาง
เมื่อได้เวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉาย พชรพาช่อมาลีเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ ชายหนุ่มยื่นตั๋วส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ด้านหน้า พนักงานคนนั้นจึงพาทั้งคู่ไปยังที่นั่งตามที่ตนเองได้จองตั๋วเอาไว้ช่อมาลีเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองเห็นสภาพของโรงภาพยนตร์ด้านใน ที่นั่งมีน้อยตัวไม่ได้เรียงกันเป็นแพอย่างที่เคยเห็น หนำซ้ำเก้าอี้บุนวมสุดหรูตัวใหญ่ก็ตั้งเป็นคู่ ๆ แยกห่างจากตัวอื่น ๆ เป็นสัดเป็นส่วน ทั้งยังมีผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของคนที่เข้ามาดูอีกด้วยนี่มันเหมาะสำหรับคู่รักกันมากกว่านะ!ช่อมาลีเหล่ตามองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายด้วยความสงสัย เห็นประกายตาเต้นระริกอยู่ในหน่วยตาคม ๆ คู่นั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากเพียงนิด ก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าเขากำลังหยั่งเชิงเธออยู่“ผมไม่ชอบนั่งดูหนังในเก้าอี้แคบ ๆ น่ะ ขาผมมันยาวคุณก็เห็น แถมเวลาคนที่เข้ามาทีหลังก็มาเดินผ่านหน้าไปมาน่ารำคาญจะตาย ดูแบบนี้แหละสบายดี ผมชอบ”พชรทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับนอนเอนหลังเหยียดเท้าไปจนสุดด้วยท่วงท่าสบาย ๆ จนหญิงสาวนึกหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องนั่
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”