หน้าหลัก / โรแมนติก / เล่ห์หวนรัก / บทที่ 6 นาฬิกาไม่เดินถอยหลัง - 100%

แชร์

บทที่ 6 นาฬิกาไม่เดินถอยหลัง - 100%

ผู้แต่ง: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-18 20:01:02

"วันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะ มีธุระกับที่บ้านน่ะ ถ้าจันทร์มีปัญหาอะไรก็โทร. หาพี่ได้ตลอดเวลาไม่ต้องเกรงใจ หรือไม่มีปัญหาอะไรก็โทร. มาได้ ถ้าเป็นสายจากจันทร์ พี่แสตนด์บายรอเสมอ"

"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอตัวนะคะ" หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนเดินออกจากห้อง เธอรู้ว่าเขายังคงมองตามหลังมาอยู่จึงพยายามไม่เบนสายตาไปทางนั้น ครั้นพอออกมานอกห้องก็เจอกับกิตติกร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดซึ่งดูแลไปถึงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ด้วย จันทร์เจ้าจึงค้อมศีรษะให้เขาในฐานะที่ตนตำแหน่งต่ำกว่า

"คุณชินอยู่ในห้องใช่ไหม" กิตติกรถามพลางชี้เข้าไปในห้อง

"อยู่ค่ะ แต่เห็นท่านประธานบอกว่าจะขอตัวกลับบ้านก่อน คุณกิตติกรจะคุยกับท่านเรื่องกระทู้ในเว็บบอร์ดใช่ไหมคะ"

หญิงสาวลองถามเขาดูเพราะคิดว่าชินดนัยคงส่งอีเมลถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดเดานักเพราะกิตติกรพยักหน้าให้แทนการตอบรับ

"งั้นหรือ ไม่เป็นไร เอาไว้พรุ่งนี้ผมค่อยมาคุยอีกทีก็แล้วกัน" กิตติกรยิ้มให้เลขาฯ คนใหม่ก่อนจะเดินกลับห้องทำงานของตัวเอง

คล้อยหลังผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประตูห้องทำงานของชินดนัยก็เปิดออก ชายหนุ่มเลิกคิ้วข

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 7 มีลูกแล้ว - 35%

    จันทร์เจ้าเปลี่ยนจากชุดทำงานมาใส่ชุดลำลองแล้วลงมารับประทานมื้อเย็น เธอเห็นมารดากำลังยืนพูดโทรศัพท์อยู่ในครัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางยกมือทาบอกไปด้วยก็อดสงสัยไม่ได้"แม่จันทร์จ๋า" เสียงใส ๆ จากพราวนภาส่งเสียงเรียกมาจากห้องนั่งเล่น หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหา"จ๋าหนูพราว วันนี้หนูหม่ำข้าวหมดจานไหมคะ" เธอก้มตัวอุ้มเด็กหญิงมาไว้ในอ้อมกอดแล้วหอมแก้มทั้งซ้ายขวา พราวนภาจึงหอมกลับไปบ้าง"หนูพราวกินไม่หมด ยายจ๋าทำข้าวมีแคเหลาะ หนูพราวไม่ชอบ"จันทร์เจ้ายิ้มอย่างเอ็นดูพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟาแล้วให้หลานตัวน้อยนั่งบนตัก"แคร์รอตค่ะลูก ไม่ใช่แคเหลาะนะ ไหนลองพูดซิ...แคร์รอต" หญิงสาวเน้นสองคำหลังช้า ๆ เพื่อให้พราวนภาพูดตาม"แคร์-รอต" เด็กน้อยพูดตามชัดถ้อยชัดคำ"ถูกต้อง ลูกสาวใครน้อ เก่งที่สุดในโลกเลย" จันทร์เจ้าหอมแก้มยุ้ย ๆ ทั้งสองข้างอีกครั้ง"ลูกสาวแม่จันทร์เจ้ากับแม่ตะวันค่า" พราวนภาฉีกยิ้มกว้างจนลักยิ้มที่แก้มซ้ายบุ๋มลงไป หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปลูบเบา ๆ เพราะหลานสาวตัวน้อยช่างน่ารักเหลือเกิน"แคร์รอตกินแล้วดีนะคะหน

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 7 มีลูกแล้ว - 70%

    เช้าวันถัดมา จันทร์เจ้านำของใช้ที่จำเป็นสำหรับพราวนภาไปไว้บนรถ ทั้งเสื้อผ้า ผ้าห่มผืนโปรด เบาะรองนอนแบบพับได้ รวมไปถึงอาหารและนมกล่อง เพราะจะได้ไม่ต้องลงไปซื้อที่มินิมาร์ตด้านล่างอาคารให้เสียเวลา"หนูพราวสวัสดีคุณยายก่อนลูก วันนี้คุณยายต้องไปต่างจังหวัดนะคะ คืนนี้คงไม่ได้นอนกับหนูพราว" จันทร์เจ้าบอกหลานสาว พราวนภาจึงกอดตุ๊กตาตัวโปรดไว้แนบอกแล้วกระพุ่มมือไหว้ผู้เป็นยายก่อนจะเดินเข้าไปกอดขาอย่างออดอ้อน"ยายจ๋าจะไปเที่ยว ทำไมไม่ให้หนูพราวไปด้วยคะ"พรรณีลูบศีรษะเล็ก ๆ ของหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดู "ยายไม่ได้ไปเที่ยวนะลูก ยายไปทำงานค่ะ หนูพราวไปกับยายไม่ได้หรอก แต่ยายไปแค่ไม่กี่วันก็กลับแล้ว หนูพราวอยู่กับคุณแม่ต้องเป็นเด็กดีนะคะ" พูดกับหลานเสร็จก็หันไปพูดกับบุตรสาว"กุญแจบ้านเอาไปรึยัง ลืมไม่ได้เชียวนะไม่อย่างนั้นเข้าบ้านกันไม่ได้""อยู่ในกระเป๋าแล้วค่ะคุณแม่ไม่ต้องห่วง คุณแม่เองก็ขับรถดี ๆ นะคะ""อืม รีบไปกันเถอะ สายไปกว่านี้แล้วรถมันจะติด แม่เองก็คงออกจากบ้านสักประมาณสิบโมงนั่นแหละ""ค่ะ...เราขึ้นรถกันดีกว่าค่ะหนูพราว เดี๋ย

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 7 มีลูกแล้ว - 100%

    "ตามปกติ ต่อให้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่เด็กก็มักใช้นามสกุลของพ่อไม่ใช่หรือวะ" เขารู้สึกสะกิดใจตรงนี้ที่สุด และสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขาอีกเรื่องก็คือพราวนภามีใบหน้าละม้ายคล้ายใครบางคนที่เขารู้จัก แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าใครเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะทำงานดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เขาหยิบขึ้นมากดรับสายทันทีที่เห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา"เออว่าไง" เขากรอกเสียงลงไปด้วยคำทักทายที่เป็นกันเองเพราะคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือภาวิน"บ่ายนี้มึงอยู่ออฟฟิศรึเปล่า""อยู่ แต่ไม่ยุ่งเท่าไร ถามทำไม" ชินดนัยถามกลับเพราะคิดว่าเพื่อนสนิทน่าจะชวนออกไปข้างนอก"ไม่ยุ่งก็ดี งั้นสักบ่ายครึ่งกูจะเข้าไปหา มีอะไรจะปรึกษาหน่อย""โอเค แล้วไอ้ปกล่ะจะมาด้วยรึเปล่า" เขาถามถึงปกเกล้า เพื่อนสนิทอีกคน"เห็นว่าไปดูทำเลเปิดสาขาใหม่ที่บุรีรัมย์""อ้อ...สนามแข่งรถที่นั่นกำลังบูมเลยนี่" เขาเห็นด้วยที่ปกเกล้าจะไปเปิดร้านขายอุปกรณ์แต่งรถสำหรับซูเปอร์คาร์ที่บุรีรัมย์เพราะเคยคุยกันมาหลายครั้งแล้วว่าที่นั่นน่าสนใจ"ใช่ เอาเป็นว่าเจอกันช่วงบ่ายละกันเพื่อน แค่น

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 8 พ่อของพราวนภา - 35%

    "พ่อมาหาหนูพราวแล้ว" พราวนภายิ้มเขิน สองแขนแกว่งไกวไปมาราวกับกำลังดีใจอย่างที่สุด แววตาไร้เดียงสาเป็นประกายสดใสมองคนตัวโตตรงหน้าตาแทบไม่กะพริบ"หืม...พ่อหรือ"ภาวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจพลางยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างลืมตัว กำลังจะพูดปฏิเสธออกไปว่าตนไม่ใช่บิดาของเด็กน้อย แต่พอเห็นดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่มองมาอย่างคาดหวังเขาก็พูดไม่ออก เพราะเกรงว่าคำพูดของตนจะไปทำร้ายจิตใจเด็กหญิงตัวน้อยเข้าแต่เหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างกำลังคืบคลานเข้าสู่หัวใจอย่างช้า ๆ และความรู้สึกนั้นก็พิเศษจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขารู้สึกผูกพันและถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างน่าประหลาดทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก และที่สำคัญคือจู่ ๆ เขาก็รู้สึกอยากกอดเด็กคนนี้แน่น ๆ แนบอกตราบนานเท่านานทันใดนั้นสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับรอยบุ๋มเล็ก ๆ น่ารักที่ข้างแก้มใสอมชมพูของเด็กน้อยตรงหน้าทันที"โอ๊ะ! เรามีลักยิ้มเหมือนกันเลยค่ะ" ภาวินชี้ลักยิ้มที่แก้มซ้ายของตัวเองก่อนจะใช้นิ้วจิ้มเบา ๆ ที่ลักยิ้มบนแก้มของพราวนภา

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 8 พ่อของพราวนภา - 70%

    "จะไปรู้ได้ยังไง ป่านนี้คงไปทำงานที่ใหม่แล้วมั้ง" ชินดนัยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ"ที่ใหม่ที่ว่านั่นคือบ้านมึงรึเปล่าไอ้ชิน ได้ข่าวว่าเขาอยากเป็นสะใภ้บ้านมึงมากไม่ใช่หรือ" ภาวินพูดยิ้ม ๆ จึงถูกชินดนัยชูนิ้วกลางให้พร้อมกับพูดว่า"บ้านกูยังไม่ต้องการสะใภ้ตอนนี้ เชิญมึงก่อนเลยเพื่อน จะได้เอาไว้ช่วยงานบริษัทมึงด้วยไง""ยังไม่ต้องการเหมือนกันว่ะ" พูดจบภาวินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนคนฟังต้องเขม้นมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนจันทร์เจ้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดใส่กาแฟและน้ำเปล่า หญิงสาวเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าภาวินหนึ่งชุด และฝั่งตรงข้ามสำหรับเจ้านายอีกหนึ่งชุด จากนั้นก็ทำท่าจะหันหลังเดินกลับไปที่ประตู"ขอบคุณมากครับ" ภาวินยิ้มจนตาหยีให้เช่นเคย จันทร์เจ้าจึงยิ้มตอบพร้อมกับผงกศีรษะให้อย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบและปิดประตูให้ตามเดิมตั้งแต่เดินเข้ามาจนกระทั่งเดินออกไป หญิงสาวไม่มองไปทางเจ้านายหนุ่มเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ชายหนุ่มเขาจับจ้องเธอจนตาแทบไม่กะพริบ กระทั่งเห็

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 8 พ่อของพราวนภา - 100%

    พูดจบชินดนัยก็ก้มมองมือตัวเองที่กำลังถูไปมาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ จึงไม่ทันเห็นสายตาของเพื่อนรักที่มองมาอย่างเห็นใจ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ภาวินก็ตบบ่าเขาพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง"เฮ้ย! ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน มันก็แค่เชื้อเอชไอวีไม่ใช่หรือวะ สมัยนี้เขารักษากันได้แล้ว คนที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องเป็นเอดส์กันทุกคนนี่หว่า บางคนแข็งแรงแถมยังอายุยืนกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ มันก็เหมือนกับเชื้อหวัดที่ทุกคนมีอยู่ในร่างกายนั่นแหละวะ แค่ดูแลตัวเองให้ดีก็ไม่มีโรคแทรกซ้อนแล้ว สมัยนี้การแพทย์เขาพัฒนาจะตายไป"ได้ยินเพื่อนพูดมาอย่างนั้นชินดนัยก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะรู้สึกว่าคำพูดของภาวินชักฟังแปร่ง ๆ หู กำลังจะอ้าปากแก้ไขความเข้าใจผิดแต่อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน"ต่อให้มึงจะเป็นอะไร ยังไงมึงก็เพื่อนกูนะเว้ยไอ้ชิน พวกเราคบกันมาตั้งแต่ยังใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นจนถึงตอนนี้อายุก็แตะเลขสามกันแล้ว มึงคิดว่าพวกกูจะเลิกคบกับมึงเพราะรังเกียจที่มึงติดเชื้อเอชไอวีรึไงวะ ไอ้บ้า""มึงสิบ้า! กูพูดสักคำรึยังว่ากูติด คิดไปถึงไหนวะไอ้วิน เดี๋ยวกูถีบเลย" ไม่พูดเปล่า แต่ชินดนัยยังยกเท

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 9 ลักยิ้มน่าสงสัย - 35%

    ชินดนัยกับภาวินมากินมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าอาคารเดียวกับออฟฟิศของตน หลังจากที่ทั้งคู่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ชินดนัยจึงชวนคุยเรื่องงานของเพื่อน"แล้วนี่จะลาออกเมื่อไร"ภาวินเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถอนหายใจแผ่วก่อนตอบ "บอกที่บ้านไว้ว่าขอเวลาสองเดือน พรุ่งนี้ว่าจะไปยื่นใบลาออกแล้วละ มะรืนนี้ก็ต้องบินอีก""ทำงานเครื่องสำอางแบบนี้ อย่าไปเผลอเคี้ยวพวกพรีเซ็นเตอร์สวย ๆ ล่ะ" ชินดนัยพูดยิ้ม ๆ"เฮ้ยไอ้บ้า จะทำอย่างนั้นได้ยังไง กูเป็นผู้บริหารนะเว้ย ขืนทำแบบนั้นก็เสียการปกครองหมด ว่าแต่มึงเถอะ เลิกแล้วเลิกเลยได้จริง ๆ หรือวะ ไม่คิดถึงวันเวลาสุดเหวี่ยงแบบนั้นบ้างรึไง"ภาวินแซวเพื่อนกลับเพราะเขาคิดว่าคนที่เคยสนุกสนานกับการขึ้นเตียงกับสาว ๆ มากหน้าหลายตาไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"เอาตรง ๆ เลยนะเพื่อน หลังจากรู้ผลตรวจว่าปกติดี ในหัวนี่มีแต่ภาพที่กูเคยคั่วสาว ๆ ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาจนถึงตอนนั้นแล้วกูขนลุกด้วยความสยองขึ้นมาทันทีเลย คำถามผุดขึ้นมาในหัวเลยนะว่ากูมั่วขนาดนั้นแล้วกูรอดมาได้ไงวะ และมึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เพราะตั

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 9 ลักยิ้มน่าสงสัย - 70%

    "หนูไม่ชอบกินขนมปังหรือคะ" ชายหนุ่มลองถามเด็กน้อยดูเมื่อเห็นเจ้าตัวเอาแต่มองถุงขนมแต่ไม่ยอมรับไป"ชอบกินค่ะ แต่ต้องขอแม่จันทร์ก่อน แม่จันทร์กับยายจ๋าไม่ให้รับของจากคนอื่น" พราวนภาอธิบายเจื้อยแจ้ว ทำเอาคนมองอย่างภาวินรู้สึกเอ็นดูจนอยากรวบตัวเข้ามากอดไว้แนบอก"ถ้าอย่างนั้นรอแม่จันทร์มาก่อนก็ได้ค่ะ แต่ระหว่างรอ เรามาถ่ายรูปด้วยกันดีไหมคะ คุณลุงอยากถ่ายรูปกับหนูพราวจังเลย"ภาวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วกดโหมดถ่ายภาพทันทีโดยไม่รอคำตอบ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พราวนภาจนแก้มเกือบชนกัน"ยิ้มสวย ๆ หน่อยค่ะคนเก่ง คุณลุงจะนับถึงสามนะคะ หนึ่ง...สอง...สาม"เขากดถ่ายไปหลายรูปด้วยความรวดเร็ว เพราะอยากได้รูปที่ชัดที่สุดเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบว่าพราวนภามีส่วนใดบนใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาบ้าง ซึ่งคนที่จะช่วยเขาดูเรื่องนี้ก็คือบิดามารดาของเขาเองชินดนัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก บุตรสาวของจันทร์เจ้าใบหน้าละม้ายคล้ายภาวินอย่างกับแกะ หากเดินด้วยกันเขาเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องมีคนคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่นอน แต่ปัญหาคือภาวินยืนยันเป

บทล่าสุด

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 100%

    "เชิญครับ ตามสบายเลย" ชินดนัยยกมือขึ้นกอดอกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่าย ครั้นพอมองไปด้านข้างก็เห็นจันทร์เจ้าอุ้มพราวนภาเดินเข้ามาใกล้ โดยเจ้าตัวเล็กได้แต่กอดคอหญิงสาวแล้วเอาหน้าซุกกับบ่าของผู้เป็นน้า ไหล่เล็ก ๆ สะท้านไหวตามแรงสะอื้นเป็นพัก ๆ ไม่ยอมหันหน้ามามองทางนี้ราวกับหวาดกลัวใครบางคน"แกก็เหมือนกัน! อย่าคิดว่ามีเจ้านายคอยถือหางแล้วจะเชิดหน้าชูคออยู่ในบริษัทนี้ได้ตลอดนะ คอยดูเถอะ ฉันจะบอกอดีตประธานให้ไล่แกออก" รัมภาหันไปแหวใส่จันทร์เจ้าอย่างเอาเรื่อง แต่หญิงสาวเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ส่งให้แล้วพูดกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็น"ถ้าคิดว่าทำได้ก็เชิญค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าอดีตท่านประธานจะมาสนใจกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วยรึเปล่า อ้อ...ฉันขอแนะนำหน่อยนะคะ ถ้าคุณอยากให้คนกราบไหว้มากนักละก็ ลองอัดรูปตัวเองใส่กรอบ หรือทำรูปปั้นครึ่งตัวขนาดเท่าคนจริงไปวางตั้งไว้หน้าตึกดูสิคะ รับรองค่ะว่านอกจากจะมีคนมากราบไหว้บูชาแล้ว ยังมีของเซ่นไหว้ไม่ขาดอีกด้วย""ว้าย! คุณแม่ขา มันหาว่าคุณแม่ตายแล้วค่ะ...พี่ชินคะ เกรซไม่ยอมนะ พี่ปล่อยให้นังเลขาฯ นี่มาว่าคุณแม่ของเกรซได้ยังไง"

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 75%

    จันทร์เจ้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง "ค่ะ"หญิงสาวลอบถอนหายใจ เธอเข้าใจดีว่าการที่ชินดนัยให้เธอติดตามไปด้วยก็เพื่อให้ตนไปทำความรู้จักกับบรรดาลูกค้าไฮโซทั้งหลาย และหากเธอสามารถจำชื่อของแต่ละคนได้ก็จะเป็นการดีกับบริษัทด้วย เพราะถือเป็นการให้เกียรติลูกค้าอย่างมาก อีกทั้งจะทำให้ลูกค้าเหล่านั้นรู้สึกเป็นคนสำคัญที่มีคนจดจำชื่อตนได้ ถือเป็นการสร้างความประทับใจอย่างหนึ่งหวังว่างานนี้จะไม่จะเจอคนรู้จักเพราะชินดนัยบอกว่ามีแต่คนในแวดวงไฮโซ ไม่ใช่กลุ่มนักธุรกิจ ตั้งแต่ครอบครัวถูกฟ้องล้มละลาย เธอกับมารดาก็ปลีกตัวออกมาใช้ชีวิตเงียบ ๆ โดยไม่ติดต่อกับบรรดาภรรยานักธุรกิจที่เคยรู้จักกันอีก คนเหล่านี้ส่วนใหญ่หน้าไหว้หลังหลอก ต่อหน้าก็ทำท่าทางเห็นใจ แต่ลับหลังกลับหัวเราะเยาะเย้ยในชะตากรรมของคนอื่นขณะที่จันทร์เจ้าจมอยู่กับภวังค์ความคิดของตัวเอง ชินดนัยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่างานประมูลครั้งนี้ หญิงสาวอาจเจอคนรู้จักก็เป็นได้ และเธอคงกำลังหนักใจอยู่กระมังที่ต้องไปออกงานพร้อมเขา"เอ่อ...พี่ขอโทษทีนะจันทร์ พี่ลืมไปเลยว่างานนี้เราอาจจะเจอคนรู้จักของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าจันทร์ไ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 50%

    วันต่อมาจันทร์เจ้าจำเป็นต้องพาพราวนภามาเลี้ยงที่ทำงานอีกหนึ่งวัน หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจว่าวันนี้ขอไม่เจอกับภาวินอีก เพราะบอกตามตรงว่ายังหาวิธีรับมือกับเขาไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้เธอต้องรีบปรึกษากับมารดาทันทีที่ท่านกลับมาถึงหลังจากปูเบาะเพื่อให้หลานสาวนั่งเล่นด้านหลังโต๊ะทำงานเสร็จเรียบร้อย เมื่อหันกลับมาก็เจอร่างสูงโปร่งของผู้เป็นเจ้านายยืนยิ้มเผล่อยู่เบื้องหน้าพอดี"สวัสดีค่ะคุณลุงประธาน" เสียงใสของพราวนภาเอ่ยทักทายพลางย่อตัวไหว้ทันทีที่เห็นหน้าของคนที่ไปเยี่ยมหาถึงบ้านเมื่อวานพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจิดจ้าไปให้"สวัสดีค่ะหนูพราว วันนี้แต่งตัวน่ารักจัง มีหูกระต่ายที่ไหล่ด้วยหรือคะ"ชินดนัยทำเสียงอ่อนเสียงหวานพลางเดินเข้าไปยืนใกล้กับจันทร์เจ้าจนไหล่แทบชนกัน หญิงสาวจึงเบี่ยงตัวไปอีกด้านเพื่อเว้นระยะห่างจากเขา เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอห่างออกไปแล้วเขาจึงย่อตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเด็กหญิงตัวน้อยแล้วพูดเบา ๆ ว่า"วันนี้เราไปหม่ำไอติมกันไหมคะ ลุงอยากกินจังเลยแต่ไม่มีเพื่อนไปกิน หนูพราวไปเป็นเพื่อนลุงหน่อยได้ไหมเอ่ย"พราวนภายิ้มพร้อ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 11 ลุงประธานชอบกินสตรอว์เบอร์รี - 25%

    เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถทำให้คนที่นั่งอยู่เบาะข้างกันอดหมั่นไส้ไม่ได้ ภาวินปรายตามองเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเอื้อมไปเร่งเสียงเพลงในรถให้ดังขึ้นพร้อมกับพูดว่า"กูจะฟังเพลง กูไม่ได้อยากฟังเสียงมึง"ชินดนัยยิ้มกว้างแล้วกดปุ่มลดเสียงจากพวงมาลัยที่จับอยู่แล้วจงใจพูดยั่วเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่คิดว่ากวนประสาทที่สุด"แต่นี่มันรถกู เพราะฉะนั้นกูจะร้องดังแค่ไหนก็ได้" พูดจบก็ร้องท่อนฮุคของเพลงเสียงดังลั่นรถ ก่อนจะตบท้ายด้วยการหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนรัก"จะเครียดไปทำไมวะไอ้วิน หรือเสียใจที่จู่ ๆ ก็มีลูกสาวโผล่มาคนหนึ่ง กูว่าหนูพราวน่ารักน่าเอ็นดูจะตายไป นี่ถ้าพ่อกับแม่มึงรู้ว่ามีหลานสาวน่ารัก ๆ อย่างนี้สงสัยตื่นเต้นกันน่าดู"ภาวินถอนหายใจเสียงดังก่อนพูด "จะไม่ให้เครียดได้ยังไงวะ ท่าทางคุณจันทร์คงไม่มีทางปล่อยหนูพราวแน่""ไม่ปล่อยก็ไม่ปล่อยสิ เขาก็ไม่ได้หนีไปไหนกันนี่หว่า มึงอยากไปหาเมื่อไรก็ได้หนูจันทร์เขาก็บอกไว้แล้วนี่ เขาไม่ได้กีดกันหรือห้ามไม่ให้มึงไปหาลูกสักหน่อย""มึงก็พูดง่ายสิ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 100%

    ทั้งสองหนุ่มเองก็เงียบไปเช่นกัน ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองไปครู่หนึ่ง"ช่วงนั้นพวกเราสามคนแม่ลูกแทบจะทำอะไรกันไม่ถูกเพราะทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน ยังดีที่มีญาติสนิทบางคน และเพื่อนของคุณแม่ที่ช่วยเหลือและแนะนำอะไรหลาย ๆ อย่าง กว่าจะผ่านจุดนั้นกันมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่พี่ตะวันเองก็เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าท้อง พูดคุยน้อยลง ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะบ่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน พี่เขาตัดการติดต่อกับเพื่อนทุกคน จันทร์กับคุณแม่ก็คิดว่าพี่ตะวันคงกำลังปรับตัวจึงไม่ได้สงสัยอะไร และช่วงนั้นจันทร์ก็มัวแต่ยุ่งกับการหางานทำด้วย คุณแม่ก็ต้องอบขนมทำเค้กไปให้ร้านต่าง ๆ ลองชิมรสชาติ ถ้าถูกปากก็จะได้สั่งไปขาย"จันทร์เจ้าเล่าไปเรื่อย ๆ จนลืมตัวเผลอใช้ชื่อตนแทนคำเรียกขาน และคนฟังก็ไม่ได้สะดุดหูกับตรงนี้เช่นกันเพราะต่างคนต่างอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง"เราสามคนก็ใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่ายอย่างนั้นเรื่อยมาจนกระทั่งพี่ตะวันคลอด หลังจากคลอดแล้วพี่เขาดูเหมือนจะยิ่งเก็บตัวและเงียบมากขึ้นกว่าเดิม ปกติคนที่เพิ่งคลอดลูกมามักจะอวบขึ้นแต่พี่ตะวันกลับซูบผอมลงไปมาก จากคนที

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 75%

    "หมาเห็นปลากระป๋อง ได้แต่มองไม่มีสิทธิ์แ..." คำสุดท้ายภาวินพูดโดยไม่ออกเสียงแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนคนที่ถูกนำไปเปรียบกับสุนัขได้แต่ชูนิ้วกลางให้เพื่อน จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องรับแขกจนกระทั่งจันทร์เจ้าพาพราวนภาเดินเข้ามาในห้องหญิงสาวเห็นสองหนุ่มพากันนั่งตัวตรงจึงก้มตัวลงไปบอกหลานตัวน้อย"หนูพราว หนูนั่งเล่นอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ขอแม่คุยกับคุณลุงเขาก่อน""แม่จันทร์จะไปไหนคะ หนูพราวไปด้วย" พราวนภาเงยหน้าถามเสียงอ่อยด้วยสายตาออดอ้อน"แม่ไม่ได้ไปไหนค่ะ แม่จะนั่งคุยตรงโต๊ะกินข้าวนี่เอง หนูพราวนั่งดูการ์ตูนไปก่อนนะลูก" พูดจบก็เดินจะไปหยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิดช่องการ์ตูน แต่รีโมตนั้นกลับวางอยู่บนเบาะข้างชินดนัย เธอมองหน้าเขา เห็นเขายิ้มกริ่มมองตอบกลับมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาถือไว้ในมือแล้วพูดว่า"หนูพราวคะ เวลาจะขอสิ่งของ หรือขอให้ผู้ใหญ่หยิบของให้ เราควรจะพูดยังไงเอ่ย"​"พูดว่าหยิบของให้หนูพราวหน่อยได้ไหมคะ" พราวนภาตอบอย่างพาซื่อ"แล้วถ้า..." ชินดนัยหยุดพูดพลางมองหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 50%

    ชินดนัยก้าวมายืนด้านหน้าบรรพตอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ภาวินก็เดินเข้าไปใกล้แล้วพูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน"แถวบ้านกูเขาเรียกปากหมานะเนี่ย จัดสักดอกดีไหมวะไอ้ชิน""เฮ้ย! พวกมึงจะหมาหมู่หรือวะ คิดว่ากูกลัวรึไง ถุย!"บรรพตถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทั้งคู่แล้วพูดอย่างอาฆาต"ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึงน่ะ อย่าให้กูเจอที่อื่นนะจะให้คนกระทืบแม่งให้ตายคาตีนเลย""ตายคาตีนกูก่อนดีไหม ปากดีฉิบหาย" ชินดนัยปรี่เข้าไปทันที บรรพตจึงรีบถอยกรูดไปที่รถของตัวเองพร้อมกับเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างลนลาน เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้ารีบไขกุญแจเปิดประตูรั้วออกมาแล้วร้องห้ามเสียงสั่น"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่ามาต่อยตีกันหน้าบ้านฉันนะ" สิ้นเสียงของหญิงสาว เสียงล้อบดถนนจากการเร่งเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มพร้อมกับที่รถสปอร์ตของบรรพตวิ่งฉิวผ่านหน้าไปจนเกือบชนจักรยานที่พนักงานรักษาความปลอดภัยขี่ตรวจตราภายในหมู่บ้านคล้อยหลังรถเจ้าปัญหา จันทร์เจ้าก็หันมามองหน้าชายหนุ่มสองคนแล้วถามอย่างเอาเรื่อง"แล้วพวกคุณสองคนมาทำไม"ภาวินทำหน้าอิหลักอิเห

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 10 เพราะชีวิตต้องเดินต่อ - 25%

    จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสะกดความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจ บรรพตเป็นบุตรชายของเจ้าสัวเอนก เพื่อนในทางธุรกิจของบิดาผู้ล่วงลับ ตอนที่บ้านของเธอยังไม่ถูกฟ้องล้มละลาย เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อเธออยู่หลายครั้ง บางทีก็เข้าหาทางบิดา ทำทีเป็นว่าให้ผู้ใหญ่พูดคุยตกลงเพื่อเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่พอบ้านของเธอไม่เหลืออะไร ผู้ชายคนนี้กลับยื่นข้อเสนอให้เธอไปเป็นเมียเก็บของเขา เพื่อแลกกับเงินเดือนละหนึ่งแสนบาท ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่เคยปริปากบอกมารดาให้ท่านทราบจนกระทั่งวันนี้ใครยอมก็โง่เต็มที!"คุณบรรพตมีธุระอะไรรึเปล่าคะถึงได้มาเวลานี้"หญิงสาวพยายามเก็บความหวาดหวั่นเอาไว้ในใจ แล้วแสดงออกมาแต่ความสงบเยือกเย็นผ่านทางสีหน้าเช่นเคย และเพราะรู้ตัวว่าตนอาจเผลอแสดงความรังเกียจออกไปทางสายตา จึงพยายามกลอกตามองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เขาสังเกตเห็น ตอนนี้เธออยู่บ้านกับเด็กเล็กแค่สองคน หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดี เขาอาจลงมือทำอะไรก็ได้"แหม...น้องจันทร์นี่ละก็ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อเต็ม มันฟังดูห่างเหินเกินไปเหมือนเราไม่ใช่คนกันเองอย่างนั้นแหละ" บรรพตยิ้มพร

  • เล่ห์หวนรัก   บทที่ 9 ลักยิ้มน่าสงสัย - 100%

    "ช่วงที่กูได้งานเป็นนักบินใหม่ ๆ กูเคยคบกับแอร์สายการบินเดียวกันอยู่คนหนึ่งชื่อตะวัน คบได้ปีกว่าก็เลิกไป และตะวันก็น่าจะเป็นพี่สาวของเลขาฯ มึงนั่นแหละ ถึงว่าสิ ตอนเห็นหน้าคุณจันทร์ครั้งแรกกูถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะสองพี่น้องนี่หน้าตาคล้าย ๆ กันนี่เอง" ภาวินก้มดูรูปในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง"ทำไมถึงเลิกวะ บอกได้ไหม" ชินดนัยอดถามไม่ได้ เพราะหากพราวนภาเป็นลูกของภาวินจริง ๆ ก็หมายความว่าพี่สาวของจันทร์เจ้าตั้งครรภ์อยู่ตอนที่เลิกรากับเพื่อนเขาภาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา แหงนคอพาดไว้กับพนักแล้วหลับตานิ่งก่อนจะตอบเบา ๆ"เขาบอกว่าเขาท้องกับคนอื่น"ทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นก็เป็นภาวินที่เปิดปากพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน"ตอนแรกก็ยังดี ๆ อยู่ ตอนบินไปปารีสก็ยังไปเที่ยวด้วยกันอยู่เลย แต่หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้สักวันสองวัน จู่ ๆ ตะวันก็โทร. มาบอกเลิกกู เขาบอกว่าคบผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยไม่ได้คบกูคนเดียว เขาท้อง และลูกในท้องก็เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เฮ้อ...บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นกูโคตรโกรธเลย วันไหนไม่มีบิน ก

DMCA.com Protection Status