ดีเจสาวมองชายหนุ่มข้าง ๆ ที่ครั้งหนึ่งตนเคยหลงรักอย่างสงสารปนหวาดระแวง ตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เธอขอปฏิเสธในการรู้เห็น และร่วมมือเกี่ยวกับการซ่อนของ ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยคุยด้วยสักเท่าไร ถึงแม้เขาจะมีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยังดีที่ไม่เอ่ยอะไรออกมาเป็นการทำร้ายจิตใจกัน ท่าทางเขาเหมือนยอมรับด้วยซ้ำว่าสักวันเธอจะต้องไม่ทำตามที่เขาขอร้อง
มิวรู้ว่าดีเจอาร์มจะต้องโดนเขาเล่นงานในเร็ววันนี้แน่ ดีไม่ดีอาจจะเป็นวันนี้ด้วยซ้ำเพราะเขาคนนั้นไล่ให้เธอกลับบ้านทันทีที่เลิกงาน น่าแปลกว่าแทนที่เขาจะกลัวที่เธอล่วงรู้สถานะของเขาว่าเป็นใครแล้วจะเปิดโปงให้คนอื่นได้รับรู้ กลับกลายเป็นว่าเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเกรงกลัวเขา ทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งของเขาแต่โดยดีอีกต่างหาก และที่น่าเจ็บใจอีกอย่างก็คือจากที่เคยโกรธ ไม่ชอบใจที่เขาชอบถึงเนื้อถึงตัว ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกโหยหาสัมผัสจากเขา โดยเฉพาะรสจูบวาบหวามที่เขาจะชิงปล้นไปจากเธอก่อนทุกครั้งที่นัดเจอกันก่อนจะเริ่มต้นพูดคุยเป็นการเป็นงาน อย่างเช่นเมื่อตอนหัวค่ำเป็นต้น
มิวปัดความรู้สึก และใบหน้าคมเข้มของใครบางคนออกไปจากห้วงความคิดก่อนจะหันกลั
ช่อมาลีนั่งอยู่ท่ามกลางกองกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ และสมุดเขียนแบบหลายเล่มที่หญิงสาวเพิ่งรื้อค้นมาได้จากห้องของน้องชาย มือสั่นเทาหยิบภาพข่าวเก่า ๆ เกี่ยวกับคดีของบิดาที่เขตไทรวบรวมเอาไว้มาดูทีละแผ่น ๆ เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขตไทมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของบิดาให้สำเร็จลุล่วงถึงเพียงนี้ดูเหมือนว่าข่าวการเสียชีวิตของบิดา เขตไทจะหยิบอ่านบ่อยที่สุด เพราะเนื้อกระดาษเริ่มยุ่ยจนต้องเอามาแปะกาวติดไว้ในสมุดเขียนแบบ แล้วใช้สก็อตเทปติดทับลงไปอีกที เพราะกระดาษเหล่านี้มีอายุร่วมสิบปีแล้วหญิงสาวหยิบสมุดเขียนแบบอีกเล่มมาเปิดดู เล่มนี้เขตไทได้รวบรวมคดีที่บิดาเป็นคนทำทั้งหมดเอาไว้ สมัยก่อนท่านสร้างชื่อเสียงไว้มากมาย เพราะจัดว่าเป็นข้าราชการตำรวจที่ใจซื่อมือสะอาด และเด็ดขาดในการทำงานมากที่สุดคนหนึ่งน้องชายของเธอในตอนนั้นมองพ่อของตนเองเป็นฮีโร่ตลอดเวลา ตอนเขตไทยังเด็ก เขามักพูดเสมอว่าจะเป็นตำรวจอย่างพ่อให้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าความคิดของเด็ก ๆ ในวันนั้นจะยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขาราวกับคำสาบานหยาดน้ำใสเริ่มคลอขึ้นมาอีกครั้งจนภาพเ
“พี่พลมีอะไรมาให้แกดู เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับแกโดยตรงเลยไอ้โอม และที่สำคัญคนที่ซวยกำลังจะเป็นฉัน” ภีมพลพูดพลางเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ทั้งหมดสาวเท้าเข้าสู่ห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่อยู่ด้านในสุดสารวัตรจุมพลหยิบภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยื่นให้พชร ชายหนุ่มรับมาแล้วก้มลงมองภาพนั้นอย่างสนใจ แต่แล้วก็ต้องตกใจจนเผลออุทานออกมา“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย ใครเอามาให้ครับพี่พล”ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถามสารวัตร พลางดูภาพถัดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงภาพหนึ่งซึ่งซูมเข้าใกล้ข้อความในกระดาษ พออ่านข้อความในนั้นเสร็จ พชรถึงกับหน้าถอดสี“เมื่อคืนได้รับแจ้งเข้ามาว่ามีคนร้ายฆ่าแมวด้วยการปาดคอ แล้วทิ้งศพแมวไว้ในรถของคุณรินลดา บนตัวแมวมีกระดาษวางอยู่ ในนั้นเขียนข้อความด้วยหมึกสีน้ำเงินเอาไว้ตามที่เห็นในรูปนั้นแหละ” สารวัตรหนุ่มอธิบายสั้น ๆ ให้พชรฟัง ซึ่งคนฟังถึงกับงงงวยอย่างหนัก เมื่อได้ยินสารวัตรบอกว่ารถที่เกิดเหตุเป็นรถของใคร“รถของรินลดาหรือครับพี่พล” พชรถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากสารวัตรหนุ่มด้วยคำอธิบายเพิ่มเติม“ใช่ รถของคุณรินลดา ที่มี
พอได้ยินอย่างนั้นภีมพลจึงไม่คิดจะคาดคั้นซักถามอะไรพี่ชายอีก เพราะรู้ว่าที่จุมพลพูดมาก็มีเหตุผล และหากเจ้าตัวยืนยันมาแบบนี้ย่อมหมายความว่าเขาจะไม่มีทางยอมปริปากบอกออกมาแน่นอน ครั้นหันไปทางเพื่อนรักอย่างพชร ก็เห็นกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเองจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย“จริงสิ พี่มีสายอยู่ในคลับของผมด้วยหรือ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง”ภีมพลนึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำการล่อซื้อยาไอซ์จากดีเจอาร์มโดยพนักงานคนหนึ่งของคลับที่เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ“อืม ถ้าแกรู้แล้วจะเรียกว่าสายสืบได้ยังไงวะ ไอ้นี่ก็ถามแปลก แล้วก็ไม่ต้องไปถามหาหรอกนะว่าใคร เพราะพี่ยังต้องอาศัยเขาอีกเยอะ”จุมพลพูดดักทางน้องชาย เพราะไม่ต้องการให้คริสถูกเปิดเผยฐานะว่าเป็นตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบ เนื่องจากเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของคริส อีกทั้งยังมีงานอีกหลายคดีที่ยังคงต้องพึ่งพาให้คริสช่วยหาข่าวให้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ควรจะต้องเป็นเรื่องลับสุดยอดต่อไป และให้มีคนรู้น้อยที่สุดจะดีกว่า โชคดีที่เมื่อคืนเขาสั่งห้ามไม่ให้ภีมพลกับพชรลงไปดูการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังคอยกันไม่ใ
ช่อมาลีมาถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ เนื่องจากคิดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนนอนว่าวันจันทร์รถต้องติดแน่ ๆ เมื่อเช้าเลยตัดสินใจออกมาตอนตีห้าครึ่ง ปรากฏว่าวันนี้เธอมาถึงที่ทำงานก่อนใครเพื่อน เพราะถนนตอนเช้าตรู่กลับโล่งจนน่าแปลกใจ หญิงสาวมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ยังไม่เจ็ดโมงเลยด้วยซ้ำ แม่บ้านคงยังมาไม่ถึงแน่นอน จะมีก็แต่รปภ. ที่อยู่โยงเฝ้าอาคารเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งพอเห็นหญิงสาวมาแต่เช้าก็อดจะถามไถ่กันไม่ได้“อ้าว...คุณช่อมาลี ทำไมวันนี้มาแต่เช้าล่ะครับ”พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนเอ่ยทักขึ้น หญิงสาวจึงยิ้มแหย ๆ ส่งให้ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้คนถาม“เมื่อวานไปนอนที่บ้านแม่น่ะค่ะ กะเวลาไม่ถูกว่าควรจะออกมาตอนกี่โมงดีจะได้ไม่มาสาย ก็เลยออกมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง กลายเป็นว่าวันนี้ถนนโล่งมาก เลยได้มาเฝ้าออฟฟิศเป็นเพื่อนน้านี่ไง”ช่อมาลีพูดติดตลกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง แต่เวลาอย่างนี้ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน สุดท้ายจึงตัดสินใจหยิบบัตรพนักงานขึ้นมาสแกนเพื่อเปิดประตูเข้าไปในนั้นช่อมาลีขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นบนสุดแล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนเองทันที งานเข้าตอ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ พชรหันไปมอง เห็นช่อมาลีหิ้วถุงใส่โจ๊กพร้อมกับถือถาดใส่จานชามช้อน และแก้วน้ำอย่างเตรียมพร้อมกำลังเปิดประตูเข้ามาอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ เข้าไปเปิดประตูให้อ้าออกกว้างขึ้น แล้วแย่งถาดนั้นมาถือไว้เสียเอง จากนั้นขายาว ๆ ก็ก้าวนำไปยังโต๊ะที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันกับเธอช่อมาลีลอบมองใบหน้าอิดโรยของชายหนุ่มระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกัน สีหน้าเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจัดว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก สุดท้ายก็อดถามเขาไม่ได้“ท่านประธานมีปัญหาอะไรอยู่รึเปล่าคะ ดูเครียด ๆ”พชรเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มนิด ๆ ย้อนถามกลับไป“ทำไม หน้าผมดูเครียดขนาดนั้นเลยหรือ”“ก็...ค่ะ” ช่อมาลีไม่กล้าถามเขาต่อ เพราะหากเขาอยากเล่าก็คงเล่าให้ฟังเองจึงปิดปากนิ่งเสีย“เครียดเรื่องปัญหาที่คลับน่ะ อีกอย่างคงเพราะผมยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนด้วยน่ะแหละมั้ง ก็เลยดูเพลีย” พชรตอบไป เพราะเขารู้ดีว่าลึก ๆ แล้วหญิงสาวรู้ว่าปัญหาที่เขากำลังพูดถึงนั้นหมายถึงเรื่องอะไร“อ้าว...นี่ท่านประธานยังไม่ได้นอนเลยหรือคะ” ช่
“ให้ผมไปส่งนะ จากที่นี่ไปบ้านของแม่คุณคงไกลน่าดู”พชรขันอาสา วันนี้เขามัวแต่นอนทั้งวัน หลังกินข้าวกลางวันอิ่มเขาก็นอนอีกรอบ ตื่นมาอีกทีช่วงบ่ายสามก็ต้องนั่งอ่านรายงานต่าง ๆ จึงทำให้ไม่มีเวลาออกมาคุยกับเธอเท่าไร เลยอยากจะอาศัยจังหวะที่ขับรถไปส่งเธอที่บ้านสร้างความใกล้ชิดให้มากยิ่งขึ้นตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ตเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกว่าเขาคิดกับช่อมาลีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จะว่าไปเขาอาจจะรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วก็ได้ เพียงแต่เริ่มมาเด่นชัดเอาก็ตอนที่ได้จูบกับเธอนั่นเอง“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน ดิฉันกลับเองดีกว่าค่ะ อีกอย่าง ดิฉันนัดกินข้าวกับเพื่อนเอาไว้ด้วย คงไม่รบกวนท่านประธานหรอกค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”ช่อมาลีฉีกยิ้มหวาน ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในลิฟต์ด้วยความรีบร้อน ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมองประตูลิฟต์ที่เพิ่งปิดลงไปด้วยความงุนงงปนสงสัย แต่เขาก็พยายามสลัดมันทิ้งไปเพราะคิดว่าเธออาจจะมีนัดกับเพื่อนในวงดนตรีด้วยกันก็ได้ ถึงได้กลัวว่าเขาจะขอตามไปส่งช่อมาลีมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาเล็กน้อย จึงลองโทร. ไปยังเบอร์ที่อ
ช่วงปลายสัปดาห์ของการทำงาน ช่อมาลีเริ่มปรับตัวให้คุ้นกับการต้องนั่งรถทางไกลจากบ้านมารดามาที่ทำงานได้แล้ว แต่ขากลับนั้นจะเรียกว่าสะดวกสบายก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากสักเท่าไร เพราะพชรอาสาไปส่งทุกวันไม่เคยขาด จะปฏิเสธบ่อย ๆ ก็เกรงใจเขา อีกทั้งลึก ๆ แล้วเธอเองก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเขาบ้าง แม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามทีช่อมาลีเดินมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ทว่าพอนั่งได้ไม่นาน แม่บ้านประจำตึกคนหนึ่งก็เดินเอากล่องพัสดุขนาดไม่ใหญ่นักมายื่นให้ หญิงสาวรับมาโดยไม่ได้คิดอะไร หน้ากล่องมีกระดาษพิมพ์ชื่อของเธอ และที่อยู่ของบริษัทนี้แปะเอาไว้ด้านหน้าแต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง พลันนั้นเธอนึกไปถึงเรื่องที่อารยา อดีตเลขาฯ ของพชรมาเล่าให้ฟังทันที ลางสังหรณ์แปลก ๆ เริ่มขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวนั่งมองกล่องใบนั้นอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้กรรไกรตัดเชือกออกเธอทดลองเขย่ากล่องนั้นดูเบา ๆ เพื่อฟังเสียง ข้างในเหมือนมีวัตถุแข็ง ๆ บางอย่างไม่ใหญ่นักอยู่ในนั้นเพียงอย่างเดียว ช่อมาลีหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาตัดกระดาษกาวที่แปะรอบตัวกล่องออก ช่วงที่กำลังจะเปิดฝากล่อง พชรก็เดินออกจากลิฟต์มาแล
“หิวสิถึงได้รีบกลับมานี่ไง นึกว่าคุณยังไม่กินเสียอีกจะได้กินด้วยกัน” พูดพลางเอื้อมมือไปถือจานกับถุงอาหารเสียเอง แต่ไม่ยอมถือแก้วโกโก้เย็นที่เขาสั่งไว้ก่อนหน้า จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในห้องทำงานเพื่อให้เลขาฯ สาวเดินตามเข้าไปแต่โดยดี“ดิฉันนึกว่าท่านประธานจะกินมาจากข้างนอกเสียอีก” ช่อมาลีเดินเข้าไปวางแก้วโกโก้บนโต๊ะตรงหน้าเขา“ไม่ล่ะ อยากกินข้าวกับคุณมากกว่า งานยุ่งไหมวันนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่แฝงความนัยในถ้อยประโยค ทำเอาคนฟังรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ หญิงสาวจับกรอบแว่นตาให้เข้าที่ตอนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตาเขา ก่อนจะตอบคำถามไปแบบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง“ก็...ไม่เท่าไรค่ะ ทำไปเรื่อย ๆ”“งั้นก็ดีเลย มานั่งเป็นเพื่อนผมกินข้าวหน่อยสิ” พชรพูดพลางเลื่อนกองเอกสารตรงหน้าหญิงสาวย้ายเอาไปไว้อีกมุมโต๊ะเพื่ออำนวยความสะดวกเต็มที่ ช่อมาลีไม่อยากนั่งเพราะไม่อยากให้ตนเองหวั่นไหวไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่กล้าขัดจึงหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขาแต่โดยดีหญิงสาวตวัดตามองเขาแล้วรีบหลุบตาลงต่ำ เพราะกลัวเขารู้ว่าเธอแอบมอง ในขณะที่คนถูกแอบมองกลับเงยหน้าขึ้น
“ตอนนี้ที่คลับลูกค้าเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะระบบรักษาความปลอดภัย และการคัดกรองพนักงานที่เข้มงวดมากขึ้น ผู้จัดการคลับก็มีสองคน คนหนึ่งดูแล และแก้ปัญหาเกี่ยวกับลูกค้า อีกคนหนึ่งดูแลพนักงานทั้งหมด ฝ่ายบัญชี และจัดซื้อก็ยังใช้พนักงานชุดเก่า มีวงดนตรีที่มาเล่นประจำให้ที่คลับสามวงต่อสัปดาห์ ซึ่งวงบัตเตอร์ฟลายจะเล่นศุกร์เสาร์อาทิตย์เหมือนเดิม แต่เล่นแค่รอบเดียวคือรอบปิดท้าย ส่วนอีกรอบเราจะใช้นักดนตรีจากอีกวงหนึ่งมาเล่นให้ เท่ากับว่าในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์จะมีวงดนตรีมาเล่นให้วันละสองวง”“ผมคิดว่าเราน่าจะเพิ่มบาร์ค็อกเทลนะพี่ จัดสักมุมหนึ่งของฮอลล์ มีบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อสาวสวยเป็นคนผสมเครื่องดื่มให้ตามแต่ที่ลูกค้าต้องการเหมือนตามโรงแรมน่ะ”รชตเสนอความเห็นให้พี่ชาย เขาเคยไปที่คลับหลายครั้งแล้ว และเขาคิดว่าที่คลับควรจะต้องมีบาร์ค็อกเทลเหมือนเมืองนอก หรือตามโรงแรมใหญ่ ๆ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า“อืม...ก็น่าสนใจนะ พี่ก็เคยคุยเรื่องการขยายพื้นที่ของซุสกับภีมมันเหมือนกัน เพราะได้ข่าวมาว่าผับที่อยู่ถัดไปจากซุสกำชังจะหมดสัญญาเช่าที่ พี่กับเจ้าภีมเลยคิดว่าจะไปเทก
สองปีต่อมาพชรนั่งคิ้วขมวดเป็นปมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับนิ้วมือที่กำลังคีย์ข้อความลงไปอย่างรัวเร็ว สลับกับการรื้อกองเอกสารที่ไร้ระเบียบตรงหน้าอย่างวุ่นวาย เขาจำไม่ได้แล้วว่านั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไรแล้ว รู้แต่ว่าเขาต้องจัดการเอกสารกองนี้ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วสรุปทุกอย่างใส่ลงในเอ็กเซล เพื่อที่จะได้เอากลับไปทำต่อที่บ้านเขาไม่อยากแบกเอกสารหนาหนักพวกนี้กลับไปด้วย เพราะนอกจากเสี่ยงที่จะสูญหายแล้ว ช่อมาลีก็อาจทนไม่ได้จนต้องลงมือเข้ามาช่วยเขาจัดการกับพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้น เธอเพิ่งคลอดบุตรชายคนแรกให้เขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาอยากให้หญิงสาวพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกาย มากกว่าที่จะต้องมาทำงานให้เขาทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว และเลิกคุมกำเนิดด้วยการกินยาแต่หันมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบธรรมชาติแทน ตอนที่คุยกัน ช่อมาลียังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กันสองคนแบบนี้ไปก่อน ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วย ทั้งที่ตอนแรกเขาอยากมีลูกเร็ว ๆ ให้พ่อกับแม่ได้อุ้มหลานทว่าไม่นานนักความต้องการของเขาก็สัมฤทธิ์
“ต้องยังงี้สิ ไปกันเถอะ” พชรโอบไหล่พาช่อมาลีเข้าไปในงาน ซึ่งการจัดงานนั้นเป็นแบบเปิดโล่งริมชายหาด รถสปอร์ต และยนตรกรรมสุดหรูจอดเรียงรายกันบนหาดทราย โดยมีพริตตี้สาวสวยในชุดบิกินีคาดช่วงล่างด้วยผ้าบาติกมัดย้อมคลุมจนถึงเข่าโดยมัดปมไว้ที่สะโพกอีกข้างหนึ่งเพื่ออวดเรียวขาวับแวมยืนให้คำอธิบายเกี่ยวกับสมรรถนะต่าง ๆ อยู่ข้างรถตลอดทั้งวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติแห่กันเข้ามาดูรถหรูไม่ขาดสาย บ้างก็มาเพื่อถ่ายรูปสาวสวยที่ยืนข้างตัวรถ บ้างก็มาเพื่อขอทดลองนั่งด้านใน และก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบงานในวันสุดท้าย หรือวันที่สามของการจัดงาน ซึ่งสิ่งที่ทำให้ท่านประธานยิ้มไม่หุบเลยนั่นก็คือยอดจองรถที่ทะลุเป้าหมายจากที่วางเอาไว้ถึงสองร้อยเปอร์เซ็นต์ ถือเป็นการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก“ผมขอดื่มให้กับทุกคนสำหรับงานมินิมอเตอร์โชว์ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพวกคุณทุก ๆ คนที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แทบจะเรียกว่าดีมากจนเกินเป้าหมายที่ผมวางไว้ด้วยซ้ำ ขอบคุณมากครับ”พชรลุกขึ้นยืนตอนที่พูด คนอื่น ๆ จึงลุกขึ้นตามไปด้วยพร้อมกับยกแก้
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย แปลว่าที่พูดไปเมื่อกี้นี่ฟังไม่รู้เรื่องใช่ไหมคุณ”ช่อมาลีวางช้อนและส้อมลงทันที สองตาตวัดมองไปยังคนหน้าไม่อายตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่คนถูกมองหาได้เกรงกลัวไม่ เขากลับหัวเราะคิกคักพลางจ้องคนสวยหน้าบึ้งด้วยแววตาเป็นประกายราวกับถูกอกถูกใจนักหนา“โอเค...ไม่ลุกใช่ไหม...ได้”ช่อมาลีคลี่ยิ้มเยือกเย็นส่งให้พร้อมกับทำท่าจะคว้าเอาแก้วน้ำส้มที่วางอยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ไวพอเท่าชายหนุ่มที่เอื้อมมาคว้าไปได้ก่อนพร้อมกับดื่มน้ำส้มแก้วนั้นเสียเองจนหมดแก้วไปต่อหน้าต่อตาช่อมาลีลุกพรวดขึ้นทันที ตั้งใจไว้ว่าจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมให้มาลากเขาออกไป พอดีกับที่พชรรีบเดินเร็ว ๆ กลับมาที่โต๊ะด้วยท่าทางเอาเรื่องเพราะเห็นแฟนสาวกำลังถูกคุกคาม“มีอะไรรึเปล่าม็อท” พชรถามหญิงสาวแต่สายตาจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มาก้อร่อก้อติกแฟนสาว จนเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ และได้มองหน้าของผู้ชายคนนั้นชัด ๆ จากสายตากรุ่นโกรธก็เปลี่ยนเป็นเบิกกว้างขึ้นทันที“อ้าวเฮ้ย! เจ้าอาร์ต นี่แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย”พชรพูดเสียงไม่เบานักเพราะความประหลาดใจที่เห็นน
ช่อมาลีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด แล้วก็ปิดตาลงไปเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏเป็นแผงอกหนั่นแน่นของใครบางคน เธอตั้งสติแล้วลืมตาขึ้นมามองใหม่อย่างไม่ค่อยแน่ใจในสายตาของตนเองเท่าไรนัก ตาคู่สวยเบิกกว้าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อความทรงจำแสนวาบหวามเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาสู่ความทรงจำอีกครั้งช่อมาลีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสบายใจ วางท่อนแขนหนัก ๆ พาดไว้ที่เอวของเธอพร้อมกับเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ หญิงสาวผงกศีรษะขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของเขาให้เต็มสองตา เพราะในเวลาปกติ เธอไม่อาจมองเขานาน ๆ ได้ตั้งแต่รู้ตัวว่าคิดกับเขาไม่เหมือนเดิมใบหน้ายามหลับของพชรแลดูอ่อนโยนไม่มีพิษมีภัย เครื่องหน้าลงตัว อย่างผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดี เขาไม่ใช่คนหล่อชนิดที่ว่าเห็นครั้งแรกแล้วต้องตะลึงมองเหมือนคริส เพื่อนในวงดนตรี แต่เขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก โดยเฉพาะนัยน์ตาเจ้าเล่ห์คู่นี้ที่ตวัดมองมาแต่ละครั้งก็สามารถทำให้ใจแทบละลายได้ แล้วไหนจะรอยยิ้มมุมปากแสนกระชากใจนั่นอีกเล่าที่สะกดสาว ๆ มานักต่อนักแล้ว ไม่เว้นแม้กระท
ชายหนุ่มรัดร่างหญิงสาวไว้จากด้านหลัง แล้วดันให้เธอเดินหน้าไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่อยู่กลางห้อง แต่เจ้าหล่อนกลับพยศรั้งตัวเองไว้ไม่ยอมเดินไปตามเขา พชรจึงตัดสินใจช้อนตัวขึ้นอุ้มเสียเลย“คุณโอมขา ม็อทขอโทษที่โกหก ก็ม็อทอยากว่ายน้ำนี่นา”หญิงสาวกระถดตัวหนีเมื่อพชรวางเธอลงบนเตียง จนเสื้อคลุมหลุดลุ่ยอวดผิวขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงของบิกินี่ตัวจิ๋ว“อยากว่ายก็ว่ายไปสิครับ ผมไม่ได้หวงสักหน่อยนี่นา สระว่ายน้ำที่นี่จะคุณหรือผมใช้ได้ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อมองเห็นหยดน้ำจากเส้นผมที่เปียกลู่ของเธอกำลังไหลผ่านซอกแคบระหว่างภูเขาย่อม ๆ สองลูกให้ตายเถอะ! เขาอยากใช้ปากและลิ้นเช็ดตัวเธอให้แห้งจริง ๆ“ถ้าม็อทว่ายตอนคุณโอมอยู่ อย่างกับว่าม็อทจะได้ว่ายสบาย ๆ งั้นแหละ ก็คุณน่ะชอบมาหาเศษหาเลยกับม็อทเรื่อยเลย”ช่อมาลีบ่นงอดแงดพลางเอาหมอนมากอดไว้เพื่อบังร่างเกือบเปลือยของตนเองเมื่อเห็นสายตาราวกับจะกลืนกินของเขาพชรหลุดขำหัวเราะร่า ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เธอเผลอกระโดดเข้าตะครุบตัวหญิงสาวแล้วกอดเอาไว้แน่น ช่อมาลีดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอ
พชรพูดพลางโอบหญิงสาวไว้หลวม ๆ มือเขาแตะอยู่บริเวณแผลที่เริ่มตกสะเก็ดหลายรอยนั่นอย่างทะนุถนอม“ม็อทก็ไม่รู้ค่ะว่าต้องนานแค่ไหน แต่คุณโอมเบื่อง่าย ม็อทก็แค่กลัวโดนหลอกฟันแล้วทิ้งน่ะ” หญิงสาวแกล้งพูดติดตลก แต่ในใจคิดอย่างนั้นจริง ๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่กองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่“นี่แน่ะ คิดมากไปได้ เห็นผมเลวร้ายขนาดนั้นเชียว”ชายหนุ่มแจกมะเหงกลงที่กลางกระหม่อมของหญิงสาวไม่แรงนัก ก่อนจะหอมแก้มหนัก ๆ แล้วรั้งตัวเธอให้นอนราบลงมาก่ายเกยกับร่างเขาบนเก้าอี้อาบแดดตัวเดียวกัน“อ้าว...นี่คุณโอมไม่รู้ตัวเลยหรือคะว่าตัวเองน่ะดูเพลย์บอยมากแค่ไหน” ช่อมาลีนอนเอาแก้มแนบกับแผงอกเขา ฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างในนั้นอย่างปลื้มปริ่ม“คุณรักม็อทตรงไหนคะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเจอม็อทแรก ๆ คุณก็ทำท่าจะลากม็อทขึ้นเตียงอย่างเดียวเลย ตอนเป็นเลขาฯ คุณก็ชอบมาหยอกนั่นหยอกนี่เหมือนหมาหยอกไก่”“คุณรู้รึเปล่าว่าผมกับไอ้ภีมจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ ไม่กินไก่วัด แต่คุณทำให้ผมต้องแหกกฎครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไหน ผมไม่อยากยอมรับตัวเองด้วยซ้ำว่าผม
สัปดาห์หน้าต้องไปภูเก็ตกับเขาอีก ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดจากเขาได้สักแค่ไหนกัน เห็นเขาชอบหาเศษหาเลยกับเธอบ่อย ๆ ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเขาหวังเพียงแค่อยากเชยชมเรือนร่างของเธอรึเปล่า และถ้าถึงวันที่เธอเพลี่ยงพล้ำไปกับเขาจริง ๆ เขาจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหม หรือว่าได้แล้วก็เลิกใส่ใจเพราะหมดความตื่นเต้น หมดความน่าค้นหา ระยะเวลาที่คบกันก็น้อยนิดเหลือเกินจนไม่สามารถสร้างความมั่นใจอะไรได้เลยตั้งแต่ลงจากเครื่องมา พชรก็เอาแต่เกาะกุมมือของช่อมาลีไว้ตลอดเวลาจนหญิงสาวคร้านจะขัดขืนกับเขา เพราะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฟังแน่นอน ทว่าพอมาเห็นสายตากึ่งล้อเลียนของผู้จัดการสุชาติที่มารอรับที่สนามบินแล้วก็อดเขินขึ้นมาไม่ได้“สวัสดีครับคุณโอม คุณช่อมาลี เชิญทางนี้เลยครับ”สุชาติยิ้มแย้มแจ่มใส แกล้งทำเป็นไม่เห็นมือที่สอดประสานกันของสองหนุ่มสาว และใบหน้าแดงระเรื่อของช่อมาลี ก่อนจะเดินนำไปที่รถของตน“ตกลงเรื่องที่ผมให้ทำได้เรื่องว่ายังไงบ้างคุณสุชาติ”พชรถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงรถแล้วเปิดประตูให้ช่อมาลีขึ้นนั่งที่เบาะหลัง ส่วนตนก็ย้ายไปนั่งด้านหน้าค
“ที่รัก เข้ามาหาผมหน่อยสิ”เสียงจากอินเตอร์คอมที่ดังขึ้นบนโต๊ะ ทำให้ช่อมาลีกระวีกระวาดออกจากห้องแคนทีนโดยด่วน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่ไม่มีใครขึ้นมาจนได้ยินประโยคเมื่อครู่ มิเช่นนั้นเธอได้ดังกระฉ่อนไปทั่วบริษัทในเรื่องการใช้เต้าไต่แน่ ๆ ซึ่งแหล่งปล่อยข่าวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกสาว ๆ แฟนคลับของท่านประธานสุดหล่อนั่นเอง“ท่านประธานคะ อย่าเรียกอย่างนี้ในที่ทำงานได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไงคะ” ช่อมาลีเปิดประตูเข้าไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวบ่นให้เขาทันทีเธอบอกเขาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไรแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่สนใจจะทำตามเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขาไม่สนใจสายตาของพนักงานทั้งบริษัทอีกด้วย เพราะไม่ว่าเขาจะไปไหนมักจะหนีบเธอไปด้วยเสมอ อย่างเช่นเวลาออกมากินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัท เขาก็มักจะคว้ามือของเธอไปจับจูงต่อหน้าต่อตาคนอื่นเป็นประจำ บางคราวก็โอบเอวโอบไหล่แม้ว่าเธอจะปรามเขาไปหลายครั้งแล้วก็ตาม“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ก็คุณเป็นที่รักของผมนี่ ผมอยากเรียกคุณอย่างนี้นี่นา...มานี่เลย มาส่งส่วยซะดี ๆ”