"ตามปกติ ต่อให้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่เด็กก็มักใช้นามสกุลของพ่อไม่ใช่หรือวะ" เขารู้สึกสะกิดใจตรงนี้ที่สุด และสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเขาอีกเรื่องก็คือพราวนภามีใบหน้าละม้ายคล้ายใครบางคนที่เขารู้จัก แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าใคร
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนโต๊ะทำงานดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เขาหยิบขึ้นมากดรับสายทันทีที่เห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา
"เออว่าไง" เขากรอกเสียงลงไปด้วยคำทักทายที่เป็นกันเองเพราะคนที่โทรศัพท์เข้ามาคือภาวิน
"บ่ายนี้มึงอยู่ออฟฟิศรึเปล่า"
"อยู่ แต่ไม่ยุ่งเท่าไร ถามทำไม" ชินดนัยถามกลับเพราะคิดว่าเพื่อนสนิทน่าจะชวนออกไปข้างนอก
"ไม่ยุ่งก็ดี งั้นสักบ่ายครึ่งกูจะเข้าไปหา มีอะไรจะปรึกษาหน่อย"
"โอเค แล้วไอ้ปกล่ะจะมาด้วยรึเปล่า" เขาถามถึงปกเกล้า เพื่อนสนิทอีกคน
"เห็นว่าไปดูทำเลเปิดสาขาใหม่ที่บุรีรัมย์"
"อ้อ...สนามแข่งรถที่นั่นกำลังบูมเลยนี่" เขาเห็นด้วยที่ปกเกล้าจะไปเปิดร้านขายอุปกรณ์แต่งรถสำหรับซูเปอร์คาร์ที่บุรีรัมย์เพราะเคยคุยกันมาหลายครั้งแล้วว่าที่นั่นน่าสนใจ
"ใช่ เอาเป็นว่าเจอกันช่วงบ่ายละกันเพื่อน แค่น
"พ่อมาหาหนูพราวแล้ว" พราวนภายิ้มเขิน สองแขนแกว่งไกวไปมาราวกับกำลังดีใจอย่างที่สุด แววตาไร้เดียงสาเป็นประกายสดใสมองคนตัวโตตรงหน้าตาแทบไม่กะพริบ"หืม...พ่อหรือ"ภาวินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจพลางยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเองอย่างลืมตัว กำลังจะพูดปฏิเสธออกไปว่าตนไม่ใช่บิดาของเด็กน้อย แต่พอเห็นดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่มองมาอย่างคาดหวังเขาก็พูดไม่ออก เพราะเกรงว่าคำพูดของตนจะไปทำร้ายจิตใจเด็กหญิงตัวน้อยเข้าแต่เหนือสิ่งอื่นใด ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างกำลังคืบคลานเข้าสู่หัวใจอย่างช้า ๆ และความรู้สึกนั้นก็พิเศษจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เขารู้สึกผูกพันและถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างน่าประหลาดทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก และที่สำคัญคือจู่ ๆ เขาก็รู้สึกอยากกอดเด็กคนนี้แน่น ๆ แนบอกตราบนานเท่านานทันใดนั้นสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับรอยบุ๋มเล็ก ๆ น่ารักที่ข้างแก้มใสอมชมพูของเด็กน้อยตรงหน้าทันที"โอ๊ะ! เรามีลักยิ้มเหมือนกันเลยค่ะ" ภาวินชี้ลักยิ้มที่แก้มซ้ายของตัวเองก่อนจะใช้นิ้วจิ้มเบา ๆ ที่ลักยิ้มบนแก้มของพราวนภา
"จะไปรู้ได้ยังไง ป่านนี้คงไปทำงานที่ใหม่แล้วมั้ง" ชินดนัยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ"ที่ใหม่ที่ว่านั่นคือบ้านมึงรึเปล่าไอ้ชิน ได้ข่าวว่าเขาอยากเป็นสะใภ้บ้านมึงมากไม่ใช่หรือ" ภาวินพูดยิ้ม ๆ จึงถูกชินดนัยชูนิ้วกลางให้พร้อมกับพูดว่า"บ้านกูยังไม่ต้องการสะใภ้ตอนนี้ เชิญมึงก่อนเลยเพื่อน จะได้เอาไว้ช่วยงานบริษัทมึงด้วยไง""ยังไม่ต้องการเหมือนกันว่ะ" พูดจบภาวินก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนคนฟังต้องเขม้นมองหน้าเพื่อนอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกัน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนจันทร์เจ้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดใส่กาแฟและน้ำเปล่า หญิงสาวเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าภาวินหนึ่งชุด และฝั่งตรงข้ามสำหรับเจ้านายอีกหนึ่งชุด จากนั้นก็ทำท่าจะหันหลังเดินกลับไปที่ประตู"ขอบคุณมากครับ" ภาวินยิ้มจนตาหยีให้เช่นเคย จันทร์เจ้าจึงยิ้มตอบพร้อมกับผงกศีรษะให้อย่างนอบน้อมก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบและปิดประตูให้ตามเดิมตั้งแต่เดินเข้ามาจนกระทั่งเดินออกไป หญิงสาวไม่มองไปทางเจ้านายหนุ่มเลยแม้แต่น้อยทั้งที่ชายหนุ่มเขาจับจ้องเธอจนตาแทบไม่กะพริบ กระทั่งเห็
พูดจบชินดนัยก็ก้มมองมือตัวเองที่กำลังถูไปมาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ จึงไม่ทันเห็นสายตาของเพื่อนรักที่มองมาอย่างเห็นใจ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ภาวินก็ตบบ่าเขาพร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง"เฮ้ย! ไม่เป็นไรเว้ยเพื่อน มันก็แค่เชื้อเอชไอวีไม่ใช่หรือวะ สมัยนี้เขารักษากันได้แล้ว คนที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องเป็นเอดส์กันทุกคนนี่หว่า บางคนแข็งแรงแถมยังอายุยืนกว่าคนปกติเสียด้วยซ้ำ มันก็เหมือนกับเชื้อหวัดที่ทุกคนมีอยู่ในร่างกายนั่นแหละวะ แค่ดูแลตัวเองให้ดีก็ไม่มีโรคแทรกซ้อนแล้ว สมัยนี้การแพทย์เขาพัฒนาจะตายไป"ได้ยินเพื่อนพูดมาอย่างนั้นชินดนัยก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะรู้สึกว่าคำพูดของภาวินชักฟังแปร่ง ๆ หู กำลังจะอ้าปากแก้ไขความเข้าใจผิดแต่อีกฝ่ายก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน"ต่อให้มึงจะเป็นอะไร ยังไงมึงก็เพื่อนกูนะเว้ยไอ้ชิน พวกเราคบกันมาตั้งแต่ยังใส่ชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นจนถึงตอนนี้อายุก็แตะเลขสามกันแล้ว มึงคิดว่าพวกกูจะเลิกคบกับมึงเพราะรังเกียจที่มึงติดเชื้อเอชไอวีรึไงวะ ไอ้บ้า""มึงสิบ้า! กูพูดสักคำรึยังว่ากูติด คิดไปถึงไหนวะไอ้วิน เดี๋ยวกูถีบเลย" ไม่พูดเปล่า แต่ชินดนัยยังยกเท
ชินดนัยกับภาวินมากินมื้อเที่ยงกันที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าอาคารเดียวกับออฟฟิศของตน หลังจากที่ทั้งคู่สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ชินดนัยจึงชวนคุยเรื่องงานของเพื่อน"แล้วนี่จะลาออกเมื่อไร"ภาวินเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับถอนหายใจแผ่วก่อนตอบ "บอกที่บ้านไว้ว่าขอเวลาสองเดือน พรุ่งนี้ว่าจะไปยื่นใบลาออกแล้วละ มะรืนนี้ก็ต้องบินอีก""ทำงานเครื่องสำอางแบบนี้ อย่าไปเผลอเคี้ยวพวกพรีเซ็นเตอร์สวย ๆ ล่ะ" ชินดนัยพูดยิ้ม ๆ"เฮ้ยไอ้บ้า จะทำอย่างนั้นได้ยังไง กูเป็นผู้บริหารนะเว้ย ขืนทำแบบนั้นก็เสียการปกครองหมด ว่าแต่มึงเถอะ เลิกแล้วเลิกเลยได้จริง ๆ หรือวะ ไม่คิดถึงวันเวลาสุดเหวี่ยงแบบนั้นบ้างรึไง"ภาวินแซวเพื่อนกลับเพราะเขาคิดว่าคนที่เคยสนุกสนานกับการขึ้นเตียงกับสาว ๆ มากหน้าหลายตาไม่น่าจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้"เอาตรง ๆ เลยนะเพื่อน หลังจากรู้ผลตรวจว่าปกติดี ในหัวนี่มีแต่ภาพที่กูเคยคั่วสาว ๆ ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาจนถึงตอนนั้นแล้วกูขนลุกด้วยความสยองขึ้นมาทันทีเลย คำถามผุดขึ้นมาในหัวเลยนะว่ากูมั่วขนาดนั้นแล้วกูรอดมาได้ไงวะ และมึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เพราะตั
"หนูไม่ชอบกินขนมปังหรือคะ" ชายหนุ่มลองถามเด็กน้อยดูเมื่อเห็นเจ้าตัวเอาแต่มองถุงขนมแต่ไม่ยอมรับไป"ชอบกินค่ะ แต่ต้องขอแม่จันทร์ก่อน แม่จันทร์กับยายจ๋าไม่ให้รับของจากคนอื่น" พราวนภาอธิบายเจื้อยแจ้ว ทำเอาคนมองอย่างภาวินรู้สึกเอ็นดูจนอยากรวบตัวเข้ามากอดไว้แนบอก"ถ้าอย่างนั้นรอแม่จันทร์มาก่อนก็ได้ค่ะ แต่ระหว่างรอ เรามาถ่ายรูปด้วยกันดีไหมคะ คุณลุงอยากถ่ายรูปกับหนูพราวจังเลย"ภาวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วกดโหมดถ่ายภาพทันทีโดยไม่รอคำตอบ จากนั้นก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พราวนภาจนแก้มเกือบชนกัน"ยิ้มสวย ๆ หน่อยค่ะคนเก่ง คุณลุงจะนับถึงสามนะคะ หนึ่ง...สอง...สาม"เขากดถ่ายไปหลายรูปด้วยความรวดเร็ว เพราะอยากได้รูปที่ชัดที่สุดเพื่อเอาไว้เปรียบเทียบว่าพราวนภามีส่วนใดบนใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาบ้าง ซึ่งคนที่จะช่วยเขาดูเรื่องนี้ก็คือบิดามารดาของเขาเองชินดนัยมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก บุตรสาวของจันทร์เจ้าใบหน้าละม้ายคล้ายภาวินอย่างกับแกะ หากเดินด้วยกันเขาเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องมีคนคิดว่าเป็นพ่อลูกกันแน่นอน แต่ปัญหาคือภาวินยืนยันเป
"ช่วงที่กูได้งานเป็นนักบินใหม่ ๆ กูเคยคบกับแอร์สายการบินเดียวกันอยู่คนหนึ่งชื่อตะวัน คบได้ปีกว่าก็เลิกไป และตะวันก็น่าจะเป็นพี่สาวของเลขาฯ มึงนั่นแหละ ถึงว่าสิ ตอนเห็นหน้าคุณจันทร์ครั้งแรกกูถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะสองพี่น้องนี่หน้าตาคล้าย ๆ กันนี่เอง" ภาวินก้มดูรูปในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง"ทำไมถึงเลิกวะ บอกได้ไหม" ชินดนัยอดถามไม่ได้ เพราะหากพราวนภาเป็นลูกของภาวินจริง ๆ ก็หมายความว่าพี่สาวของจันทร์เจ้าตั้งครรภ์อยู่ตอนที่เลิกรากับเพื่อนเขาภาวินถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา แหงนคอพาดไว้กับพนักแล้วหลับตานิ่งก่อนจะตอบเบา ๆ"เขาบอกว่าเขาท้องกับคนอื่น"ทั้งคู่ต่างคนต่างเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นก็เป็นภาวินที่เปิดปากพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน"ตอนแรกก็ยังดี ๆ อยู่ ตอนบินไปปารีสก็ยังไปเที่ยวด้วยกันอยู่เลย แต่หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้สักวันสองวัน จู่ ๆ ตะวันก็โทร. มาบอกเลิกกู เขาบอกว่าคบผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยไม่ได้คบกูคนเดียว เขาท้อง และลูกในท้องก็เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น เฮ้อ...บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นกูโคตรโกรธเลย วันไหนไม่มีบิน ก
จันทร์เจ้าสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อสะกดความกลัวที่ผุดขึ้นมาในใจ บรรพตเป็นบุตรชายของเจ้าสัวเอนก เพื่อนในทางธุรกิจของบิดาผู้ล่วงลับ ตอนที่บ้านของเธอยังไม่ถูกฟ้องล้มละลาย เขาตามเทียวไล้เทียวขื่อเธออยู่หลายครั้ง บางทีก็เข้าหาทางบิดา ทำทีเป็นว่าให้ผู้ใหญ่พูดคุยตกลงเพื่อเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่พอบ้านของเธอไม่เหลืออะไร ผู้ชายคนนี้กลับยื่นข้อเสนอให้เธอไปเป็นเมียเก็บของเขา เพื่อแลกกับเงินเดือนละหนึ่งแสนบาท ซึ่งเรื่องนี้เธอไม่เคยปริปากบอกมารดาให้ท่านทราบจนกระทั่งวันนี้ใครยอมก็โง่เต็มที!"คุณบรรพตมีธุระอะไรรึเปล่าคะถึงได้มาเวลานี้"หญิงสาวพยายามเก็บความหวาดหวั่นเอาไว้ในใจ แล้วแสดงออกมาแต่ความสงบเยือกเย็นผ่านทางสีหน้าเช่นเคย และเพราะรู้ตัวว่าตนอาจเผลอแสดงความรังเกียจออกไปทางสายตา จึงพยายามกลอกตามองไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เขาสังเกตเห็น ตอนนี้เธออยู่บ้านกับเด็กเล็กแค่สองคน หากผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาดี เขาอาจลงมือทำอะไรก็ได้"แหม...น้องจันทร์นี่ละก็ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อเต็ม มันฟังดูห่างเหินเกินไปเหมือนเราไม่ใช่คนกันเองอย่างนั้นแหละ" บรรพตยิ้มพร
ชินดนัยก้าวมายืนด้านหน้าบรรพตอย่างเอาเรื่อง ขณะที่ภาวินก็เดินเข้าไปใกล้แล้วพูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน"แถวบ้านกูเขาเรียกปากหมานะเนี่ย จัดสักดอกดีไหมวะไอ้ชิน""เฮ้ย! พวกมึงจะหมาหมู่หรือวะ คิดว่ากูกลัวรึไง ถุย!"บรรพตถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างแนบเนียน ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มทั้งคู่แล้วพูดอย่างอาฆาต"ฝากไว้ก่อนเถอะพวกมึงน่ะ อย่าให้กูเจอที่อื่นนะจะให้คนกระทืบแม่งให้ตายคาตีนเลย""ตายคาตีนกูก่อนดีไหม ปากดีฉิบหาย" ชินดนัยปรี่เข้าไปทันที บรรพตจึงรีบถอยกรูดไปที่รถของตัวเองพร้อมกับเปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างลนลาน เป็นเวลาเดียวกับที่จันทร์เจ้ารีบไขกุญแจเปิดประตูรั้วออกมาแล้วร้องห้ามเสียงสั่น"หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่ามาต่อยตีกันหน้าบ้านฉันนะ" สิ้นเสียงของหญิงสาว เสียงล้อบดถนนจากการเร่งเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มพร้อมกับที่รถสปอร์ตของบรรพตวิ่งฉิวผ่านหน้าไปจนเกือบชนจักรยานที่พนักงานรักษาความปลอดภัยขี่ตรวจตราภายในหมู่บ้านคล้อยหลังรถเจ้าปัญหา จันทร์เจ้าก็หันมามองหน้าชายหนุ่มสองคนแล้วถามอย่างเอาเรื่อง"แล้วพวกคุณสองคนมาทำไม"ภาวินทำหน้าอิหลักอิเห
"ดีขึ้นรึยังครับ ยังรู้สึกร้อนอยู่ไหม" เขาถามทั้งที่รู้ว่าคงไม่ได้คำตอบชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพื่อระบายความอัดอั้นที่มากองรวมกันอยู่เต็มหว่างขา เธอบอกว่าร้อนแต่เวลานี้เขากลับรู้สึกร้อนยิ่งกว่า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพามาแช่น้ำในอ่างแล้วคอยเอาน้ำลูบหน้ารดตัวให้เธอ แม้บางครั้งเวลาที่เธอโดนน้ำรดตัวร่างกายจะสั่นสะท้านเหมือนหนาวจับขั้วหัวใจชินดนัยเฝ้าสังเกตอาการของจันทร์เจ้าอย่างละเอียด ดูแล้วเธอไม่มีอารมณ์อย่างว่า หรือต้องการมีเซ็กซ์เพื่อปลดปล่อยเหมือนที่เขาเคยได้ยิน เพราะบางครั้งอาการแบบที่เธอเป็นอยู่คล้ายกับที่เขาเคยเจอตอนอยู่เมืองนอกแต่เพื่อนของเขาเป็นผู้ชาย และอาการที่เพื่อนคนนั้นเป็นคือลงแดงเพราะอยากเฮโรอีนแต่เขาไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจันทร์เจ้าจะติดยาและอาการที่เธอเป็นอยู่คือลงแดง คนอย่างจันทร์เจ้าไม่มีวันทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นแน่นอนเขามองเรือนร่างเย้ายวนที่ซ่อนอยู่ในน้ำครึ่งตัวกับทรวงอกอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงตามการหายใจนั้นตาปรอย หน้าอกของเธอมีรอยแดงจากน้ำมือของเขาอยู่หลายรอยเพราะความลืมตัว จึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบรอยเหล่านั้นเบา ๆ อย่างปลุกป
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเธออย่างเชื่องช้าพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปด้วย เสียงครวญครางแผ่วหวานที่เล็ดลอดออกจากปากอิ่มนั้นกำลังทำให้เนื้อตัวของเขาร้อนผ่าว ยิ่งเห็นเรียวขาขาวผ่องของเธอยกขึ้นมาชันเข่าแล้วแยกออกเล็กน้อยจนเป็นรูปตัวเอ็ม ความร้อนรุ่มที่ก่อตัวขึ้นทั่วร่างก็ไหลรวมกันจนไปกระจุกอยู่ที่กึ่งกลางลำตัว"หนูจันทร์" เขารู้สึกได้ว่าลำคอของตัวเองแห้งผากจนเสียงที่เปล่งออกมานั้นแหบพร่า ยิ่งเห็นสายตาเชิญชวนกึ่งเว้าวอนออดอ้อนที่มองมาความอดทนของเขาก็แทบกลายเป็นศูนย์"ร้อน...ฮือ..." เสียงครางปนสะอื้นของหญิงสาวเรียกสติของเขาให้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้จันทร์เจ้ามีเพียงกางเกงในสีเนื้อติดกายเพียงตัวเดียว แม้จะพยายามมองแต่ใบหน้าของเธอ แต่ทรวงสล้างได้รูปสวยที่ชูชันอวดโฉมให้เขายลนั้นก็ช่างดึงดูดสายตาดีเหลือเกิน"โอย...เอาไงดีวะ" เขารีบหลับตาแล้วหันหลังให้กับความเซ็กซี่ที่เชิญชวนให้เขาเข้าหาด้วยเสียงครางกระเส่า ส่วนหนึ่งของร่างกายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของสมองก็ตื่นตัวเต็มที่จนปวดร้าวราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เวลานี้ความคิดฝั่งดีกับฝั่งร้ายกำลังตีกันยุ่งเหยิงจนเขาตัดสินใ
ภาวินจอดรถไว้ข้างกำแพงบ้านของจันทร์เจ้า หลังจากดับเครื่องแล้วเขาก็ลงมาเปิดกระโปรงหลังแล้วหยิบถุงใบใหญ่ออกมาถือไว้ก่อนจะเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน รอไม่นานนักก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมา สายตาที่มองมายังเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและระแวดระวัง"มาหาใครคะ"ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เขายกมือไหว้ทำความเคารพแล้วรีบแนะนำตัวเองทันที"สวัสดีครับ ผมภาวิน เป็นเพื่อนของชิน เจ้านายคุณจันทร์ครับ เผอิญว่าผมกลับจากไปบินมา ตอนที่อยู่เมืองนอกผมซื้อตุ๊กตากับของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงมาหลายอย่างก็เลย เอ่อ อยากเอามาให้หนูพราวน่ะครับ"เจ้าของบ้านมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าให้"เอ่อ...เข้ามาก่อนค่ะ"ภาวินลอบถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายยอมให้ตนเข้าบ้าน เพราะก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์ไปหาชินดนัย กะว่าจะชวนมาที่นี่ด้วยกันแต่ปรากฏว่าวันนี้เพื่อนต้องไปงานประมูลการกุศลกับจันทร์เจ้า เขาจึงต้องมาหาพราวนภาด้วยตนเอง"ขอบคุณมากครับคุณน้า ผมขอเรียกคุณน้าก็แล้วกันนะครับเพราะยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของตะวัน" เขาเห็นอีกฝ่ายหยุดเดินจึงหยุดตาม คิดว่าจันทร์เจ้าคงเล่า
"อย่างกับมันอยากคุยกับกูนักนี่ กูชวนคุยก็ถามคำตอบคำ ท่าทางไม่ค่อยชอบหน้ากูเท่าไร คงคิดว่ากูจะไปจีบเด็กมึงละมั้ง เฮ้อ...พูดแล้วก็เสียดายแทนมึงว่ะ ยายนั่นหุ่นโคตรเด็ดเลยนะว่าไหม ผิวแม่งโคตรเนียน"อติวิชญ์เดาะลิ้นพลางส่ายหน้าช้า ๆ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ซึ่งในนั้นมียาทิงเจอร์ขาวขวดเล็ก ๆ อยู่ ท่าทางสุภาพบุรุษแบบนักธุรกิจหนุ่มก่อนหน้านี้หายวับไป เพราะถูกแทนที่ด้วยความเสเพลร้ายกาจซึ่งแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา"มึงใส่ยาไปแค่ไหนวะ ทำไมมันยังมีแรงมาต่อต้านกูได้"บรรพตหันไปถามอติวิชญ์ เพื่อนสนิทที่กินเที่ยวเล่นอยู่ในกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยในฐานะนักล่าคอเดียวกัน และเพราะธุรกิจที่ครอบครัวของอติวิชญ์ทำอยู่เป็นสายเดียวกับครอบครัวของเขาที่ทำโครงการบ้านจัดสรร ความสนิทสนมจึงยิ่งแน่นแฟ้น"ใส่ไปนิดเดียวแค่หยดสองหยด ใส่เยอะได้ยังไงเล่าเดี๋ยวคนอื่นเห็นอาการเข้าก็สงสัยกันหมดน่ะสิ ยิ่งกูไปโกหกเด็กเสิร์ฟไว้ว่าจะจีบสาว ให้มันช่วยเอาน้ำแก้วนั้นไปเสิร์ฟใกล้ ๆ ตอนกูให้สัญญาณนั่นอีกล่ะ ถ้าอาการออกเร็วขึ้นมาไอ้เด็กเสิร์ฟคนนั้นสงสัยกูแน่นอน อีกอย่างนะ ก
หญิงสาวถูกพยุงให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำหญิงที่เดินอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง เมื่อเข้ามาด้านในได้ จันทร์เจ้าก็พุ่งตัวเข้าไปทรุดนั่งกับพื้นแล้วโก่งคออาเจียนที่โถชักโครกอย่างหมดสภาพ พนักงานที่ช่วยพยุงมาทั้งสองคนจึงได้แต่เฝ้าดูที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างเป็นกังวล"เธอไปหาแก้วใส่น้ำให้คุณผู้หญิงใช้บ้วนปากเถอะ ท่าทางจะลุกไม่ไหว เอากระเป๋าของคุณเขามาไว้ที่พี่ละกัน พี่จะถือไว้ให้เอง" พนักงานที่อาวุโสกว่าหันไปบอกกับพนักงานรุ่นน้อง อีกฝ่ายจึงยื่นกระเป๋าถือของจันทร์เจ้าให้แล้วเดินออกจากห้องน้ำไปจันทร์เจ้าทิ้งตัวพิงผนังห้องน้ำอย่างหมดแรง ร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ ลำคอแห้งผากและร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้ เธอหันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่เป็นเพื่อนแล้วขอร้องด้วยน้ำเสียงแหบพร่า"น้ำ ขอน้ำหน่อยค่ะ""รอสักครู่นะคะ ดิฉันกำลังให้น้องเขาไปเอาแก้วมาให้ค่ะ คุณผู้หญิงจะให้ดิฉันช่วยติดต่อญาติมารับไหมคะ แล้วคุณผู้ชายที่อยู่ข้างนอกนั่น..."พนักงานสาวพูดไว้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะเลือกใช้คำไหนจึงจะเหมาะสมเนื่องจากไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งคู่จันทร์เจ้าส่ายหน
จันทร์เจ้าเดินออกมานอกห้องประชุมได้ก็พยายามก้าวขาเร็ว ๆ พลางมองหาห้องน้ำ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนจึงหยุดเดินแล้วพยายามหายใจลึก เอาอากาศเข้าปอดให้มากเพราะจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหายใจลำบากจนต้องยกมือขึ้นทาบอก แต่ลมจากในช่องท้องก็ตีรวนขึ้นมาอีก ส่งผลให้เธอต้องเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้อีกครั้งหญิงสาวพยายามสะกดกลั้นอาการคลื่นไส้เอาไว้ แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับพร่าเบลอจนต้องหลับตาแล้วสะบัดศีรษะสองสามครั้งแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ ทว่าการลืมตาขึ้นมาครั้งนี้เธอรู้สึกว่าพื้นที่ยืนอยู่โคลงเคลงจนแทบทรงตัวไม่ได้ ครั้นพอหันมองไปรอบตัวก็เห็นว่ามีทั้งพนักงานและแขกที่มาใช้บริการของทางโรงแรมอยู่ไม่กี่คนกำลังมองมาทางตนและถามด้วยความสงสัย"คุณผู้หญิงคะ เป็นอะไรรึเปล่า"จันทร์เจ้าพยายามครองสติเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่อาการคลื่นไส้วิงเวียนก็โจมตีเข้ามาอีกครั้งจนต้องรีบยกมือขึ้นปิดปาก อีกมือก็จับกระเป๋าถือไว้แน่น พนักงานสาวอีกคนที่เห็นอาการของเธอจึงถามมาอีกครั้ง"คุณผู้หญิงจะไปห้องน้ำไหมคะ ดูเหมือนจะคลื่นไส้อยา
"ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลยค่ะ ไม่ก็คือไม่ ฉันว่าเราต่างคนต่างอยู่และคงสถานะไว้ที่เจ้านายกับลูกน้องก็ดีอยู่แล้ว อีกอย่างนะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ คุณบอกฉันเองว่าชีวิตยังอีกยาวไกล จะให้มาคบผู้หญิงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ และฉันก็จะไม่มีวันเป็นตัวเลือกของใครด้วย"ชายหนุ่มเงียบไปไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ในที่สุดคำพูดร้ายกาจของเขาก็ย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองจนได้ เขาไม่โทษเธอที่ใจแข็งและไม่รู้จักให้อภัย แต่เขาโทษตัวเองที่เป็นฝ่ายสร้างบาดแผลไว้ให้เธอมากกว่า"พี่จะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ละกัน แต่พี่บอกไว้เลยนะว่าถ่านไฟเก่าอย่างพี่จะพยายามติดไฟให้ได้"จันทร์เจ้าแค่นยิ้มแล้วมองเขาด้วยหางตาอีกครั้งก่อนพูดว่า"ถ่านไฟเก่าอะไร แค่เถ้าไม้ขีดก็พอมั้งคะ"ชินดนัยทำปากยื่นเหมือนเด็กเวลางอนพลางพึมพำเสียงขุ่น"คนสวยใจดำ!"ทั้งคู่มาถึงงานประมูลในเวลาหกโมงเศษ งานนี้จัดขึ้นที่โรงแรมระดับห้าดาวย่านใจกลางเมือง เมื่อเข้าไปในงาน จันทร์เจ้าก็เดินเข้าไปที่จุดลงทะเบียนเพื่อยื่นบัตรเชิญให้เจ้าหน้าที่ เสร็จเรียบร้อยก็ได้รั
จันทร์เจ้านั่งหันหน้าไปมองข้างทางตลอดเวลา ส่วนชินดนัยก็อาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงหันไปมองหญิงสาวให้เต็มตาอีกครั้ง วันนี้เธอสวยสง่ามาก ชุดเดรสสีม่วงเปลือกมังคุดช่วยขับผิวพรรณของเธอให้ยิ่งผุดผ่องชวนมอง จันทร์เจ้าไม่ชอบแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมากเกินไป แต่ก็ไม่เรียบเสียจนดูไร้รสนิยม อย่างชุดที่เธอใส่วันนี้ก็เป็นเดรสแขนกุดคอกลมธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือช่วงบนตั้งแต่เหนืออกขึ้นเป็นผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีเดียวกับชุด ด้านหลังก็เว้าไม่ลึกมากนัก มองแล้วเรียบง่ายกึ่ง ๆ ทางการแต่ก็แฝงความเซ็กซี่เย้ายวนด้วยเช่นกัน"มีคนบอกรึยังว่าวันนี้จันทร์สวยมาก" เขาพูดทำลายความเงียบ และจงใจขับให้ช้าลงโดยเลือกเส้นทางปกติ ไม่ขึ้นทางด่วนเพราะจะถึงที่หมายเร็วเกินไป"มีแล้วค่ะ" เธอตอบพลางมองเขาด้วยหางตา ทำเอาเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้"หนูพราวละสิ ใช่ไหม" ในบ้านของเธอมีกันอยู่แค่สามคน และพราวนภาก็เป็นคนขึ้นไปตามเธอให้ลงมาข้างล่าง หากไม่ใช่หลานสาวตัวน้อยที่เอ่ยปากชมแล้วจะเป็นแมวที่ไหนได้อีกจันทร์เจ้าตวัดสายตาส่งค้อนให้เขาแล้วตอบสั้น ๆ "ค่ะ""หนูพราวนี่ขี้อ้อนจังเนอะ ปากหวานด้วย ตัวแค่นี้เข้าใจช
"กาแฟค่ะท่านประธาน" เสียงหวานแต่ฟังดูแล้วติดจะเย็นชาของเลขานุการสาว กอปรกับการที่เธอไม่ยอมมองหน้าเขาตรง ๆ ทำให้ชินดนัยอดสงสัยไม่ได้ เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนจันทร์เจ้าจะตั้งกำแพงระหว่างกันขึ้นสูงมากกว่าเดิม ทั้งที่วันศุกร์ที่แล้วเขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มเดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ไปกินไอศกรีมด้วยกันเสียอีกวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมคราวนี้จันทร์เจ้าถึงตั้งแง่กับเขามากกว่าตอนเจอหน้ากันครั้งแรกด้วยซ้ำ"จันทร์" เขาเรียกเธอเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดประตูออกไปจากห้อง"คะท่านประธาน" หญิงสาวหันมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย"จันทร์เป็นอะไรรึเปล่า หรือพักนี้มีเรื่องอะไรไม่สบายใจไหม" เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวเธอจะคิดมากเรื่องพราวนภา"ไม่มีค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ" เธอกลับหลังหันไปทางประตูแต่เขาก็เรียกอีก"เดี๋ยวก่อน!"จันทร์เจ้าชะงัก ก่อนจะหันไปหาเขาอีกครั้ง "คะท่านประธาน""พรุ่งนี้พี่จะไปรับจันทร์ที่บ้านตอนห้าโม