"ทำไมคอแห้งวะ" เขายกมือลูบคอตัวเองพลางมองจันทร์เจ้าด้วยสายตาหื่นกระหาย "พี่ว่าเราอย่าเสียเวลาเลยดีกว่า ควรจะหาเรื่องสนุกทำกันได้แล้ว"
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นจะคว้าตัวหญิงสาว แต่เธอหลบพ้นเงื้อมมือเขาแล้ววิ่งไปทางเตียงนอน บรรพตเหยียดยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าเหยื่อวิ่งเข้ากรงไปเอง
"ไม่ต้องรีบไปที่เตียงขนาดนั้นก็ได้ คืนนี้พี่จะจัดให้ทุกที่นั่นแหละ จะเตียง โซฟา หน้าประตูห้อง ที่พื้น หรือจะในห้องน้ำ ชอบตรงไหนก็บอกพี่ได้"
บรรพตเข้าถึงตัวจันทร์เจ้าด้วยความรวดเร็ว เขาจับตัวเธอเหวี่ยงไปบนเตียงแล้วลงไปทับไว้ทั้งตัว จันทร์เจ้าพยายามควานมือเข้าไปใต้หมอนอย่างยากลำบากเพราะเขาตรึงข้อมือเอาไว้ทั้งสองข้าง กำลังจะอ้าปากเรียกชินดนัย บานประตูตู้เสื้อผ้าก็เปิดผลัวะออกมาพร้อมกับมีถุงดำใบหนึ่งคลุมศีรษะบรรพตไว้ ตามด้วยเสียงของเครื่องช็อตไฟฟ้าดังติดกันหลายวินาที
คนถูกช็อตที่ต้นคอร่างกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป ชินดนัยจึงเอาถุงออกแล้วเหวี่ยงร่างของบรรพตไปไว้อีกด้าน นำไซรินจ์ที่ใส่ยานอนหลับอย่างอ่อนผสมกับยาปลุกเซ็กซ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วฉีดเข้าไปในปากของบรรพต ขณะที่จันทร์เจ้าก็รีบลุกขึ้
"คุณจันทร์ครับ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณหน่อย เรื่องของหนูพราวน่ะ" ภาวินรีบพูดขึ้นทันทีก่อนที่ชินดนัยจะพาจันทร์เจ้าขึ้นรถไป หญิงสาวหันไปมองหน้าชินดนัย เห็นเขากำลังขมวดคิ้วมองเพื่อนของตนอย่างไม่สบายใจนัก"พรุ่งนี้ผมขออนุญาตพาหนูพราวไปหาคุณพ่อคุณแม่ของผมนะครับ พวกท่านรู้แล้วว่าหนูพราวเป็นหลานแท้ ๆ ก็เลยตื่นเต้นกันมากอยากเจอหน้าหลาน หวังว่าคุณจันทร์จะเข้าใจ""ได้ค่ะ แต่จันทร์ขอไปด้วยนะคะเพราะไม่อย่างนั้นหนูพราวคงไม่ยอมไปกับคุณแน่""โอเคครับไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะไปรับที่บ้าน..." ภาวินยังพูดไม่จบชินดนัยก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน"กูจะไปรับจันทร์กับหนูพราวที่บ้านเอง มึงรออยู่ที่บ้านมึงนั่นแหละ"ภาวินยักไหล่แล้วพูดว่า "โอเค เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นก็พรุ่งนี้เจอกันครับคุณจันทร์""ค่ะ ขอบคุณสำหรับวันนี้ด้วยนะคะ" จันทร์เจ้าค้อมศีรษะให้เขาก่อนจะขึ้นรถไปกับชินดนัย เมื่อรถแล่นออกไปจากโรงแรมได้สักพัก หญิงสาวก็อดถามขึ้นไม่ได้"พี่ชินว่าพวกนั้นจะเป็นยังไงกันบ้างคะ นึกภาพตอนพวกเขาตื่นมาแล้วรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างคงมองหน้ากันไม่ติ
จันทร์เจ้ามองบ้านหลังใหญ่ตรงหน้าแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อคืนได้คุยกับมารดา ท่านก็กังวลเรื่องนี้ไม่น้อยเช่นกัน ภาวินเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของพราวนภา เขาจะต้องหาทางพาเด็กไปแน่"เชิญครับ" ภาวินออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าพราวนภาแล้วกางแขนออก"ให้พ่อวินอุ้มหน่อยได้ไหมเอ่ย"เด็กน้อยเงยหน้ามองมารดา เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอนุญาตจึงโผเข้าไปหาบิดาทันที"คุณปู่คุณย่าแล้วก็อาคินซื้อของเล่นไว้ให้หนูเยอะแยะเลยลูก เราเข้าไปดูกันดีกว่าเนอะ"ภาวินอุ้มบุตรสาวเดินลิ่วเข้าไปในบ้าน จันทร์เจ้าหันไปมองชินดนัย เขายิ้มให้แล้วชวนให้เธอเข้าไปในบ้านด้วยกันเมื่อเข้ามาถึงห้องรับแขกอันกว้างใหญ่ ภาวินก็แนะนำให้จันทร์เจ้ารู้จักกับบิดามารดาและน้องชายของเขา มารดาของภาวินดูอ่อนกว่าอายุจริงมาก อาจเพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องสำอางจึงต้องดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอคุณผู้หญิงของบ้านดูท่าทางจะชอบจันทร์เจ้าไม่น้อยเพราะเอ่ยปากชมอยู่ตลอดว่าเลี้ยงพราวนภาได้ดีมาก ขณะเดียวกันก็เอาอกเอาใจหลานสาวตัวน้อยไ
ภาวินพยักหน้ารับ และพราวนภาคงจำเสียงคุณลุงประธานได้จึงผงกศีรษะขึ้นจากบ่าของบิดาแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง พอเห็นว่าเป็นคุณลุงที่มาหามารดาที่บ้านบ่อย ๆ ก็ยิ่งเบะปากร้องไห้มากกว่าเดิมพร้อมกับกางแขนออกเพื่อจะให้คุณลุงเป็นคนอุ้ม"หาแม่...ฮือ...หาแม่จันทร์"ชินดนัยรับเด็กน้อยมาอุ้มต่อจากภาวินทันที เขาปลอบอยู่สักพักก็ทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวที่ว่างอยู่แล้วพูดกับบิดามารดาของเพื่อนรัก"ผมว่าอย่าเพิ่งพาหนูพราวมาอยู่ที่นี่เลยครับ แกยังเด็กมาก ยังติดแม่ติดยายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดอยู่ จันทร์บอกว่าถ้าหนูพราวไม่มีแม่กับยายนอนข้าง ๆ แกจะนอนไม่หลับ ให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยได้ไหมครับ ผมสงสารหนูพราว สงสารจันทร์กับแม่เขาด้วย""ผมก็ว่างั้นแหละพี่ชิน บังคับหลานพามาอยู่ที่นี่โดยที่ยังไม่ได้ทำความคุ้นเคยกัน พวกเราก็ไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าของหนูพราวหรอก"ภาคินพูดเสริมขึ้นมาบ้าง หันไปมองพี่ชายที่ยืนมองบุตรสาวตัวน้อยในอ้อมกอดคนอื่นด้วยสายตาโศกเศร้าก็อดสงสารไม่ได้"ไอ้วิน กูรู้ว่ามึงรักลูก อยากอยู่ใกล้อยากเลี้ยงดู แต่มึงก็ต้องคิดถึงความสุขของลูกเป็นอันดับแรกก่อน มึงทำแบบ
จากนั้นทั้งหมดก็พากันลงมานั่งคุยกันในห้องรับแขก ดวงตาของจันทร์เจ้ายังคงบวมแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก แต่สีหน้าก็ดูดีขึ้นมากเมื่อได้แก้วตาดวงใจกลับคืนมา"ผมคิดว่าคงให้หนูพราวอยู่ที่นี่ไปก่อน แต่ที่อยากขอร้องคุณจันทร์ก็คือถ้าเป็นไปได้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ผมอยากให้คุณพาหนูพราวไปนอนค้างที่บ้านของผมบ้าง คุณพ่อกับคุณแม่ท่านอยากอยู่ใกล้หลานบ้าง ผมพาไปอยู่ที่นั่นได้แค่ครึ่งวันยังหลงกันทั้งบ้านเลยเพราะแกช่างคุยช่างอ้อน"ภาวินพูดไปยิ้มไป สีหน้าแววตาดูมีความสุขเมื่อนึกถึงตอนที่เจ้าตัวเล็กพูดจาเจื้อยแจ้วกับคุณปู่คุณย่า ชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง พราวนภาทำให้บ้านของเขามีสีสันขึ้นมาไม่น้อยเลย"ได้ค่ะ หยุดเสาร์อาทิตย์จันทร์จะพาแกไปค้างที่โน่น""พี่ค้างด้วย" ชินดนัยพูดแทรกขึ้นมาทันที เรื่องอะไรเขาจะให้แฟนตัวเองไปนอนค้างอ้างแรมบ้านผู้ชายคนอื่น"กูไม่ได้ชวนมึงเลยครับเพื่อน" ภาวินพูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นเพื่อนรักแสดงออกอย่างชัดเจนว่าหวงแฟนสาวมากแค่ไหน แค่ตนเล่าว่ามารดาของเขาชอบจันทร์เจ้า และต้องการให้เขาจีบหญิงสาวเพื่อจะได้แต่งงานแล้วเข้ามาอยู่ที่บ้านทั้งแม่ทั้งลูก ชิ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ชินดนัยขับรถพาจันทร์เจ้ามาที่คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ตลอดทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่ยอมปริปากพูดเรื่องเซอร์ไพรส์เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจันทร์เจ้าจะพยายามตะล่อมถามอย่างไรเขาก็เอาแต่ยิ้มอยู่อย่างนั้นหญิงสาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเขาจอดรถในอาคารแล้วพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เธอลงจากรถ"เราจะมาหาใครที่นี่คะ""บุคคลสำคัญ มาเถอะ" เขาโอบไหล่เธอให้เดินไปด้วยกันจนกระทั่งถึงหน้าลิฟต์ ชายหนุ่มกดเรียกลิฟต์ก็มีลิฟต์ตัวหนึ่งเปิดออกพอดีจึงพากันเดินเข้าไป จากนั้นชินดนัยก็กดไปที่เลขสิบแปดเมื่อถึงชั้นเป้าหมาย ชายหนุ่มก็พาเธอเดินไปจนถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง เขาไขกุญแจดอกใหญ่ที่ห้อยหน้าประตูออก จากนั้นก็เปิดประตูออกกว้างแล้วผายมือให้หญิงสาวเดินเข้าไปก่อน"เข้าไปสิครับ" เขายิ้มกว้างด้วยความขบขันเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเอียงตัวโผล่แต่หน้าเข้าไปมองภายในห้อง"บอกมาก่อนว่าห้องใคร จู่ ๆ จะให้จันทร์เดินเข้าไปก่อนได้ยังไงกันคะ""งั้นพี่เข้าไปก่อนก็ได้" เขาก้าวเข้าไปในห้องนั้นแล้วยื่นมือมาให้"มาสิครับ มาเจอคนสำคัญของพี่"
"ฉันยังไม่แจกตอนนี้ รอนังวีวี่มาก่อน นี่ฉันอุตส่าห์บอกมันว่านัดกันตอนหกโมงครึ่งนะเนี่ย แต่นี่ปาไปทุ่มครึ่งแล้วนางยังไม่เสด็จมา ใครก็ได้จุดธูปเรียกมันหน่อยซิ"ทันทีที่ไปรมาพูดจบ ประตูห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เจ้าตัวเยื้องย่างเข้ามาในห้องราวกับนางพญาโดยไม่ยอมสบตาใคร เมื่อถึงเก้าอี้ว่างก็วางกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่หลายคนรู้ดีว่าราคาไม่ต่ำกว่าสามแสนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยกวาดตามองทุกคนทั้งรอยยิ้มเรียวปากสีสดของวรัชยาค่อย ๆ หุบลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบา"พี่ชิน" สายตาของวรัชยาเบนไปที่หญิงสาวข้างกายเขา "ยายจันทร์""โอ๊ยหล่อน เปิดตัวมาแบบรัชดาลัยเธียเตอร์มาก เขานัดกันหกโมงครึ่งแต่หล่อนเพิ่งมาเอาป่านนี้ โหงพรายที่หล่อนเลี้ยงไว้เพิ่งกระซิบบอกรึไงยะ" เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งอดแขวะวรัชยาไม่ได้"ฉันก็ต้องมีติดธุระกันบ้างสิ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำเหมือนพวกเธอนะ ฉันมีธุรกิจส่วนตัวก็รู้ ๆ กันอยู่"วรัชยาพยายามวางตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชายห
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรือคะ พี่ชินเจออะไรมาหรือ"ชินดนัยถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง หลังจากเล่าจบเขาก็พูดขึ้นว่า"ตอนแรกพี่ว่าจะไม่บอกจันทร์ เพราะเดี๋ยวจันทร์จะหาว่าพี่ขี้ฟ้อง คิดเล็กคิดน้อยกับเพื่อนของจันทร์ แต่มาคิดดูอีกที เพื่อนแบบนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า""ช่างเขาเถอะค่ะ จันทร์เลิกใส่ใจเรื่องของวีวี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ปล่อยให้เขาแข่งไปคนเดียวเถอะ"ชายหนุ่มยิ้มละไมเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้"พรุ่งนี้เจอกันที่จุดนัดพบตรงปั๊มน้ำมันนะ อย่าตื่นสายล่ะ"ชายหนุ่มแกล้งเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่คนตื่นสาย เธอยู่หน้าใส่ชายหนุ่มแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเขาไม่แรงนักก่อนพูดว่า"บอกตัวเองเถอะค่ะ จันทร์ว่ารถจันทร์ไปถึงก่อนทุกคนแน่นอน"สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ทั้งสามบ้านจึงนัดกันไปเที่ยวทะเลปราณบุรี ต่างคนต่างขับรถไปบ้านใครบ้านมันโดยยึดเอาปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงถนนวิภาวดีเป็นจุดนัดพบ"จะรอดูคนขี้คุย โอเคครับพรุ่งนี้เจอกัน"ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบหญิงสาวเป็นการลาเมื่อถึงห
ในเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย จันทร์เจ้าค่อย ๆ เคลื่อนรถไปบนท้องถนนอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรติดขัดอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ เธอมองเวลาบนแผงคอนโซลหน้ารถ อีกแค่สิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ครึ่งทางเลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร. ไปบอกชายหนุ่มผู้ซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งเจ้านายและชายคนรักว่าตนคงเข้าทำงานสาย"อุ๊ย! แย่จริง" จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อโทรศัพท์เกิดหลุดมือหล่นไปอยู่ใกล้เท้า เธอมองทางข้างหน้า เห็นว่ารถยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างเชื่องช้าจึงเหยียบเบรกค้างไว้ครึ่งเดียวเพื่อชะลอความเร็วรถก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือกึก!"อุ๊ยตายแล้ว!" หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ตนละสายตาจากท้องถนนเพื่อก้มเก็บโทรศัพท์นั้นจะส่งผลให้รถของเธอชนเข้ากับรถคันหน้าเข้าจนได้ แม้จะไม่รุนแรงเพราะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากคลาน แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนเขาก่อนรถคันหน้าจอดนิ่งพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ จากนั้นประตูฝั
"อ้าว แล้วพี่ออกมาก่อนแบบนี้พวกพี่ ๆ เขาไม่ว่ากันหรือคะ""ไม่ว่าหรอกน่า พวกพี่จะนัดกันเมื่อไรก็ได้ ต่อให้ไม่มีพี่ มันสองคนก็นัดชนแก้วกันเป็นประจำอยู่แล้ว อีกอย่างนะ พวกมันก็เข้าใจดีว่าเคสของหนูจันทร์เป็นเคสที่พี่ต้องจัดให้เป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง"ชินดนัยยิ้มพลางหยิบขวดไวน์มารินใส่แก้วให้หญิงสาวอีกครั้ง จันทร์เจ้าเบิกตากว้างเพราะตนเพิ่งดื่มเข้าไปแค่ไม่กี่จิบเท่านั้น ไวน์ยังเหลือในแก้วตั้งเยอะแต่เขากลับรินให้จนเลยครึ่งแก้วขึ้นมา"พอแล้วค่ะ จะมอมกันหรือไง พี่ก็รู้ว่าจันทร์ดื่มไม่เก่ง"ชินดนัยมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำพร่าว่า"พี่รู้ว่าจันทร์ดื่มไวน์ไม่เก่ง แต่เวลาที่จันทร์เมาจันทร์จะดูดน้ำอย่างอื่นได้เก่งมากเลย เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องมอมสักหน่อย"จันทร์เจ้าหน้าแดงขึ้นมาทันทีเพราะรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หญิงสาวจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรที่จะเป็นการเข้าเนื้อตัวเองอีกชายหนุ่มมองสีหน้าขัดเขินของเธอแล้วก็นึกอยากพรมจูบไปให้ทั่วใบหน้า แต่เพราะเกรงว่าตนอาจจะไม่จบลงแค่จูบจึงได้แต่สะกดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ พลางหาเรื่องอื่นมา
มือของเขาเลื่อนขึ้นมาจนสัมผัสได้กับเส้นเล็ก ๆ บาง ๆ ของกางเกงชั้นใน จากนั้นเขาก็จับเอวของเธอไว้แล้วผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองภาพความสวยงามที่หาได้ยากแบบนี้ให้เต็มตา"เซ็กซี่มากที่รัก พี่ชอบมากเลย"สายตาร้อนแรงของเขาราวกับจะแผดเผาเธอได้ ยอมรับว่าอายแสนอายจนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมากระจุกอยู่บนใบหน้า แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเป้ากางเกงของเขาก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ แต่ความพรักพร้อมของเขานั้นปูดโปนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดจันทร์เจ้าเอาแขนออกจากคอของชินดนัยแล้วดึงกระโปรงลง จากนั้นก็ใช้นิ้วเกี่ยวหูกางเกงของเขาพลางดึงเบา ๆ แล้วพูดว่า"ไปที่โต๊ะกันดีกว่าค่ะ จันทร์เพิ่งอุ่นเสร็จเมื่อกี้เอง ไวน์ก็เพิ่งเอามาแช่ใหม่ ถ้าไม่ดื่มตอนนี้เดี๋ยวน้ำแข็งจะละลายเสียก่อน"เธอดึงหูกางเกงของเขาเพื่อให้ชายหนุ่มเดินตามมาที่โต๊ะอาหาร ชินดนัยเดินตามอย่างว่าง่ายจนกระทั่งมาถึงโต๊ะจึงกดบ่าของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้"เดี๋ยวจันทร์รินไวน์ให้นะคะ"หญิงสาวยิ้มหวานให้ก่อนหันหลังให้เขาแล้วเอื้อมหยิบขวดไวน์ที่อยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่เพราะชุ
เมื่อเดินเข้าไปด้านใน แค่แจ้งชื่อของปกเกล้าก็จะมีพนักงานสาวสวยพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ทันที"อ้าว ไอ้ปกยังไม่มาหรือ" ชินดนัยเห็นภาวินนั่งอยู่เพียงลำพังจึงถามถึงเพื่อนอีกคน"คงกำลังมาแหละมั้ง เห็นว่ามีเรื่องด่วนนิดหน่อย...ของพี่คนนี้โซดาอย่างเดียวนะจ๊ะ" ภาวินตอบพลางหันไปบอกกับบันนี่สาวที่มีหน้าที่ผสมเหล้าอยู่ข้างโต๊ะ"เฮ้ย...เรื่องด่วนที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้เองหรือวะ" ชินดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบุ้ยหน้าไปทางชั้นล่าง ภาวินจึงมองลงไปบ้างก็เห็นปกเกล้ากำลังจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาในคลับด้วยจะว่าไปแล้วน่าจะเรียกว่าฉุดลากกันมากกว่า เพราะดูจากท่าทางไม่เต็มใจของผู้หญิงที่ปกเกล้าพามาด้วยกันนั้นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถูกบังคับให้มาที่นี่"น่ารักดีว่ะ อย่างกับเด็กมหาลัย ไอ้ปกไปหามาจากไหนวะเนี่ย"ภาวินอดสงสัยไม่ได้เพราะปกติแล้วเวลานัดสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนสนิท จะไม่มีใครพาผู้หญิงมาด้วยเด็ดขาดเพราะกลัวงานกร่อย และกฎนี้ปกเกล้าก็เป็นคนตั้งขึ้นเองด้วยซ้ำแต่เจ้าตัวกลับทำผิดกฎเสียเอง"กูว่าคนนี้คงไม่ธรรมดาเว้ย มึงดูสิไอ้ปกเคยเป็นแบบนี้ที่ไหน ทำอย่างกับจับ
สุดท้ายแล้วจันทร์เจ้าก็ไม่ได้ซื้อของขวัญวันเกิดให้ชินดนัย ดังนั้นหลังจากที่รับประทานมื้อเที่ยงกับภัทรพลเสร็จแล้วเธอจึงกลับขึ้นไปบนออฟฟิศตามเดิม ทว่านั่งทำงานไปได้ไม่เท่าไร หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินเข้าไปหาผู้เป็นทั้งเจ้านายและคนรักในห้องทำงานของเขา"จันทร์ขอลางานครึ่งวันนะคะพี่ชิน คุณแม่ติดธุระก็เลยไปรับหนูพราวที่โรงเรียนไม่ได้ค่ะ จันทร์เลยต้องไปรับแทน""งั้นหรือ...อืม งั้นก็ไปเถอะ ถึงบ้านแล้วโทร. หาพี่ละกัน พี่จะได้ไม่เป็นห่วง" เขายิ้มพลางกางแขนออกกว้าง หญิงสาวจึงอดค้อนให้เขาไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังเดินเข้าไปก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วโผไปซุกในอ้อมอกของเขาชินดนัยหอมขมับของเธออย่างแสนรัก หากแต่มือเจ้ากรรมก็ยังไม่วายซุกซน บีบบั้นท้ายของหญิงสาวเล่นอย่างเคยตัว ผลลัพธ์ที่ตามมาคือถูกเจ้าของบั้นท้ายหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง"นิสัยไม่ดีตลอดเลยพี่ชินเนี่ย เผลอเป็นไม่ได้"จันทร์เจ้าบ่นให้เขาพลางผละออกห่างแล้วยืนเต็มความสูงตามเดิม จากนั้นก็เดินไปที่ประตูห้องทำงาน"จันทร์ไปก่อนนะคะ ถึงบ้านแล้วจะโทร. หาค่ะ" พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปจึงไม่ทันเห็นว่าใบ
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีเอาอกเอาใจมากจนเกินไปอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งปฏิบัติต่อหญิงสาวที่ตนมีใจให้เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกอึดอัด ซึ่งนับว่าเป็นผลดีกับเขามากเพราะจันทร์เจ้าพูดกับเขาอย่างที่คุยกับคนรู้จักทั่วไป ไม่มีท่าทีปิดกั้นหรือระแวงจนเขาไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธอทั้งคู่สั่งกับข้าวมาสามอย่าง หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วโทรศัพท์ของภัทรพลก็มีสายเรียกเข้า ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเลขานุการของตนเขาจึงต้องกดรับเพราะหากไม่ใช่เรื่องสำคัญ เลขาฯ ของเขาจะไม่โทร. มาในเวลาพักเที่ยงอย่างนี้เป็นแน่"ผมขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ" เขาพูดกับจันทร์เจ้าแล้วรีบลุกขึ้นก้าวเร็ว ๆ ออกจากร้านอาหารทันที จากนั้นก็เดินห่างออกไปจากหน้าร้านโดยเดินไปทางห้องน้ำเพราะตั้งใจจะเข้าไปทำธุระส่วนตัวด้วยชินดนัยเห็นผู้ชายที่อยู่กับแฟนสาวของตนกำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปทางห้องน้ำ เขาจึงเดินอ้อมจากอีกด้านตามไปทันทีชายหนุ่มคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็จัดการทำธุระส่วนตัว ส่วนชินดนัยก็ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเพื่อรออีกฝ่ายอย่างใจเย็น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นเดินมาล้างมือในอ่างท
จันทร์เจ้ากลอกตามองเพดาน ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างหยอกเย้าจากเลขาฯ รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กัน เธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ"ไม่รีบเข้าไป เดี๋ยวท่านประธานก็ออกมาตามด้วยตัวเองอีกหรอก"นันทิดาพูดจบก็หัวเราะคิกคัก เพราะท่านประธานหนุ่มไม่เคยปิดบังความรู้สึกที่ตนมีต่อเลขาฯ ส่วนตัวคนนี้สักนิด ช่วงแรกที่จันทร์เจ้าคบหากับท่านประธานก็มีเพียงคนกันเองอย่างพวกตนที่เป็นเลขานุการด้วยกันเท่านั้นที่รู้แต่หลังจากที่มีโปรแกรมเมอร์หนุ่มคนใหม่เข้ามาทำงานที่บริษัทแล้วแสดงออกว่าสนใจเลขาฯ ของท่านประธานจนถึงขนาดเอ่ยปากชวนไปเลี้ยงข้าวกลางวัน ซึ่งพอเรื่องนี้เข้าหูผู้เป็นเจ้านายอย่างชินดนัย ท่านประธานหนุ่มก็แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างออกนอกหน้าทันทีโดยไม่สนใจว่าพนักงานคนอื่นจะมองอย่างไรทั้งเดินจูงมือจันทร์เจ้า บางคราวก็โอบไหล่โอบเอว แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามเอ่ยปากเตือนหลายครั้งแต่ท่านประธานก็ยังคงทำตามใจตัวเองเรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว และพนักงานทุกคนก็รับรู้กันถ้วนหน้าว่าท่านประธานกับเลขาฯ ส่วนตัวนั้นกำลังคบหาดูใจกันอยู่ นานวันเข้าจากที่ทุกคนเคยตื่นเต้นกับเรื่องนี้ก็เร
ในเช้าวันทำงานอันแสนวุ่นวาย จันทร์เจ้าค่อย ๆ เคลื่อนรถไปบนท้องถนนอย่างเชื่องช้าเพราะการจราจรติดขัดอย่างผิดปกติ หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายพลางคิดในใจว่าข้างหน้าคงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ เธอมองเวลาบนแผงคอนโซลหน้ารถ อีกแค่สิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว แต่ตอนนี้เธอยังไม่ครึ่งทางเลยด้วยซ้ำจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทร. ไปบอกชายหนุ่มผู้ซึ่งพ่วงทั้งตำแหน่งเจ้านายและชายคนรักว่าตนคงเข้าทำงานสาย"อุ๊ย! แย่จริง" จันทร์เจ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อโทรศัพท์เกิดหลุดมือหล่นไปอยู่ใกล้เท้า เธอมองทางข้างหน้า เห็นว่ารถยังคงเคลื่อนตัวไปได้อย่างเชื่องช้าจึงเหยียบเบรกค้างไว้ครึ่งเดียวเพื่อชะลอความเร็วรถก่อนจะก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือกึก!"อุ๊ยตายแล้ว!" หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าชั่วเสี้ยววินาทีที่ตนละสายตาจากท้องถนนเพื่อก้มเก็บโทรศัพท์นั้นจะส่งผลให้รถของเธอชนเข้ากับรถคันหน้าเข้าจนได้ แม้จะไม่รุนแรงเพราะรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่ต่างจากคลาน แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเธอเป็นฝ่ายผิดที่ไปชนเขาก่อนรถคันหน้าจอดนิ่งพร้อมกับเปิดไฟกะพริบ จากนั้นประตูฝั
จันทร์เจ้าเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ทำไมหรือคะ พี่ชินเจออะไรมาหรือ"ชินดนัยถอนหายใจแผ่วก่อนจะตัดสินใจเล่าให้หญิงสาวฟัง หลังจากเล่าจบเขาก็พูดขึ้นว่า"ตอนแรกพี่ว่าจะไม่บอกจันทร์ เพราะเดี๋ยวจันทร์จะหาว่าพี่ขี้ฟ้อง คิดเล็กคิดน้อยกับเพื่อนของจันทร์ แต่มาคิดดูอีกที เพื่อนแบบนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า""ช่างเขาเถอะค่ะ จันทร์เลิกใส่ใจเรื่องของวีวี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ปล่อยให้เขาแข่งไปคนเดียวเถอะ"ชายหนุ่มยิ้มละไมเพราะคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้"พรุ่งนี้เจอกันที่จุดนัดพบตรงปั๊มน้ำมันนะ อย่าตื่นสายล่ะ"ชายหนุ่มแกล้งเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าจันทร์เจ้าไม่ใช่คนตื่นสาย เธอยู่หน้าใส่ชายหนุ่มแล้วใช้นิ้วจิ้มแก้มเขาไม่แรงนักก่อนพูดว่า"บอกตัวเองเถอะค่ะ จันทร์ว่ารถจันทร์ไปถึงก่อนทุกคนแน่นอน"สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว ทั้งสามบ้านจึงนัดกันไปเที่ยวทะเลปราณบุรี ต่างคนต่างขับรถไปบ้านใครบ้านมันโดยยึดเอาปั๊มน้ำมันใหญ่ตรงถนนวิภาวดีเป็นจุดนัดพบ"จะรอดูคนขี้คุย โอเคครับพรุ่งนี้เจอกัน"ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปจูบหญิงสาวเป็นการลาเมื่อถึงห
"ฉันยังไม่แจกตอนนี้ รอนังวีวี่มาก่อน นี่ฉันอุตส่าห์บอกมันว่านัดกันตอนหกโมงครึ่งนะเนี่ย แต่นี่ปาไปทุ่มครึ่งแล้วนางยังไม่เสด็จมา ใครก็ได้จุดธูปเรียกมันหน่อยซิ"ทันทีที่ไปรมาพูดจบ ประตูห้องวีไอพีที่จัดเลี้ยงก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างระหงในชุดเดรสรัดรูปสีดำ เจ้าตัวเยื้องย่างเข้ามาในห้องราวกับนางพญาโดยไม่ยอมสบตาใคร เมื่อถึงเก้าอี้ว่างก็วางกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังที่หลายคนรู้ดีว่าราคาไม่ต่ำกว่าสามแสนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยกวาดตามองทุกคนทั้งรอยยิ้มเรียวปากสีสดของวรัชยาค่อย ๆ หุบลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบา"พี่ชิน" สายตาของวรัชยาเบนไปที่หญิงสาวข้างกายเขา "ยายจันทร์""โอ๊ยหล่อน เปิดตัวมาแบบรัชดาลัยเธียเตอร์มาก เขานัดกันหกโมงครึ่งแต่หล่อนเพิ่งมาเอาป่านนี้ โหงพรายที่หล่อนเลี้ยงไว้เพิ่งกระซิบบอกรึไงยะ" เพื่อนที่เป็นสาวประเภทสองคนหนึ่งอดแขวะวรัชยาไม่ได้"ฉันก็ต้องมีติดธุระกันบ้างสิ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นพนักงานประจำเหมือนพวกเธอนะ ฉันมีธุรกิจส่วนตัวก็รู้ ๆ กันอยู่"วรัชยาพยายามวางตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะชายห