เขาพูดจบก็ลองหมุนลูกบิดประตู พอเห็นว่าไม่ได้ล็อกจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปข้างใน ตาคมกวาดมองไปทั่วห้องก็ไม่พบหญิงสาว ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ หมายความว่าเธอไม่ได้อยู่ในนั้นแน่นอน ครั้นพอเห็นว่าบนเตียงมีกระเป๋าเสื้อผ้าวางไว้จึงค่อยโล่งใจที่หญิงสาวไม่ได้ป่วยไข้อย่างที่เขากังวล
“คงออกไปเดินเล่นล่ะมั้ง” ชายหนุ่มปิดประตูให้ตามเดิมแล้วมาหย่อนตัวนั่งบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ หยิบรีโมตขึ้นมากดดูรายการข่าวภาคเช้า แต่สมองกลับไพล่นึกไปถึงแต่เรื่องเมื่อคืน
เสียงกุกกักดังอยู่หน้าประตูสักพักก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างระหงของช่อมาลีก้าวเข้ามาในห้องพัก ตาคู่สวยเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา และกำลังมองมาทางนี้พอดี
“ไปเดินสูดอากาศมาหรือคุณช่อ” พชรทักขึ้นก่อน ช่อมาลีจึงเดินมานั่งอีกด้านของโซฟา
“ลงไปเดินเล่นที่ชายหาดมาน่ะค่ะ อากาศดีมากก็เลยลงไปถ่ายรูปเล่น” ช่อมาลีบอกเขายิ้ม ๆ ไม่กล้าสบตาคมกล้าที่จ้องมองมาไม่เลิก จึงเสไปมองโทรทัศน์ ทำทีเป็นสนใจข่าวที่กำลังนำเสนออยู่
“โธ่...ไปคนเดียว ชวนกันสักคำไม่มีเลยนะ” พชรแกล้งทำหน้าง้ำบ่นอุบ ช่อมาลีหัวเราะคิกก่อนจะบอกเขาไป<
ดีเจสาวมองชายหนุ่มข้าง ๆ ที่ครั้งหนึ่งตนเคยหลงรักอย่างสงสารปนหวาดระแวง ตั้งแต่เมื่อวันก่อนที่เธอขอปฏิเสธในการรู้เห็น และร่วมมือเกี่ยวกับการซ่อนของ ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยคุยด้วยสักเท่าไร ถึงแม้เขาจะมีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ยังดีที่ไม่เอ่ยอะไรออกมาเป็นการทำร้ายจิตใจกัน ท่าทางเขาเหมือนยอมรับด้วยซ้ำว่าสักวันเธอจะต้องไม่ทำตามที่เขาขอร้องมิวรู้ว่าดีเจอาร์มจะต้องโดนเขาเล่นงานในเร็ววันนี้แน่ ดีไม่ดีอาจจะเป็นวันนี้ด้วยซ้ำเพราะเขาคนนั้นไล่ให้เธอกลับบ้านทันทีที่เลิกงาน น่าแปลกว่าแทนที่เขาจะกลัวที่เธอล่วงรู้สถานะของเขาว่าเป็นใครแล้วจะเปิดโปงให้คนอื่นได้รับรู้ กลับกลายเป็นว่าเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเกรงกลัวเขา ทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งของเขาแต่โดยดีอีกต่างหาก และที่น่าเจ็บใจอีกอย่างก็คือจากที่เคยโกรธ ไม่ชอบใจที่เขาชอบถึงเนื้อถึงตัว ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกโหยหาสัมผัสจากเขา โดยเฉพาะรสจูบวาบหวามที่เขาจะชิงปล้นไปจากเธอก่อนทุกครั้งที่นัดเจอกันก่อนจะเริ่มต้นพูดคุยเป็นการเป็นงาน อย่างเช่นเมื่อตอนหัวค่ำเป็นต้นมิวปัดความรู้สึก และใบหน้าคมเข้มของใครบางคนออกไปจากห้วงความคิดก่อนจะหันกลั
ช่อมาลีนั่งอยู่ท่ามกลางกองกระดาษหนังสือพิมพ์เก่า ๆ และสมุดเขียนแบบหลายเล่มที่หญิงสาวเพิ่งรื้อค้นมาได้จากห้องของน้องชาย มือสั่นเทาหยิบภาพข่าวเก่า ๆ เกี่ยวกับคดีของบิดาที่เขตไทรวบรวมเอาไว้มาดูทีละแผ่น ๆ เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขตไทมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของบิดาให้สำเร็จลุล่วงถึงเพียงนี้ดูเหมือนว่าข่าวการเสียชีวิตของบิดา เขตไทจะหยิบอ่านบ่อยที่สุด เพราะเนื้อกระดาษเริ่มยุ่ยจนต้องเอามาแปะกาวติดไว้ในสมุดเขียนแบบ แล้วใช้สก็อตเทปติดทับลงไปอีกที เพราะกระดาษเหล่านี้มีอายุร่วมสิบปีแล้วหญิงสาวหยิบสมุดเขียนแบบอีกเล่มมาเปิดดู เล่มนี้เขตไทได้รวบรวมคดีที่บิดาเป็นคนทำทั้งหมดเอาไว้ สมัยก่อนท่านสร้างชื่อเสียงไว้มากมาย เพราะจัดว่าเป็นข้าราชการตำรวจที่ใจซื่อมือสะอาด และเด็ดขาดในการทำงานมากที่สุดคนหนึ่งน้องชายของเธอในตอนนั้นมองพ่อของตนเองเป็นฮีโร่ตลอดเวลา ตอนเขตไทยังเด็ก เขามักพูดเสมอว่าจะเป็นตำรวจอย่างพ่อให้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าความคิดของเด็ก ๆ ในวันนั้นจะยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขาราวกับคำสาบานหยาดน้ำใสเริ่มคลอขึ้นมาอีกครั้งจนภาพเ
“พี่พลมีอะไรมาให้แกดู เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับแกโดยตรงเลยไอ้โอม และที่สำคัญคนที่ซวยกำลังจะเป็นฉัน” ภีมพลพูดพลางเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ทั้งหมดสาวเท้าเข้าสู่ห้องทำงานของเจ้าของบ้านที่อยู่ด้านในสุดสารวัตรจุมพลหยิบภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ยื่นให้พชร ชายหนุ่มรับมาแล้วก้มลงมองภาพนั้นอย่างสนใจ แต่แล้วก็ต้องตกใจจนเผลออุทานออกมา“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ย ใครเอามาให้ครับพี่พล”ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นถามสารวัตร พลางดูภาพถัดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงภาพหนึ่งซึ่งซูมเข้าใกล้ข้อความในกระดาษ พออ่านข้อความในนั้นเสร็จ พชรถึงกับหน้าถอดสี“เมื่อคืนได้รับแจ้งเข้ามาว่ามีคนร้ายฆ่าแมวด้วยการปาดคอ แล้วทิ้งศพแมวไว้ในรถของคุณรินลดา บนตัวแมวมีกระดาษวางอยู่ ในนั้นเขียนข้อความด้วยหมึกสีน้ำเงินเอาไว้ตามที่เห็นในรูปนั้นแหละ” สารวัตรหนุ่มอธิบายสั้น ๆ ให้พชรฟัง ซึ่งคนฟังถึงกับงงงวยอย่างหนัก เมื่อได้ยินสารวัตรบอกว่ารถที่เกิดเหตุเป็นรถของใคร“รถของรินลดาหรือครับพี่พล” พชรถามย้ำอีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับการยืนยันจากสารวัตรหนุ่มด้วยคำอธิบายเพิ่มเติม“ใช่ รถของคุณรินลดา ที่มี
พอได้ยินอย่างนั้นภีมพลจึงไม่คิดจะคาดคั้นซักถามอะไรพี่ชายอีก เพราะรู้ว่าที่จุมพลพูดมาก็มีเหตุผล และหากเจ้าตัวยืนยันมาแบบนี้ย่อมหมายความว่าเขาจะไม่มีทางยอมปริปากบอกออกมาแน่นอน ครั้นหันไปทางเพื่อนรักอย่างพชร ก็เห็นกำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจมจ่อมอยู่กับความคิดของตนเองจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย“จริงสิ พี่มีสายอยู่ในคลับของผมด้วยหรือ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง”ภีมพลนึกขึ้นมาได้ถึงเรื่องเมื่อคืนที่ทำการล่อซื้อยาไอซ์จากดีเจอาร์มโดยพนักงานคนหนึ่งของคลับที่เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ“อืม ถ้าแกรู้แล้วจะเรียกว่าสายสืบได้ยังไงวะ ไอ้นี่ก็ถามแปลก แล้วก็ไม่ต้องไปถามหาหรอกนะว่าใคร เพราะพี่ยังต้องอาศัยเขาอีกเยอะ”จุมพลพูดดักทางน้องชาย เพราะไม่ต้องการให้คริสถูกเปิดเผยฐานะว่าเป็นตำรวจสายสืบนอกเครื่องแบบ เนื่องจากเขาเป็นห่วงสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของคริส อีกทั้งยังมีงานอีกหลายคดีที่ยังคงต้องพึ่งพาให้คริสช่วยหาข่าวให้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ควรจะต้องเป็นเรื่องลับสุดยอดต่อไป และให้มีคนรู้น้อยที่สุดจะดีกว่า โชคดีที่เมื่อคืนเขาสั่งห้ามไม่ให้ภีมพลกับพชรลงไปดูการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังคอยกันไม่ใ
ช่อมาลีมาถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ เนื่องจากคิดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนนอนว่าวันจันทร์รถต้องติดแน่ ๆ เมื่อเช้าเลยตัดสินใจออกมาตอนตีห้าครึ่ง ปรากฏว่าวันนี้เธอมาถึงที่ทำงานก่อนใครเพื่อน เพราะถนนตอนเช้าตรู่กลับโล่งจนน่าแปลกใจ หญิงสาวมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ยังไม่เจ็ดโมงเลยด้วยซ้ำ แม่บ้านคงยังมาไม่ถึงแน่นอน จะมีก็แต่รปภ. ที่อยู่โยงเฝ้าอาคารเพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งพอเห็นหญิงสาวมาแต่เช้าก็อดจะถามไถ่กันไม่ได้“อ้าว...คุณช่อมาลี ทำไมวันนี้มาแต่เช้าล่ะครับ”พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนเอ่ยทักขึ้น หญิงสาวจึงยิ้มแหย ๆ ส่งให้ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้คนถาม“เมื่อวานไปนอนที่บ้านแม่น่ะค่ะ กะเวลาไม่ถูกว่าควรจะออกมาตอนกี่โมงดีจะได้ไม่มาสาย ก็เลยออกมาตั้งแต่ตีห้าครึ่ง กลายเป็นว่าวันนี้ถนนโล่งมาก เลยได้มาเฝ้าออฟฟิศเป็นเพื่อนน้านี่ไง”ช่อมาลีพูดติดตลกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างสุดเซ็ง แต่เวลาอย่างนี้ก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน สุดท้ายจึงตัดสินใจหยิบบัตรพนักงานขึ้นมาสแกนเพื่อเปิดประตูเข้าไปในนั้นช่อมาลีขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นบนสุดแล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตนเองทันที งานเข้าตอ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ พชรหันไปมอง เห็นช่อมาลีหิ้วถุงใส่โจ๊กพร้อมกับถือถาดใส่จานชามช้อน และแก้วน้ำอย่างเตรียมพร้อมกำลังเปิดประตูเข้ามาอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มก้าวยาว ๆ เข้าไปเปิดประตูให้อ้าออกกว้างขึ้น แล้วแย่งถาดนั้นมาถือไว้เสียเอง จากนั้นขายาว ๆ ก็ก้าวนำไปยังโต๊ะที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกันกับเธอช่อมาลีลอบมองใบหน้าอิดโรยของชายหนุ่มระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกัน สีหน้าเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจัดว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก สุดท้ายก็อดถามเขาไม่ได้“ท่านประธานมีปัญหาอะไรอยู่รึเปล่าคะ ดูเครียด ๆ”พชรเลิกคิ้วขึ้นพลางยิ้มนิด ๆ ย้อนถามกลับไป“ทำไม หน้าผมดูเครียดขนาดนั้นเลยหรือ”“ก็...ค่ะ” ช่อมาลีไม่กล้าถามเขาต่อ เพราะหากเขาอยากเล่าก็คงเล่าให้ฟังเองจึงปิดปากนิ่งเสีย“เครียดเรื่องปัญหาที่คลับน่ะ อีกอย่างคงเพราะผมยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืนด้วยน่ะแหละมั้ง ก็เลยดูเพลีย” พชรตอบไป เพราะเขารู้ดีว่าลึก ๆ แล้วหญิงสาวรู้ว่าปัญหาที่เขากำลังพูดถึงนั้นหมายถึงเรื่องอะไร“อ้าว...นี่ท่านประธานยังไม่ได้นอนเลยหรือคะ” ช่
“ให้ผมไปส่งนะ จากที่นี่ไปบ้านของแม่คุณคงไกลน่าดู”พชรขันอาสา วันนี้เขามัวแต่นอนทั้งวัน หลังกินข้าวกลางวันอิ่มเขาก็นอนอีกรอบ ตื่นมาอีกทีช่วงบ่ายสามก็ต้องนั่งอ่านรายงานต่าง ๆ จึงทำให้ไม่มีเวลาออกมาคุยกับเธอเท่าไร เลยอยากจะอาศัยจังหวะที่ขับรถไปส่งเธอที่บ้านสร้างความใกล้ชิดให้มากยิ่งขึ้นตั้งแต่กลับมาจากภูเก็ตเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกว่าเขาคิดกับช่อมาลีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จะว่าไปเขาอาจจะรู้สึกอย่างนี้มานานแล้วก็ได้ เพียงแต่เริ่มมาเด่นชัดเอาก็ตอนที่ได้จูบกับเธอนั่นเอง“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน ดิฉันกลับเองดีกว่าค่ะ อีกอย่าง ดิฉันนัดกินข้าวกับเพื่อนเอาไว้ด้วย คงไม่รบกวนท่านประธานหรอกค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”ช่อมาลีฉีกยิ้มหวาน ก่อนจะผลุบหายเข้าไปในลิฟต์ด้วยความรีบร้อน ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนมองประตูลิฟต์ที่เพิ่งปิดลงไปด้วยความงุนงงปนสงสัย แต่เขาก็พยายามสลัดมันทิ้งไปเพราะคิดว่าเธออาจจะมีนัดกับเพื่อนในวงดนตรีด้วยกันก็ได้ ถึงได้กลัวว่าเขาจะขอตามไปส่งช่อมาลีมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาเล็กน้อย จึงลองโทร. ไปยังเบอร์ที่อ
ช่วงปลายสัปดาห์ของการทำงาน ช่อมาลีเริ่มปรับตัวให้คุ้นกับการต้องนั่งรถทางไกลจากบ้านมารดามาที่ทำงานได้แล้ว แต่ขากลับนั้นจะเรียกว่าสะดวกสบายก็คงเรียกได้ไม่เต็มปากสักเท่าไร เพราะพชรอาสาไปส่งทุกวันไม่เคยขาด จะปฏิเสธบ่อย ๆ ก็เกรงใจเขา อีกทั้งลึก ๆ แล้วเธอเองก็อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับเขาบ้าง แม้จะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตามทีช่อมาลีเดินมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ทว่าพอนั่งได้ไม่นาน แม่บ้านประจำตึกคนหนึ่งก็เดินเอากล่องพัสดุขนาดไม่ใหญ่นักมายื่นให้ หญิงสาวรับมาโดยไม่ได้คิดอะไร หน้ากล่องมีกระดาษพิมพ์ชื่อของเธอ และที่อยู่ของบริษัทนี้แปะเอาไว้ด้านหน้าแต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง พลันนั้นเธอนึกไปถึงเรื่องที่อารยา อดีตเลขาฯ ของพชรมาเล่าให้ฟังทันที ลางสังหรณ์แปลก ๆ เริ่มขึ้นมาในความคิดอย่างรวดเร็ว หญิงสาวนั่งมองกล่องใบนั้นอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้กรรไกรตัดเชือกออกเธอทดลองเขย่ากล่องนั้นดูเบา ๆ เพื่อฟังเสียง ข้างในเหมือนมีวัตถุแข็ง ๆ บางอย่างไม่ใหญ่นักอยู่ในนั้นเพียงอย่างเดียว ช่อมาลีหยิบคัตเตอร์ขึ้นมาตัดกระดาษกาวที่แปะรอบตัวกล่องออก ช่วงที่กำลังจะเปิดฝากล่อง พชรก็เดินออกจากลิฟต์มาแล
“คนลามก!” ช่อมาลีขว้างค้อนเข้าใส่ ก่อนจะรีบเดินให้ถึงห้องน้ำ พชรจึงรีบลากเสาน้ำเกลือตามไปให้ทัน พอมาถึงเขาก็จัดแจงเอาเสาน้ำเกลือไปไว้ในห้องน้ำให้ แล้วก็ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ยอมขยับไปไหน“ออกไปสิคะ ฉันจะเข้าห้องน้ำ”“จะไม่ให้ผมช่วยหรือ ผมช่วยเช็ดตัว หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณได้นะ” พชรถูมือไปมา นัยน์ตาวิบวับเป็นประกาย“ไม่ต้องค่ะ ม็อททำเองได้ เชิญค่ะ” เธอชี้ไปที่ประตูเป็นการบอกให้เขาออกไป ชายหนุ่มจึงเดินออกมายืนรอข้างนอกห้องน้ำด้วยสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์“โธ่...ทำอย่างกับผมไม่เคยเห็น”ช่อมาลีถลึงตาใส่เมื่อจู่ ๆ เขาก็พูดจาแปลก ๆ“หมายความว่ายังไงคะคุณโอม เคยเห็น เห็นอะไร”ช่อมาลีคาดคั้นคนที่หลุดปากพูดออกมา พชรจึงได้แต่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแก้เก้อ แต่ในหัวกำลังเรียบเรียงคำพูดให้ฟังดูดีที่สุด“เอ่อ...ตอนที่ไปภูเก็ต คืนที่เราไปกินเลี้ยงกันที่ดาดฟ้าโรงแรม พอมาถึงห้องผมก็ตื่นพอดี ก็เลยอยากว่ายน้ำ ว่ายไปว่ายมาก็บังเอิญไปเห็นคุณกำลังนอนแช่ในอ่างพอดีน่ะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ มันบังเอิญเห็นจริง ๆ สาบานได้ ผมอยู่นิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับจนคุณเด
“ผมไล่คุณออก ผมไม่ให้คุณผ่านโปร คุณช่อมาลี!” พชรยืนจ้องคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสายตากรุ่นโกรธ ช่อมาลีพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่ถูกแทงบริเวณชายโครงส่วนคนที่ยืนทำหน้าโกรธพอเห็นหญิงสาวหน้าเบ้เพราะเจ็บแผลก็หลุดมาดเข้ม รีบปราดเข้าไปประคองทันที“จะลุกขึ้นมาทำไม เดี๋ยวแผลก็ฉีกหรอก ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างนี้นะ” ชายหนุ่มประคองร่างคนป่วยจนนั่งได้ จากนั้นก็กุลีกุจอเอาหมอนมาซ้อนไว้ที่หลังของหญิงสาว แล้วกดปุ่มปรับระดับหัวเตียงให้ยกขึ้น“ดิฉันขอทราบเหตุผลที่ท่านประธานจะไล่ดิฉันออกด้วยค่ะ”ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำเอ่อคลอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ เธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ทั้งที่เธอก็พยายามทำงานให้เขาชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่องแท้ ๆ แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดมันคืออะไร ที่เขาดีกับเธอเพราะเห็นเป็นแค่ลูกน้องอย่างนั้นหรือช่อมาลีมัวแต่คิดน้อยใจคนตรงหน้า จนลืมนึกไปว่าที่ตนต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ก็เพราะเอาตนเองเป็นเหยื่อล่อฆาตกรในต
“วันนี้คุณต้องตื่นนะคนสวย ถ้าคุณไม่ตื่นผมก็จะนั่งเฝ้าคุณอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณจะตื่นนั่นแหละ”พชรพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ลากเก้าอี้ที่วางชิดกำแพงอีกด้านมานั่งอยู่ข้างเตียง เขาถือวิสาสะเลิกเสื้อของหญิงสาวขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นบริเวณที่เป็นแผล สายตาทอประกายเจ็บปวดเมื่อเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าพชรคว้ามือของช่อมาลีขึ้นมาแตะริมฝีปากของตนเองลงไปเบา ๆ จากนั้นก็ประสานนิ้วมือของเขากับเธอเข้าไว้ด้วยกัน มีเพียงแรงกระเพื่อมจากอกเท่านั้นที่บอกเขาว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นแทบไม่ขยับ จนกระทั่งร่างกายเริ่มฝืนความอ่อนล้าต่อไปไม่ไหว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เอนซบลงไปบนเตียงของหญิงสาวแรงสะกิดที่ไหล่จากเบา ๆ ก็เริ่มจะหนักขึ้นมาเรื่อย ๆ จนพชรต้องสะดุ้งตื่น เขาไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของผู้กองชินกฤตกำลังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างจงใจ ข้างกันกับนายตำรวจหนุ่มคือช่อฟ้า มารดาของช่อมาลีที่มองมาทางเขาอย่างเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน จนกระทั่งพชรก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง ถึงเพิ่งรู
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ โชคดีที่พามาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เนื่องจากว่าคนไข้เสียเลือดไปมาก ทางโรงพยาบาลก็เพิ่งให้เลือดไป ตอนนี้คงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูไปก่อนเพราะต้องคอยดูอาการเป็นระยะ ๆ และยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมนะครับ”แพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวจบก็เดินจากไป คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กันโดยเฉพาะเขตไทที่พอฟังจบก็เดินเข้ามาหาพชรแล้วยกมือไหว้อย่างขอบคุณ“พี่ครับ ผมต้องขอบคุณพี่มากที่ตอนนั้นพี่รีบพาพี่มาลีขึ้นรถมาโรงพยาบาล เพราะผมก็มัวแต่...” เขตไทพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบเสียงลงไปเพราะก้อนสะอื้นเริ่มขึ้นมาจุกที่คอ ตอนนั้นเขามัวแต่เล่นงานคนที่แทงพี่สาวจนลืมนึกไปว่าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล กลับกลายเป็นพชรที่มาถึงก็รีบช้อนตัวพี่สาวเขาอุ้มขึ้นรถมาทันที“ไม่เป็นไรหรอกคนกันเอง ขอแค่ให้ช่อมาลีเขาปลอดภัยก็พอแล้ว”พชรหันไปยิ้มให้พร้อมกับตบบ่าเด็กหนุ่มเบา ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงใจเขาก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมดแล้ว“ขอบคุณมากครับคุณ...” ผู้กองชินกฤตเอ่ยขอบคุณพชร พลางยื่นมือออกมา พชรจึงยื่นมื
ทันทีที่ส่งตัวช่อมาลีถึงมือแพทย์ พชรก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดเรี่ยวแรง ในใจได้แต่ปลอบตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่าถึงมือหมอแล้วเธอต้องปลอดภัย ทั้งที่ลึก ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักชายหนุ่มเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องที่ช่อมาลีกำลังเข้ารับการรักษา เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแขนขวาแล้วหยดลงพื้นแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจมันเท่าไร พชรจึงเดินไปจับไหล่อีกข้างแล้วบีบเบา ๆ“ชื่อเขตใช่ไหมเรา พี่ว่าไปทำแผลก่อนดีกว่าไหม เลือดไหลใหญ่แล้วนะ” พชรมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มที่มีส่วนละม้ายกับพี่สาวอยู่มากอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขารู้มาจากช่อมาลีว่ายังตามตัวของเขตไทไม่พบ แต่อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็กลับโผล่มาเสียเอง ใจนึกอยากจะถามให้รู้เรื่องรู้ราวแต่ติดที่ว่าตัวเขายังเป็นคนนอกสำหรับครอบครัวนี้อยู่ จึงไม่สมควรไปก้าวก่าย“แต่ผมเป็นห่วงพี่มาลี พี่ผมจะเป็นอะไรไหม ถ้าผมไปทำแผลแล้วเกิดหมอเขาต้องการเลือดด่วนล่ะ” เขตไทบอกกับพชรด้วยสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงพี่สาวจนลืมอาการปวดที่บาดแผลของตนเองไปเสียสิ้น“ถึงมือหมอแล้วยังไงพี่สาวนายก็ต้องปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้
“จะเป็นสายจากโรงพักรึเปล่านะ” หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้สึกใจกระตุกแปลก ๆ กับสายที่โทร. เข้ามาเมื่อครู่ แล้วก็ให้เสียดายที่ไม่ได้กดรับ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าสายเมื่อครู่น่าจะเป็นเขตไท น้องชายของเธอที่โทร. เข้ามา หรืออาจเป็นสายจากตำรวจที่ทำคดีของน้องชายเธออยู่หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ กะเอาไว้ว่าจะไปเอนหลังนอนบนเก้าอี้ยาวในห้องล็อกเกอร์สักหน่อย ก็พอดีกับที่มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังพอดีจึงหันไปตามเสียงเรียก“ม็อท คุณโอมให้ไปหาที่รถแน่ะ เห็นบอกว่าอยากไปกินบะหมี่อะไรเนี่ยแหละ เขารออยู่”“อ้าวงั้นหรือ ขอบคุณนะคะ” คราวแรกช่อมาลีนึกระแวงไม่น้อย แต่พออีกฝ่ายพูดถึงบะหมี่ที่เคยพาพชรไปกินด้วยกันแล้วจึงคิดว่าชายหนุ่มน่าจะเรียกหาอยู่จริง ๆ เพราะเรื่องนี้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้นที่รู้หญิงสาวรีบเดินออกไปทางประตูด้านหลังที่จะออกไปสู่ลานจอดรถสำหรับพนักงาน สายตาระแวดระวังสอดส่ายไปทั่วบริเวณ พอไม่เห็นว่ามีใครเดินตามมาจึงค่อยโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง จากนั้นจึงรีบก้าวเร็ว ๆ เพื่อไปให้ถึงรถยุโรปคันหรูที่จำได้ติดตา แสงไฟสปอร์ตไลต์ที่ส่องสว่างในบริเวณลานจอดรถนั้นช่ว
เสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ของชายหนุ่มขณะกำลังพูดชิดริมฝีปากอิ่ม เขาเอาหน้าผากแนบกับเธอแล้วระดมจูบย้ำ ๆ ที่เรียวปากนุ่มหอมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทว่าหญิงสาวที่เหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝันดูเหมือนจะไม่รับรู้ถ้อยคำจากเขาเท่าไร นัยน์ตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้มดูล่องลอยกำลังปลุกแรงปรารถนาในกายเขาขึ้นอีกครั้ง“อย่าทำหน้าอย่างนี้ถ้าไม่อยากถูกผมลักพาตัวขึ้นไปข้างบน”เขาพูดไปในขณะที่ปากก็พร่ำจุมพิตไปทั่วหน้า หญิงสาวมองเขาที่เคลื่อนไหววนเวียนอยู่แถว ๆ ใบหน้าและซอกคอไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นจับหน้าเขาไว้“คุณโอมก็หยุดสิคะ อย่าแกล้งม็อท เดี๋ยวม็อทต้องขึ้นแสดงแล้ว”ให้ตายเถอะ เสียงของเธอหายไปไหนหมดนี่ เมื่อครู่สาบานได้ว่าเธอพยายามที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมมันถึงได้สั่นพร่าจนฟังเหมือนกระซิบมากกว่าอย่างนี้เล่า“คนที่โดนแกล้งคือผมมากกว่า คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าเพราะต้องการคุณ รู้บ้างรึเปล่า” เขากดสะโพกเธอให้เข้ามาบดเบียดแก่นกายร้อนผ่าวอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันสิ่งที่ตนเองพูด“เดี๋ยวม็อทต้องไปแล้วค่ะคุณโอม” เธอดันอกกว้างของเขาให้ถอยห่างอย่างมีชั้นเชิง ปลายนิ้ว
ช่อมาลีนั่งมองเพื่อนชายที่ยืนกอดอกจ้องไปทางบูธดีเจตาแทบไม่กะพริบด้วยความสงสัย ครั้นพอหันมองตามสายตาของคริสไป หญิงสาวก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน“ไอ้จิล เราตกข่าวอะไรไปรึเปล่าวะ” เวลาอยู่กับเพื่อน เธอมักจะพูดจาแบบนี้เสมอด้วยความเคยชิน เพราะเป็นเรื่องปกติระหว่างพวกเธออยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันมา“อืม...คริสมันกำลังตกอยู่ในห้วงรัก” จิลตอบเพื่อนยิ้ม ๆ พลางพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ในบูธดีเจช่อมาลีทำตาโตราวกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะปกติเห็นคริสควงแต่สาวเซ็กซี่ร้อนแรง แล้วนึกอย่างไรถึงได้มาลงเอยกับสาวใส ๆ แบบมิวได้“วู้...ไม่น่าเชื่อ” หญิงสาวได้แต่อุทานเบา ๆ ไม่ใช่ว่าดีเจมิวไม่สวย จากที่เห็นด้วยตา มิวจัดว่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเพราะเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ นัยน์ตากลมโต จมูกเล็ก ๆ แก้มป่อง ปากอิ่มสีสดจนเธอนึกอิจฉา รูปร่างก็กะทัดรัดดูน่าทะนุถนอม แต่ที่เธอแปลกใจก็เพราะไม่คิดว่าคริสจะมาแพ้ทางสาวสไตล์นี้เข้าจนได้“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ แ
ขาไปกลับระหว่างที่นี่กับที่คลับเขาก็ไม่ต้องห่วง เพราะเพื่อนในวงของเธอมารับส่งถึงที่อยู่แล้ว เขารู้ดี“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง”ช่อมาลียกมือไหว้ขอบคุณเขาแต่กลับไม่กล้าสบตาด้วย เมื่อครู่ตอนที่นั่งอยู่ในรถ เขาก็ดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ตลอดเวลา จะชักออกก็ไม่กล้าเพราะกลัวเขาโกรธ“อืม...ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวผมกลับแล้ว” ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงตัวรถ มือสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองอย่าง เพราะกลัวมันจะยืดยาวไปคว้าร่างของเธอมากอดไว้ช่อมาลีหมุนตัวเดินเข้าไปแตะคีย์การ์ดหน้าประตูเพื่อเข้าไปด้านใน อะพาร์ตเมนต์ หญิงสาวหันกลับมามองเขาอีกครั้งก็ยังเห็นเขายืนพิงรถมองอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งลิฟต์มาแล้วจึงก้าวเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มจึงขึ้นรถของตนเองแล้วขับออกไปทันทีเมื่อมาถึงห้อง ช่อมาลีคว้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟามากอดแน่น รอยยิ้มระบายเต็มวงหน้าทั้งปากทั้งตาอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงได้หักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับเขาไม่ได้สักที แม้ไม่รู้ว่าการกระทำที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเอ็นดูเธอในฐานะลูกน้อง หรืออะไรก็ตาม เ